1. อนงค์ปริศนาแห่งอมาวสี
คีตะบรรเลงอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนาคาบาดาลผสานการฟ้อนบนโลกาพิภพ
------------------------------------------------------------------------------
โอม...จันทรา จงอัญเชิญคีตะบรรเลง ขอเร่งราตรีแห่งอมาวสี
จงผ่านพ้นเงาอับรุ่งระวี ขอสดุดีสมโภชทวยเทพพนม
****************************
เสียงคีตะบรรเลงดังจากนาคาพิภพขึ้นสู่บนมนุสสภูมิด้วยแรงแห่งกรรมบันดาล...ดลให้เป็นไป
ภาพหนึ่งปรากฏบนกระจกแก้วหน้าแท่นประทับ
สาวฟ้อนทั้งหมด 5 นางกำลังร่ายรำออกมาเป็นขบวนด้วยท่วงท่าลีลาชดช้อยงดงาม
… … … …
‘อนงค์นางใดหนอ...แม่เจ้านิลตวงบอกให้ข้า’
จันทรปภารำพันในห้วงจิตคำนึง และคลางแคลงว่าตำแหน่งนี้บนมนุสสภูมิที่แม่เจ้ากำหนดไว้...จะใช่ฤาไม่
...หทัยหวนกระหวัดถึงปริศนานั้น วจีแห่งแม่เจ้ายังพร่ำวน
“ครานี้เจ้าจงขึ้นไปบนโลกา อนงค์นางหนึ่งมี ‘ฉันทเสน่หา’ จำเพาะกับเจ้า ครั้นดึงความพิสุทธิ์กลางใจจากอินทรีย์สังขารนางได้ เจ้าจักพึงครองบัลลังก์จอมราชันย์อนันตนาคา...ตราบนาคอสงไขย”
“อันใดแม่เจ้า...จึงให้ข้าออกเริงนาคีกับมนุสสา ต่างภพภูมิข้าจะมิผิดบาปมหันต์ฤา” ในใจขององค์ราชันย์อนันตนาคาแม้จะเชื่อฟังคำของแม่เจ้า แต่บางครั้งพระองค์ในฐานะพญานาคายังขอพินิจก่อนกระทำการ
“เจ้าจะเกรียงไกร...หลานรัก จงซึมซับผัสสะพิไลมาบ่มเพาะอินทรีย์สังขาร ในหนึ่ง
ขวบปีแห่งอมาวสี ณ ราตรีนี้ พึงช่วยเจ้าได้”
คีตะบรรเลงอันศักดิ์สิทธิ์กำลังขับขานประสานเสียงดังกระหึ่มกังวานทั่วนาคาพิภพ ในคืนจันทราอับแสง ยามรัตติกาลแห่งองค์ราชันย์อนันตนาคา คือราตรีซึ่งทรงเริงนาคีซึมซาบพิษละมุนเพื่อบ่มเพาะอคิระแสนกัป พลังนาคาแสนวิเศษแห่งองค์ราชันย์นี้จะสร้างอำนาจเกรงขามไปทั่วท่ามกลางเหล่าพญานาคา
ทว่าราตรีนี้แตกต่างจากคืนจันทราอับแสงครั้งใดใด ด้วยความวิเศษแห่งพลังอนันตชิน หากพ้นวาระนี้ไปแล้ว...อาจพลาดไปอีกหลายขวบปีนาควรรษที่กาลจะมาประจวบกันได้เหมาะวิถีเยี่ยงนี้
แม่เจ้านิลตวงกล่าวย้ำเตือนแก่จันทรปภา
“มิติอัศจรรย์มิเวียนมาบรรจบได้ จำแต่อาศัยกาลถึงหนึ่งแสนขวบปีนาควรรษ จึงจะพึงบังเกิด”
“แลกาลหนึ่งนี้...คราขวบปีนาควรรษ แล ขวบปีโลกาพิภพ ลงตำแหน่งตรงดิถีอมาวสี พึงก่อคุณาผล”
“แม่เจ้า...คือนางใด...ข้าจึงจะรู้แจ้งได้ฤา” จันทรปภาด้วยใจพะวงถามถึงนางปริศนาผู้นั้น
“นางมีจันทราเสี้ยวบนปทุมถัน จงเพียรหาก่อนล่วงยามสาม” แม่เจ้าสั่งหลานรักประหนึ่งนางล่วงรู้ถึงอนงค์นั่นแล้ว
กลอุบายแห่งนาคากรรมบถ คือการกลายร่างดั่งอสุรกายยามรัตติกาลเพื่อขึ้นไปสำรวจด้วยญาณจักขุ
... ... ... ...
