ตอนที่ 5 .. “ วันเวลาแห่งความทรงจำ 3 ”
รวมเรื่องสั้น นิยายรัก นักศึกษา (Romance Fiction - นิยายรัก)
ตอนที่ 5 .. “ วันเวลาแห่งความทรงจำ 3 ”
“ถึงยังไงหงส์ก็ต้องขอขอบคุณ คุณมาร์คอีกครั้งนะคะที่มาช่วย”
หงส์เผลอลืมตัวพูดเรื่องตัวเองไปไกลเลย จนลืมไปว่าที่มาเนี่ยมาเพื่อช่วยน้องไม่ใช่เรื่องของตัวเอง หลังจากที่วกและอ้อมไปนาน จึงวกกลับมายังเรื่องของน้องสาวอีกครั้ง เพื่อช่วยน้องสาวสุดที่รัก
“เอ้อ นกยูงมากวนอะไรคุณมาร์คหรือเปล่าคะเนี่ย ลืมไปเลย”
หงส์เริ่มทักทายแบบปกติแล้ว หลังจากที่ไม่สนิทในครั้งแรก เพราะพึ่งเข้ามาร่วมทีมได้ไม่นาน นกยูงเข้าสวมกอดและหอมแก้มพี่สาวแบบน่ารักน่าเอ็นดู
“เปล่าหรอกครับ แกน่ารัก และเรียบร้อยดีออก” นกยูงยิ้มแก้มปริเลยที่มาร์คชมออกมาแบบนั้น
“บอกแล้วไงค่ะว่าอย่าชม เดี๋ยวจะเหลิง นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำ อาการออกแล้ว”
“ปล่อยเขาเถอะครับ นี่มันวัยของเขา ผมยกให้ อย่าไปถือสาเลย”
นกยูงดีใจมากที่มาร์คไม่ว่าอะไร เผลอลืมตัว ปล่อยมือจากคอของพี่สาวแล้ววิ่งมากอดเอวมาร์คแบบหน้าตาเฉย แล้ววิ่งหมุนรอบตัวแบบมีความสุข มาร์คก็ไม่ได้ว่าอะไร ยกมือชูขึ้นทั้งสองข้างและตะโกนออกไปด้วย “ฮู้” น้ำเสียงที่แจ่มใสและมีความสุข นานๆจะมีคนกล้ามาเล่นกับเขาแบบนี้สักที จึงปล่อยไปตามธรรมชาติ
ไม่นานก็หยุดและนั่งพัก เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันเพราะหมุนหลายรอบเลยทีเดียว เล่นเอามาร์คเหงื่อออกเลย นกยูงนั่งลงและกอดเอวมาร์คอยู่ข้างๆ แล้วเอามือยกขึ้นไปเช็ดเหงื่อให้มาร์คแบบลืมตัว นึกว่าตอนนี้เป็นแฟนกันแล้ว จนมาร์คต้องนิ่งไปพักใหญ่
“บ้านหลังนี้เป็นของคุณเองเลยเหรอค่ะ” หงส์เห็นเช่นนั้น เลยรีบชวนมาร์คคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจทันที
“ครับ ของผมเอง เป็นสมบัติชิ้นแรกที่ซื้อด้วยเงินของตัวเองเมื่อ 13 ปีที่แล้ว ตอนที่มาช่วยพี่ต๋องครั้งแรก เห็นแล้วชอบขึ้นมาทันที เลยปฎิญานกับตัวเองว่า ต้องเก็บเงินซื้อให้ได้ ผมใช้เวลา 3 ปีในการเก็บเงินและมาซื้อมันมาครอบครองจนได้เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมานี่เอง” มาร์คพูดไปก็ยิ้มไป เพราะมีความสุขกับน้ำพักน้ำแรงที่หามาได้
“เก่งนะคะ หนูขอยกนิ้วให้เลย” และก็เอามือซ้ายตัวเอง ยกมือขวาของมาร์คขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
แล้วก็หันหน้าหัวเราะใส่กัน จากนั้นทั้งสามคนก็หาเรื่องอะไรต่อมิอะไรคุยกันจนฟ้ามืดไปโดยไม่รู้ตัว แบบมีความสุข โดยเฉพาะนกยูง รู้สึกว่าจะสุขกว่าใครเพื่อน กับสิ่งที่ตัวเองหวังเอาไว้นั้น รุดหน้าไปไกลมากกว่าที่คิดเอาไว้มากเลยทีเดียว ไม่นานต๋องก็ลองรถเสร็จกลับมานั่งรับประทานอาหารมื้อค่ำกันที่บ้านของมาร์คนั่นเอง ต๋องมีความสุขมาก คุยไม่หยุดกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้
“ถ้าเที่ยวนี้ชนะจริงๆ ต้องมีตบรางวัลใหญ่ให้กับกุนซือของเราเสียแล้ว เอ้าฉลอง ชนกันหน่อย ขอดื่มให้กับความสำเร็จในวันพรุ่งนี้”
ทุกคนยกแก้วเบียร์บ้าง น้ำอัดลมบ้าง แล้วแต่ความถนัดของตัวเอง และก็ดื่มกินกันอย่างมีความสุข เพราะต๋องเชื่อในฝีมือของมาร์ค นกยูงก็ได้แต่เฝ้าแอบมองคนที่เธอรักอยู่ตลอดเวลาแบบไม่ให้คลาดสายตา เพราะนานๆที ถึงจะมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้
