Element King (My Hero Academia-Realm of Tales AU) บทที่ 9 มิโดริยะ อิซึคุ
เห็นชื่อบทนี้ คุณผู้อ่านคงจะคิดว่าผมคงจะต้องเล่าเกี่ยวกับตอนที่ผมได้เจอกับเด็กคนนี้เป็นครั้งแรกแน่ ๆ ถูกต้องแล้วครับ คุณเดาถูกแล้ว ผมจะเล่าเรื่องอิซึคุให้ฟัง แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น ผมขอเล่าก่อนว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
เริ่มจากพวกวิลเลินก่อนเลย ลูซิฟิรอส เจ้าแห่งนรก ที่ยังไม่เข็ดจากการต่อสู้แล้วแพ้หลาย ๆ รอบ พอได้ข่าวว่าอลันมีลูกชายชื่อเฮนรี่ เขาก็เม้งแตกอย่างรุนแรง และพยายามจะเข้าไปกำจัดเฮนรี่ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก ๆ เพื่อที่จะได้ไม่ให้เขาได้แจ้เกิดในฐานะเอเลเมนท์คิงรัชกาลถัดไป แน่นอนว่าแกนนำของสมาพันธ์วิลเลินนั้น ดาร์คลอร์ดยังคงดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำสูงสุด ส่วนออลฟอร์วันเป็นรองผู้นำเช่นเดิม แต่เพิ่มเติมคือเลขาธิการคือ ชิการาคิ โทมูระ ผู้มีอัตลักษณ์กัดกร่อน จับอะไรก็ย่อยสลายหมด เจ้าหมอนี่น่ะสวมชุดดำทั้งตัว มีมือเทียมเกาะตัวเต็มไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ใบหน้าที่ก็ยังมีมือเกาะหน้าจนเหลือแต่ดวงตาที่อาฆาตพยาบาทเหล่าฮีโร่ และผมสีฟ้าแสนกระเซิงของเขา และเหรัญญิกอย่างคุโรกิริ มีอัตลักษณ์ในการเปิดวาร์ปเกตส่งพวกออกมา ซึ่งจริง ๆ ผู้มิอัตลักษณ์ดาร์คลอร์ดและลูซิฟิรอสก็สามารถเปิดประตูได้นะ และแน่นอนยังไม่นับกลุ่มลูกสมุนใหม่ ๆ อีกมากมายที่จะมาถล่มบ้านตระกูลแบรนโดเรี่ยนให้ย่อยยับไป
อย่างไรก็ตาม ลูซิฟิรอสกลับชอบลืมอยู่เรื่อยว่า จิตใจของลูซิฟิรอสเป็นหนึ่งเดียวกับอัตลักษณ์ดาร์คลอร์ดฉันใด จิตใจคนอื่น ๆ ที่มีอัตลักษณ์ดาร์คลอร์ดก็เป็นหนึ่งเดียวกับมันฉันนั้น คนที่ได้อัตลักษณ์ดาร์คลอร์ดย่อมรู้แผนการของลูซิฟิรอสผ่านนิมิตที่ดาร์คลอร์ดเผยให้เห็น (ถ้าถามผมนะ พวกดาร์คลอร์ดฝ่ายดีนี่อันตรายยิ่งกว่าพวกแบรนโดเรี่ยนเสียอีก เพราะถึงแม้ลูซิฟิรอสจะรู้ว่าคนที่มีพลังดาร์คลอร์ดแต่ละคนทำอะไรก็จริง แต่ในทางกลับกัน พวกนี้ก็รู้ว่าเจ้าแห่งนรกทำอะไรอยู่เช่นกัน แต่เจ้าแห่งนรกกลับไม่สนใจและมองข้ามผลข้างเคียงนี้ไปดื้อ ๆ ซะอย่างนั้น)
นั่นแหละครับ ด้วยความที่พวกแบรนโดเรี่ยนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ดังนั้นพวกฮีโร่ในประเทศอังกฤษจึงรู้ตัวและเข้ามาตอบโต้กับลูซิฟิรอสให้จงได้
