1. วันวาน
กลิ่นหอมดอกไม้อ่อนๆ ในสวนของอุทยานโชยมา...มองขึ้นฟ้าแจ่ม สีฟ้าครามเมฆสีขาวตัดขอบฟ้าใสเป็นริ้วๆ คล้ายหมอกล่องลอยบนฟากฟ้า วันนี้ฟ้าสวยจริงๆ แม้จะเย็นใกล้ห้าโมงแล้ว ฟ้าแบบนี้ซินะ ที่ครั้งนั้นฉันเคยมาประสบพบใครคนหนึ่งที่นี่ ที่ฉันเรียกว่า ‘รักบังเอิ้น...บังเอิญ’ กลอนก็มาพาฉันรำพึงถึง...เขาคนนั้นในวันนี้ที่สวรรค์มาแย่งเขาไปก่อนฉันจนได้
บังเอิญเจอเขา เปล่าเปลี่ยวเดียวดาย
ใจต้องมลาย ไม่หายคิดถึง
‘หน้าคะมำเลยนายอ้วนขาวจั๊ว วิ่งอิท่าไหนนิ’ สาวตาหยี นัยน์ตาสีน้ำตาล วิ่งมาคู่เลยรู้สึกอยากเข้าไปทักและถามว่าเป็นอะไรไหม
“เจ็บตรงไหมบ้างไหมคุณ” เธอทำเสียงเบาและหยุดวิ่งดูนายหนุ่มตุ้ยหน้าขาวว่าเป็นยังไงบ้าง แต่ก็ต้องหน้าหงายเลย หนุ่มหน้าขาวพูดแบบไม่เป็นมิตรเอาเสียนี่
“คู้ณ...ถามได้ มาเยาะกันรึว่าแซว” นายตุ้ยหน้าขาวพูดแบบไม่ใยดีและไม่อยากเป็นเพื่อนด้วย
“โอย...อย่างฉันเนี่ยนะ จะแซว...ให้ตายเถอะ เยาะล่ะได้นะ” เธอในตาหยีอยู่แล้ว หรี่ตามองหนุ่มขาวจั๊ว ด้วยความระมัดระวังว่าจะเจอคำพูดอะไรต่อไป
“ผมว่า คุณควรจะทำกิจกรรมของคุณเถอะ อย่ามายุ่งธุระของคนอื่น”
‘พูดแล้วก็ค่อยลุกขึ้น แบบน้ำหนักตัวยั้งให้คุกเข่าอยู่ เออหน่ะ น่าสงสารคนแบบนี้ปากเสียแถมไม่มีสัมพันธภาพอันดีอีก แย่นะ’ สาวตาหยี ผมสั้นปราดเปรียวก็สะบัดหน้าเชิดใส่ คิดในใจว่า ‘อยากจะช่วยเหลือแค่พูดให้กำลังใจ ก็ยังไม่อยากจะรับ’
“โอเค จะคุกเข่าอยู่อย่างนั้น รึว่าให้ฉันช่วยยก” สาวดูแข็งแรงกล้ามเนื้อเป็นมัดอยู่บ้างเสนอตัว
“คงไม่ต้องหรอก เพื่อนผมกำลังมานั่นไง” เขาทำท่ามองไปยังสาวผมน้ำตาลเข้มหน้าตาลูกครึ่งวิ่งมาหาเขาพอดี
“โอเคค่ะ” สาวตาหยีกำลังจะออกวิ่งต่อไป ก็ต้องให้ทักทายเพื่อนสาวของเขาเพื่อนสาวเป็นมิตรมากกว่านายขี้เก๊กและปากร้ายคนนี้
“ขอบใจนะ เพื่อนเราเขาเพิ่งจะมาวิ่งเป็นวันแรก และน้ำหนักค่อนข้าง...ไปหน่อย”
สาวตาโตผมน้ำตาลพูดเว้นวรรคแบบเกรงใจ ไม่อยากพูดถึงจุดอ่อน เธอให้การทักทายอย่างอบอุ่น ทำให้สาวตาหยีก็อยากทราบชื่อเสียงเรียงนามทั้งสองคน
“เรียกเราว่า โรซ่า หรือสั้นๆว่า โรช ส่วนเพื่อนเรา ‘ฟ้าประทาน’ หรือสั้นๆ ว่า ‘ฟ้า’ นะ”
“คัมซา หรือ คัม” สาวตาหยีผมสั้น สไตล์สาวเกาหลีแนะนำตัวแล้วก็ขอตัววิ่งต่อไปต่างคนต่างวิ่งกัน...เมื่อวนมาเจอกัน สาวลูกครึ่งก็พยักหน้ายิ้มให้สาวตาหยีตลอดส่วนเพื่อนชายก็ได้แต่ทำหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่เคยรู้จักหรือเจอกันเลย