ที่หงส์พยายามบอกทุกอย่างให้มาร์คฟังนั้นจนหมดสิ้นนั้น ก็เพื่ออยากที่จะช่วยน้องสาว ให้สมหวังจริงๆเพราะเธอรักน้องสาวคนนี้มาก แล้วดูด้วยว่า ผู้ชายที่น้องสาวรักและชอบนั้นนิสัยเป็นยังไง สามารถไว้ใจได้ไหมถ้าจะยกให้ไปดูแลทั้งชีวิต หงส์เห็นน้องมีความสุขก็ดีใจ
<<<<< $$$$$ >>>>>
เท่าที่หงส์วิเคราะห์ดูแล้วในเบื้องต้น และได้ข้อมูลบางอย่างเพิ่มเติมมาจากต๋องผู้เป็นเจ้านายนั้น ก็คิดว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ผ่านการพิจารณาในเบื้องต้นแล้ว แต่มันติดอยู่เพียงอย่างเดียวก็คือ ตรงอายุที่ห่างกันมากเหลือเกินนั่นเอง คือเท่าที่หงส์ไปสืบค้นประวัติของมาร์คมาจากคนรอบข้างและใกล้ตัวได้ มาร์คตอนนี้ 43 ส่วนนกยูง พึ่งจะ17 เท่านั้นเอง ห่างกันถึง 26 ปีเลยทีเดียว
นี่แหละคือสิ่งที่หงส์กลัวและเป็นห่วงที่สุด กับชีวิตต่อไปในอนาคตของน้องสาว จะเป็นเช่นไร ทำไม อยู่ดีๆ น้องสาวคนนี้ถึงได้มาชอบและรักคนอายุรุ่นนี้ได้ เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร วันเวลาดีๆที่ควรจดจำนั้น มันย่อมมีมาไม่เหมือนกัน ต่างคนต่างใจ ไม่อาจสามารถบังคับกันได้
>>>>> ***** <<<<<
และแล้ววันเวลาที่รอคอยก็มาถึง วันอาทิตย์วันที่มีการแข่งรถแข่งฟอร์มูล่าวัน ประจำปี ที่สนามแข่งพัทยาเซอร์กิต วันนี้ผู้คนคับคั่งมากเป็นประวัติการณ์อีก 1 วัน ทุกคนมาพร้อมกันที่จุดของตัวเอง ต๋องเป็นผู้ขับ ก่อนลงแข่ง ในตอนเช้ามาร์คก็เข้ามาดูและตรวจสอบรถอีกรอบเพื่อความมั่นใจ โดยที่มีสาวน้อยนกยูงติดสอยห้อยตามอยู่ตลอดเวลาไม่ห่างกาย อะไรที่ทำให้น้องมีความสุข หงส์ก็ปล่อย ถ้าไม่น่าเกลียดมากจนเกินไป และเมื่อทุกอย่างพร้อม เสียงโฆษกเริ่มประกาศการแข่งขันแล้ว ทุกคนก็เข้าประจำที่ของตนเอง
การแข่งขันผ่านไปอย่างน่าตื่นเต้น ไม่นานการแข่งขันก็จบลง ผลปรากฏว่ารถของต๋อง เข้ามาเป็นอันดับหนึ่งอย่างที่คิด อย่างขาวสะอาด มาร์ค ต่อ หงส์ฟ้าและนกยูง ดีใจมาก
“เย้..ชนะแล้ว” โดยเฉพาะนกยูง เธอดีใจมากจนออกนอกหน้าลืมตัว เลยกระโดดตัวลอย จนมาร์คต้องอุ้มเอาไว้ และอยู่ในอ้อมแขนอ้อมกอดของเขา
นกยูงเอามือคล้องคอมาร์คไว้ แล้วเผลอหอมแก้มมาร์คไปโดยไม่รู้ตัว จมูกแช่อยู่ที่แก้มของมาร์คนานมาก มาร์คหมุนตัวเองโดยที่มีนกยูงอยู่ในอ้อมกอดด้วย วันเวลาแห่งความทรงจำนี้ไม่มีใครลืมได้เลย
***** >>><<< *****
และในคืนเดียวกันนั้นเอง ต๋องได้พาทีมไปเลี้ยงฉลองในโรงแรมแห่งหนึ่งที่พัทยาตามสัญญาที่ได้ให้ไว้ ทุกคนไปกันครบ
“ยูงไม่เอาซิ อย่าทำหน้าอย่างนั้น ดูไม่สวยเลย ยิ้มหน่อยซิ เดี๋ยวคนอื่นเขาจะสงสัยเอา”
หงส์ปลอบใจน้องสาวเมื่อน้องไม่มีความสุข ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ คนพิเศษของเธอ ไม่มีเวลาให้กับเธออีกเลย ตั้งแต่ผลการแข่งขันออกมา เพราะทุกคนได้แต่ดึงตัวมาร์คไป จนเธอไม่มีโอกาสได้เข้าถึงตัวเขาอีกเลยตั้งแต่ 4 โมงเย็นแล้ว นกยูงเลยน้อยใจ ปลีกตัวออกมาจากกลุ่มตั้งแต่ตอนนั้นแล้วอย่างเงียบๆ
หงส์เป็นห่วงน้องสาวมาก เมื่อเหตุการณ์มันเป็นเช่นนี้ เพราะมาร์คเป็นคนสำคัญในงานของวันนี้ จึงได้แต่เชื่อใจน้องต้องปล่อยไป
“หนูไม่เป็นอะไรหรอกพี่ พี่ไปสนุกกับเพื่อนๆเถอะ หนูขออยู่คนเดียวสักพักนะพี่” นกยูงแก้ตัวแล้วหลบหน้าเข้ากับเงามืด
“เอาเถอะน่า ถึงวันปีใหม่จะไม่มีเขาในงาน แต่ในวันนี้ เขาอยู่ที่นี่แล้ว เราก็สามารถพบเขาได้นี่ แล้วทำไมยูงจึงถอดใจก่อนซะหละ”
หงส์พูดแทงใจดำจนนกยูงหันกลับไปมองหน้าเลย
“พี่ไปหละ อย่าคิดมาก เอานี่ขนมทานซะ แล้วน้ำตาหนะเช็ดได้แล้ว ไม่อายคนอื่นเค้าบ้างรึไง เด็กโง่ ขี้แยไปได้”
