2. จับผิด
เธอกำลังเข้าใจผิด
-------------------------
หญิงสาวขอให้สิระแวะไปคอนโดแห่งหนึ่งย่านสาธรแถบริมแม่น้ำเจ้าพระยา สิระจอดรถและขอนั่งรออยู่ในรถตรงลานจอด ปล่อยให้เธอลงไปทำธุระ ... ไม่นานเธอเดินกลับมาขึ้นรถ
“คอนโดนี้...ผมเคยมาพัก” เขาเปรย ขณะมุกวารีก้าวเข้ามานั่งตรงเบาะข้าง เธอไม่พูดถึงธุระที่มาสถานแห่งนี้ ซึ่งเขาแอบแปลกใจ แต่เธอกลับเฉไฉ...เหน็บแหนม
“OK??? โอเค ไปกันเลย คงรู้จัก my new dad’s place บ้านพ่อใหม่ฉันดี!!!”
“ขอเถอะ...ผมแวะมากินข้าวกับคุณอา ท่านแค่ให้ผมมาตรวจสอบ ไม่ได้มาจับผิดใคร” เขาขอร้อง... อย่างรำคาญ
เขารู้สึกว่าการปะทะกันครั้งแรก ส่งผลต่อการรู้จักตัวตนของอีกฝ่าย แต่มันคือพลังงานลบ เขาไม่อยากเก็บเอาขยะเรื่องไม่ดีไว้ในใจ
“Thanks so much… ขอบคุณมาก” มุกวารีรับรู้ว่าคำพูดดีๆ ของเขาทำให้เรื่องลบๆ ที่วนเวียนอยู่ในใจค่อยจางลง
เขาทำคิ้วขมวดกันขณะขับรถมองไปเบื้องหน้า ความสงสัยทำให้เขาต้องเอ่ยออกมา
“คุณแม่คุณกับน้องสาว ... ผมไม่เข้าใจ!!!” น้ำเสียงดูฉงน
“มีอะไรเหรอ...”
“หรือผมรู้สึกไปเอง...” เมื่อเช้าเขาเพิ่งพบทั้งสองคนในที่ห้องประชุมสิบห้านาทีก่อนที่มุกวารีจะเข้ามา
“ทั้งสองไม่ได้อยู่ข้างฉัน ใช่ไหม!!!” มุกวารีพูดตรงกับที่เขาคิดอยู่ในใจก่อนแล้ว
“Suspicious!!! ผมแค่สงสัย... ถ้าเป็นลูกค้า อาจเกิด conflict ข้อพิพาทฟ้องร้องตามมา”
“Umm อืม... of course, they blamed on me!!! แน่นอน ฉันกำลังถูกเพ่งเล็ง” หญิงสาวเริ่มตั้งสติ ต้องมีอะไรเงื่อนงำ
“...Victim, too bad!!! แย่แล้ว ฉันกำลังตกเป็นเหยื่อ” มุกวารีรีบยกฝ่ามือทั้งสองปิดปากที่โพล่งคำนี้ออกมา
“มีอะไรให้ผมช่วยไหม...” เขาสะดุ้งไปด้วยเมื่อชำเลืองด้านข้างเห็นหญิงสาวส่ายหน้า
“No…no… ไม่ ไม่” เธอตะกุกตะกัก เงียบทันใด
หญิงสาวนึกถึง อี้เฉิง หัวหน้าฝ่ายประมูลอัญมณีบอกเธอว่า เพชรสีฟ้าหายไปจากตู้เซฟในบริษัทแฟรงกี้ หวัง สองวันก่อนที่พ่อของเธอจะเสียชีวิต เขาสงสัยคุณนายของบริษัท เพราะมนวรามาขอรหัสเปิดตู้เซฟเพื่อจะเอาเพชรออกไปโชว์ให้ลูกค้าเศรษฐีจากดูไบที่ walk-in เข้ามาขอชมในร้านย่านเซ็นทรัล
เธอลืมไปเลยมัวแต่ยุ่งกับพิธีศพของพ่อซึ่งด่วนจากไปอย่างกระทันหัน และถูกเร่งรัดให้รวบรวมตัวเลขเพื่อปิดบัญชีงบดุล แล้วไหนยังต้องแจ้งการปิดบริษัทอย่างเป็นทางการ โดยให้บริษัทตรวจสอบบัญชีรับผิดชอบดำเนินการให้ทั้งหมด
