บทที่ 102 สามพี่น้องเข้าสู่เกม

-A A +A

บทที่ 102 สามพี่น้องเข้าสู่เกม

บทที่ 102 สามพี่น้องเข้าสู่เกม

“นี่นายเป็นคนช่วยพวกเราเอาไว้งั้นเหรอ?” ฮั่นจงถามขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อเมื่อได้เห็นลู่หยางขว้างมีดบิน 3 เล่มโดนเข้าจุดสำคัญของนักฆ่าทั้งสามคนอย่างแม่นยำ

“ตอนนั้นผมตกใจมาก ผมก็เลยลองขว้างมีดออกไป ผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นแบบนี้” ลู่หยางพูดโกหก

ฮั่นอิ่งเดินออกมาจากห้องอย่างตกใจ เมื่อสักครู่เธอได้ยินเสียงการต่อสู้แถว ๆ ประตูเธอจึงตั้งใจจะวิ่งเข้ามาช่วยพ่อ แต่ไม่คิดเลยว่าก่อนที่เธอจะมาถึงลู่หยางจะช่วยพ่อของเธอให้คลี่คลายสถานการณ์ได้แล้ว

“ขอบคุณค่ะพี่ลู่หยาง” ฮั่นอิ่งกล่าว

เมื่อได้ยินเสียงพี่สาว ฮั่นเฟยกับฮั่นอวี่ก็ได้สติ สองฝาแฝดจึงโค้งคำนับลู่หยางพร้อม ๆ กัน

“ขอบคุณครับพี่ลู่หยาง”

ฮั่นจงก็รู้สึกซาบซึ้งจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมาเหมือนกัน เพราะเพื่อทำการช่วยเหลือครอบครัวพวกเขาเอาไว้ ลู่หยางจึงจำใจจะต้องทำการฆ่าคนไปถึงสามคน

“ลู่หยาง แถวนี้พอจะมีภูเขาร้างไหม? เอาแบบที่คนปกติไม่ค่อยมีใครไปกันน่ะ”

“แถว ๆ นี้มีอยู่ลูกหนึ่งครับ” ลู่หยางตอบ

สถานที่ที่เขาอยู่เป็นหมู่บ้านบริเวณชานเมือง ซึ่งห่างออกไปไม่ไกลมันก็มีภูเขาลูกใหญ่อยู่ลูกหนึ่ง

“ดี ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยหากระสอบกับจอบให้ฉันหน่อย พวกเราจะเอามันไปฝังบนภูเขา” ฮั่นจงกล่าว

ในบ้านของลู่หยางมีอุปกรณ์พวกนี้อยู่พอดี หลังจากยัดศพทั้งสามลงไปในกระสอบแล้วพวกเขาก็เดินทางไปขุดหลุมบนภูเขา

“ลู่หยางไม่ต้องกลัว ถ้าหากว่ามันมีเรื่องขึ้นมาทีหลัง ลุงจะสารภาพว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของลุงเอง คนพวกนี้มันมีแต่คนชั่ว ดังนั้นนายไม่จำเป็นจะต้องรู้สึกไม่ดี” ฮั่นจงกล่าวขณะกลบดินฝังศพ

ลู่หยางเผยรอยยิ้มขึ้นมาภายในใจ เพราะชาติก่อนเขาเคยฆ่าคนพวกนี้จนเลิกนับศพไปแล้ว แต่เนื่องมาจากการเกิดใหม่เขาจึงจำเป็นจะต้องแสดงละครว่ารู้สึกหวาดกลัวกับความผิด

“เราเอาศพพวกมันมาฝังแล้ว ไม่น่าจะมีใครมาเจอศพของพวกมัน ในเมื่อศัตรูตายไปแล้วช่วงนี้อาจารย์ก็พักฟื้นอยู่ที่บ้านของผมสักพักเถอะครับ ถ้าคุณกลับไปในตอนนี้มันจะยิ่งทำให้พวกนั้นรู้สึกสงสัย” ลู่หยางกล่าว

การที่ฮั่นจงและลูก ๆ หายตัวไปจะทำให้อีกฝ่ายคิดว่าพวกเขาหนีเข้าไปหลบซ่อนภายในป่า อย่างน้อยศัตรูก็จะไม่คิดว่าคนที่ถูกส่งมาถูกจัดการไปแล้ว ซึ่งมันก็จะทำให้ฮั่นจงมีเวลาพักฟื้นไปอีกสักระยะ