ดนตรีทำนองจังหวะบรรเลงเพลงไทสิบสองพันนา แว่วดังก้องกังวานลงไปยังนคราขององค์ราชันย์จันทรปภา ด้วยบทลำนำร้อยประสานสอดรับกันได้กลมกลืนอย่างน่าอัศจรรย์
“ฤานี่... คือวิถีกรรม...ส่งข้าขึ้นมนุสสภูมิ” พระองค์จึงสั่งเตรียมบริวาร
ณ เพลานี้เรือนรับรองของอเลนและทิพปภา กำลังจะเปิดการแสดงฟ้อนสิบสองพันนาต้อนรับหลานของเจ้าฟ้าเชียงตุง ซึ่งเป็นสหายชั้นหลานของเจ้าแสนคำฟ้าและเจ้าสายคำทิพย์แห่งเวียงพันแสนฝาง ที่ถือโอกาสมาเยี่ยม อเลน...สหายรักสมัยเรียนอยู่แดนไกลด้วยกัน ก่อนท่านจะย้ายกลับมาพำนักถาวรอยู่ที่เชียงตุง
“อเลน ย้ายมาอยู่ที่นี่หลายปีไม่กลับไปที่โน่น ลูกสาวก็โตแล้ว...น่าจะกลับไป reunion party กินเลี้ยงกับเพื่อนเก่าบ้าง” อินโสมเอ่ยขึ้น
“Why your wife is still young? ทำไมเมียยังสวยอยู่เลย มีเคล็ดลับอะไรหรือ” เพื่อนต่างแดนเอ่ยชื่นชมทำให้อเลนกระซิบบอกความลับทั้งหัวเราะเบาๆ
... ในใจของเขาอยากให้ลูกชายได้แต่งงานกับลูกสาวของอเลน
“Hey…my son is available…ลูกชายฉันยังว่าง” เขาทำให้อเลนขมวดคิ้ว
“ลูกฉันไม่เหมาะกับฟิล...เธอเติบโตที่นี่ เรียบร้อยเข้มงวด...ดุมากด้วย” อเลนทำท่าส่งสายตาไปที่ทิพปภา นางเข้มงวดกับลูกสาวคนเดียวเอามากๆ
“Great ดีสิ...ฟิลมันจะได้โตสักที” เขาเหมือนตำหนิลูกชาย ที่ถูกภรรยาเลี้ยงดูเหมือนลูกเจ้าลูกนาย ถูกตามใจเกินไป
แขกรับเชิญที่มาร่วมต้อนรับเป็นคนรู้จักของครอบครัวอเลนและทิพปภา ส่วนแขกของอินโสมเป็นกลุ่มเพื่อนซึ่งมีครอบครัวกับสาวไทยที่ปักหลักอยู่ทางเหนือ
การแสดงเปิดตัวด้วยจังหวะดนตรีฟ้อนเริงระบำเน้นจังหวะเท้ากับวาดวงแขน ลูกสาวเจ้าของงานฟ้อนอยู่ตรงกลางล้อมด้วย 4 สาว นางทุกคนทำงานอยู่ภายในอาณาบริเวณที่ตั้งของบริษัทประมูลโธรบี้ ซึ่งใช้ที่ทำการอยู่ภายในตัวอาคารไม้ขนาดใหญ่ทรงไทสิบสองพันนาถัดจากเรือนรับรองไปทางด้านหลัง
“นางเดียวตรงกึ่งกลาง...มีอาภรณ์บังปทุมถัน” อุปสรรคของพระองค์คือนางผู้นี้
จันทรปภาสั่งนาคเสนา 4 ตนให้กำบังกายเพื่อลาดเลา พระองค์กลายร่างเป็นเงาแฝงอยู่ทั่วบริเวณ ด้วยทิพย์จักขุดั่งเรดาร์ค้นหา
ดวงตาอสุราเฝ้าจับตามองไปยังสาวงามทั้งห้าที่ฟ้อนอยู่ใกล้จบเพลงแรก แต่เหตุยังไม่เป็นใจให้พระองค์เห็นนางปริศนาที่แม่เจ้าได้พร่ำกล่าวถึง
“เพลาล่วงยามสาม แม่เจ้าจะพิโรธข้า...” จันทรปภาตัดสินใจให้นาคบริวารจับนางทั้งหมดลงนาคาบุรีทันใดหลังดนตรีบรรเลงจบเพลงสุดท้าย ซึ่งเวลาขณะนี้บนโลกมนุษย์เข้าสู่ยามหนึ่งของนาคาพิภพแล้ว...จะไม่ทันการ
มนต์วิสัญญีที่แม่เจ้ามอบให้หลานรักคนนี้ไว้ยามจำเป็น จันทรปภาฝึกฝนจนเก่งฉกาจ เชี่ยวชาญขนาดสามารถร่ายให้ไสยเวทบทนี้ถูกเสกขึ้นปกคลุมชั้นฟ้ารอบตัวเรือนรับรองโดยนางทั้งห้าถูกจับออกจากลานการแสดงโดยมิได้ต้องมนต์สะกด
ทุกคนภายในอาณาบริเวณบ้านของอเลนหลับใหลจนถึงรุ่งเช้าของอีกวันโดยอาการปกติเหมือนคนนอนหลับ เมื่อไก่ขันแห่งรุ่งอรุณดังขึ้นทุกคนจะฟื้นคืนสติ
... ... ... ...
