หวานใจพี่รหัส ตอนที่ 8 แผนกำจัดก้างขวางคอ
สีหน้านภานั้นอมยิ้มเยาะเย้ยอยู่ในที ตอนนี้เธอต้องหาทางกำจัดเขาออกไปให้ได้ก่อนที่พี่ชายของเธอจะมาทานข้าวกลางวันกับปาร
“พี่ต้องเลี้ยงน้ำมะนาวปั่นฉันวันละแก้ว เป็นเวลาเจ็ดวัน”
“ได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” แม้ว่านรินทร์จะไม่พอใจยัยตัวแสบเอามาก ๆ เธอเป็นใคร? กล้ามาใช้เขา กล้ามาสั่ง! แต่ก็ตอบตกลง จะได้หมดเรื่องหมดราวซะที
“จะทำได้รึเปล่า หรือว่าดีแต่พูด” เธอยังอดค่อนแคะหนุ่มหน้าขาวไม่หยุด
หนุ่มรุ่นพี่จ้องหน้าน้องสาวเพื่อนเขม็ง แบบนี้มันต้องการหาเรื่องชัด ๆ
“ทำได้หรือไม่ได้ คงไม่ได้วัดกันแค่คำพูดมั้ง รอดูการกระทำก่อนมั้ย?”
“พิสูจน์ให้ดูหน่อยสิคะ วันนี้เลยเป็นไง” เธอสบตากับฝ่ายตรงข้ามอย่างท้าทาย
“ไปซื้อน้ำมะนาวมาให้ฉันวันนี้เลยนะ” เธอต้องการจะไล่เขาทางอ้อม หมอนี่มาทำอะไร ใครเชิญมามิทราบ! คนเขาจะปรับความเข้าใจกัน ไม่รู้เรื่องบ้างเลย
ประโยคสุดท้ายทำให้นรินทร์เบิกตาโต เพราะร้านน้ำมะนาวปั่นนั้นไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ เลย
“ไปเดี๋ยวนี้เลย ฉันหิวมากกกกกก ถ้าพี่ทำได้อย่างที่พูดจริง”
“ได้อยู่แล้ว”
นรินทร์รับคำอย่างเสียไม่ได้ จ้องหน้านภาราวกับจะบอกว่า ฝากไว้ก่อนเถอะยัยตัวแสบ เขาต้องเอาคืนกับเธอแน่ แล้วเดินไปซื้อน้ำให้คู่อริด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองสุด ๆ ถ้าไม่เกรงใจปารที่กำลังมองอยู่ คนอย่างเขาไม่เคยต้องซื้อน้ำให้ผู้หญิงคนไหน มีแต่สาว ๆ ที่แย่งกันอยากจะซื้อน้ำมาเอาใจเขาทั้งนั้น
“เร็ว ๆ น้า....” นภายังตะโกนไล่หลังตามไปอีก แล้วหัวเราะคิกคักอย่างสะใจ ในที่สุดก็กำจัดเขาออกไปได้ซะที
“นภา แกล้งพี่นรินทร์อีกแล้วนะ” ปารอดค่อนแคะเพื่อนสาวไม่ได้
“แกล้งที่ไหน ปารก็เห็น ว่าเขาทำหนังสือของฉันยับนะ แค่อยากรู้ว่า น้ำหน้าอย่างเขา ทำได้อย่างที่พูดรึเปล่า ก็เท่านั้นเอง” พูดพลางแอบซ่อนยิ้มอย่างสะใจไว้ในสีหน้า สองมือพยายามรีดปกหนังสือเบา ๆ ด้วยความทะนุถนอม
“แล้วพี่ยนตร์มารึยังล่ะ” นภาหันไปถามเพื่อน เมื่อเห็นปารสั่นหัว สีหน้าหม่นหมองลง จึงหันไปมองรอบ ๆ เพื่อหาพี่ชายตนเอง ก่อนจะโพล่งออกมาเสียงดัง
“ปาร! พี่ยนตร์กำลังเดินมาโน่นแล้ว”
ปารหันไปมองหนุ่มแว่นกำลังเดินตรงมา เธอรีบลุกขึ้นยืน แล้วก้าวเท้าเข้าไปหาเขาด้วยความดีใจ ในที่สุดคนที่เธอรอคอยก็มาแล้ว รอยยิ้มระบายเต็มแก้มทั้งสองข้าง แววตาหม่นหมองเมื่อครู่สดใสเป็นประกายขึ้นมาทันที แม้ว่าสีหน้าของพี่รหัสจะไม่ได้ยิ้มตอบ และดูนิ่งเฉยอยู่ก็ตาม แต่เธอก็รู้สึกได้ว่า เขาไม่ได้ตีสีหน้าบึ้งตึงใส่เหมือนเมื่อวันก่อน เหมือนมีรอยยิ้มบาง ๆ แอบซ่อนอยู่บนใบหน้าเรียบเฉยนั้น และรู้ว่า หนุ่มตรงหน้ายังเป็นห่วงเธอเสมอ กลัวเธอจะไม่ยอมทานข้าวจนกว่าเขาจะมาใช่มั้ย เขาถึงยอมมาทานข้าวกับเธอได้
