บทที่ 154: ท่านกำลังตามหาใคร?

-A A +A

บทที่ 154: ท่านกำลังตามหาใคร?

เพื่อที่จะส่งข้อความถึงเหล่าสัตว์ป่าที่ติดตามมา เจ้าส้มจึงวิ่งสุดกำลังไปถ่ายทอดข้อความแล้ววิ่งกลับมาเต็มแรง นอกจากนี้มันยังต้องหลบเลี่ยงเด็กและพวกสุนัขน่ารำคาญระหว่างทางอีก

ถ้ามู่ไป๋ไป่ไม่ได้เป็นจ้าวอสูร มันคงไม่มีทางทำงานชั้นต่ำพวกนี้แน่นอน!

เมื่อคนตัวเล็กเห็นเจ้าแมวอ้วน เธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนลืมนำอาหารมาให้มัน เธอจึงกลอกตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะรีบคว้าขนมที่เธอห่อกลับมาซึ่งคิดเอาไว้ว่าจะเก็บไว้กินหลังมื้ออาหารพรุ่งนี้มายื่นให้อีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มกว้าง

 “นี่ไงเจ้าส้ม ข้าจะบอกให้นะว่าขนมนี้อร่อยมาก มันเหมือนกับที่เรากินในวังหลวงทุกประการเลย” มู่ไป๋ไป่แอบรู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่พอคิดว่าเจ้าส้มจะต้องส่งเสียงตะโกนโวยวายหลังจากที่รู้ว่าเธอไม่ได้เตรียมอาหารมาให้มันตามที่สัญญาไว้ เธอจึงคิดว่านี่เป็นการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่

เจ้าแมวจอมตะกละแกะกระดาษห่อขนมออกแล้วกัดขนมกินขณะที่มันถามขึ้นมาว่า “แล้วของอย่างอื่นล่ะ มู่ไป๋ไป่ ข้าผู้นี้ยอมวิ่งวุ่นทำงานเกือบทั้งวัน เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะยอมให้เจ้าเอาขนมแค่นี้มาแลกได้นะ!” 

มู่ไป๋ไป่เด็กหญิงยิ้มอย่างรู้สึกผิด “จะเป็นไปได้อย่างไร? ตอนที่ข้าออกไปเดินเล่น ข้าพบว่าไม่มีอะไรน่ากินเลย” 

 “เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปด้วย แล้วข้าจะซื้ออาหารอร่อย ๆ ตามที่เจ้าต้องการ” 

 “ตอนนี้เรามีเงิน เราจะซื้ออะไรก็ได้ตามที่ใจนึก!” 

เจ้าส้มหรี่ตาลง ยกอุ้งเท้าขึ้นแล้วส่งเสียง “แง้ว!” ก่อนที่มันจะผุดลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ “มู่ไป๋ไป่ เจ้ามันใจร้าย! เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าเจ้าลืมข้า เจ้ายังมีหน้ามาโกหกข้าอีก!” 

 “ดูสิว่าท้องของเจ้านั้นป่องมากเพียงใด!” 

 “ถ้าไม่มีอาหารอร่อยเจ้าจะกินจนอิ่มขนาดนี้ได้อย่างไร?” 

 “แล้วข้าก็ได้กลิ่นอาหารด้วย!” 

แมวตัวใหญ่เริ่มโวยวายประท้วงด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง

มู่ไป๋ไป่ไม่คาดคิดว่าจะได้พบมันทันทีที่กลับมาถึงห้องพัก แล้วมันก็ยังจับคำโกหกของเธอได้เพราะหน้าท้องที่พองโตด้วย 

ในขณะที่มนุษย์ 1 คนกับแมว 1 ตัวกำลังโต้เถียงกันอยู่ในห้อง ที่ชั้นล่าง เซียวถังอี้ซึ่งกำลังงีบพักสายตาอยู่ลืมตาขึ้นด้วยความไม่พอใจ “เจ้าตัวเล็กนี่ดึกดื่นไม่ยอมนอน แล้วยังเอะอะเสียงดังรบกวนการนอนของคนอื่นอีก” 

 “ท่านคิดว่าเสียงมันดังมากเลยหรือ?” อวี้เซิ่งที่กำลังนั่งอยู่ริมหน้าต่างเงยหน้าชมจันทร์หันกลับมามองคนบ่น “ข้าคิดว่าท่านคงชอบองค์หญิงหกมาก” 

เด็กหนุ่มเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยหางตา “ทำไมท่านยังอยู่ในห้องของข้า ไม่กลับห้องตัวเองไปล่ะ?” 

 “เอาน่า ท่านอย่าใจร้ายนักเลย” นักฆ่าหนุ่มพูดพลางเรอออกมาทีหนึ่ง “อย่างไรเสีย ท่านเองก็เบื่อเหมือนกัน ข้าอยู่กับท่านที่นี่มันไม่ดีกว่าหรือ?” 