“จับฉันมาทำไม!!!” เธอตะคอกเสียงดัง ตกใจมองหน้าคนที่อุ้มเธออยู่...เห็นไม่ชัดเจน หน้าหมองดำขนาดนี้
“พาฉันไปไหนนี่...ฮะ วางฉันลงเดี๋ยวนี้นะ พ่อฉันจะแจ้งความจับแกเข้าคุก!!!” อนงค์นางนี้สวมอาภรณ์ปกปิดร่างกายมิดชิด พูดภาษาที่พญานาคาไม่อาจเข้าใจได้ทั้งหมด
จู่ๆ เสียงตะคอกกลับดังกังวานเข้าไปในกระแสจิตของเธอ
“เจ้า...ลงบาดาลพิภพในบัดนี้ วาจาเจ้าข้ามิรู้แจ้ง!!!”
“ฮะ!!!...อะไรนะ ฉันไม่ไป บาดาลอะไรของแก ฉันไม่ไป ฉันไม่ไป ...ไม่ไป ได้ยินไหม!!!” นางไม่ยอมดิ้นไปมา
“โห่ร้องไป...ไร้ผล เจ้าเพียรพล่านไป จะได้ร่วงลงอากาศ!!!” จันทรปภาถูกบ่มเพาะด้วยอารมณ์พิโรธจากแม่เจ้านิลตวงอยู่เนืองนิตย์ จึงปล่อยนางที่อุ้มอยู่ด้วยฤทธิ์แห่งอารมณ์โกรธร่วงลงสู่อากาศธาตุ
“ไอ้บ้า!!!...แกล้งผลักฉันให้ตกจากที่ไหนกัน...โห ตึกสูงเลย...ฮือ ฮือ ฮือ!!!” นางตะโกนสุดเสียง ร้องไห้น้ำตาไหล ร่างหมุนวนล่องลอยอยู่กลางอากาศ
เวลาของมนุษย์ผ่านไปห้านาทีแต่ยามของนาคราชนานมาก ทำให้จันทรปภาเกือบลืมปล่อยให้นางล่องลอยนานเกินไปอาจขาดอากาศหายใจ หากพระองค์ยังอุ้มนางอยู่จะได้อากาศแห่งฤทธิญาณ
“เฮ้อ...ค่อยดีหน่อย ทำไมฉันถูกอุ้มกลับมาตอนไหน” นางปริศนาผู้นี้ตัวสั่นแรงมาก เธอคงตกใจอย่างหนัก
“วางใจลง!!!...ข้าจะพิโรธ...ยังมิได้ทำการอันใด เจ้าจะดับสูญเสียก่อนกาล!!!” พระองค์เผลอตะคอกไปด้วยอารณ์โกรธเหลือประมาณ นางปริศนาผู้นี้ยังร้ายพอตัว
“อยากรู้ว่าจับฉันมาทำไม...ฮะ!!! แล้วแกเป็นใคร จับฉันมาเรียกค่าไถ่รึ!!!” เสียงแหลมยังตะโกน ยิ่งทำให้พญานาคาสุดทานทน ไม่มีใครต่อกรตะคอกเสียงดังพ่นใส่หน้าพระองค์เช่นนางมาก่อน
“โอ้ย...ปล่อยฉัน ปล่อยฉัน...แกจะทำอะไรฮะ!!!” นางสะบัดหน้าไปมาไม่ยอมให้ชายแปลกหน้าก้มลงมากดริมฝีปากปิดเสียงของเธออย่างเด็ดขาด
ด้วยฤทธิ์แห่งนาคา...จันทรปภานึกร่ายมนต์สะกดนางให้หยุดนิ่งจ้องหน้าเขา แล้วทันใด...ความหวานละมุนของมนุสสาผัสสะไม่เคยบังเกิดขึ้นมาก่อน กลับต้องจริตองค์ราชันย์จนหทัยสั่นสะเทือน
‘จำต้องตรึงนางไว้เยี่ยงนี้’ ความรู้สึกแห่งบุรุษเพศย่อมหนีไม่พ้นการจุมพิตอิสตรีเพื่อสยบการต่อต้าน พระองค์ไม่อาจหลีกเลี่ยงภาวะนี้ได้เฉกเช่นกัน
นางเป็นใคร ...ใช่จับมาผิดฝาผิดคนไหมนั่น ...เสี่ยงกับการถูกแม่เจ้านิลตวง พิโรธนะ...พญานาคาผู้ประหนึ่งทายาทอสูรของแม่เจ้านิลตวง
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 138
แสดงความคิดเห็น