ยนตร์มองเด็กสาวที่กำลังยิ้มพราวทั้งใบหน้า ไม่ได้เจอกันนานมากจริง ๆ ตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กตัวกะเปี๊ยก สูงไม่ถึงต้นแขนของเขาด้วยซ้ำ เคยพาขี่หลังเที่ยวเล่น เดี๋ยวนี้โตเป็นสาว หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู แม้ว่าจะไม่ใช่คนสะสวยอะไรมากมายนัก แต่เวลาเธอยิ้มช่างเป็นภาพที่ชวนมองเหลือเกิน
ภาพในวัยเยาว์ตลอดจนเรื่องราวที่เคยทำร่วมกันมาในวัยเด็กกำลังวิ่งผ่านสมองของทั้งคู่
นภาอมยิ้มหน้าบานที่เห็นทั้งคู่ยืนจ้องมองกันอยู่นานแล้ว
“จะมองกันอีกนานมั้ยคะ หิวข้าวแล้วน้า...” เสียงน้องสาวตัวแสบของยนตร์อดล้อเลียนทั้งคู่ไม่ได้ รีบฉวยแขนพี่ชายดึงให้เข้าไปนั่งที่ม้าหินใต้ต้นไทรร่มครึ้ม
“วันนี้มีอะไรกินบ้างจ๊ะ” หลังจากที่นภาต้องทานอาหารตามสั่งทุกวัน เพราะศูนย์อาหารของมหาลัยนั้นไม่มีอาหารเจหรือมังสวิรัติขายเลย จึงต้องสั่งอาหารตามสั่งมาทานและมีให้เลือกสั่งทานได้ไม่กี่อย่าง
ปารหยิบกล่องข้าวพลาสติกสีขาวฝาสีน้ำตาลสามสี่ใบขึ้นมาวางบนโต๊ะม้าหิน
“ปารเดี๋ยวเราไปซื้อข้าวเปล่ามาเสิร์ฟก่อนนะ” นภาเดินไปซื้อข้าวเปล่าในศูนย์อาหารหนึ่ง
“พี่ยนตร์ทายสิคะ ว่าวันนี้ปารทำอะไรมาให้ทานเอ่ย...”
ยนตร์เผลอชะโงกมองตามว่า ในกล่องพลาสติกนั้นจะมีแกงอะไร แต่พอรู้สึกตัวรีบนั่งตัวตรง ทำเป็นไม่สนใจ และตีสีหน้าเรียบเฉยต่อ
“ติ๊กตอก ๆ ทายมาเร็วเข้า” เห็นยนตร์ยังทำเก๊กตีสีหน้าขรึมอยู่ แต่ปารก็ทำเป็นไม่สนใจ วันนี้แค่เขายอมมาพบ ยอมมาทานข้าวด้วย แค่นี้มันก็ดีมากสำหรับเธอแล้ว สำเร็จไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว เพียงเท่านี้ก็ทำให้เธอยิ้มได้ตลอดทั้งวัน
“ไม่รู้ใช่ม้า...เฉลยก็ได้ค่ะ” เด็กสาวค่อย ๆ เปิดฝากล่องพลาสติกสีน้ำตาลออกแล้วยื่นมาตรงหน้าชายหนุ่ม
ยนตร์มองแกงป่าเห็ดสามอย่างในกล่องพลาสติกด้วยความรู้สึกแปลกใจ มันเป็นแกงโปรดของเขา ไม่นึกว่าปารจะยังจำได้อยู่ แกงนั้นหน้าตาน่าทานมาก กลิ่มหอมฟุ้งเตะจมูกจนน้ำลายสอขึ้นมาทันทีเลย เขาไม่ได้ทานแกงป่ามานานนมเหลือเกิน แต่ต้องแกล้งทำเป็นหน้าตายไม่รู้ไม่ชี้
“แล้วก็นี่เลย ยำปลาเค็มเจ”
พี่รหัสมองยำปลาเค็มเจที่ถูกตกแต่งด้วยพริกขี้หนูซอย หอมแดงซอย และผักสด ได้กลิ่นมะนาวเปรี้ยวจี๊ดเตะจมูก เขารู้ดีว่าปลาเค็มเจนั้นทำยากแค่ไหนกว่าจะเอาเต้าหู้หลอดมาแช่ในช่องแช่แข็งอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ แล้วเอาออกมาแช่น้ำให้น้ำแข็งละลาย ก่อนจะเอาไปบีบให้แห้งพอประมาณ หมักด้วยซีอิ๊วแล้วทอดให้เหลืองน่ารับประทาน กับข้าวอย่างสุดท้ายคือ ผัดผักรวมมิตร อาหารจานโปรดอีกอย่างที่ทำให้เขาทานมังสวิรัติมาได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบายมาก
เนื่องจากแม่ของเขาบนต่อเจ้าแม่กวนอิมอยากได้ลูกสาวอีกคน ถ้าได้จริงจะเลิกกินเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต หลังจากนั้นแม่ของเขาได้ลูกสาวสมใจ ครอบครัวของเขาจึงเลิกกินเนื้อสัตว์กันทั้งครอบครัว รวมถึงครอบครัวของปารด้วยเพราะสองครอบครัวนี้สนิทกันมาก
ข้าวสวยร้อน ๆ ถูกวางไว้ด้านหน้าของแต่ละคนเรียบร้อยแล้ว ปารตักปาเค็มเจแบ่งให้ทุกคน ๆ ละชิ้น เพราะตอนเด็กปลาเค็มเจเป็นอะไรที่ต้องแย่งกันเป็นประจำ
นภามองในจานของพี่ชาย พลางเอาส้อมไปจิ้มปลาเค็มเจของคนทำหน้ามึนอยู่ แต่ถูกส้อมของอีกฝ่ายสกัดไว้ได้ทัน
“พี่ยนตร์ไม่ทานไม่ใช่เหรอ”
“ของตัวเองก็มีมาแย่งของพี่ทำไม” ยนตร์ดุน้องสาวพร้อมกับใช้สายตาป้องปราม
นภาหัวเราะคิก เธอแค่อยากแกล้งให้พี่ชายเลิกเก๊กหน้าตายและเปิดปากพูดบ้างเท่านั้นเอง
ปารอดอมยิ้มไม่ได้ แล้วหยิบผักสดใส่จานข้าวของนภา เพราะรู้ดีว่าเพื่อนสาวนั้นไม่ค่อยทานผักถ้าไม่บังคับ แล้วบอกด้วยเสียงดุ ๆ อยู่ในที
“กินผักด้วย ต้องกินให้หมดนะ ห้ามทิ้ง”
“จ้า...” คนไม่ชอบทานผักลากเสียงยาวรับคำ
นภาอดมองหาหนุ่มหล่อหน้าขาวเพื่อนของพี่ชายไม่ได้ เขาไปซื้อน้ำมะนาวถึงไหนกันเนี่ย ป่านนี้แล้วยังไม่เห็นโผล่มาอีก หรือว่าเขาจงใจจะเบี้ยวเธอกันแน่ แม้จะรู้ดีว่า ร้านน้ำปั่นนั้นอยู่ไกลพอสมควร แต่ก็ดีแล้วยังไม่ควรโผล่มาตอนนี้ บรรยากาศกำลังดี
===========
นรินทร์เดินฝ่าแดดเปรี้ยงของยามเที่ยงวันอันร้อนระอุไปซื้อน้ำมะนาวปั่นมาให้ยัยตัวแสบ ด้วยอารมณ์หงุดหงิดเต็มประดา
“ยัยตัวแสบ พี่ต้องเอาคืนกับเธอแน่” หนุ่มหล่อบ่นกับตัวเอง เขาจะจดจำเธอไว้ไม่ลืมเลย ที่เธอกล้าใช้หนุ่มหล่ออย่างเขามาซื้อน้ำให้ นี่คงเป็นแผนกันเขาออกจากปารแน่นอน
ร้านน้ำผลไม้ปั่นที่อยู่ใกล้ที่สุดวันนี้ก็ดันปิดอีก ทำให้ยิ่งเซ็งหนักเข้าไปกันใหญ่ เขาต้องเดินต่อไปจนถึงศูนย์อาหารสอง ซึ่งระยะทางไกลพอสมควร แต่ทว่าน้ำมะนาวปั่นก็ดันหมดอีก ยิ่งทำให้แค้นเคืองนภามากขึ้นเป็นทวีคูณ
พอเดินกลับมาถึงศูนย์อาหารหนึ่ง เขารีบกวาดตามองโต๊ะม้าหินใต้ต้นไทร เห็นปารกับยนตร์กำลังทานข้าวด้วยกันอย่างอร่อยเชียว ปารมีใบหน้าอมยิ้มคอยตักโน่นตักนี่ คอยบริการให้ยนตร์อยู่ตลอดเวลา ส่วนนภานั้นนั่งกินไปยิ้มไปที่เห็นทั้งคู่ทานข้าวด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อเห็นภาพเหล่านั้นแล้ว ขาแทบก้าวเดินต่อไปไม่ไหว รู้สึกหมดแรงไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่รู้ว่าตัวเองจะเดินเข้าไปหาปารทำไม เพื่ออะไร ในฐานะไหน รู้สึกเหมือนกลายเป็นส่วนเกินซะมากกว่า
‘ปารคงลืมแล้ว ว่าชวนพี่มาทานข้าวด้วยสินะ’
นรินทร์ฝืนยิ้มให้ตัวเองอย่างแห้งแล้ง ถอนหายใจออกช้า..ช้า...