ในคืนนั้นเอง ขณะที่เฮนรี่อายุประมาณสี่ขวบ เหล่าแกนนำสมาพันธ์วิลเลินเข้าถล่มบ้านแบรนโดเรี่ยนเพื่อหมายจะฆ่าอลันและเฮนรี่ ซึ่งอลันก็พยายามจะถ่วงเวลาอย่างสุดฝีมือตนกว่าความช่วยเหลือจะมาถึง แต่เขาไม่สามารถถ่วงเวลาได้นานกว่าที่คิดเนื่องจากอลันไม่สามารถรับมือกับลูกสมุนที่โหดกว่ายุคของเขาได้ไหว เขาจึงได้สั่งให้อะบิเกลพาเฮนรี่หนีไปจากที่นี่
แต่พวกเขาไม่จำเป็นต้องหนี เพราะเหล่าขุนนางแห่งธาตุ พัศดีแห่งนรก มาพร้อมกับโทชิโนริ ผม อากิโกะ และอีธานด้วย ทุกคนมาเพื่อจัดการกับพวกลูกน้องและแกนนำของสมาพันธ์วิลเลิน ผมกับโทชิโนริเข้าไปรุมสกรัมดาร์คลอร์ดตัวต่อตัว ส่วนอากิโกะกับอีธานรีบไปหาอะบิเกลกับเฮนรี่เพื่อไม่ให้พวกวิลเลินเข้ามาหาได้ แต่สำหรับลูซิฟิรอสหลังจากฟาร์มความแข็งแกร่งด้วยการกินร่างกายสำรองที่ไม่จำเป็นจนแข็งแกร่งขึ้น เหล่าพัศดีแห่งนรก รวมถึงผมและขุนนางแห่งธาตุที่ได้อัตลักษณ์ดาร์คลอร์ดก็หวิดจะโดนลูซิฟิรอสดูดพลังชีวิตเหมือนกัน เพราะถ้าเจ้าแห่งนรกสูบพลังชีวิตของพวกเราได้ละก็ พวกเราจะหมดแรงทันที และจะฟื้นฟูพลังช้าเป็นหลายชั่วโมงเลยทีเดียว
หลังจากที่พวกเราต่อสู้กันอยู่พักหนึ่ง อัตลักษณ์ของเฮนรี่และอีธานก็เกิดขึ้นมาแล้ว ปีกสีทองของเอเลเมนท์คิงผุดขึ้นมาจากหลังของเฮนรี่ ส่วนอีธานนั้นมีทั้งปีกของราชาแห่งธาตุและจอมมารผุดขึ้นมาจากหลังของเขาพร้อม ๆ กัน ทั้งเฮนรี่และอีธานได้เข้าไปจัดการกับลูซิฟิรอสเต็มที่ แน่นอนว่าผม อากิโกะ อลัน และอะบิเกลจะเป็นห่วง กลัวว่าลูกของพวกเราจะโดนลูซิฟิรอสทำร้ายมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
และเมื่อดาร์คลอร์ดโกรธจัด เขาจึงเข้าไปต่อยอีธานเข้าที่ท้องจนกระเด็นไปถูกแม่ของเขาอย่างจัง แม้จะจุกเอาเรื่องแต่ก็ไม่น็อกหมดสภาพง่าย ๆ หรอก แต่ยังไม่ทันที่อีธานจะลุกขึ้นมาได้ เจ้าแห่งนรกก็คว้าเอาขาเฮนรี่จับทุ่มพื้นซ้ำ ๆ หลายครั้งก่อนจะจับคอเฮนรี่ลอยกลางอากาศหวังจะบีบคอฆ่าให้ตาย ส่วนอีธาน หลังจากยืนขึ้นมาได้ เขาก็ตัดสินใจพุ่งเข้าไปหาเจ้าแห่งนรกเพื่อตัดจังหวะเขา แต่มืออีกข้างของลูซิฟิรอสที่ยังว่างอยู่ได้ถูกชักออกมาพ่นลำแสงทมิฬใส่อีธานอย่างจัง และทันใดนั้นก็มีพลังงานบางอย่างในตัวเฮนรี่ช็อตดาร์คลอร์ดอย่างรุนแรงเกือบสิบวินาที จนกระทั่งเจ้าแห่งนรกยอมปล่อยตัวเฮนรี่ให้ล้มลงกับพื้น จอมมารยืนเซอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่กายเนื้อของเขาจะสลายหายไป และในวินาทีนั้น ออลฟอร์วัน โทมูระ และคุโรกิริที่เห็นว่าหัวหน้าใหญ่สูญเสียกายเนื้อไปแล้ว พวกเขาก็รีบพาลูกสมุนที่เหลืออยู่เผ่นโกยแน่บกลับฐานทัพของตัวเองแบบป่าราบเลย
ส่วนอีธานกับเฮนรี่ หลังจากทรุดลงกับพื้น พวกเราก็...