หงส์ก้มลงไปหอมแก้มน้องสาวและโบกมือบ๊ายบาย แล้วก็ออกไปสนุกกับเพื่อนๆ สักพักก็มีชายหนุ่มผู้หนึ่ง เดินเข้ามายืนใกล้ๆและพูดเบาๆ ขณะที่นกยูงนั่งหันหลังซบหน้าอยู่ที่เก้าอี้พร้อมกับหยดน้ำตาที่กำลังไหลรินอยู่
“ให้เกียรติ์เต้นรำกับผมสักเพลงได้ไหมครับ” นกยูงตอบกลับเบาๆโดยไม่หันกลับไป
“ขอตัวนะคะ ขอโทษด้วย ไม่สะดวกค่ะ” แต่ชายหนุ่มผู้นั้นก็ยังคงไม่ไปไหน ยืนดื้อนกยูงอยู่เช่นเดิม
“จะไม่ให้เกียรติ์ผมสักเพลงเชียวเหรอครับ”
ชายหนุ่มผู้นั้นยังคงยืนยันคำพูดเดิม นกยูงรำคาญมากเลยหันหน้ามา และเตรียมด่า
“เอ! คุณนี่ยังไงนะ ก็ฉัน..” นกยูงตาค้าง พูดอะไรไม่ออกเลย เมื่อคนที่เห็นอยู่ข้างหน้าเธอนั้นก็คือ มาร์ค
ชายหนุ่มคนที่เธอรักและรอคอยอยู่นั่นเอง มาร์คยื่นมือของตัวเองออกไป
“นะครับ ให้เกียรติ์เต้นรำกับผู้น้อยสักเพลง จะได้ไหม พะยะค่ะ องค์หญิงน้อย”
นกยูงเหมือนถูกมนต์สะกด เธอพูดไม่ออก ยิ้มก็ไม่ออก ได้แต่ยื่นมือออกไปให้มาร์คอย่างช้าๆโดยอัตโนมัติ จากนั้นมาร์คก็บรรจงพานกยูงเดินออกไปเต้นรำอยู่กลางฟอร์ ซึ่งในขณะนั้นเป็นช่วงของเพลงช้าพอดี อีกอย่างคืนนี้นกยูงแต่งตัวสวยมากจริงๆ จึงเป็นสาเหตุนี้มั้ง ที่ทำให้มาร์คเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ไม่รู้ว่าเป็นแผนของพี่สาวอย่างหงส์หรือไม่ ที่จงใจหาชุดนี้มาให้นกยูงใส่
และคืนนี้นี่เอง ที่นกยูงได้มีโอกาสเต้นรำกับมาร์คสองต่อสอง เธอมีความสุขมากอย่างบอกไม่ถูก และดูเหมือนว่าความฝันของเธอจะดูเป็นจริงขึ้นมาบ้างแล้ว จะด้วยจงใจหรือไม่เจตนาก็ตามเถอะนะ ในเมื่อความสุขอยู่ตรงหน้า ถ้าไม่กล้า ไม่ไขว่คว้าเอาไว้ แล้วเมื่อไหร่จะได้สิ่งที่ต้องการนั้นมา จากมือที่จับกัน กลับกลายเป็น นกยูงเปลี่ยนมาคล้องคอมาร์คไว้แทน แล้วเธอก็ค่อยๆเอียงหน้าซบอกของมาร์คด้วย มาร์คจึงเลื่อนมือไปคล้องเอวของนกยูงไว้ โดยปริยาย และคืนนี้นั่นเองที่นกยูงยอมบอกความในใจกับคนที่เธอรัก
“อาจารย์คะ” มาร์คกระซิบเบาๆ
“ว่าไงครับ” นกยูงพูดออกมาอย่างไม่อายและไม่อ้อมค้อม
“หนูชอบอาจารย์ค่ะ” มาร์คตกใจมาก ไม่นึกว่านกยูงจะกล้าพูดแบบนี้ออกมา เพราะตัวเขาเอง เขายังไม่กล้าเลย
“ชอบมานานแล้วด้วย ตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาเรียนที่นี่อีก”
มาร์คก้มหน้าลงมามองนกยูง ขณะที่เธอกำลังเอียงหน้าซบอกเขาอยู่
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมผมถึงไม่รู้เลย” มาร์คสนใจอยากรู้มาก เพราะนั่นคือสิ่งแรกที่เขาต้องรับรู้ไว้
“2 ปีก่อนหน้านี้ อาจารย์คงจะจำไม่ได้ เพราะมันคงจะไม่ใช่วันเวลาที่น่าจดจำสักเท่าใดของใครบางคน แต่มันเป็นวันเวลาที่สำคัญและจุดเปลี่ยนของชีวิตหนู ก่อนที่หนูจะตัดสินใจมาสอบเข้าเรียนศึกษาต่อที่นี่ หนูพยายามสืบหาว่าคนที่มีพระคุณของหนูอยู่ที่ไหน” นกยูงเงยหน้าขึ้นมา พร้อมกับสบตาคนที่เธอรัก
“และสุดท้ายโชคดีก็เป็นของหนู เมื่อหนูรู้จนได้ว่าคนที่หนูต้องการเจอเป็นใคร” นกยูงเล่าเรื่องในอดีต ย้อนให้กับมาร์คฟังแบบหมดเปลือก
“หนูยังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดีเลยทีเดียว วันนั้นวันที่หนูเดินข้ามถนนที่หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไปดูสถานที่เพื่อจะสอบเข้าศึกษาต่อที่นั่น แต่แล้วจู่ๆเกิดหน้ามืดเป็นลมขึ้นมากระทันหัน ล้มลงกลางถนน จากนั้นก็ไม่ได้สติรู้เรื่องอะไรอีกเลย มารู้ตัวอีกที ก็มาฟื้นที่โรงพยาบาล และมารู้ภายหลังว่ามีคนมาช่วยเอาไว้ในวันนั้น”