สิระขับรถมาจอดที่โรงจอดรถหน้าคฤหาสน์ด้านซ้ายเลยจากตัวตึกใหญ่ เป็นส่วน parking ที่จัดไว้สำหรับแขกผู้มาเยือน
“ผมมาเร็วกว่าเวลานัดครึ่งชั่วโมง... เดินเป็นเพื่อนผมชมสวนด้านหลังบ้าน ผมมีเรื่องจะสอบถาม” เขาผายมือทำท่าเชิญชวน
“Ok… ฉันมีอะไรอยากคุยเหมือนกัน”
ขณะนี้สิระดูเป็นมิตรมากกว่าตอนเช้า ทำเธอแปลกใจ
“คุณเป็นลูกสาวคุณมนวราหรือครับ” น้ำเสียงเรียบเฉยกับคำถามนี้ ทำให้มุกวารีเข้าใจว่าเขาไม่อยากทำให้เธออึดอัด
“Ummh…อืม อ่า... เพื่อนสนิทคนหนึ่งเคยถามฉันแบบนี้!!!” เธอไม่รู้จะตอบยังไง
ตั้งแต่จำความได้เธอเห็นมนวราและแชรี่เป็นคนในครอบครัว โดยแฟรงกี้ หวัง คือหัวหน้าครอบครัวที่ดูแลทุกคนอย่างดี โดยเฉพาะกับมุกวารี เธอเหมือนนางฟ้าตัวน้อย...ลูกสาวที่เขาคอยปกป้องทุกครั้งจากอารมณ์ร้ายของมนวราซึ่งเธอเรียกว่า มัมมี้
ส่วนน้องสาวเธอคือคู่กัดในบ้าน ทุกครั้งที่มีเรื่องทะเลาะกัน ปะป๊าจะคอยแยกมุกวารีออกไป โดยให้ลุงจางหัวหน้าพ่อบ้านขับรถพาเธอออกไปเที่ยวทันที
“ไม่เป็นไร... ผมแค่สงสัย ที่เธอส่งข้อมูลให้ผม!!!” สิระเปรยออกมา เขาได้รับข้อมูลส่วนตัวของมุกวารี ... สงสัยว่ามนวราผู้เป็นแม่จะใส่ร้ายลูกของตนเองได้ขนาดนั้น
“แชรี่...น้องสาวคุณหรือครับ” สิระตั้งคำถามนี้ แต่เขาไม่คิดอยากได้คำตอบ เพราะสิ่งที่เขาสังหรณ์อยู่ คงน่าจะเป็นเช่นนั้น
“ค่ะ...ทำไมเหรอ” เธอทำตาโตทันทีที่เขาเอ่ยขึ้น
“ผมว่าเธอไม่น่าใช่คนในครอบครัวเดียวกัน”
“เธอดูไม่ใช่น้องสาวของคุณ!!!” คำพูดนี้ทำเธออึ้งไปชั่วครู่
“ไม่เป็นไร ถ้าไม่สบายใจ... จริงๆ ผมไม่ได้อยากเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวใคร”
“ค่ะ... นี่คือความจริงในครอบครัวฉัน ที่คุณยังรู้สึกเช่นนั้น” น้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจเอ่ออยู่รอบขอบตา
สิระหันไปมองแววตาของเธอ และจับมือเธอมาตบเบาๆ ให้กำลังใจ
“ผมขอไม่ก้าวล่วง... I don’t want to involve your family… ไม่ได้อยากยุ่งครอบครัวคุณ แต่ผมแปลกใจ”
“ผมเล่นละครเมื่อเช้าในที่ประชุม” เขากระซิบข้างหูเธอ
“Ah…ha!!! my goodness ฮ่า ตายจริง!!!... real roleplay ตีบทแตกเลย ทำฉันโมโหทั้งวัน!!!” เธออุทานจ้องหน้าชายหนุ่ม
“แล้วผมจะรู้หรือว่า...คุณเป็นคนแบบไหน”