 “ไม่ ข้าไม่ได้อยากให้ใครอยู่เป็นเพื่อนข้า” เซียวถังอี้หรี่ตาลง “อีกอย่าง ท่านลากข้าไปดื่มตั้งแต่ข้าออกจากเมืองหลวง แล้วท่านก็ยังไปพูดคุยกับคนอื่นแบบที่ไม่เคยทำในเมืองหลวงมาก่อนอีก” 

 “อวี้เซิ่ง ท่านกำลังตามหาใครอยู่หรือ?” 

แสงจันทร์ที่สาดส่องมาทางหน้าต่างต้องไปทั่วร่างของชายหนุ่ม ทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาดูโดดเดี่ยว “คุณชายเซียว ท่านเดาผิดแล้ว ข้าไม่ได้มีแผนอะไร” 

 “อวี้เซิ่ง ท่านปิดบังข้าไม่ได้หรอก” เด็กหนุ่มกล่าวพร้อมกับลุกขึ้นจากเตียง “มีข่าวลือในยุทธภพว่านักฆ่าอันดับ 1 ในใต้หล้าไม่ได้มีคนเดียว แต่เป็น 2 พี่น้อง” 

 “เพียงเพราะว่าทั้ง 2 เป็นฝาแฝดกันจึงทำให้ทั้งคู่ดูเหมือนกันมาก พวกเขา 2 คนจึงเป็นเหมือนคนคนเดียวกัน” 

 “อวี้เซิ่ง ท่านกำลังตามหาฝาแฝดอยู่หรือ?” 

สิ้นเสียงพูด ไหสุราก็พุ่งเข้ามาหาเขาในทันใด 

เซียวถังอี้คว้าจับไหสุราไว้แน่นก่อนจะยกสุราที่เหลือขึ้นดื่ม “ข้าเดาถูกสินะ” 

 “ท่านเดาผิด!” อวี้เซิ่งเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยหางตาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วลงจากขอบหน้าต่างพร้อมกับสบถยืดยาว “ถ้าตอนกลางคืนข้าไม่ได้อยู่ที่นี่จะทำเช่นไร ท่านว่างมากนักหรือถึงได้มาคอยจับผิดคนอื่น?” 

หลังจากพูดเช่นนั้นเสร็จเขาก็เปิดประตูออกไปทันที

เด็กหนุ่มเจ้าของห้องมองร่างที่หายลับไปที่ขอบประตู ไม่นานเขาก็ถอนหายใจออกมา “เฮ้อ เดิมทีข้าอยากจะบอกเกี่ยวกับเรื่องฝาแฝดของท่าน แต่ในเมื่อข้าเดาผิดก็ช่างมันเถอะ” 

แล้วอึดใจต่อมา คนที่หายลับตาไปก็กลับเข้ามาทางประตูอย่างรวดเร็ว

อวี้เซิ่งมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าแข็งทื่อ “ท่านมีข่าวของเขาเช่นนั้นหรือ?” 

 “ท่านไม่ได้บอกเองหรือว่าท่านไม่ได้ตามหาใคร?” เซียวถังอี้ถามกลับ

 “ข้าโกหกท่าน” นักฆ่าหนุ่มรู้ถึงนิสัยแย่ ๆ ของคนตรงหน้าดี แล้วเขาก็ไม่ได้เหนียมอายอีกต่อไป เขารีบลากเก้าอี้เข้าไปหาอีกคนโดยตรง พร้อมกับพูดว่า “คนของท่านมีอยู่ทั่วทุกมุมโลก หากท่านบอกว่าท่านมีข่าวเกี่ยวกับเขา แสดงว่าท่านจะต้องมีจริง ๆ” 

 “ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?” 

เซียวถังอี้เขย่าไหสุราในมือเบา ๆ พลางกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าข่าวลือที่มีกระจายอยู่จะเป็นเรื่องจริง แต่ท่านเป็นอวี้เซิ่งคนพี่ หรืออวี้ฉีคนน้องล่ะ?” 

 แววตาของอวี้เซิ่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เม้มปาก “มันไม่สำคัญว่าข้าจะเป็นใคร สิ่งสำคัญก็คือนักฆ่าอันดับ 1 ในใต้หล้าทำงานเพื่อฝ่าบาทเท่านั้น” 

พอเด็กหนุ่มเห็นว่าชายตรงหน้าไม่ยอมพูดอะไรไปมากกว่านี้ เขาก็เลิกอ้อมค้อมแล้วตอบไปตามตรงว่า “คนของข้าเพิ่งเจอคนที่หน้าตาดูเหมือนท่าน แต่ข้าก็ไม่แน่ใจว่าคนคนนั้นเป็นฝาแฝดของท่านหรือไม่?” 