“เฮนรี่ลูกพ่อ!!” อลันร้อง และรีบไปประคองร่างของลูกชายของเขา
“อีธาน!” ผมร้องและรีบวิ่งไปหาลูกชายของผม
“เจ็บตรงไหนบ้างลูก?” อากิโกะถามลูกชาย
“ผมไม่เป็นไรครับแม่” อีธานตอบ “แค่ลำบากตอนที่อัตลักษณ์ของผมเกิดขึ้นพร้อมกันเจ็ดอัตลักษณ์นี่แหละครับ”
“แล้วเฮนรี่ล่ะ?” ผมถาม แต่อีธานชี้ไปที่เฮนรี่ซึ่งนอนหมดสติในอ้อมกอดของอลันและอะบิเกล ผมเห็นว่าปีกจอมมารงอกออกมาซ้อนทับปีกราชาแห่งธาตุที่หลังของเฮนรี่
“ไม่นะ” ผมอุทาน แล้วรีบพาครอบครัวของผมไปหาพวกแบรนโดเรี่ยน ในขณะที่วิญญาณของกษัตริย์แห่งธาตุรัชกาลที่หนึ่งก็ปรากฏตัวให้เห็น และโทชิโนริก็มาดูเฮนรี่ด้วย
“ฝ่าบาทครับ ลูกชายผมจะเป็นยังไงบ้างไหมครับ?” อลันถามวิญญาณกษัตริย์รัชกาลแรก
“ดูกจากสภาพแล้วลูกชายของเจ้าน่ะรอดแน่นอน แต่ว่า...” วิญญาณกษัตริย์รัชกาลแรกตอบ
“แต่ว่าอะไรเหรอครับ?” อลันถาม
“ลูกชายของเจ้าน่ะได้ดูดซึมอัตลักษณ์ดาร์คลอร์ดไปครึ่งหนึ่งของอัตลักษณ์ที่ลูซิฟิรอสมีแล้ว และการสูญเสียอัตลักษณ์เพียงครึ่งหนึ่งมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้กายเนื้อของเจ้าแห่งนรกนั้นสูญสลายกลายเป็นฝุ่นไป”
วิญญาณกษัตริย์พูดจบ อลันกับอะบิเกลก็หน้าถอดสีอย่างหนัก เพราะพวกเขารู้ดีว่าอัตลักษณ์ดาร์คลอร์ดกับจิตของลูซิฟิรอสเป็นหนึ่งเดียวกัน และใครก็ตามที่มีอัตลักษณ์จอมมารอยู่ในร่างก็เท่ากับว่าจิตของเขาหรือเธอเป็นหนึ่งเดียวกับอัตลักษณ์ รวมถึงมีจิตวิญญาณของลูซิฟิรอสอยู่ในร่างกายแล้วส่วนหนึ่ง และจิตวิญญาณส่วนดังกล่าวอาจจะมีโอกาสที่จะยึดร่างกายของผู้มีอัตลักษณ์ดาร์คลอร์ดได้หากกายเนื้อเก่าของลูซิฟิรอสถูกทำลายไปแล้ว
“แล้วลูกชายของผมจะกลายเป็นวิลเลินไหมครับฝ่าบาท?” อลันถามวิญญาณกษัตริย์
เดชะบุญ เพื่อไม่ให้อลันกับอะบิเกลวิตกไปมากกว่านี้ โทชิโนริก็ตอบอลันเป็นการปลอบใจว่า “ไม่หรอก จิตใจของเฮนรี่น่ะแข็งแกร่งและทนทานต่อการครอบงำของจอมมารได้ เขาไม่มีทางที่จะถูกครอบงำได้ง่าย ๆ หรอกน่า”
“ใช่แล้ว” วิญญาณกษัตริย์เสริม “เฮนนี่น่ะคงต้านทานความมืดในตัวได้ เหมือนกับผู้มีอัตลักษณ์ดาร์คลอร์ดบางคนที่ข้าพบเจอมายังไงล่ะ”