วันนี้สองคนวิ่งได้แค่สองรอบก็ไม่อยากจะวิ่งต่อ เพราะเพื่อนชายมู้ดดี้อารมณ์บ่อจอยที่หกล้มต่อหน้าสาว แถมยังมีข้อเสนอให้ช่วยพยุงขึ้น ทำให้รู้สึกเสียหน้า แต่สำหรับคัมซาแล้ว เธอไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกหรือว่าหน้าแตกตรงไหน ใครๆ ก็เป็นได้ การรู้จักช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เล็กๆ น้อยๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่หนักหนาสาหัสตรงไหน เธอยังมีโอกาสช่วยเหลือคนสูงวัยที่มาวิ่งบ่อยครั้ง เธอเป็นคนชอบพกยาดมยาหม่อง อุปกรณ์พวกนี้เธอจะติดไว้เผื่อเสมอ
“คัม ใจลอย...วันนี้ทำงานเหม่อเชียว ซุปเรียก 2 ครั้งแล้วนะเธอ” เพื่อนร่วมงานมาสะกิดว่าหัวหน้าเรียกไปสอบถามข้อมูลเรื่องลูกค้ามาตะโกนต่อว่าอยู่นานสองนาน
หน้าชอป
“ค่ะ พี่เดียว พอดีเขามาสอบถามเครื่องฟอกอากาศ ทำไมมีปัญหา คัมก็แจ้งว่าให้โทรไปตามเบอร์ที่ให้ แล้วแจ้งเลยว่าเสียอะไรบ้าง เคลมได้เพราะบริษัทมีรับประกัน แต่เธอบอกเสียเวลามากเลย ทำไมซื้อมาต้องมีปัญหา”
“พี่เรียกหาอยู่ แต่เราเหมือนจะไม่ได้ยินพี่เลยนะ” ซุปชื่อเดียว เป็นหัวหน้าในชอป ที่คัมซาทำงานเป็นฝ่ายส่งเสริมการขาย ด้วยอัธยาศัยไมตรีที่ดีของคัมซา ทำให้เพื่อนๆ และพี่เดียวของทุกคนชื่นชอบ มีสิ่งเดียวที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เธอมักจะดื้อรั้นถ้าเรื่องนั้นไม่ถูกต้อง จะให้เธอต้องน้อมรับคงจะไม่ใช่สาวอย่างคัมซาแน่นอน
คัมซาทำงานที่แห่งนี้มานานเกือบหนึ่งปี มีนาคมปีหน้าจะครบขวบปี แต่เธอคิดอยู่ตลอดเวลาว่า เธอจบด้านการตลาดมาและต้องมาทำงานตรงจุดนี้คงจะไม่ก้าวหน้า ถ้าได้ไปเรียนโทต่อคงจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้น ที่บ้านพ่อกับแม่ก็รอว่าเธอจะยังไง น้องสาวกำลังเรียนอยู่ปี 3 และก็จะจบตามมาเร็วๆ นี้ คัมซาก็วางแผนอยากเรียนต่อ แต่ที่เธอฝันคืออยากไปเรียนต่อที่อังกฤษ และเธอก็ได้หารายละเอียดบ้างแล้วว่าที่นี่เรียนแค่หนึ่งปีเศษก็จบ
พี่เดียวซุปที่ชอปก็ทราบดีว่าเธอคงจะทำงานอยู่ไม่นาน แต่ด้วยการทำงานที่รับผิดชอบและความมีน้ำใจ ทำให้เธอกลายเป็นดาวเด่น และเช่นกันคนอย่างซุปเดียวมีรึจะไม่ชอบเธอ และแอบมองสาวตาหยีผมสั้นสไตล์เกาหลีคนนี้อยู่บ่อยๆ