‘แต่อย่างน้อย ได้เห็นปารยิ้มแย้มมีความสุขเมื่อได้อยู่กับยนตร์ มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ’
เขาปลอบตัวเอง แล้วตัดสินใจหันหลังกลับเดินเข้าศูนย์อาหารหนึ่ง ทั้งร้อนทั้งหิวทั้งเศร้า เดินรี่ไปสั่งข้าวกับหมูทอดมานั่งกินให้หายเก๊กซิม
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ” เสียงหวานใสดังขึ้นข้างตัว นรินทร์เงยหน้าขึ้นมอง
“จันทร์เจ้า” หนุ่มหล่ออุทานเบา ๆ เธอคือสาวสวยที่ยนตร์เคยตามจีบอยู่เป็นนาน เธอเป็นเหมือนเจ้าหญิงที่มีหนุ่ม ๆ รุมล้อมหลงรัก และยังเป็นดาวเด่นของมหาลัยอีกด้วย แต่สำหรับเขาไม่รู้ทำไม ไม่เคยรู้สึกชอบหรือสนใจสาวสวยคนนี้เลย มันแปลกที่เธอกลับมาตีสนิทเหมือนสนใจเขา
“เชิญครับ” หนุ่มหล่อพยักหน้า แล้วก้มหน้าทานข้าวต่อ
“วันนี้ทำไมมาทานข้าวคนเดียวละคะ รินทร์ แล้วยนตร์ไปไหนเหรอ” หญิงสาวคนสวยนั่งลงตรงกันข้าม เอ่ยเรียกชื่อของเขาอย่างสนิทสนมเหมือนคนคุ้นเคยกัน เธอมาพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมฟุ้งตลบอบอวน ดวงตาสวยคู่นั้น จ้องมองใบหน้าขาวใสของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างพึงพอใจ
“ยนตร์ไปทานข้าวกับน้องรหัสครับ” นรินทร์รีบเร่งสปีดการทานข้าวของตัวเองให้เร็วขึ้นอีก
จันทร์เจ้าขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าไปทานข้าวกับน้องรหัส ทำไมนรินทร์ถึงไม่ไปด้วย ทั้ง ๆ ที่ทั้งคู่สนิทกันอย่างกับอะไรดีและซี้กันมาก ไปไหนไปด้วยกันตลอด
“น้องรหัสเป็นผู้หญิงเหรอ” นิ้วเรียวทาเล็บด้วยสีชมพูมีลายเพ้นท์เป็นรูปดอกไม้สีบานเย็น จับหลอดแกแฟจรดริมฝีปากได้รูปที่แต่งแต้มด้วยสีชมพูอ่อน เธอค่อยๆ ดูดกาแฟเย็นคาปูชิโน่รสเข้มจากแก้วกระดาษทรงสูงที่ห่อด้วยทิชชูกันเปื้อน
“ครับ” หนุ่มหล่อตอบสั้น ๆ เขารู้สึกเริ่มมึนหัว และหายใจไม่ทั่วท้อง เนื่องจากเริ่มแพ้กลิ่นน้ำหอม
“บ่ายนี้จันทร์ไม่มีเรียน รินทร์ไปดูหนังเป็นเพื่อนหน่อยได้รึเปล่า”
นรินทร์เงยหน้ามองหญิงสาว วันนี้เธอแต่งหน้าอ่อน ทำให้ดูสวยหวานและมีเสน่ห์มากขึ้น แต่นั่นไม่อาจสะกดเขาได้
“เผอิญเราไม่ว่าง ติดธุระน่ะ” คำตอบนั้นทำให้อีกฝ่ายยิ้มแห้ง ๆ ไม่ว่าจะชวนเขาไปไหน เขาไม่เคยตอบตกลงไปกับเธอเลยซักครั้งเดียว
นภาเดินถือถาดจานข้าวมาวางในถัง สำหรับวางจานใช้ทานแล้วอย่างมีความสุขอิ่มอกอิ่มใจและอิ่มท้อง พลันสายตาเหลือบไปเห็นนรินทร์นั่งอยู่กับสาวสวยที่ทำให้พี่ชายของเธออกหัก เท้ามันพาตัวเธอเดินเข้าไปหาเขาได้อย่างไรไม่ทันรู้ตัวเลย รู้ตัวอีกทีหยุดอยู่ข้างโต๊ะที่นรินทร์นั่งแล้ว
‘ที่แท้ก็แอบมานั่งหลีสาวล่ะสิ’ นภาแอบค่อนแคะเขาอยู่ในใจอย่างหมั่นไส้
“แล้วน้ำมะนาวของฉันล่ะ!!”