แต่ชีวิตของเฮนรี่ยังไม่แน่นอน ไม่มีใครรู้ว่าจิตวิญญาณของลูซิฟิรอสจะทำอะไรเฮนรี่กันแน่ เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ว่าเฮนรี่จะสามารถหยุดลูซิฟิรอสในร่างของเขาได้หรือไม่
และหลังจากเหตุการณ์นั้น อีธานก็ได้เจอกับคนอื่น ๆ อีกมากหน้าหลายตาที่มีทั้งเอเลเมนท์คิงและดาร์คลอร์ด หรือไม่ก็มีทั้งสองอัตลักษณ์ผสมกันเลย ซึ่งก็มีคนอื่น ๆ อีกเยอะที่จะเป็นตัวเต็งในการเข้าไปอยู่ในโรงเรียนยูเอเช่นเดียวกับอีธานและเฮนรี่ แต่หนึ่งในนั้นกลับเป็นกุญแจสำคัญในสงครามอัตลักษณ์ครั้งนี้ นั่นก็คือ ลีพุง ชิกะอิจิ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า เขาระลึกชาติได้ว่า ตนเองคือ เดมิกอด ออริจินส์โคลน 394 กลับชาติมาเกิด และเขาจะใช้ชื่อของตัวเขาในชาติก่อนนี่แหละเป็นชื่อฮีโร่ และอัตลักษณ์ของเขาก็คือ เดมิกอด สรรพคุณของอัตลักษณ์นี้ไม่ต้องไปอธิบายให้มากความนอกจากเป็นสุดยอดผู้ควบคุมเรล์ม ไม่มีอะไรในเรล์มนี้ไร้เทียมทานได้เท่าเขาแล้ว ผมก็นึกว่าการมาคราวนี้ทำให้สมาพันธ์วิลเลินต้องเม้งแตกแน่เพราะมีตัวอันตรายคนใหม่ แต่ที่ไหนได้ กระแสของสามทหารเสือไร้เทียมทานอย่างออลไมท์ เอเลเมนท์คิงรัชกาลที่ 161 และเอเลเมนท์เมจิกเชี่ยนอย่างผมยังคงปังต่อเนื่อไม่หยุด และชิกะอิจิเองที่ยังไม่ดังเท่าที่ควร และไม่มีใครล่วงรู้ถึงอัตลักษณ์เดมิกอดได้ดีเท่ากับฮีโร่มืออาชีพเพียงไม่กี่คน และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น เลยทำให้กระแสของชิกะอิจิถูกกลบจมดินไปอย่างง่ายดาย
ชิกะอิจิมีสัตว์เลี้ยงนั่นก็คือแจ้ เป็นไก่สีขาวและเป็นคู่หูของชิกะอิจิ โดยแจ้จะเรียกชิกะอิจิว่าเจ้านายตลอดเวลา ทุกครั้งที่ชิกะอิจิไปไหนเขาก็จะพาแจ้ไปด้วย ซึ่งผมก็เคยเจอกับเขาเป็นครั้งแรกเหมือนกัน
ตอนที่ผมเจอเป็นครั้งแรกผมได้มาเดินซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าคิยาชิวอร์ด ผมเห็นชิกะอิจิพาแจ้มาด้วย
“สวัสดี” ผมทักทาย “จะเข้ายูเอด้วยใช่ไหม?”