เขาไม่อยากบอกความจริงว่า มนวราแม่ของเธอกล่าวหาสาวน้อยคนนี้อย่างไร เขายังเก็บรายละเอียดไว้ใน inbox กล่องลับในอีเมล์เป็นข้อมูลที่เขายังไม่ต้องการเปิดเผย ณ เวลานี้
ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา ขณะนี้หนึ่งทุ่มครึ่ง เขาจึงนำเธอเดินอ้อมไปยังหน้าตัวตึก เพื่อเข้าไปนั่งรอบริเวณโถงรับแขกก่อนเวลานัดหมาย
ครั้นได้เวลาสองทุ่มตรง ทั้งคู่เห็นภพธาราและมนวราเปิดประตูห้องเดินออกมายังทางเดิน เพื่อลงบันไดมาต้อนรับชายหนุ่ม มนวราจ้องหน้ามุกวารีตั้งแต่ตรงหัวบันไดชั้นบน
“สวัสดีค่ะ ...เอ้า มุก ออกมาคุยกับคุณสิระเหรอ” สาวใหญ่รับไหว้ชายหนุ่มผู้มาเยือน แต่แววตาไม่พอใจของนางชำเลืองไปมองมุกวารี
“ดินเนอร์นี้ แชรี่เธอขอไป join กับเพื่อนคนไทย เราคงทานกันแค่สี่คน เสียดายจังเธอน่าจะอยู่ทานด้วยกัน ได้คุยกับหนุ่มมาดดีคนนี้” นางเอ่ยถึงลูกสาวคนเล็ก มองหน้าสิระ แต่เหล่สายตาเฉยเมยมายังมุกวารี
ภพธาราและมนวราเดินนำไปยังห้องรับประทานอาหารด้านใน ถัดไปทางซ้ายของโถงรับแขก
“มา...มา สิระ วันนี้มีของอร่อยของเราด้วย” ภพธาราเอ่ย...คงรู้ว่าหลานชายชอบกินอะไร
ขณะเจ้าของคฤหาสน์กำลังเปิดประตูห้องอาหาร มัมมี้ของสาวน้อยหันหลังมาปะทะสายตา แล้วเหยียดมุมปากสั่งลูกสาวคนโตเบาๆ
“มุก...ไปบอกป้าสาลี่ ให้ตั้งโต๊ะเลย”
“ค่ะ... ขอตัวนะคะ” เธอมองหน้าสามีคนใหม่ของมัมมี้ ...ขออนุญาตคนหน้าเหลี่ยมยิ้มยาก เพื่อไปดูแลอาหารมื้อนี้ตรงห้องครัวด้านหลัง
หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องครัวซึ่งแยกออกไปทางด้านหลังของตัวตึก ขณะก้าวเข้าไปเธอเห็นภาพของแม่ครัวคนหนึ่งวัยห้าสิบเศษ กำลังสาละวนกับการจัดเตรียมอาหาร พร้อมลูกมืออีกสองคน
“ป้าคะ... คุณๆ พร้อมที่ห้องอาหารแล้วค่ะ” เธอบอกขณะเดินเข้าไปช่วยจัดเตรียมถาดเพื่อลำเลียงอาหาร
“คุณมุก...ไม่ต้องค่ะ เชิญที่ห้องทานอาหาร ตรงนี้ป้าจัดการเอง” แม่ครัวทำท่าปัดป้องไม่ให้หญิงสาวช่วย
“หนู...ไม่อยากไปทานข้างใน อยาก join กับทุกคนที่นี่มากกว่า” เธอไม่เคยมีมาดอะไร อยู่ที่บ้านยังกินข้าวกับลุงจางบ่อยๆ
“อย่านะคะ คุณมุก คุณผู้หญิงเห็นเข้า ป้าอาจถูกไล่ออกเลยนะ”
“... I don’t want to trouble you!!! เธอพึมพำ โอเค หนูไปล่ะค่ะ เธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ทำได้แค่เคารพความแตกต่างทางวัฒนธรรม
