แค่อยากบอก ไม่ใช่แค่พวกแกหรอกที่โดนเหยียด
แค่อยากบอก ไม่ใช่แค่พวกแกหรอกที่โดนเหยียด
สิ่งที่อาจทำลายความสัมพันธ์มากที่สุดคือ การดูถูก และเราก็ไม่ควรที่จะไปอยู่ไกล้คนที่ชอบดูถูกเรา นี่เป็นสิ่งที่ผมคิดได้หลังจากการโทรหาเพื่อนคนหนึ่งที่ผมเคยสนิทก่อนที่พวกเราจะแยกกัน เพื่อนคนนี้นั้นเป็นเพื่อนที่อยู่กับผมตั้งแต่ ม ต้นเลยละครับ เป็นเพื่อนที่อายุห่างกัน เขาเพิ่งมามองไม่เห็น
จริง ๆ ผมก็ไม่ได้ชอบยุ่งกับเขาหรอก แต่ว่าผมเป็นห่วงเขามากเพราะว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้า ส่วนผมก็เป็นโรคหลายโรคเหมือนกัน ถ้านับจำนวนโรคที่เป็นผมว่าผมเป็นมากกว่า ฮ่าๆๆๆๆ นี่แหละทำให้พวกเราสนิทกัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยก็ตาม
อันที่จริงผมไม่เคยสนหรอกว่าใครเรียนหรือไม่ได้เรียน แต่ว่าวันนึง ผมก็โทรไปหาเขานี่แหละ แล้วผมก็ไปเล่าเรื่องที่ผมลงเรียนวิชา marketing ให้ฟัง และผมก็บอกเพื่อนว่าผมไม่ชอบเลย เรียนอาจารย์พูดอะไรผมก็ไม่เข้าหัว แล้วเพื่อนของผมก็ถามว่าเรื่องอะไร แล้วเขาก็พูดทฤษฎีเกี่ยวกับ 4Ps of Marketing Marketing Mix Marketing Segmentation
แล้วเพื่อนของผมก็บอกว่า ทฤษฎีง่าย ๆ แค่นี้ทำไมจำไม่ได้ แล้วทำไมได้แค่ c+ เอง มันง่ายจะตาย ผมก็แบบ แหมๆ จ้าๆๆ พ่อคนเก่ง
คือมันเป็นการเหยียดกันสุดเลยล่ๆ แต่ผมก็ไม่ได้อะไรนะ แค่รู้สึกว่านิศัยแบบนี้ไม่น่ารักเลยอ่า
คือเขาพูดแรงมากเลย ทำให้ผมนึกไปถึงการเหยียดอีกอย่างหนึ่งที่ผมเจอในการไปอบรมในที่แห่งหนึ่ง
ตอนนั้นผมมีกลุ่มอยู่ เป็นผมกับพี่อีกสองคน มันเป็นการทำงานเป็นทีม และผมเป็นคนที่พอมองเห็นบ้างผมเลยได้ทำ presentation ครับ
คือผมไม่ได้อะไรหรอก แต่พี่ทั้งสองคนให้ผมทำทั้งเนื้อหาคนเดียว มีตัวอย่างจากงานที่พี่เขาเคยทำแล้วบ้าง คือทีนี้ผมก็จะเขียนชื่อพวกเขา ผมเลยไปถามชื่อพวกเขา เขาก็บอกชื่อจริงมา ผมก็เลยถามไปว่า
“พี่ครับ ช่วยบอกตัวสกดให้หน่อยได้ไหม”
คือถามประมาณนี้ แล้วทีนี้เขาก็ว่าผม ว่า
“เรียนครูภาษาอะไรชื่อแค่นี้ก็เขียนไม่ถูก”
แล้วเขาก็ยกตัวอย่างคำภาษาไทยมาเยอะเลย จบท้ายที่เขาบอกว่า
“แบบนี้แหละการศึกษาถึงไม่มีคุณภาพ จะไปสอนใครได้”
แต่พี่คนนั้นก็ไม่ได้ช่วยผม ผมทำทั้ง presentation และ แผนการสอน คนเดียว เรียกว่าทำทั้งคืน แล้วพอตอนเช้าผมจะแบ่งให้พวกเขาพูด มันจะได้พูดเท่ากัน แต่เขาก็ไม่เอาครับ พวกเขาพูดทั้งหมดโดยที่ไม่ให้ผมพูดเลย
เรียกว่าเป็นประสบการณ์ที่แย่ มาก ๆ
ตอนนั้นผม post ลง facebook เลยฮะ เรียกว่า เดือดสุด จริง ๆ ตอนนี้ผมก็ยังจำได้แบบจำไม่มีวันลืมเลย
แต่ตอนที่ผมเขียนเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัน ผมนี่ยิ้มเลย คือแบบชีวิตเราก็เคยมีแบบนี้ด้วย อาชีพครูเป็นอาชีพที่ผมรักนะ โดยเฉพาะตอนที่ไดมาสังเกตการสอนที่โรงเรียนประถม คือโดนแบบนั้นเขาคงไม่รู้ ผมกลับมา แล้วผมร้องให้เลย ใครที่สนิทกับผมผมโทรไปเล่าให้ฟังหมดแหละ