นกยูงเล่าไปพร้อมกับสบตาของมาร์ค เต้นไปด้วยอย่างช้าๆ มือยังคงคล้องคออย่างมั่นคง
“หนูถามใครก็ไม่มีใครรู้ แต่หนูก็ไม่ย่อท้อ กลับไปที่ธรรมศาสตร์อีกครั้ง และครั้งนี้สวรรค์ก็ดลบันดาลช่วยให้หนูได้เบาะแส ว่าคนที่ช่วยหนูในวันนั้นเป็นใคร และทำงานอยู่ที่ไหน”
แล้วเธอก็หันหน้าซบอกมาร์คอีกครั้ง
“หนูจึงได้เปลี่ยนความตั้งใจไม่สอบเข้าที่ธรรมศาสตร์เปลี่ยนมาสอบเข้าที่ราชภัฏสวนดุสิตแทน” มาร์คแอบยิ้ม
“และหนูก็ทำเสร็จ ได้มาอยู่ใกล้กับคนที่หนูต้องการ คนที่มีบุญคุณกับหนู” นกยูงแอบยิ้มที่มุมปากนิดๆ
“อาจารย์ค่ะ ชีวิตหนูเป็นของอาจารย์แล้วตั้งแต่วันนั้น” นกยูงคิดดีแล้วจึงพูดออกไป
“ถ้าอาจารย์ไม่เสี่ยงชีวิตมาช่วยหนูเอาไว้ ปาดนี้หนูคงจะถูกรถชนตายไปแล้ว” นกยูงเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
“ในเมื่ออาจารย์รู้ความจริงแล้ว คงจะรังเกียจคนอย่างหนูมากใช่ไหมคะ ที่หน้าด้านและไม่มียางอาย มาบอกรักผู้ชายก่อน ทั้งๆที่ผู้ชายเค้าไม่ได้รักและมีใจให้สักนิดเลย”
มาร์คพูดออกมาเบาๆให้นกยูงฟัง “ฟังครูให้ดีนะสาวน้อย” มาร์คก้มลงไปจูบหัวนกยูงเบาๆ
“ความรักเป็นสิ่งบริสุทธิ์ไม่มีคำว่าหน้าด้านหรือไม่มียางอาย อยู่ที่ว่าใครจะมีมุมมองเช่นไร มองต่างมุมกันเช่นไรก็เท่านั้น”มาร์คเงยหน้าขึ้นมา
“แค่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก็ถือว่าผู้นั้นย่อมไม่ผิด” นกยูงซบที่อกมาร์คอีกครั้ง
“อย่างกรณีของยูง มันก็เป็นอีกแบบหนึ่ง วันเวลาแห่งความทรงจำที่ดีของยูง มันก็เป็นของยูง คนอื่นไม่สามารถล่วงรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงได้ จึงไม่สามารถนำมาตัดสินได้ว่าใครผิดหรือถูก อย่าเสียใจและคิดมากไปเลย” นกยูงยังคงเอียงหน้าซบอกของมาร์คอยู่ ไม่กล้าแม้กระทั่งที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตา เพราะกลัวใจตัวเอง แต่มาร์คก็พยายามปลอบใจ
“เข้าใจไหมครับ ครูดีใจนะ ที่ยูงมีจิตใจที่ดีงาม ที่อยากจะทดแทนพระคุณ แต่ตรงนั้นมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ”
คราวนี้มาร์คจึงหยุดเต้นได้และใช้มือเชยคางนกยูงขึ้นมาอย่างช้าๆ และจ้องไปที่หน้า ซึ่งกำลังร่ำไห้อยู่
“ความรักกับบุญคุณมันต่างกันนะสาวน้อย เอามารวมกันไม่ได้ เข้าใจไหม”
มาร์คจ้องหน้านกยูงและส่งยิ้มให้ นกยูงจ้องมองเข้าไปที่ดวงตาอันอ่อนโยนของมาร์คคนที่เธอรักและเทิดทูนบูชา ใจเริ่มเต้นเร็วมากขึ้นทุกทีๆ มาร์คค่อยๆก้มหน้าลงมาที่หน้านกยูงอย่างช้าๆ นกยูงหลับตาพริ้มในทันใดขณะที่อยู่ในอ้อมกอด
มาร์คบรรจงประกบปากของเขาลงไปที่ปากอันเรียวบางน้อยๆของเธอ นกยูงมีความสุขมากที่ความฝันของเธอเป็นจริงเสียที คิดไกลไปจนถึงว่า ถ้าคืนนี้จะเสียตัวให้กับชายผู้นี้ เธอก็ยอมเลยทีเดียว ทุกคนเห็นชัดว่ามาร์คทำอะไรลงไปบ้างเพราะนั่นมันกลางฟอร์ไม่เห็นก็บ้าแล้ว แต่ก็ไม่มีใครสนใจ เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนตัว หงส์ไม่คิดว่าทั้งสองคนจะพัฒนากันไปเร็วจนถึงขนาดนี้ จึงได้แต่ปล่อยไปตามเหตุการณ์ก่อน ขืนเข้าไปทำอะไรในตอนนี้ คงจะไม่ดีเป็นแน่แท้
ไม่นานมาร์คก็ถอนปากออกจากปากของนกยูง นกยูงยังไม่ลืมตาในทันที สักพักเธอค่อยๆลืมตาขึ้นมา
“เออ..หนู” มาร์คเอานิ้วมือมาปิดที่ปากของนกยูงแล้วยิ้มให้
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และต่อไปจากนี้ ถ้าเราอยู่ด้วยกันสองคนไม่ต้องเรียกครูว่าอาจารย์อีกแล้วนะ” นกยูงไม่เข้าใจ