“ใช่ครับ” ชิกะอิจิตอบ “คุณคือเอเลเมนท์เมจิกเชี่ยนใช่ไหมครับ?”
“ใช่แล้ว” ผมตอบ “ฉันเป็นหนึ่งในอาจารย์ของโรงเรียนยูเอน่ะ และฉันกำลังจะเขียนนิยายภาคต่อด้วย”
นิยายที่ผมเขียนเป็นเล่มแรกนั้นมีชื่อว่า “การผจญภัยของชายผู้มีสองอัตลักษณ์” ซึ่งจะได้แรงบันดาลใจมากจากชีวิตวัยเรียนของผมเอง และในภาคต่อของเล่มนี้จะมีชื่อว่า “เมื่อผู้มีสองอัตลักษณ์กลายเป็นอาจารย์” ซึ่งจะอ้างอิงมาจากชีวิตการเป็นอาจารย์ของผมนี่แหละ
“ว้าว!!” ชิกะอิจิร้อง “ผมเคยซื้อนิยายของคุณมาด้วย สุดยอดจริง ๆ นะครับ ผมจะรอนิยายภาคต่อนะครับ”
“ขอบใจ” ผมพูด “เอาล่ะ แล้วไก่ตัวนี้ชื่ออะไรเหรอ?”
“ผมชื่อว่าแจ้ครับ เอเลเมนท์เมจิกเชี่ยน ยินดีที่ได้รู้จักครับ” แจ้ตอบ
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน แจ้” ผมบอก
“ผมใฝ่ฝันมาตลอดว่า ผมจะเป็นฮีโร่อันดับหนึ่ง ผมจะเป็นให้ได้แบบออลไมท์ให้ได้เลยครับ!” ชิกะอิจิพูด
“ใช่แล้วเจ้านาย ออลไมท์ถือได้ว่าเป็นแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ กลายเป็นฮีโร่คอยปกป้องเด็ก ๆ ทุกคนด้วย” แจ้เสริม
“ดีมาก ๆ” ผมพูด “เธอจะได้เป็นแน่นอน”
ทีนี้มาเข้าเรื่องราวของเรา มิโดริยะ อิซึคุ เด็กหนุ่มที่ผมเคยตั้งเป็นชื่อบทไว้แล้วแต่ออกทะเลไปไกลเกินความจำเป็น เขาคลั่งไคล้ในตัวออลไมท์และอยากจะเป็นฮีโร่ให้ได้ แต่มันมีปัญหาอยู่อย่างเดียวคืออิซึคุดันเป็นเด็กไร้อัตลักษณ์! โอ้ ให้ตายเถอะ ผมเข้าใจความรู้สึกของเขาดี เพราะคนที่อยากเป็นฮีโร่แต่ไร้อัตลักษณ์มีอยู่เยอะเหมือนกัน แถมอิซึคุยังถูกเพื่อนร่วมห้องที่เป็นแก๊งเกรียนประจำห้องรังแกอีกต่างหาก หัวหน้าแก๊งก็คือ บาคุโก คัตซึกิ ผู้มีอัตลักษณ์ระเบิด โดยมีสรรพคุณคือทำให้เหงื่อของตัวเองเป็นระเบิด เขาใช้อัตลักษณ์ของตัวเองเพื่อแกล้งอิซึคุ เด็กชายผมเขียวที่ถูกมองว่าอ่อนแอ และก็ถูกตั้งชื่อเล่นให้ว่าเดกุ เพื่อตีตราจากหมู่ทีมเกรียนของห้องว่าเป็นขี้แพ้ที่ไม่มีประโยชน์ในด้านใดเลย