มุกวารีเดินกลับเข้ามายังห้องรับประทานอาหารของตัวบ้าน ผลักประตูเข้าไปเห็นโต๊ะอาหารแนวเรโทรสีขาว มีอุปกรณ์การรับประทานอาหารจัดเตรียมไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เธอได้ยินเจ้าบ้านกำลังสอบถามความเป็นไปในธุรกิจของก้องภพ...พ่อของชายหนุ่มอยู่
มนวรามองมุกวารีอย่างสะใจ ที่ได้กดหัวลูกสาวคนนี้ให้เหมือนคนรับใช้ นางพยักหน้าให้เธอเข้าไปนั่งฝั่งตรงกันข้ามกับสิระ มัมมี้ของสาวน้อยนั่งชิดกับเจ้าของคฤหาสน์ ซึ่งนั่งเป็นประธานอยู่หัวโต๊ะ
“สิระ เป็นไงบ้าง...ได้เรื่องไหม” ภพธาราถามสั้นๆ เพื่อให้มุกวารีได้รับรู้ พ่อคนใหม่ของเธอกำลังยกแก้วไวน์เขย่าในอุ้งมือเบาๆ ก่อนยกขึ้นดมกลิ่น
“ครับ...ผมให้ผู้ช่วยตรวจสอบ ส่งข้อมูลมาแล้วครับ ผมได้ส่งให้คุณมุกวารีไปเช็คอีกครั้ง” เขาแอบมองแววตาของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“ดีมาก...หลาน ช่วยกำกับให้อีกที ...แล้วจะอยู่นานไหม” พ่อคนใหม่ของมุกวารีมองหน้าเธอและหันกลับไปถามสิระ
“ครับ...ประมาณหนึ่งเดือน ผมต้องกลับไปสะสางอีกงานหนึ่งให้คุณพ่อ”
“ทำไม...ถึงไม่มาพักที่นี่ อาจะให้แม่บ้านจัดห้องให้” มนวราจ้องหน้าชายหนุ่ม
“คงไม่รบกวน...ผมกลับดึก อาจไม่กลับบางครั้ง” เขาหัวเราะฮึฮึ ขณะตอบกลับอาหญิงคนใหม่ของเขา
“โห... หนุ่มๆ สาวๆ สมัยนี้มีแต่งานสังสรรค์” มนวราหัวเราะร่า
“เพื่อนผมที่นี่ อยากเจอผมกันทุกคน เดือนหนึ่งคงหมดกับการตระเวนเที่ยวกับพรรคพวก...ครับ” ชายหนุ่มตอบมนวรา แต่สายตากลับจ้องไปที่หน้าของมุกวารี
“พรุ่งนี้ผมจะขอนัดคุณมุกอีกครั้งที่ห้องประชุมชั้นผู้บริหาร ผมมีอะไรชี้แจง” สิระแจ้งภพธารา และหันหน้าไปจ้องมุกวารี
“What time?... กี่โมงคะ”
“10 โมงครึ่งครับ” เขาตอบขณะสายตาแอบชำเลืองไปที่มนวรา
“ต้องให้อาไปด้วยไหม”
“คงไม่ต้องครับ ผมได้ข้อมูลจากคุณอาครบหมดแล้ว”
“อาจะให้แชรี่ไปช่วย เผื่อต้องการอะไรเพิ่มเติม”
“ไม่ครับ... ผมจะเคลียร์ตัวเลขบางรายการกับคุณมุกเอง เธอเป็นคนที่รู้เรื่องทั้งหมด” คำพูดของเขาทำให้มุกวารีแอบคิด เขาเป็นคนสองหน้าไหม...
คนเราทุกวันนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ... เธอพูดกับตนเอง Don’t trust anyone too much. Even the devil was once an angel.