“แล้วจะให้หนูเรียกว่าอะไรหละคะ”
“อามาร์ค” มาร์คกระซิบเบาๆและยิ้มให้
นกยูงดีใจจนพูดอะไรไม่ออก จึงได้แต่กอดคอมาร์คและจุ๊บไปที่ปากของมาร์คอีก 1 ที
“นี่เค้าเรียกว่าความรัก เข้าใจไหมครับ ไม่ใช่บุญคุณ” นกยูงพยักหน้า
“และต่อไปนี้ อาขอห้าม ยูงห้ามเอาเรื่องบุญคุณในวันนั้นมาเอ่ยถึงอีกแล้วนะ ทำได้ไหม ลืมมันไปให้หมดซะ คิดซะว่า เราไม่มีบุญคุณต่อกัน คงเหลือแต่ความรักอย่างเดียวเท่านั้นพอ เครไหม”
นกยูงทำหน้าบ้องแบ๊วและพยักหน้าอีก
“ตั้งแต่นี้ไป ยูงลองคิดและทำตัวเองเสียใหม่ ล้างความทรงจำบางอย่างออกไป และพยายามคิดใหม่ว่า เราจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร และเพื่อใคร ถ้าไม่ใช่ทดแทนบุญคุณอา อาคงจะบอกหนูได้เพียงแค่นี้ คงจะทำได้นะ แล้วสักวันยูงจะเข้าใจในสิ่งที่อาพูดในวันนี้เอง”
นกยูงพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มให้มาร์คอย่างหวานหยด
“ค่ะหนูจะทำตามที่อาบอกทุกอย่าง เพื่อเราสองคน”
“อ๊ะอะ” มาร์คแย้งขึ้นมาทันที
“ไม่ใช่เรา แค่หนูเพียงคนเดียว” นกยูงเปลี่ยนสีหน้าทันที
“หมายความว่ายังไง หนูไม่เข้าใจ”
“อาอยากให้หนูปรับทัศนคติเสียใหม่ไง ลองคิดใหม่ทำใหม่” มาร์คให้ข้อคิด
“ถ้าไม่มีเรื่องบุญคุณเข้ามาเกี่ยวข้อง ลองใช้ชีวิตในแบบที่ยูงอยากเป็นจริงๆ”
“ก็เราพึ่งจูบกันไปเมื่อกี้”
นกยูงพูดออกไป และเริ่มไม่เข้าใจ ว่ามาร์คจะทำอะไรหรือคิดอะไรอยู่ จะปฏิเสธการกระทำเมื่อกี้แล้วไม่รับผิดชอบอย่างนั้นเหรอ
“ทุกคนก็เห็นว่าอาทำอะไรหนู แล้วอยู่ดีๆจู่ๆ อามาบอกอย่างนี้กับหนูได้ยังไงว่าไม่มีเรา มีแค่หนูคนเดียว อาทำแบบนี้กับหนูได้ยังไง”
หงส์แปลกใจมากเมื่อเห็นว่าเริ่มมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลเสียแล้วที่กลางฟอร์ ความรู้สึกมันฟ้อง จึงจ้องมองไป เห็นภาพที่นกยูงตบหน้ามาร์คอย่างแรงแล้ววิ่งร้องไห้ออกไปทันทีจากตรงนั้น หงส์จึงวิ่งตามนกยูงออกไปและทั้งสองก็ไม่กลับเข้ามาในงานอีกเลย ปล่อยให้มาร์คยืนทำใจอยู่กลางฟอร์เพียงคนเดียวตามลำพัง ขณะที่ทุกคนกำลังเต้นกันอย่างมีความสุข ตอนนี้โลกของนกยูงกำลังเปลี่ยนไป
<<<<< ===== >>>>>
ทางเจ้าต่อวันนี้เมามาก หลังจากเต้นจนเหนื่อยก็เดินกลับที่เพื่อพัก แต่ที่ไหนหละ มันไม่ใช่ที่เดิมของตัวเอง เบลอจนไม่รู้ว่าโต๊ะใครแล้ว พอนั่งปุ๊บก็หยิบเบียร์ใส่ปากทันที แอนซึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น ก็งงเลย
“ใครวะ” อยู่ดีๆก็มาหยิบแก้วเบียร์เธอกิน ไม่รู้จักอีกต่างหาก ก็เลยสะกิด
“นี่คุณ คุณ คุณ เป็นใครหนะ” ไอ้ต่อหันมา
“อารายวะ ก็มาด้วยกัน ทำเป็นจำม่ายได้ แค่ออกไปดิ้นมานิดเดียว ดูซิ แป๊บ เดียว ทำลืมแล้ว”
< เฮือก> “แต่ เอ..” ต่อยื่นหน้าไปดูใกล้ๆแล้วขยี้ตา
“ไอ้หน้าอย่างนี้ ป๋มก็ไม่เคยเห็นซาด้วย จำได้ว่า กลุ่มเราไม่มีนี่หว่า” แอนเลยตอกกลับไป
“ก็นั่นนะซิ ไอ้หน้าตาแบบนี้ กลุ่มฉันก็ไม่มี แล้วคุณหนะมาจากตรงไหน ก็กลับไปที่เดิมซิ”
พูดจบยัยแอนก็ถีบโครมเข้าให้ ไอ้ต่อกระเด็นลงไปนอนอยู่กับพื้นเลย สักพักพอลุกขึ้นมาได้ กำลังจะเดินกลับไปอีก ต๋องก็มาคว้าคอเสื้อไว้ทัน
“ทางนี้ไอ้เวร เมาแล้วแบบนี้ทุกที ต้องขอโทษด้วยนะครับคุณหนู” แอนตอบกลับ “ไม่เป็นไรฮะ”
“ครายวะ เก่งจริงมาลุยกันตัวต่อตัวดิ ไม่แน่จริงนี่หว่า อีโธ่ มาซิ”
ไอ้ต่อเก่งไม่เลิก เห่าไปตลอดทาง ต๋องก็เลยต้องพาต่อกลับที่พักเลย
!!!!! &&&&& !!!!!