เหตุการณ์ในคืนนี้ทำให้ทั้งสามพี่น้องรู้สึกซาบซึ้งต่อลู่หยางมากยิ่งขึ้น และพวกเขาก็มองว่าลู่หยางเป็นพี่ชายที่พวกเขาพึ่งพาได้ ทั้งสามจึงมองไปที่ฮั่นจงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง

“ก็ได้ ลุงจะพักอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพัก” ฮั่นจงกล่าวเพราะเขาก็รู้ว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่เขาจะได้มีเวลาพักฟื้น

“เยี่ยม!” สามพี่น้องพูดขึ้นมาพร้อมกัน

“ต่อไปนี้พวกคุณก็พักผ่อนกันไปก่อน ส่วนเรื่องอื่น ๆ เดี๋ยวผมจะจัดการให้เอง” ลู่หยางกล่าวอย่างดีใจ

ในที่สุดดวงอาทิตย์ก็เริ่มพ้นฟากฟ้า ทุกคนที่เหนื่อยล้าจากเหตุการณ์เมื่อคืนจึงทิ้งตัวลงนอนไปบนเตียง

ลู่หยางปูที่นอนลงบนพื้นพร้อมกับนอนหลับพักผ่อนไปด้วยเช่นเดียวกัน กว่าที่เขาจะตื่นขึ้นมามันก็เป็นเวลาช่วงบ่ายแล้ว

“แป๊บนึงขอเล่นก่อน เกมนี้โคตรสนุกเลย”

“ขอฉันเล่นบ้างสิ นายเล่นมาชั่วโมงหนึ่งแล้วนะ!”

ลู่หยางตื่นขึ้นมาเพราะเสียงทะเลาะของสองพี่น้อง เมื่อเขาลืมตาชายหนุ่มก็ได้พบว่าฮั่นเฟยกำลังสวมหมวกเสมือนจริงของเขาอยู่

ฮั่นอิ่งก็กำลังมองหมวกเสมือนจริงอย่างสนใจ เมื่อเธอเห็นลู่หยางตื่นเธอจึงรีบดึงแขนฮั่นอวี่ก่อนจะช่วยกันถอดหมวกออกจากหัวของฮั่นเฟย

“ถอดทำไม?! ฉันกำลังตีมอนสเตอร์อยู่เลย ถ้าถอดหมวกออกมาแบบนี้ฉันก็โดนมอนสเตอร์ฆ่าตายน่ะสิ” ฮั่นเฟยบ่น

“ไม่ต้องห่วงหรอก ก่อนที่มอนสเตอร์จะทันได้ฆ่านาย คนรอบรอบตัวของนายก็คงจะฆ่ามันไปก่อนแล้ว” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เมื่อฮั่นเฟยสังเกตเห็นลู่หยาง เขาก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกรงใจ 

“ขอโทษครับที่ผมเอาหมวกเกมของพี่ไปเล่นโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน”

ฮั่นอิ่งกับฮั่นอวี่ก็แสดงสีหน้าสำนึกผิดออกมาด้วยเหมือนกัน

ลู่หยางไม่ได้ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยพวกนั้น ก่อนที่เขาจะถามว่า

“เกมนี้เป็นยังไงบ้าง?”

“สนุกครับ/ค่ะ!” ทั้งสามคนพูดพร้อมกัน

เหตุการณ์นี้ทำให้ลู่หยางตกใจเล็กน้อย เพราะในชาติก่อนเขาเคยเสนอให้ทั้งสามเล่นเกมเพื่อหาเงินแต่ไม่มีใครสนใจจะเล่นเกมเลย แต่ในตอนนี้พวกเขากลับบอกว่าเซคคัลเวิลด์สนุกซะอย่างอย่างนั้น

อย่างไรก็ตามเมื่อชายหนุ่มลองนึกดูเขาก็พบว่าทุกสิ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะในตอนนั้นฮั่นจงสูญเสียแขนไป ส่วนสามพี่น้องก็โตกว่าตอนนี้มากแล้ว ทุกคนจึงเคยชินกับการระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา และพวกเขาก็ไม่มีทางยอมเล่นเกมที่ต้องอยู่นิ่ง ๆ เป็นเวลากว่า 10 ชั่วโมง

ในทางกลับกันสถานการณ์ในตอนนี้แตกต่างจากในชาติก่อนอย่างสิ้นเชิง เพราะสามพี่น้องเพิ่งจะเป็นเด็กอายุ 13-14 ปี และตอนนี้พ่อของพวกเขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บเหมือนกับในชาติก่อน เมื่อสภาพแวดล้อมไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงอันตราย ทั้งสามจึงแสดงนิสัยไม่ต่างจากเด็กวัยรุ่นทั่วไปออกมา