นรินทร์สะดุ้ง! เงยหน้ามองเจ้าของเสียงห้วน ๆ นั้น
“มันหมดน่ะ ไว้วันหลังนะ”
“หวังว่าคงจะไม่เบี้ยวนะ” นภาพูดดักคอ แม้จะรู้สึกสงสารเขาเหมือนกัน ที่เดินไปตั้งไกล แต่น้ำมะนาวปั่นดันหมด
“ถ้าพี่รับปากแล้ว ไม่มีเบี้ยวแน่” หนุ่มหล่อตอบเน้นคำ
“แล้ว...ฉันจะรอ” เด็กสาวยิ้มอย่างผู้กำชัยชนะ
“อ้อ! ปารฝากบอกว่า ให้ไปรับขนมด้วยนะ ปารทำขนมมาให้” พลางเหลือบสายตามองสาวสวยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา
“จริงดิ” แววตาคมคู่นั้นเป็นประกายสดใสขึ้นมาทันทีทันใด ริมฝีปากบางนั้นโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม จนเห็นฟันขาวสวยเรียงตัวเป็นระเบียบ และลักยิ้มบุ๋มข้างแก้มใสกิ๊กของชายหนุ่ม
“ไม่เชื่อก็ไปดูเองละกัน” นภาตอบก่อนหันหลังเดินไป
นรินทร์หันกลับมามองหน้าจันทร์เจ้า
“เราไปก่อนนะจันทร์”
หญิงสาวคนสวยมองหนุ่มหล่อเดินไปกับเด็กสาวหน้าจืดคนนั้นด้วยความงุนงง สมองมีแต่คำถามผุดขึ้นมาเต็มไปหมด เธอไม่เข้าใจว่า ความสวยของเธอนั้นทำไมไม่สามารถทำให้นรินทร์หันมาสนใจเธอบ้างเลย
=========
ปารหยิบกล่องขนมพลาสติกใสออกมาเรียง พื้นล่างของกล่องพลาสติกปูด้วยใบตองและโรยด้วยมะพร้าวขูดจนขาวโพลนเหมือนหิมะ ขนมต้มรูปหนูตัวสีเขียวใบเตยเหมือนหยกมีหูสีฟ้าสองข้าง แก้มสีชมพูสดใส มีจุดดำแต้มสองจุดเป็นจมูก นอนหมอบอยู่บนมะพร้าวขูด
“ปาร...น่ารักจัง...ทำยังไงเนี่ย” นภาอุทานถึงขนมต้มหน้าตาน่ารักสดใสของปาร ปกติจะเป็นลูกกลม ๆ คลุกด้วยมะพร้าวขูด แต่วันนี้กลายเป็นลูกหนูน่ารักสีสันสดใสเชียว
“เราเปิดไปเจอในเนท เห็นมันน่ารักมาก ก็เลยเอามาลองทำดู แทนที่เราจะปั้นแป้งใส่ไส้ขนมแล้ว เอาลงไปต้มในน้ำเดือด ก็เอาไปนึ่งแทนจ้ะ” ปารสาธยายถึงที่มาที่ไปของขนมต้มสุดแสนน่ารักชุดนี้
ขนมต้มรูปหนูน่ารักสดใสถูกแจกให้กับทุกคน คนละกล่อง กล้องหนึ่งมีลูกหนูกล่องละสามตัว
“แล้วพี่จะกล้ากินเหรอปาร น่ารักขนาดนี้” นรินทร์มองปารด้วยสายตาชื่นชม ดีใจเหลือเกินที่เธอไม่ได้ลืมเขาจริง ๆ และยังนึกถึงเขาด้วย เคยอิจฉายนตร์เสมอเมื่อเห็นปารส่งขนมมาง้อทุกวัน วันนี้เขามีโอกาสได้ขนมจากเธอแล้ว
ยนตร์มองขนมต้มสุดน่ารักในมืออย่างทึ่งในฝีมือความช่างทำของปาร เขาเหลือบสายตาขึ้นมองหน้าคนทำขนม ปารหันมาสบตากับเขาพอดี ชายหนุ่มรีบหลบสายตาหันไปมองทางอื่น เขากลัวว่า จะหลุดฟอร์มเก๊กหน้าขรึมเข้าจนได้ถ้าต้องสบตากับเธออย่างนั้น
นภาเปิดฉากกินขนมต้มคนแรกเลย
“หืม...ปารอร่อยมากเลย” ไส้มะพร้าวหวานแหลมกำลังพอดีเข้ากับแป้งนุ่มเหนียวและมะพร้าวขูดที่เค็มเล็กน้อยทำให้ไม่เลี่ยน และยังหอมใบเตยอีกด้วย