คืนนี้นกยูงน่าจะมีความสุขมาก เพราะได้เต้นรำกับคนที่เธอรักสมใจ แต่ก็อีกนั่นแหละความสุขมันอยู่กับพวกเราไม่นานหรอก
“ยูงๆ อยู่ไหนหนะ” หงส์วิ่งเข้ามาในห้องพักและเปิดไฟมองหาน้องสาวไม่เจอสักที่
จึงมองออกไปที่หน้าต่าง เห็นนกยูงนั่งอยู่ที่ชายหาดตามลำพังเพียงคนเดียว จึงเดินออกไปหา
“เป็นอะไร ทำไมถึงมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว เกิดอะไรขึ้นระหว่างหนูกับเค้า”
นกยูงไม่ตอบอะไรได้แต่นั่งนิ่งเงียบ หงส์เลยไม่กวนใจ เดินกลับห้องพักไปนอนเลยดีกว่า
***** ----- *****
หลายวันผ่านไปเกือบ 3 สัปดาห์ มาร์คกับนกยูงก็ไม่คุยกันอีกเลย เวลามาที่วิลัย เมื่อก่อนนกยูงจะเป็นฝ่ายมารอพบเจอมาร์คตลอดเสมอ แต่หลังจากที่ทะเลาะกัน หลังการแข่งรถวันนั้น มาร์คก็ไม่เห็นนกยูงมารอเขาอีกเลย มันเหมือนกับว่าเขาขาดอะไรไปอย่างนึงแล้วในชีวิต พอถึงชั่วโมงเรียนวิชาของเขา นกยูงก็หลบหน้าไม่มาเรียน จนทำให้เวลาเรียนของเธอมีปัญหา มาร์คจึงบอกให้แก้วไปบอกเพื่อน
“ไอ้ยูงแกเป็นอะไร ทำไมถึงไม่เข้าเรียนวิชาแฟนแกหละ” นกยูงมองหน้า
“พูดให้ดีนะ ใครแฟนฉัน ระวังปากด้วย” นกยูงชี้หน้าเพื่อนอีกต่างหาก
“เออๆ ไม่พูดก็ได้ วิชาของอาจารย์มาร์คหนะ” แก้วจึงระบุชื่อไปทันที
“เค้าฝากมาบอก ถ้าแกขาดไม่เข้าเรียนอีกจะไม่มีสิทธิ์สอบวิชาของเค้านะ วันนี้มีแกอย่าลืมเข้านะ”
ช่วงบ่ายเมื่อออดดังขึ้น แก้วก็ลากเพื่อนเข้าไปนั่งเรียนวิชาที่มาร์คสอนจนได้ พอเช็คชื่อเธอไม่ขาน
“ปัญจรัศม์ จูตะสานนท์” แก้วขานแทน
“มาค่ะ” แล้วจับแขนเธอยกขึ้น มาร์คชะเง้อมองดู โน้น วันนี้มานั่งหลบอยู่หลังห้อง ก็ยังดีกว่าที่ไม่เข้าเรียน
ไม่นานหลังจากที่หมดชั่วโมง นกยูงก็รีบเดินออกทางหลังห้องทันที โดยที่แก้วก็ไม่ทันมอง เพราะคอยฟังที่มาร์คสั่งงานอยู่ หันมาอีกที ก็หายตัวไปแล้ว เลยต้องปล่อยไป เพราะไม่มีเรียนแล้ว คงจะกลับบ้าน มาร์คเองหลังจากสั่งงานเสร็จก็ว่าจะมาขอปรับความเข้าใจเสียหน่อย ก็ต้องผิดหวัง เพราะไม่มีใครอยู่แล้วเช่นกัน ก็เลยต้องเดินคอตกกลับห้องพักครูไป
\\\\\ ----- /////
ทางไอ้แจ๊คก็ไม่ละความพยายาม เคยลั่นวาจาอะไรไว้กับนกยูงก็ทำอย่างนั้นให้จงได้ วันนี้ไอ้แจ๊คใจกล้าทำยืด ยืมตัวยัยตั๊กมาให้ช่วยเล่นละครเป็นแฟนปลอมๆให้หน่อย นกยูงกำลังอารมณ์เสีย เดินหน้าบูดออกมาจากวิลัย ไอ้แจ๊คก็เรียกเลยทันที
“สวัสดีครับ คุณนกกระยาง” อยู่ดีไม่ว่าดี แกว่งปากหาตีนแต่บ่ายเลยไอ้แจ๊คเอ๊ย เลยโดนด่ากลับแบบไม่เป็นท่า
“ชื่อแม่นายซิ นกกระยางหนะ นกยูงหยะ ชื่อฉันดีๆมาเปลี่ยนซะเสียหมด” อารมณ์ยิ่งไม่ดีอยู่ด้วย
“เอ้า วันนี้มีอะไรกับฉันหละ ไอ้หน้าจืด” ตั๊กแอบหัวเราะ เพราะว่าคำๆนี้
“ไอ้หน้าจืด” ตั๊กเองก็เคยว่าแจ๊คมาแล้ว
“ขำอะไรยัยตั๊ก” แจ๊คถามแบบไม่หันหน้ากลับไป
“อิอิ ไอ้หน้าจืด..โอ๊ย” คราวนี้แจ๊คเลยหันขวับไปเขกกบาลตั๊กพอประมาณ ไม่แรงมาก โทษฐานทะลึ่ง
“ไงหละ วันนี้มีอะไรมาอวดอีก”นกยูงยิงคำถามแบบกวนๆ
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก เพียงแค่อยากจะแนะนำให้รู้จักกับแฟนผมหน่อยก็เท่านั้นเอง”
ไอ้แจ๊คเริ่มแผนตอแหลแล้ว “แฟน” นกยูงอุทานออกมาเสียงดังเชียว
“อือ แฟน ใช่คุณฟังไม่ผิดหรอก” นกยูงเอามือแคะรูหูขวา
“แฟนผมเองนี่ไง” พูดจบแจ๊คก็เดินหลบออกไป จนเห็นตัวของตั๊กที่ยืนอยู่หลังเขาเมื่อกี้
“ตั๊กค่ะ” ตั๊กแนะนำตัวเอง นกยูงงงและแปลกใจว่า ไอ้หน้าอย่างนี้ มันมีแฟนได้ยังไงวะ ก็เลยดึงตัวยัยตั๊กมาถามใกล้ๆเพราะสงสัย
