16

-A A +A

16

ตอนที่ 16

 

“เจ้าจะช่วยข้ายังไง” ชิลีชางคงก็ถามกลับอย่างใจเย็น 

 

"ข้ามีวิชาบ่มเพาะ "ดาบหยินเทียน" ที่ฝึกฝนโดยจักรพรรดิหยินเทียน และ   "กระบวนท่าดาบซานไค  " ที่จักรพรรดิซานไคทิ้งไว้ในอดีตอยู่" เต๋าซุนก็กล่าวอย่างช้าๆ

 

 สถานะปัจจุบันของชิลีชางคงนั้นคือการขาดแคลนประสบการณ์และไม่มีวิถีดาบที่รุ่นก่อนๆทิ้งไว้เป็นข้อมูลอ้างอิง  

 

  ที่เห็นว่าเต๋าซุนพูดชื่อวิชาของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่หลายคนออกมาได้ง่ายๆนั้น แม้จะดูเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับเขา แต่สำหรับคนทั่วไปแล้วมันย่อมเป็นวิชาที่ล้ำค่าอย่างไม่อาจจินตนาการได้   

 

 อย่างน้อยด้วยระดับของชิลีชางคงแล้ว เขาย่อมไม่เคยสัมผัสวิชาของจักรพรรดิมาก่อนแน่นอน   

 

ซึ่งนี่ก็สอดคล้องกับสุภาษิตโบราณที่ว่า ลำบากสิบปีไม่สู้เท่าเกิดมาร่ำรวย

 

  …………

 

 “เจ้าต้องการอะไร?” ชิลีชางคงรู้ดีว่าไม่มีสิ่งใดฟรีในโลกใบนี้

 

“ข้าจะสร้างกองกำลังของตัวเองขึ้นมา และต้องการให้เจ้าช่วย  ” เต๋าซุน กล่าว

 

“เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่ยอมเป็นคนรับใช้ของเจ้าแน่นอน  ” ชิลีชางคงก็ส่ายหัวอย่างเด็ดเดี่ยว “วิชาดาบของข้าไม่อาจหยุดเพียงแค่นี้ได้ หากข้าต้องพึ่งพาผู้อื่นล่ะก็ หัวใจของข้าก็จะกลายเป็นไม่ชัดเจน ซึ่งขัดกับแนวทางการฝึกฝนวิชาดาบ  ”

 

“นักดาบควรมีข้อได้เปรียบคือความเด็ดเดี่ยวก็จริง แต่ดาบก็สมควรมีฝักดาบที่ดีเพื่ออาศัยเช่นกัน  ” เต๋าซุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “เช่นเดียวกับมนุษย์ บางครั้งเจ้าต้องยืดตัวตรงเงยหน้าขึ้นภาคภูมิ บางครั้งเจ้าก็ต้องโค้งงอเพื่อยิ้มรับอย่างอ่อนน้อม  "

 

เมื่อมองสายตาที่กำลังตระหนักคิดของชิลีชางคง เต๋าซุนก็กล่าวต่อ  "บางทีการต่อสู้เพื่อใครบางคนก็นำไปสู่จุดประสงค์การเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญโดยไม่หวาดกลัวที่จะก้าวถอย

 

ถ้าให้เหมือนกับจักรพรรดิสามดาบในอดีต ตัวเขานั้นก้าวไปถึงจุดสูงสุดโดยไม่พึ่งใครก็จริง

 

และแม้ว่าจะพ่ายแพ้ให้กับวิถีดาบของผู้อื่นเขาก็ยังไม่สั่นคลอน

 

แต่เจ้านั้นหาใช่คนสุดโต่งเช่นจักรพรรดิสามดาบไม่ ไม่เช่นนั้นเจ้าคงไม่มาหลบซ่อนอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆเช่นนี้และกลายเป็นช่างตีเหล็กไปหรอก  

 

วิถีดาบของเจ้านั้นสามารถยืดได้หดได้ ฟันได้เข้าฝักเป็น ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลพอแล้วที่จะทำให้เจ้ามีวิถีดาบที่ไม่เหมือนผู้ใด เมื่อดาบออกจากฝัก เจ้าก็จะสะบั้นท้องฟ้า เมื่อกลับเข้าฝักดาบของเจ้าจะกลมกลืนสู่ธรรมชาติรอวันฟาดฟันอีกครั้งให้สะเทือนฟ้าดิน "