“ยนตร์บ่ายนี้ไม่มีเรียน ไปซื้อของเตรียมรับน้องกันเลยมั้ย” นรินทร์หันไปถามเพื่อนก่อนจะเอาขนมต้มเข้าปาก เขาไม่เคยอยากทานขนมไทยเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตั้งใจทานขนมไทย แล้วหันไปยกนิ้วโป้งให้ปาร ถึงรสชาติหอมหวานอร่อยของขนม
“ก็ดีเหมือนกันนะ” ยนตร์เห็นด้วย ก่อนจะจับเจ้าหนูน่ารักเข้าปาก ฝีมือปารพัฒนาไปมาก อร่อยอย่างไร้ที่ติจริง ๆ
“วันนี้ปารว่าง ช่วงบ่ายอาจารย์บอกให้ไปหาข้อมูลทำรายงาน ให้ปารไปช่วยนะคะพี่ยนตร์”
นรินทร์รีบชิงตอบแทนยนตร์ ที่มัวแต่เก๊กทำหน้าตึงอยู่
“ขอบใจปารมากนะ กำลังต้องการคนช่วยอยู่พอดีเลย แล้วลงชื่อไปรับน้องกันแล้วใช่มั้ย”
“เรียบร้อยค่ะ พี่นรินทร์ ขออาหารมังสวิรัติด้วยนะคะ” ปารตอบด้วนสีหน้ายิ้มแย้ม
“ปารทานมังสวิรัติด้วยหรือครับ” เขารู้อยู่ว่ายนตร์และครอบครัวนั้นทานมังสวิรัติมานานแล้ว แต่ไม่คิดว่า ปารจะทานด้วย
“ปารทานมังสวิรัติมานานแล้ว แถมเคร่งกว่าฉันกับพี่ยนตร์ซะอีกนะ เพราะปารเป็นวีแกน” นภารีบสาธยายต่อ
หนุ่มหล่อมองปารอย่างทึ่ง แค่เลิกทานเนื้อสัตว์สำหรับเขามันยังยากเลย เขาพอจะรู้มาว่า คนที่เป็นวีแกนจะไม่ทานเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกชนิด รวมถึงไม่ใช้ของที่ทำจากสัตว์อีกด้วย
“อ้าว...น้องปารนัดเจอกับพี่ยนตร์ที่นี่เองเหรอจ๊ะ เดี๋ยวนี้น้องปารไม่เห็นไปหาพี่ยนตร์ที่ซุ้มเลยนะ” เสียงนั้นดังมาจากบรรดาหนุ่ม ๆ เพื่อนร่วมคณะของยนตร์เผอิญเดินผ่านมาเห็นเข้า จึงทักทายด้วยการหยอกล้ออย่างสนุกสนาน
เสียงนั้นทำให้ทุกคนซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินใต้ร่มต้นไทรใหญ่หันไปมองเป็นตาเดียวกัน
“พี่ยนตร์หายโกรธน้องปารหรือยังเอ่ย...?” หนุ่มอีกคนอดแซวหนุ่มแว่นไม่ได้ หนุ่มที่เหลือคอยโห่คอยฮาเป็นลูกคู่ให้อย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“วันนี้เอาอะไรมาง้อพี่ยนตร์เหรอจ๊ะ” บรรดาหนุ่ม ๆ ยื่นหน้ามามองบนโต๊ะม้าหิน เห็นขนมต้มลูกหนูสีหวานสดใส
“หืม...ทำขนมน่ารักมาให้พี่ยนตร์อีกแล้ว น่าทานมาก ๆ เลย”
“ถ้าพี่ยนตร์ยังไม่หายโกรธ อย่าลืมพี่นะ มาเป็นน้องรหัสพี่ดีกว่า พี่จะคอยดูแลเทคแคร์อย่างดีเลย”
คำพูดหยอกล้อเหล่านั้น มันทำให้ปารรู้สึกอับอายขายหน้าจนหน้าชาไปหมด เหมือนถูกลบหลู่ศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงอย่างแรง เธอไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าจะทนสภาพแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน ความอดทนนั้นมันใกล้สิ้นสุดลงไปทุกที คนอย่างปารต้องตามง้อผู้ชายด้วยหรือ? มันไม่ใช่เธอเลย ถ้าคน ๆ นั้นไม่ใช่ยนตร์ เธอจะไม่มีวันง้อใครแบบนี้เด็ดขาด!