จริงด้วยผมลืมบอกไป ตอนที่พวกเขารู้ว่าผมเรียนครูพวกเขาก็เหมือนมีอคติแล้วล่ะ ฮ่าๆๆๆ มันคงเป็นปกติมั้ง เรียนมหาวิทยาลัยทั่วไปคงดีเท่าพวกเขาไม่ได้
แต่ผมก็ไม่แยหรอก คือจริง ๆ นะ พ่อแม่ผมมีลูกสองคน ตาบอดทั้งคู่ ตอนที่พวกเขาส่งผมเรียนปีหนึ่ง ต้องขายรถทิ้งเลยเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าหอ แล้วพวกผมก็ได้เงิน 1,000 ต่อสัปดาห์ ขนาดค่าข้าวยังไม่พอจ่ายเลย
ลองคิดดู ค่ารถกลับบ้าน ค่ากินข้าวมื้อละ 50 60 แล้ว และค่าอื่น ๆ อีก
ตอนผมไปอบรมที่ กทม ผมต้องเก็บตังค่ารถไปด้วย คือแบบ ลำบากสุด ๆ
อ้อ มีอีกกรณีคือผมเคยไปพูดกับเพื่อนว่า ดีใจจัง กูได้ A วิจัยของ อ …. ด้วย
แล้วเพื่อนก็บอกว่า
เพราะมึงตาบอดไง อ ถึงให้
ผมก็แบบ ได้ติ ทำไมกูเรียนวิชาอื่น กูก็ c วะ ฮ่าๆๆๆ คือแบบตอนที่ผมเรียนวิจัย ผมทำสุดตัวจริง ๆ เรียกว่าทำแบบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย แล้วอีกอย่าง ก่อนที่ผมจะส่งรายงานให้อาจารย์ ผมก็ต้องหาคนจัดหน้าด้วย ผมเสียข้าจัดหน้าไป 300 บาทด้วย ซึ่งเพื่อนมันไม่รู้ไง ฮ่าๆๆๆ ผมก็บอก ช่าย ๆๆๆ กูตาบอด
ผมโดนดูถูกหลายเรื่องครับ ทั้งตอนที่เป็นักเขียนแล้วเขียนคำผิด หรือตอนที่เริ่มเขียนนิยายใหม่ ๆ หรือตอนที่เอาเว็บ keangun ไปโปรโมท คำเหยีดท่เจอก็ประมาณนี้
“จะเป็นนักเขียนได้ไง เขียนคำก็ยังผิดอยู่เลย”
“เว็บนี้ก็คงมีแค่คนตาบอดแหละที่จะใช้”
“มึ่งเรียนภาษาอังกฤษไม่ได้หรอ โง่อังกฤษขนาดนี้”
“มึงเรียนเขียนโปรแกรมไม่ได้หรอก โง่เลขจะตาย”
“มึงสอบบรรจุไม่ได้หรอก คนที่เก่งกว่ามึงหลายคนก็สอบไม่ได้”
แล้วส่วนใหญ่คนที่เหยียดผมก็เป็นคนตาบอดด้วยกันนะ ไม่ใช่คนตาดีที่เป็นเพื่อน ๆ กัน
นี่แหละครับ สิ่งที่ผมอยากจะจดมันเอาไว้ เราไม่ควรตัดสินใครหรอกถ้าเรายังไม่รู้ว่าเขาทำอะไรบ้าง
แต่ว่านะ ที่ผมเขียนมาทั้งหมดผมอยากจะบอกว่า การเหยียดของคนเรามันอาจจะไม่ได้ตั้งใจก็จริงนะ แต่ว่าคนที่เขาโดนเขาจำได้เสมอ แล้วอีกอย่าง
ไม่ได้มีแต่คนตาดีจะเหยียดกันเองหรอกครับ คนตาบอดที่ผมเจอก็มีเหยียดกันเองเหมือนกัน ตาบอดก็คนตาดีก็คน ดังนั้นเรื่องแบบนี้ปกติมาก
แต่มันอาจจะเป็นแนวคิดที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ผมอยากจริง ๆ นะ อยากให้เรื่องแบบนี้มันหายไปจริง ๆ ไม่อยากให้คนมาเหยียดกันแบบนี้เลย ครับ แต่ว่านะ คนที่เห็นความสำคัญของเราน่ะมีเสมอครับ อย่างน้อยก็มีครอบครัวที่เข้าใจ มีเพื่อนที่สนิทที่รับฟัง
เอาจริง ๆ ชีวิตผมนี่โชคดีนะ ผมเป็นโรคหลายโรค แต่เพื่อนที่เรียนก็เข้าใจ รุ่นพี่ก็รับฟัง อาจารย์ที่สอนก็เข้าใจว่าผมต้องการอะไร บางครั้งผมขาดเรียนเพราะต้องไปหาหมอ อาจารย์ก็ไม่ได้ว่า ผมว่านะ เราไม่ต้องไปสนใจหรอกว่าใครจะเหยียดเรา เราสนใจคนที่รักเราดีกว่า อย่างไรก็ตามใช้ชีวิตให้มีความสุขครับ เราไม่รู้หรอกว่าจะอยู่ได้อีกนานไหม แคคนที่แคเรา รักคนที่รักเรา ใส่ใจคนที่ใส่ใจเราาดีกว่า
ความคิดเห็น
ใครเคยเจอก็บอกได้นะ เหตุการณ์แบบนี้
แสดงความคิดเห็น