เมื่อได้ยินคำพูดของ เต๋าซุน หัวใจของชิลีชางคงก็สั่นไหวเล็กน้อย   และเขาก็ครุ่นคิดอยู่นาน

 

 เขารู้สึกราวกับว่าตระหนักได้ถึงบางอย่าง แต่มันก็ยิ่งทำให้เขาสับสนมากเช่นกัน  

 

  …………

 

“พรุ่งนี้ข้าจะไปแล้ว เจ้าจงนึกถึงโอกาสนี้ด้วยตัวเองซะ สำหรับข้า แม้แต่นักรบระดับ 8 ก็ไม่ได้ถือว่าหายากนัก ข้าก็แค่ผ่านมาที่นี่เท่านั้น และรู้สึกเสียดายในพรสวรรค์ของเจ้า  ” เต๋าซุน ยืนขึ้น และเดินช้าๆไปยังบ้านที่เขาอาศัยอยู่ไป

 

“แต่สำหรับเจ้า โอกาสเช่นนี้คงไม่ได้มีมาบ่อยนัก  

 

แม้ว่าคนอื่นจะมีวิชาจักรพรรดิเช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่อาจหาใครที่มีวิชาที่เหมาะสมสำหรับเจ้าเท่ากับข้าอีกแล้ว   "

 

  …………

 

เมื่อมองไปยังยังหลังของเต๋าซุนที่เดินจากไป ชิลีชางคงก็ขมวดคิ้วลึก เขาก้มหน้าลงครุ่นคิดอยู่นาน  

 

ในเวลาเที่ยงคืน ชีลีชางคงก็ยืนขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว เขาหยิบดาบเหล็กที่เพิ่งตีขึ้นมา และเดินออกนอกจากร้านไปทีละก้าว 

 

ลมแรงพัดฝุ่นตลบไปทั่วท้องฟ้า และร่างของเขาก็ค่อยๆ หายไปในสายลม กลิ่นอายปรมาจารย์ดาบที่สะเทือนโลกก็ราวกับหวนกลับมาอีกครั้ง  

 

  …………

 

 ค่ำคืนก็ผ่านไปอย่างสงบ เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระอาทิตย์ส่องแสงอย่างเงียบ ๆ เต๋าซุนฝึกซ้อมทั้งคืนก็รู้สึกเต็มไปด้วยพลัง

 

 “ช่างแปลกนักที่เมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ” เฟิงปู้หยูกล่าว

 

“เจ้าพูดอย่างกับว่าพวกเราตกอยู่ในอันตรายเลยนะ  ” เต๋าซุนตอบด้วยรอยยิ้ม

 

 เขายืนขึ้นและเดินออกมาจากบ้านพร้อมทุกคน 

 

ทันทีที่พวกเขาเดินออกจากบ้าน ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ

 

 เงียบ เงียบเกินไป หมู่บ้านไป่ฮวงแห่งนี้จู่ๆก็กลายเป็นเงียบงันเช่นนี้ได้ยังไง   

 

 อีกทั้งยังมีกลิ่นเลือดจางๆในอากาศอีก

 

เฟิงปู่หยูเตะประตูบ้านที่อยู่ข้างๆสองฝั่งถนน และกลิ่นเลือดก็ไหลทะลักออกมาจากข้างใน  

 

ชาวบ้านทั้งหมดถูกฆ่าตายแล้วขณะที่พวกเขากำลังนอนหลับเมื่อคืนนี้  ! รวมทั้งหัวหน้าหมู่บ้าน หวังเต่า ที่มาต้อนรับพวกเขาเมื่อคืนด้วย ตอนนี้สภาพของเขากำลังนอนจมกองเลือดอยู่บนเตียง   

 

“ทุกคนตายแล้ว” เฟิงปู้หยูกล่าวหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง

 

“ข้าบอกแต่แรกแล้วว่ามันผิดปกติ” เสี่ยวหยู่ตะโกนจากด้านข้าง: “ตั้งแต่ที่เรามาถึงที่นี่ ข้าก็ไม่เห็นคนแก่ เด็ก หรือผู้หญิงสักคนเลย ชาวบ้านทุกคนในหมู่บ้านนี้ล้วนแต่เป็นชายกำยำทั้งสิ้น  ”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวหยู่ ทุกคนก็มีปฏิกิริยาเช่นกัน

 

“คนเหล่านี้ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาแน่นอน” เฟิงปู้หยูขมวดคิ้วและคิดต่อ “แต่ใครกันที่เป็นคนฆ่าพวกเขา?”

