การขายนิยาย การขายหนังสือ การตลาดที่นักเขียนควรรู้

ทำไมนักเขียนจึงควรขายนิยายมากกว่าหนึ่งรูปแบบ

การขายงานเขียน ส่วนตัวผมมองว่ามันก็คือการขายสินค้าให้กับผู้ซื้อ (คนอ่าน) ซึ่งลูกค้าเองก็มีความต้องการที่หลากหลายต่างกันออกไปแต่ละบุคคล

เดิมทีกลุ่มผู้อ่านหลักๆ ก็แบ่งเป็น 2 กลุ่มอยู่แล้วด้วย อาทิ

1. กลุ่มอ่านรายตอน

ข้อดีคือ ไม่จำเป็นต้องมีเงินเป็นก้อน แค่มีเงิน 20 - 30 บาทก็เริ่มอ่านนิยายบางตอนได้แล้ว อีกอย่างคือมีเงินไม่มาก แต่อ่านนิยายไปพร้อมกันหลายๆ เรื่องได้

2. กลุ่มอ่านอีบุ๊ค

กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ส่วนหนึ่งผันตัวมาจากการอ่านรูปเล่ม ดังนั้นจึงมีความถนัดและคุ้นเคยที่จะอ่านเป็นเล่มแบบอีบุ๊คมากกว่า ทั้งยังมีรายได้กันแล้วบางส่วน มีเงินก้อนที่สามารถซื้อเป็นเล่มได้ทีเดียว นอกจากนี้ยังชอบการอ่านจบไปทีละเรื่อง มากกว่าอ่านไปพร้อมกันหลายเรื่อง

ดังนั้นกลุ่มคนอ่านมันจะมีหลักๆ สองประเภท ถ้าเรามองถึงเรื่องการขายสินค้าหรือการตลาด ผมไม่อยากให้เอนเอียงไปฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แต่ให้ลุยไปทั้งสองรูปแบบเลย ยังไงมันก็คือรายได้ของเราเอง ได้เพิ่มน้อยเพิ่มมาก แต่จุดสำคัญมันคือ "เพิ่ม" นั่นแหละครับ

ให้สังเกตง่ายๆ ทำไมพวกน้ำอัดลม หรือพวกสินค้า หรือพวกเครื่องดื่มทั้งหลาย มันทำไมถึงมีหลายขนาด มีขวดเล็ก ขวดกลาง ขวดใหญ่ มีถุงเล็ก ถุงกลาง ถุงใหญ่ (สินค้าบางตัวมีหลายขนาดกว่าที่ระบุไปด้วยซ้ำ) นั่นก็เพราะกลุ่มผู้ซื้อสินค้ามีความต้องการที่หลากหลาย เขาเลยถึงทำออกมา การขายงานเขียนก็เช่นกัน

เอาจริงๆ มันยังมีพวกชอบนิยาย แต่ไม่ชอบอ่านอยู่ด้วย พวกนี้พัฒนามาจากการฟังพวกนิทานหรือเรื่องเล่า ต่อมาก็เปลี่ยนมาเสบหนังสือเสียง เพราะสามารถเสบงานไปด้วย ทำกิจกรรมอย่างอื่นไปได้ด้วย นักเขียนหลายคนก็มองถึงจุดนี้ ทุกวันนี้ถึงเริ่มทำหนังสือเสียงออกมา เพราะนอกจากช่วยสนับสนุนการอ่านของคนตาบอด ก็ยังหวังที่จะตีตลาดคนกลุ่มนี้ด้วยนั่นเองครับ

การเขียนก็สำคัญ แต่การวางแผนช่องทางการขายก็สำคัญไม่แพ้กันครับ รวมถึงการตลาดด้วย

หวังว่าความคิดเห็นของผมจะเป็นประโยชน์ครับ 55+