และมันก็เป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกับตอนที่โทชิโนริกับอลันที่ดูอ่อนแอลงหลังจากผ่านอะไรมาเยอะมาก และก็ต้องการคนที่จะส่งต่อหน้าที่แทน สำหรับผมนั้นผมก็มีแล้ว นั่นก็คืออีธาน ลูกชายหลายอัตลักษณ์ ส่วนอลันก็มีเฮนรี่ลูกชายแท้ ๆ ของเขา แต่โทชิโนริล่ะจะส่งต่อให้ใครกัน? ดังนั้น พวกเราสามทหารเสือไร้เทียมทาน ฮีโร่มืออาชีพที่อยู่จุดสูงสุดของโลก ได้มาคุยกัน สารรูปของโทชิโนริตอนนี้ ผอมแห้งมากและกระอักเลือดบ่อย ๆ เหมือนกับที่ผมเล่าไว้ในบทที่ 3 ช่างเป็นสภาพที่ดูน่าสงสารเอามาก ๆ
“ยากิคุง” ผมเรียกโทชิโนริ “นายจะฝืนแบบนี้ต่อไปจริง ๆ เหรอ?”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าจะฝืนแบบนี้ต่อไปได้อีกนานแค่ไหนนะซุเนริคุง” โทชิโนริตอบ “ฉันคิดว่าน่าจะต้องถ่ายโอนอัตลักษณ์วันฟอร์ออลไปให้กับคนอื่น ๆ เพื่อที่เขาจะได้ส่งต่อสัญลักษณ์แห่งสันติภาพคนต่อไปแล้วล่ะ”
“ฉันเห็นด้วยกับนาย” ผมพูด “แต่นายต้องเลือกคนที่เหมาะสมดี ๆ นะ เพราะยังมีอีกหลาย ๆ คนที่ต้องการจะเป็นฮีโร่ และนายเป็นต้นแบบให้กับคนเหล่านั้นอย่างมาก”
“วันฟอร์ออลกับเอเลเมนท์คิงเป็นเหมือนอัตลักษณ์ที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ริชาร์ด” อลันพูด “ถ้าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป ทุกอย่างมันจะไม่สมบูรณ์ แล้วโทชิโนริล่ะจะทำยังไงต่อ”
“ตราบใดที่ฉันยังไม่ได้สะสางทุกอย่างให้มันเสร็จ ๆ ฉันจะไม่มีทางวางมือจากการเป็นฮีโร่แน่นอน” โทชิโนริตอบ
“ถ้านายต้องการทำแบบนั้นก็เอาเลย” ผมพูด จากนั้นพวกเราก็ได้ลาเพื่อแยกย้ายกันกลับบ้านไป
ต่อมาผมก็ได้พบกับอิซึคุเป็นครั้งแรก ตอนแรกเขาก้มหน้าด้วยความเศร้าหมองตลอดเวลา แม้ผมไม่รู้จักชื่อของเขา แต่ผมก็จะทำความรู้จักเขาให้ได้
“สวัสดี เธอชื่ออะไรเหรอ?” ผมถาม
“ผมชื่อ...มิโดริยะ อิซึคุ” หนุ่มผมเขียวตอบ และหันมามองหน้าผมทั้งน้ำตา
“ฉันคือ...เอเลเมนท์เมจิกเชี่ยน” ผมแนะนำตัว “ฉันเป็นทั้งหนึ่งในอาจารย์โรงเรียนยูเอและเป็นนักเขียนนิยายด้วย”
“จริงเหรอครับ!” อิซึคุถาม “ผมเคยซื้อนิยายของคุณมาแล้ว สนุกมากเลยนะครับ!”
“ขอบใจมากมิโดริยะ” ผมตอบ “เอาจริง ๆ ฉันรู้สึกสงสารเธออย่างมากเลยนะ เธอไม่มีอัตลักษณ์ แถมยังโดนคนที่มีอัตลักษณ์แกล้งประจำอีก ถูกไหม?”