“ถ้าอย่างนั้นพี่จะซื้อหมวกให้ทุกคนเองแล้วจะพาทุกคนเล่นเกมนี้ไปด้วย” ลู่หยางกล่าว

“จริงเหรอครับ!?” ฮั่นเฟยถามอย่างตื่นเต้น แต่ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็หม่นหมองลงอย่างรวดเร็ว

“ไม่เอาดีกว่าครับ หมวกนี่มันคงแพงมากแน่ ๆ”

“พวกเราแค่ดูพี่เล่นก็พอแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องซื้อให้พวกเราหรอก” ฮั่นอิ่งกล่าว

“พวกเราไม่เล่นดีกว่าครับ อีกไม่นานพ่อก็ต้องไปทำงานแล้ว พวกเราก็ต้องไปช่วยแบ่งเบาภาระจากพ่อด้วย” ฮั่นอวี่กล่าว

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต มันก็ยิ่งทำให้ลู่หยางเจ็บปวดใจ เพราะเขารู้ดีว่าพี่น้องทั้งสามจะต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหนกับงานที่พวกเขาต้องทำ

“หมวกพวกนี้ไม่แพงหรอกแค่ใบละ 500 เครดิตเอง ถ้าพวกเธออยากหาเงินก็ลองเข้าไปเล่นเกมดูสิ ฉันขอบอกเลยนะว่าเกมนี้หาเงินได้เร็วกว่าในโลกแห่งความเป็นจริงอีก” ลู่หยางกล่าว

“เล่นเกมมันหาเงินได้ด้วยเหรอ?” ฮั่นอิ่งถามอย่างประหลาดใจ

“ได้สิ พวกเธอรอที่นี่กันก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะไปซื้อหมวกเล่นเกมมาให้ ส่วนวิธีการหาเงินพี่จะค่อย ๆ สอนให้ทีหลัง” ลู่หยางกล่าว

พี่น้องทั้งสามต่างก็มองหน้ากันอย่างปรึกษา และในที่สุดความอยากรู้อยากเห็นก็เอาชนะความระแวดระวังภายในใจของทุกคนได้ สามพี่น้องจึงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

ลู่หยางเดินไปกดเงินพร้อมกับโทรไปหาพ่อแม่ว่าทุกคนยังปลอดภัยดี จากนั้นเขาก็เดินไปร้านหน้ามหาลัยเพื่อซื้อหมวกเล่นเกมมาเพิ่มอีกสามใบ

หลังจากที่เขากลับมาที่บ้านพี่น้องทั้งสามต่างก็ดีใจมาก ทุกคนถือหมวกเล่นเกมของตัวเองไว้อย่างทะนุถนอม ก่อนที่พวกเขาจะเข้าเล่นเกมได้สำเร็จ

พี่สาวฮั่นอิ่งเลือกเล่นเป็นวอลอค, ฮั่นเฟยน้องชายคนรองเลือกเล่นเป็นโจร และน้องชายคนเล็กฮั่นอวี่เลือกที่จะเล่นเป็นนักธนู

ในที่สุดลู่หยางก็ได้พบกับพี่น้องทั้งสามในจัตุรัสกลางเมือง เขาจึงพูดคุยกับทั้งสามว่า

“พวกเธอลองเดินเล่นรอบ ๆ ก่อนแล้วอีกเดี๋ยวพี่จะพาไปเก็บเลเวล”

ลู่หยางอยากจะให้ทั้งสามเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของตัวเกมก่อน ไม่อยากจะพาทั้งสามไปเก็บเลเวลเลย เพราะหากทำแบบนั้นบางทีมันก็อาจจะทำให้ทั้งสามไม่รู้ว่าเกมนี้มันสนุกตรงไหน

“ได้ครับ/ค่ะ” ทั้งสามคนพูดด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะวิ่งออกไปเที่ยวอย่างมีความสุข

ลู่หยางมองดูทั้งสามด้วยรอยยิ้มเพราะอย่างน้อยในชาตินี้ทั้งสามก็มีเวลาได้แสดงความเป็นเด็กของตัวเองออกมา ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ก่อนที่เขาจะได้พบว่ามันเป็นการติดต่อเข้ามาของชิงเฟิง

 

 


งื้ออออ พี่หยางอบอุ่นสุด ๆ ว่าแต่ชิงเฟิงจะมาขอความช่วยเหลืออะไรอีกน๊อ?

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.