“นี่น้อง พี่ถามจริงๆเถอะ หลวมตัวเป็นแฟนไอ้หมอนั่นได้ยังไง ไม่อายเค้าบ้าเหรอ ติ๊งต๊อง บ้าๆบอๆ แบบนั้นหนะ” นกยูงว่าซะเสียเลย
“ไม่รู้ซิพี่ หนูก็เห็นพี่เค้าดีกับหนูมาตลอดนี่ ถึงจะติ๊งต๊อง บ้าๆบอๆ มันก็แค่บางเวลาเท่านั้นเอง ถ้าพี่ได้ลองคบหาดูจริงๆ พี่แจ๊คเค้าก็น่ารักดีนะ แต่ที่สำคัญ พี่เค้าเป็นคนจริงใจค่ะ แล้วพี่หละ คิดอย่างหนูหรือเปล่า”
พอตั๊กพูดจบก็ทิ้งให้นกยูงยืนคิดอยู่ตรงนั้นคนเดียวไปนานเลย เพราะแจ๊คกับตั๊กวิ่งขึ้นรถเมล์สาย 56 ไปแล้ว ปล่อยให้นกยูงยืนคิดถึงเรื่องเก่าๆในครั้งที่เธอสลัดรักและการขอมีไมตรีจากแจ๊ค สักครู่ก็มีมือมาสะกิดที่ไหล่ นกยูงหันไปดู เห็นเป็นมาร์คยืนยิ้มให้อยู่ จึงตื่นจากภวังค์ทันที
“คุณอา” แล้วเธอก็รีบวิ่งหนีมาร์คไปทางสี่แยกไฟแดงทันที เนื่องจากเธอยังไม่หายโกรธมาร์คที่สลัดรักเธอแบบเลือดเย็น
“ยูงกลับมาก่อน จะหนีอาไปไหน หนูกำลังเข้าใจอาผิดนะ กลับมา” มาร์คตะโกนตามหลังไป แต่ก็ไม่ทัน เพราะเธอไปแล้ว
***** ///// *****
วันนี้มดมีนัดกับเพื่อนที่สยามกลการสาขาสี่แยกมาบุญครอง ก็เลยเดินเข้ามารอ หงส์ซึ่งเป็นประชาสัมพันธ์และพนักงานขายในตัว ก็เข้ามาทักทายและทำตามหน้าที่
“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า สนใจคันไหนเหรอคะ รถของเรามีหลายรุ่นเลย”
มดตั้งหลักไม่ถูกเลย พยายามจะอธิบาย แต่หงส์พูดไม่ยอมหยุด ไม่เว้นวรรคให้มดอธิบายเลย
“ทางนี้เก่า ทางนั้นใหม่ และทางโน้นใหม่ล่าสุด เซฟิโล่คันนี้รับปะกัน 2 ปีเต็มหรือ 1 แสนกิโล ทางนี้..”
ยังไม่ทันที่หงส์จะพูดต่อจนจบ มดเลยขอแทรกทันที
“หยุด หยุด Stop Stop” หงส์หยุดปั๊บเมื่อมีเสียงดังขึ้นมา
“เออ ขอโทษเถอะนะครับ ไม่ทราบว่าไอ้หน้าอย่างผมเนี่ย รูปร่างอย่างเนี๊ย จะมีปัญญาซื้อรถราคาแพงๆแบบนี้เหรอครับ”
เท่านั้นแหละ หงส์หน้าเปลี่ยนสีเลย เริ่มหงุดหงิดที่ไม่ได้ยอดขายอีกแล้ว
“อ้าว ถ้าคุณไม่ได้เข้ามาเพื่อดูรถซื้อรถ แล้วคุณเข้ามาทำไม เสียเวลา ตั้งนานสองนาน” หงส์ทำหน้าคิ้วขมวดเลย
“อ้าว ก็คุณไม่ปล่อยให้ผมอธิบายเลยนี่ มาถึงก็พูดเอาๆ ขายเอาๆ แล้วผมผิดไหม ผิดไหม โธ่..ผมมา..”
สักครู่ก็มีสาววัยรุ่นคนหนึ่งเดินออกมา แอนคือหญิงสาวคนนั้น
“คุณแอน” หงส์ทักทายแอน แต่แอนเดินผ่านหงส์ไปหามด
“Hi..ไอ้เพื่อน Love” ทั้งสองคนกอดกันแบบเพื่อน
“สบายดีนะแก ไม่ได้เจอกันตั้งนาน” มดถามเพื่อน หงส์ต้องตกใจเมื่อรู้ว่ามดเป็นเพื่อนกับแอน
“ไปกันหรือยังมด ขอโทษที่ลงมาช้า” แล้วก็หันไปโบกมือลาหงส์
“ขอตัวก่อนนะพี่” หงส์ทำหน้าไม่ถูกเลยตอนนี้ หน้าแตกอีกแล้ว
“ค่ะ” ก่อนออกไป มดหันไปส่งสายตาหวานเยิ้มให้กับหงส์ และทำมือว่า I Love You ด้วย หงส์ชูนิ้วกลางให้ทันที “ชะอุ๊ย”
<<<<< ***** >>>>>
ระหว่างทางที่เดินไปมาบุญครอง มดข้องใจเลยถามเพื่อน
“นี่แอน ฉันถามแกจริงๆเถอะ พ่อแกก็ออกจะร่ำรวย เป็นถึงเจ้าของบริษัทขายรถใหญ่ขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ทำกับพ่อตัวเองวะ ฉันซิอยากทำจะตายห่า ก็ยังไม่มีโอกาสเลย” แอนเลยตอกกลับ
“เอาไหมหละ เดี๋ยวฉันจะบอกป๊าให้ ว่าแกอยากทำ ฉันจะได้ให้พ่อหาตำแหน่งยัดใส่เข้าไปให้ แกจะได้ไม่ต้องมาถามและบ่นกับเรื่องเดิมๆแบบนี้ ฉันไม่ชอบ” มดรีบแย้งทันที
“ไอ้อยากหนะก็อยาก แต่มันคนละสายงานกันเลย แกก็รู้ อย่ามาทำพูดดี”
“นี่ไอ้มด แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบนั่งโต๊ะ ฉันชอบงานที่ใช้ความสามารถ และความประณีต ฉันถึงมาเรียนช่างศิลป์ไง เออ แล้ววันนี้ แกจะพาฉันไปไหนเนี่ย ยังไม่ได้บอกเลย”