พ่อกับแม่ของคัมซา ค้าขายเสื้อผ้าสไตล์เกาหลี ถึงจะดูว่าไม่มีหน้ามีตานักในสังคมที่มองเรื่องฐานะและหน้าที่การงาน แต่ก็หมุนเงินในธุรกิจเลี้ยงดูลูกสาวสองคน คือ
‘คัมซา’ และน้องสาว ‘อันยอง’ ได้ทัดเทียม อันยองได้เรียนปริญญาตรีหลักสูตรภาคอินเตอร์ที่เชียงราย ส่วนคัมซาก็มีโอกาสได้ไปโครงการแลกเปลี่ยน และไปทำงานโครงการเวิร์คแอนด์ทราเวลที่อเมริกาด้วย สองสาวจึงดูดีในสายตาของญาติๆ เพราะนอกจากจะภาษาดีแล้วยังประพฤติตนไม่เหลวไหล อ้อนน้อมถ่อมตน แม้ว่าอันยองจะดูหยิ่งๆ ในสายตาเพื่อนบ้าน แต่เธอก็มีน้ำใจให้กับทุกคน สำหรับคัมซาเป็นสาวมั่นอกมั่นใจ ไม่ค่อยเอ่ยปากขอเงินพ่อกับแม่บ่อยนัก ระหว่างเรียนเธอก็ทำงานร้านกาแฟและขายเสื้อผ้าที่มีอยู่ในสต๊อคที่บ้านให้กับเพื่อนๆ ในมหาวิทยาลัย
คัมซาเป็นคนเจ้าระเบียบคิดมาก ส่วนน้องอันยองของเธอเป็นสาวขี้อ้อนแต่ก็ไม่เบาเรื่องการต่อปากต่อคำของเธออยู่เหมือนกัน สุดท้ายแม้จะเป็นคนเจ้าระเบียบจู้จี้บ้าง แต่ก็ยอมน้องเสมอ
“อันยองมีงานปาร์ตี้เสาร์หน้า อยากให้คัมซาไปร่วมงานด้วยนะ” อันยองอยากโชว์พี่สาว
“มาชวนฉันนี่นะ แทนที่จะชวนเพื่อนหรือไม่ก็แฟน เป็นงานอะไรล่ะ” คัมซาถามแบบไม่ใส่ใจ น้องสาวขาปาร์ตี้ คัมซาก็เห็นว่าทุกครั้งมักจะมีเพื่อนไปด้วยเสมอ งานนี้มาแปลก
“งานวันเกิดและงานครบรอบแต่งงานของพ่อกับแม่ของแอนนี่ ไปเถอะน่า อยากโชว์พี่สาว” อันยองพูดอย่างออกหน้าว่าอยากโชว์เธอกับเพื่อนๆ แต่ก็เหมือนอยากเซอร์ไพร์สด้วย
“แล้วต้องใส่ชุดไหนดีล่ะเนี่ย” คัมซากังวล ด้วยความที่เป็นคนเจ้าระเบียบและเรียบร้อย ก็อยากรู้ว่าจะต้องแต่งตัวยังไงให้เหมาะสม
“แหม คุณพี่ บ้านเรามีเสื้อผ้าสต๊อคอยู่เต็มบ้าน ก็เลือกเอาที่มันสวยๆ ใส่แล้วปิ้งๆ คะ” น้องสาวคัมซา หัวเราะคิกและมองหน้าพี่สาวว่าแค่นี้ทำไมต้องถาม
“เอาล่ะ ฉันจะไปดูว่ามีเดรสสีครีมไหม น่าจะโออยู่นะ” คัมซาพูดลอยๆ และเดินไปหาแม่เพื่อจะสอบถามว่าพอจะมีเสื้อผ้าแนวเรียบร้อยไปงานปาร์ตี้วันเกิดไหม
เอาล่ะ สาวน้อยคัมซาจะไปงานปาร์ตี้ของน้องสาว แล้วจะรู้จักใครไหมเนี่ย ให้รู้สึกหวั่นใจ แต่ก็มั่นใจว่า ความที่เป็นคนผูกมิตรเก่งคงหาเพื่อนคุยได้ไม่ยาก
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 137
แสดงความคิดเห็น