“ค...คุณเข้าใจผม อย่างนั้นเหรอครับ??” อิซึคุถามผมด้วยเสียงสั่นครือ
“ใช่แล้ว” ผมตอบ
“แต่...” อิซึคุพูด “บางครั้งผมก็ยังไม่แน่ใจว่าตกลงผมเกิดมามีหรือไม่มีอัตลักษณ์กันแน่”
“เธอหมายถึงเรื่องอะไรเหรอ?” ผมถาม
“ตอนผมอยู่ ป.6 ผมได้ไปเจอลูกบาศก์ประหลาดใส ๆ ที่เรืองแสงสีฟ้าอ่อนอยู่หน้าบ้านผม ผมเก็บมา แต่จู่ ๆ ก็มีพลังงานบางอย่างเข้ามาในตัวผม จนเกิดเป็นพลังวิเศษขึ้นมา” อิซึคุพูด “และจากนั้น มิสเตอร์แฟนทาสติกก็เก็บลูกบาศก์นี้ไป ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเรียกว่า คอสมิกคิวบ์นะครับ”
“คอสมิกคิวบ์อย่างนั้นเหรอ? อืม...” ผมชั่งใจกับสิ่งที่หนุ่มผมเขียวเล่ามา ทำไมลูกบาศก์อวกาศถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ที่หน้าบ้านของอิซึคุละเนี่ย เรื่องนี้พวกอิลลูมิแนติต้องมีคำตอบ
“อะไรเหรอครับ?” อิซึคุถาม
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก” ผมตอบ “ฉันแค่อยากจะรู้ว่า คอสมิกคิวบ์ที่มิสเตอร์แฟนทาสติกเก็บไปศึกษานั้นมันมีพลังอะไรนอกเหนือจากที่ฉันรู้มากันแน่”
“ทำไมเหรอครับ?” อิซึคุถาม
“เท่าที่ฉันรู้มานะ คอสมิกคิวบ์จะเป็นลูกบาศก์อวกาศที่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงในจักรวาลได้ในระดับสุดยอด แต่บางอันสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ด้วย เช่น บียอนเดอร์ เมเกอร์ เชเปอร์ออฟเวิลด์ส คิวบิก หรือโคบิก” ผมอธิบาย “แต่อันที่เธอได้พลังมานั้นฉันไม่รู้ว่ามันจะแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้หรือเปล่า ถ้ามันแปลงร่างได้ มันจะชื่ออะไรและใช้รูปลักษณ์ของใครกันแน่”
“ผมก็สงสัยเหมือนกัน” อิซึคุตอบ “แต่ผมว่าเรื่องรูปลักษณ์ที่ลูกบาศก์แปลงร่างได้ มันอาจจะใช้รูปลักษณ์ของผมเลยก็ได้นะ”
“อืม ก็เป็นไปได้” ผมเสริม
“พ่อครับ นั่นใครเหรอ?” เสียงที่ผมรู้จักดังขึ้นมาจากข้างหลัง เสียงของอีธานลูกชายผมนั่นเอง ผมหันไปถามอีธานที่เดินมาหาผมทางข้างหลังว่า
“นี่ลูกมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?”
“ผมเพิ่งจะล้มพวกจิ๊กโก๋ปลายแถวมา” อีธานตอบ “แล้วผมก็ได้พบกับลีพุง ชิกะอิจิด้วยฮะ”
“อ๋อ พ่อเคยเจอเขามาก่อนแล้วลูก” ผมพูด “อ้อ พ่อลืมบอกไป นี่มิโดริยะ อิซึคุนะ” จากนั้นผมก็ตบบ่าอิซึคุเบา ๆ
“นี่ลูกชายของอาจารย์เหรอครับ?” อิซึคุถามผม
“ใช่” ผมตอบอิซึคุ
“ฉัน อีธาน ซุเนริ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” อีธานยื่นมือจะไปเชกแฮนด์
“ผม มิโดริยะ อิซึคุ ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน” อิซึคุจับมืออีธาน
“นี่นายอยากเป็นฮีโร่มากเพราะออลไมท์เลยเหรอ?” อีธานถามอิซึคุ