‘อย่าได้ไว้ใจใครเกินไป แม้แต่ปีศาจยังเคยเป็นเทวดามาก่อน’
แม้แต่คนในครอบครัวเธอเอง มัมมี้เคยเป็นแม่ที่เลี้ยงดูเธอมา บางครั้งอาจร้ายบ้างก็ตาม แต่ตอนนี้นางเป็นพวกของพ่อคนใหม่ กลายเป็นคนอื่นที่เธอไม่สามารถฝากชีวิตหรือความหวังอะไรได้เลย
มื้อค่ำนี้เจ้าของคฤหาสน์เตรียมเมนูสตูเนื้อตุ๋นไวน์แดง ไว้ต้อนรับการมาเยือนของสิระ ภพธารารู้ใจว่าหลานชายคนนี้ชอบเมนูเด็ดนี้ เขาเคยมากินข้าวกับภพสิงขรลูกชายคนโตอยู่บ่อยๆ ก่อนครอบครัวของสิระจะย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ
“เอ่อ...สิระ เดือนหน้า เจ้า...สิงขร จะมาจากฮ่องกง อาให้มันกลับมาดูแลงานประมูลที่พนมเปญ เจอกันหน่อยดีไหม” ภพธารามองหน้าหลานชาย หัวเราะเบาๆ
“ครับ ผมยังไม่แน่ใจ ขอเช็คตารางงานกับคุณพ่อก่อน”
“ถ้าเจอกันก็ดี... ไม่ได้เจอกันนานแล้วนี่ ตั้งแต่เราย้ายไป”
“ได้ครับ แต่ยังไม่รับปากนะครับ”
“หนูมุก... ยังไม่ต้องกลับไปที่ฮ่องกง อยู่เจอ ภพสิงขร ก่อน เผื่อจะได้ช่วยงานนายคนนี้ หนูจะได้มีอะไรทำ”
“อี้เฉิง ต้องการให้หนูกลับไปตรวจอัญมณีทั้งหมด และยังพนักงานที่เรา... end the employment จบการจ้าง” เธอพูดภาษาไทยผิดๆ ถูกๆ บ้าง แต่พอเข้าใจ
“อัญมณีทั้งหมด อาได้บอกไปแล้ว ขอโอนมาที่บริษัทวงศ์ระวี” เสียงไม่พอใจของภพธาราทำให้มุกวารีสังหรณ์ใจ
“ถ้าโอนมาทั้งหมด คุณอาต้องจ่ายตามมูลค่าต้นทุนนะคะ” เธอยังไม่ยอม เพราะธุรกิจนี้เป็นของพ่อเธอ จะโมเมแอบอ้างเอามาเฉยๆ ไม่ได้
“มัมมี้ ขายกิจการทั้งหมดให้คุณอาภพไปแล้วนะ...มุก”
“ฮะ... ทำไมหนูไม่รู้เลย”
“กำลังจะบอกหนูอยู่นี่ สิระเป็นพยานตรงนี้ ต่อหน้าเราสามคน” เสียงดุดันตรงหัวโต๊ะดังขึ้น
“ไม่ได้ค่ะ...หนูจำเป็นต้องตรวจสอบมูลค่าที่ได้รับโอนทั้งหมดเข้าบริษัทแฟรงกี้ หวัง ที่ผ่านมา no incoming amount ไม่มีมูลค่าตรงนี้เลย”
มุกวารีเอะใจกับตัวเลขงบดุลปิดบัญชีกลายเป็นขาดทุน ถ้าหากมีเงินชำระค่าอัญมณีที่มีอยู่ในสต๊อกทั้งหมด ตัวเลขต้องไม่ใช่ที่เธอรับรู้ตามเอกสารของบริษัทตรวจสอบบัญชีมอบให้
“มัมมี้...บอกเธออยู่นี่ไง ตัวเลขมันอยู่ที่มัมมี้” มุกวารีถูกมนวราหันมาจ้องหน้า แววตาจิกราวเหยี่ยว
“ฮะ...แล้วทำไมไม่บอกมุกก่อนหน้า” เธอผิดหวังกับมัมมี้มาก นางเปลี่ยนไปอย่างเหลือเชื่อ
“นี่...มุก มัมมี้ว่าเธอกำลังเข้าใจผิด!!!”
“No…no!!! I know well. มัมมี้กำลังโกหกหนู” เธอตกใจเมื่อเสียงจากหัวโต๊ะดังขึ้น
“เธอรู้อะไรบ้าง ฮะ!!! ...
สายตากร้าว ขบกรามสูงของชายที่นั่งตรงหัวโต๊ะ กำลังมองมาที่มุกวารี น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นดุดัน ราวเสือคำราม ทำสาวน้อยหนาวสะท้าน ตาค้างกับข้อมูลที่ถูกเปิดเผย
“ที่ผ่านมาเธอกินอยู่สบาย เพราะวงศ์ระวีช่วยอัดฉีดพยุงกิจการแฟรงกี้ หวัง มาตลอด!!!”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 133
แสดงความคิดเห็น