ดวงตาของอวี้เซิ่งเป็นประกาย ในขณะที่มือของเขาสั่นน้อย ๆ ด้วยความตื่นเต้น “เขาอยู่ที่ไหน!?” 

 “เมืองชิงหยาง” เซียวถังอี้เงยหน้าขึ้นมองตรงไปที่อีกฝ่าย “ในจวนตระกูลจิน” 

 “...” 

วันรุ่งขึ้น ขณะที่มู่ไป๋ไป่กำลังหลับสบาย เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดันลั่นจากข้างนอก ราวกับว่ามีคนจำนวนมากกำลังวิ่งค้นหาบางสิ่งไปรอบ ๆ โรงเตี๊ยม

 “เกิดอะไรขึ้น?” คนตัวเล็กขยี้ตา “ทำไมข้างนอกถึงเอะอะเสียงดังกันขนาดนี้?” 

หลัวเซียวเซียวที่กำลังมองลงไปยังชั้นล่างจากหน้าต่าง เมื่อได้ยินเสียงของมู่ไป๋ไป่ นางก็รีบปิดหน้าต่างแล้วเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายเงียบ ๆ “องค์หญิงหก หม่อมฉันเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จู่ ๆ ก็มีคนของทางการจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่ชั้นล่างเพคะ” 

 “คนของทางการ?” ตอนนี้สมองของมู่ไป๋ไป่ยังคงตื่นไม่เต็มที่ และขณะที่เธอกำลังจะถามว่าคนของทางการมาทำอะไรที่นี่ ก็เป็นเวลาเดียวกับที่เจ้าส้มอ้าปากหาว ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “ข้าจำได้ว่าตอนที่ข้ากลับมาครั้งที่แล้ว ดูเหมือนว่าจะมีคนตายอยู่ที่นอกเมือง” 

 “คนของศาลาว่าการพวกนั้นคงมาที่นี่เพื่อตรวจสอบเรื่องของชายที่เสียชีวิตเมื่อคืนนี้” 

 “มีคนตายหรือ?” เด็กหญิงที่ได้ยินดังนั้นก็ตื่นเต็มตาทันที

หลัวเซียวเซียวไม่เข้าใจคำพูดของเจ้าส้ม แต่แค่ดูสีหน้าท่าทางขององค์หญิง นางก็คาดเดาได้ทันที และกระซิบเสียงเบาว่า “ไม่แปลกใจเลยเพคะ หม่อมฉันเห็นว่าคนของทางการพวกนั้นค้นหาจนทั่วโรงเตี๊ยม ที่แท้ก็มีคนตายนี่เอง” 

มู่ไป๋ไป่คิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะสั่งให้อีกฝ่ายช่วยเธอเปลี่ยนเสื้อผ้า เสร็จแล้วพวกเธอก็เดินลงไปดูที่ชั้นล่าง

บริเวณชั้นล่าง คนของศาลาว่าการกำลังซักถามเถ้าแก่

 “เถ้าแก่ เจ้าบอกว่าเมื่อวานนี้ผู้ตายมาดื่มชาที่นี่” 

เถ้าแก่มีเหงื่อซึมออกจากหน้าผาก “ตามปกติแล้วมีคนเข้าออกที่โรงเตี๊ยมทุกวัน ทำให้ยากที่จะสังเกตและจดจำผู้คนได้” 

 “แต่ที่ข้าจำเขาได้เป็นเพราะว่าเมื่อวานผู้ชายคนนี้ทะเลาะกับใครบางคนในร้าน แต่นางเป็นเพียงเด็กผู้หญิงจากครอบครัวธรรมดา นางไม่มีทางฆ่าใครแน่นอน” 

 “ส่วนอีกคนหนึ่งที่เขาทะเลาะด้วยก็เป็นบุตรชายของนับดาบหิรัณย์…” 

มู่ไป๋ไป่ชะงักฝีเท้าของตัวเอง ก่อนจะครุ่นคิดในใจ

อีกฝ่ายพูดถึงคนที่เรื่องกับพวกเธอเมื่อวานนี้หรือ?

หรือว่าคนผู้นั้นเสียชีวิตไปแล้ว?

 “ทำไมเจ้าไม่รีบบอกข้าตั้งแต่แรก!” คนของทางการเขม็งมองเถ้าแก่โรงเตี๊ยม “นี่เจ้าต้องให้ข้าถามซ้ำก่อนหรือถึงจะยอมสารภาพออกมา เจ้าพยายามขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างนั้นหรือ!?” 

 

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: หืมมม อวี้เซิ่งมีพี่น้องฝาแฝดด้วยเหรอเนี่ย แล้วอยู่ดี ๆ ก็เกิดคดีฆาตกรรมซะงั้น เรื่องนี้มีเงื่อนงำ!

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Right Reserved.