“พี่ไปก่อนนะจ๊ะ ก่อนที่ไอ้ยนตร์จะไล่เตะเอา” แก๊งเพื่อนมองสีหน้ายนตร์แล้วต้องรีบพากันเผ่นไปให้ไกลบาทาของหนุ่มแว่น แต่ทว่าคนปากดียังมิอาจเดินหนีไปไหนได้ เมื่อถูกยนตร์ยึดแขนเอาไว้ได้ทัน ส่วนคนที่เหลือต่างวิ่งกระเจิดกระเจิงกันไปหมดแล้ว
“ต่อไปห้ามพูดล้อปารแบบนี้อีก ไม่งั้น! เวลาอาจารย์สั่งงานอะไร แกก็ไปถามคนอื่น ข้าจะไม่ช่วย ไม่บอกแกอีกต่อไป แต่ถ้าอยากรู้ว่าข้าเอาจริงหรือเปล่า ก็ลองดูได้นะ” หนุ่มแว่นสีชาพูดเสียงเข้มและเฉียบขาด เป็นที่รู้กันว่ายนตร์ไม่เคยต้องพูดอะไรเป็นครั้งที่สอง เพราะครั้งที่สองของเขาหมายถึงการลงมือทำ
“ยนตร์แค่ล้อเล่นกัน เพื่อสร้างความคุ้นเคยเอง อย่าซีเรียสดี้...” คนปากดีเริ่มใจหายเพราะหากยนตร์ไม่ช่วยก็ไม่มีใครอยากช่วยเขาอีกแล้ว
“โอเค...โอ...เค...ต่อไปไม่ล้อแล้วจ้า...” หนุ่มปากมอมรีบตอบตกลงทันทีเมื่อมองสีหน้ายนตร์แล้วยังบอกอาการไม่ปลื้ม
“ข้าไปได้รึยัง” สีหน้าหน้าพาลซีดเผือดลง เมื่อยนตร์ยังไม่ยอมปล่อยแขน
“ยัง” ยนตร์โอบไหล่เพื่อนปากเสีย
“ข้าขอเรียกประชุมฝ่ายกิจกรรมรับน้องพรุ่งนี้ ขอคุยรายละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมรับน้องทั้งหมด” ยนตร์บอกเพื่อนซึ่งมีฐานะเป็นเลขาฝ่ายกิจกรรมของคณะ
นรินทร์หันไปจ้องหน้ายนตร์ทันที ไม่นึกว่ายนตร์จะเอาจริง เรื่องของรายละเอียดกิจกรรมที่ใช้ในการรับน้อง เพราะเขาอยากให้มีการรับน้องแบบใหม่และสร้างสรรค์ แต่การทำแบบนั้นอาจทำให้ต้องมีเรื่องผิดใจกันระหว่างเพื่อนได้ เพราะหัวหน้าฝ่ายกิจกรรมอีกคน ก็ไม่ใช่คนที่จะยอมอะไรใครง่าย ๆ ถึงแม้ว่ายนตร์จะได้รับมอบหมายให้ดูแลการจัดกิจกรรมรับน้องทั้งหมดของคณะครุศาสตร์ก็ตาม ไม่อยากคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปเมื่อยนตร์กล้าขอคุยรายละเอียดของกิจกรรมรับน้องครั้งนี้
“ได้ แล้วฉันจะนัดเพื่อน ๆ ให้นะ” หนุ่มเลขาฝ่ายกิจกรรมรีบตอบตกลงอย่าวรวดเร็ว
ยนตร์ลดแขนข้างที่โอบไหล่เพื่อนไว้ลง เพื่อนปากมอมรีบเดินเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว กลัวว่าจะมีอะไรตามมาอีกรอบสอง
“รีบไปซื้อของกันเถอะ เดี๋ยวรถติด” นรินทร์พาทุกคนเดินไปขึ้นรถเก๋งวีออสสีดำที่จอดอยู่ที่ไม่ไกล
===============
นรินทร์มองผ่านแว่นดำไปยังตัวเลขบนป้ายหน้าซอยสีน้ำเงิน ก่อนจะขับตรงไป แต่แล้วกลับชะลอรถหยุดลงเพื่อให้คนข้ามถนนที่ข้ามมาอยู่ตรงกลางถนนแล้ว ได้วิ่งข้ามไปจนถึงฝั่งฟุตบาทเสียก่อน
นภามองเหตุการณ์นั้นอย่างชื่นชม ไม่นึกว่าหนุ่มหล่ออย่างเขาก็เป็นคนมีน้ำใจอยู่เหมือนกัน ไม่ใช่เอาแต่แต่งหล่อไปวัน ๆ
รถเก๋งวีออสสีดำขับต่อไปด้วยความเร็วปานกลาง อยู่ ๆ รถมอร์เตอร์โซด์เลี้ยวออกมาจากซอยอย่างเร็วขับปาดหน้ารถเก๋งวีออสสีดำ ทำให้นรินทร์ต้องเหยียบเบรคอย่างกะทันหัน เล่นเอาคนนั่งมาด้วยทั้งคันรถหัวทิ่มไปตาม ๆ กัน รถมอร์เตอร์ไซด์คันนั้นบิดคันเร่งส่งเสียงดังจนแสบแก้วหูรีบฝ่าไฟแดงไปอย่างรวดเร็ว
“จะรีบไปเกิดใหม่หรือไงเนี่ย...” นภาโพล่งออกมาอย่างเหลืออด แม้คนก่อเหตุจะเผ่นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