ทั้งสองคนเดินทะลุผ่านมาจนถึงป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามมาบุญครอง
“แถวๆบางรัก แกลอรี่ของเพื่อนรุ่นพี่ฉัน ถ้าแกมีฝีมือจริงๆนะ แกก็มีงานทำ มีค่าขนมไว้ใช้” มดยังคงอธิบายต่ออีก
“และได้ฝึกฝีมือตามฝันของแก ว่าแต่ว่าเถอะ ไม่เปลี่ยนใจแน่นะ” มดถามแอนแบบไม่แน่ใจ
“เพราะพี่คนนี้เขาเขี้ยวมาก มาตรฐานสูง แต่ถ้าผ่านนะ รับรองสบาย”
“อยู่แล้วโว๊ย พัน% ถ้าฉันได้งานนี้ แกเอาไปเลย 10,000 บาทถ้วน” พูดจบทั้งคู่ก็วิ่งขึ้นรถเมล์ทันที
***** \\\\\ *****
นกยูงหลังจากกลับมาถึงที่บ้าน ก็ได้แต่ไม่สบายใจหลังจากทำการบ้านและงานจนเสร็จหมดแล้ว จึงมานั่งอยู่ที่หลังบ้าน แล้วเอาเท้าหย่อนลงไปแช่ในแม่น้ำ ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ทำแบบนี้ จะหลบหน้าหลบตามาร์คได้อีกนานสักเท่าใด คิดไปคิดมาก็คิดไม่ตก ไหนจะเรื่องของแจ๊คอีกที่หาแฟนได้สวยพอๆกับเธอเลย
“นี่ตกลงว่าเราคิดผิดจริงๆเหรอที่ปล่อยแจ๊คไป เพื่อมารอคอยกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อย่างอามาร์คอย่างนั้นเหรอ โอ๊ย ทำไมนะ บุญคุณๆๆๆ ทำไมอาถึงบอกให้เรา อย่าคิดถึงเรื่องบุญคุณ ให้ตัดทิ้งไป ฉันไม่เข้าใจ”
นกยูงเอนหลังมานอนแผ่หลากับพื้นไม้ แล้วนอนหลับตา ก็นึกถึงภาพที่ได้อยู่กับมาร์คในอดีต ภาพที่ได้กอด จูบ หอมและตบหน้า ทุกอย่างมันเข้ามาวนเวียนอยู่ในหัวสมองของเธอจนเต็มไปหมด จนเธอสับสนกระสับกระส่าย ไม่นาน ก็เผลอตะโกนออกไป
“อามาร์ค” นกยูงลุกขึ้นมานั่ง พร้อมกับเหงื่อที่ไหลออกมาเต็มใบหน้าไปหมด สายตาเลิ่กหลั่ก สักพักก็เอามือทั้งสองมาปิดหน้า ไม่นานก็ปล่อยมือและตะโกนออกไปยังแม่น้ำ
“ไม่นะ ฉันไม่ได้คิดถึงเค้าแล้ว ฉันเกลียดคุณ ฉันไม่ได้รักคนที่ชื่อมาร์คอีกแล้ว ฉันลืมคุณจนหมดแล้ว” นกยูงพยายามโกหกตัวเอง แต่สุดท้าย มันก็ทำไม่ได้
“ฉันไม่ได้รักคุณ ไอ้คนบ้า ไอ้คนไม่มีหัวใจ ไอ้คนเลือดเย็น ฉันเกลียดคุณ”
นกยูงปล่อยโฮออกมาโดยไม่รู้ตัว แล้วก็เอาหน้าผากมาพิงที่แขนซ้าย นั่งพิงขอบเสาบันได เพื่อพยายามลืมมาร์คชายในดวงใจให้ได้ ซึ่งมันขัดแย้งกับความเป็นจริงอย่างที่สุด จนเห็นได้ชัด
>>>>> ----- <<<<<
พอมาถึงแกลอรี่ มดก็พูดเรื่องนี้กับรุ่นพี่ แอนหยิบผลงานของตัวเองที่มีอยู่ทั้งหมดขึ้นมาให้ดู
“เอาอย่างนี้นะน้อง พี่ขอรับเอาไว้พิจารณาสักระยะนึงก่อน ถ้าได้เรื่องยังไง แล้วพี่จะติดต่อไป”
แอนเข้าใจ จึงยกมือไหว้และเดินกลับออกมากับมด
“ใจเย็นๆนะแก เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา มีข่าวดียังไงแล้วฉันจะบอกกอีกที งั้นฉันขอตัวไปก่อนนะ มีธุระต่ออีกหวะ” แอนยกมือบ๊ายบายเพื่อน
“เออ ยังไงก็ขอบใจมากเพื่อน”
“งั้นฉันไปก่อนนะ บาย” มดวิ่งขึ้นรถเมล์ทันที ส่วนแอนก็เดินเล่นต่อแถวๆนั้น
เธอเดินเรื่อยเปื่อยเลยมาจนถึงตึกชาญอิสระ ก็ไปพบกับต่อเข้า เธอจึงเข้าไปทัก “หวัดดีฮะ” ต่องง
“พูดกับผมเหรอ” ต่อยืนรอร้องเท้าอยู่ เพราะกำลังทำส้นใหม่
“คืนนั้นต้องขอโทษด้วยนะฮะ ที่รุนแรงไปหน่อย” ไอ้ต่อยิ่งงง
<<<<<<<<< ---------- >>>>>>>>>
โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 6 .. “ วันเวลาแห่งความทรงจำ 4 ”
ตอนที่ 5 .. “ วันเวลาแห่งความทรงจำ 3 ”
รวมเรื่องสั้น นิยายรัก นักศึกษา (Romance Fiction - นิยายรัก)
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 172
แสดงความคิดเห็น