“ใช่แล้วอีธานคุง” อิซึคุบอก “แต่ผมก็ไม่แน่ใจนะว่าตกลงผมมีหรือไม่มีอัตลักษณ์ตั้งแต่เกิดกันแน่ เพราะอย่างที่ผมบอกพ่อนายไป แต่ผมจะเล่าให้นายฟังอีกทีก็แล้วกัน ตอน ป.6 ผมได้ไปเก็บคอสมิกคิวบ์ที่ตกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วลูกบาศก์มันถ่ายโอนพลังวิเศษของผมไปให้ ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ มันคือพลังจากลูกบาศก์หรือเปล่าผมก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ผมมีพลังวิเศษแล้วอ่ะ”
“นายได้พลังก็ดีแล้ว” อีธานพูด “จะได้เป็นฮีโร่อย่างที่นายต้องการเสียที”
“แต่ผมก็ไม่มั่นใจเลยว่าตกลงผมมีอัตลักษณ์จริงหรือเปล่าน่ะสิ” อิซึคุตอบ
“ฉันรู้แล้ว” ผมพูด และหันมาบอกอิซึคุว่า “นั่นน่าจะเป็นอัตลักษณ์ใหม่ของเธอ มิโดริยะคุง คุณสมบัติในการคัดลอกพลังผ่านการสัมผัสวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตที่มีพลังวิเศษ ซึ่งเธอจะสามารถตัดสินใจว่าจะคัดลอกพลังจากใครหรือสิ่งไหนเท่านั้นเอง และแหล่งต้นกำเนิดพลังที่ถูกเธอคัดลอกจะไม่สูญเสียพลังทั้งหมดของตัวเอง แต่ฉันสงสัยอยู่อย่างหนึ่งว่าถ้าเป็นอย่างนั้นเธอจะไม่เพิ่งคัดลอกพลังอื่นบ้างเลยเหรอ?”
“ผมไม่ได้คัดลอกเลยครับ แปลกมาก” อิซึคุตอบ “ถ้าอัตลักษณ์ของผมคือการคัดลอกพลังจริง ๆ ผมว่าน่าจะต้องคัดลอกพลังอื่น ๆ ที่ผมยังไม่รู้อีกเยอะแน่ ๆ และดีไม่ดีผมอาจจะเผลอคัดลอกพลังของคัตจังมาด้วยก็เป็นได้”
“คัตจัง?” ผมถาม
“อ๋อ เพื่อนสนิทที่ชอบแกล้งผมประจำนั่นเองครับ” อิซึคุอธิบาย “เขาชื่อ บาคุโก คัตซึกิ เขามีอัตลักษณ์ระเบิด คุณสมบัติคือเขาจะเปลี่ยนเหงื่อตัวเองให้เป็นระเบิดได้ แต่ผมเรียกเขาว่าคัตจังน่ะครับ”
“เรียกซะน่ารักเชียวนะ” อีธานให้ความเห็น
“ฉันคิดไว้แล้วว่า อัตลักษณ์นี้สามารถแบ่งปันพลังที่เธอคัดลอกมาให้ผู้อื่นใช้ได้เช่นกัน จากการสัมผัสผู้อื่นที่ไม่มีพลังนั่นแหละ” ผมเสริม “ซึ่งมันก็ดูคล้ายกับออลฟอร์วัน แต่ออลฟอร์วันมันเป็นการขโมยพลัง และแหล่งต้นกำเนิดพลังที่ถูกออลฟอร์วันขโมยไปจะสูญเสียพลังทั้งหมดไป”
“สรุปคือ ผมมีอัตลักษณ์แล้วอย่างนั้นเหรอครับ?” อิซึคุถาม
“ใช่” ผมตอบ “เธอมีอัตลักษณ์แต่แทบไม่ได้ใช้งานเลย”
“เข้าใจแล้ว” อิซึคุพูด “ว่าแต่ ผมขออะไรหน่อยได้ไหมครับ ช่วยเก็บเป็นความลับหน่อย”
“เก็บเป็นความลับ เธอเนี่ยนะ?” ผมถาม
“ใช่ครับ ให้เป็นความลับเฉพาะผมกับครอบครัวของอาจารย์เท่านั้นนะครับ” อิซึคุพูด “แต่ถ้าเป็นคนอื่น ๆ จะให้รู้เรื่องของผมตอนนี้ไม่ได้ หรือไม่ก็คือผมจะคุยกับพวกเขาเป็นการส่วนตัวเอง”
“อย่างนั้นก็ได้” ผมตอบ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 828
แสดงความคิดเห็น