“เป็นอะไรกันหรือเปล่าครับ” นรินทร์หายใจออกอย่างโล่งอกไปที ที่ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นไปมากกว่าคอเคล็ด แล้วเอี้ยวตัวหันไปมองสาว ๆ ที่นั่งอยู่ตอนหลังอย่างเป็นห่วง
“ปารไม่เป็นอะไร แต่นภาหัวโนนิดหน่อยค่ะ” ปารตอบขณะช่วยนวดคลึงหน้าผากให้สเพื่อนสาว คงจะกระแทกกับพนักเก้าอี้ของคนขับอย่างแรง
ยนตร์หันมามองสองสาวด้วยสายตาห่วงใย เขามองปารเล็กน้อย ก่อนมองเลยไปยังน้องสาว
“ภาเจ็บมากรึเปล่า” พลางเอื้อมมือมาเขย่าหัวน้องสาว
“โอ๊ย! พี่ยนตร์ ฉันจะเป็นมากตอนที่พี่เขย่าหัวนี่แหละ น้องเจ็บอยู่นะ” นภารีบยึดมือของพี่ชายไว้
ยนตร์รีบหดมือกลับที่ตั้ง ก่อนที่น้องสาวตัวแสบจะหัวเสียมากกว่านี้ ได้ยินน้องสาวโวยวายเสียงดังฟังชัดแสดงว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก เขาจึงหายห่วง
“ใกล้จะถึงหรือยังคะ” ปารถามคนขับ แม้จะยังไม่ค่อยชินกับการนั่งรถในกรุงเทพ เพราะบางช่วงของถนนนั้นคับคั่งไปด้วยรถยนต์ดาษดื่นเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นรถใหญ่ รถเล็ก หรือแม้แต่รถมอร์เตอร์ไซด์ที่พยายามขี่ซิกแซกฝ่ารถติดไปให้ได้ บ่อยครั้งที่รถติดยาวเหยียดเป็นเวลานาน ตามประสารถที่มีมากกว่าถนน ช่างแตกต่างจากบ้านที่ต่างจังหวัดของเธอโดยสิ้นเชิง ถนนโล่งนาน ๆ จะมีรถวิ่งผ่านมาซักคัน
ปารกับนภามองร้านรวงต่าง ๆ สองข้างทางอย่างตื่นตาตื่นใจ ไม่เคยเห็นแหล่งขายของอุปกรณ์เครื่องใช้ไม้สอยที่มีจำนวนร้านมากมายเท่านี้มาก่อนเลย ทั้งคนขาย ทั้งคนซื้อเดินกันแน่นถนัดไปหมด
“ใกล้ถึงแล้วครับ ข้างหน้านี้เอง เดี๋ยวหาที่จอดรถก่อนนะ” นรินทร์หักพวงมาลัยไปทางซ้ายเลี้ยวเข้าลานจอดรถ แม้จะเป็นเวลาบ่ายสามโมงเย็น แต่รถยังจอดเรียงกันเป็นตับจนเกือบจะหาที่จอดรถไม่ได้ ผู้คนต่างพากันมาซื้อของที่นี่จำนวนมาก เพราะมีทุกอย่างให้เลือกซื้อ เลือกหาได้ตามใจชอบ ตั้งแต่สินค้าราคาถูกยันไปจนถึงสินค้ามีเกรด มีแบรนด์ มีราคาแพงเลยทีเดียว
เมื่อทุกคนลงจากรถเก๋งวีออสสีดำ จึงเดินมารวมตัวที่ยนตร์ ซึ่งกำลังยืนมองรายการสิ่งของบนกระดาษในมือทั้งหกใบซึ่งมีรายการยาวเหยียดเต็มหน้ากระดาษ เขาขีดกากบาทบางรายการออกเนื่องจากคิดว่า ไม่จำเป็นสำหรับการรับน้อง
“พี่ยนตร์ขอดูหน่อยค่ะ” นภายื่นหน้ามามองกระดาษในมือพี่ชาย แล้วคว้าแผ่นกระดาษเหล่านั้นมาไว้ในมือเธอ เพ่งมองรายการต่าง ๆ อย่างพิจารณา พร้อมกับสับกระดาษไปมา แล้วจึงคืนกระดาษให้ยนตร์เพียงสามใบ
“ถ้าเดินไปด้วยกัน คงจะซื้อไม่เสร็จแน่ รายการเยอะขนาดนี้ เราแยกกันไปดีกว่าค่ะ” นภาเสนอความคิดเห็น
“พี่ยนตร์ไปกับปาร ส่วนฉันจะไปกับพี่นรินทร์ โอเคนะคะ” นภาจัดคู่ให้เสร็จสรรพ แล้วหันไปมองหน้าหนุ่มหล่อด้วยสายตาของคำถามว่า เขามีปัญหาอะไรรึเปล่า? คิดว่าจะได้ไปเป็นก้างขวางคอพี่ชายเธอหรือ? ไม่มีทาง!
*******************
สวัสดีค่า...ขอบคุณมากสำหรับคอมเม้นท์นะคะ ^^
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 759
ความคิดเห็น
ขอบคุณครับ
ตอนนี้หาคำผิดไม่เจอ 55
เย้!!
ไม่มีคำผิด ทักทายกันได้น้า แนะนำติชมนิยายได้นะคะ
แสดงความคิดเห็น