 

“เดินทางต่อไปอีกสิบไมล์พวกเราก็จะถึงที่หมายแล้ว ” เต๋าซุน กล่าวอย่างสงบหลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น

 

 แม้ว่าเขาจะเห็นทั้งหมู่บ้านถูกสังหารหมู่ แต่เขาก็ไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อย

 

เขาหยิบถังน้ำจากบ่อในหมู่บ้านแล้วเอามาล้างหน้า

 

“ศิษย์น้องซุน เจ้ารู้อะไรงั้นรึ  ?” เฟิงปู้หยูถามอย่างสงสัย

 

เขารู้สึกว่า เต๋าซุน นั้นสงบเกินไป แม้ว่าจะเห็นคนตายจำนวนมากมายเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วแม้แต่น้อย   

 

“ท่านมัวกังวลอะไรอยู่ เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับเราไม่ใช่รึ” เต๋าซุน ยิ้มและส่ายหัวพร้อมเดินทางออกจากหมู่บ้าน

 

 “ไปเถอะ พวกเราควรพยายามไปให้ถึงเมืองเทียนเจียนก่อนเที่ยงวันกันดีกว่า ”

 

  …………

 

คนไม่กี่คนที่ต่างก็มีความกังวลของตัวเองก็เริ่มขึ้นขี่สัตว์พาหนะแล้วเดินทางออกนอกหมู่บ้านไป 

 

ขณะที่พวกเขามาถึงทางออกหมู่บ้าน ก็มีชายคนหนึ่งวิ่งออกมาจากบ้านที่อยู่ข้างๆ  

 

“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย” ชายคนนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาอาเจียนออกมาเป็นเลือดจากปากและกำลังจะตาย

 

เต๋าซุนลงจากสัตว์พาหนะและค่อย ๆ เข้ามาหาชายคนนั้น เขามองดูดวงตาวิงวอนของชายคนนั้น แล้วหยิบดาบสั้น สะบั้นโลกา ที่อยู่ข้างหลังออกมา  

 

 และร่างของชายคนนั้นก็ถูกแยกออกทันที

 

 สายตาของชายคนนั้นยังคงเต็มไปด้วยแววตาอ้อนวอน  

 

  …………

 

เฟิงปู้หยูที่อยู่ด้านข้างต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ปิดปากไปและเงียบในที่สุด 

 

เขารู้สึกว่า เต๋าซุน เลือดเย็นเกินไป หากเขายื่นมือช่วยชายคนนั้นล่ะก็ บางทีอาจหาสาเหตุการสังหารหมู่คนในหมู่บ้านได้ก็เป็นได้

  

 แต่เต๋าซุนฆ่าผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวไปเช่นนี้ เบาะแสที่เหลืออยู่ก็หมดสิ้น  

 

 หรือว่าชาวบ้านเหล่านี้ถูก เต๋าซุน สังหารกัน?

 

 แต่เมื่อคืน เต๋าซุน ก็อยู่ในห้องตลอดเวลาไม่ได้ออกไปไหนไม่ใช่รึ

 

  …………

 

เต๋าซุนมองไปยัง สะบั้นโลกา ที่ได้ดื่มเลือดเป็นครั้งแรก และเก็บมันเข้าฝักอีกครั้ง  

 

จากนั้นเขาก็ขึ้นขี่สัตว์อสูรและออกไปจากหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว 

 

ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เฟิงปู้หยูเท่านั้นที่ไม่เข้า แม้แต่เสี่ยวหยู่กับทังห้วยหยวนเองก็งุนงงเช่นเดียวกัน   

 

ส่วนเหย33 นั้นติดตามเต๋าซุนอย่างเงียบๆโดยไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น  

 

 หน้าที่ของเขาคือการปกป้องความปลอดภัยของ เต๋าซุน เท่านั้น

 

และ เจ้าปลาน้อยก็เป็นอย่างเช่นเคย เขาเพียงแต่กินแตงโมโดยไม่สนใจสิ่งใด  

 

เขาเชื่อมั่นในตัว เต๋าซุน อย่างสุดหัวใจ ในความคิดของเราแล้ว ไม่ว่าเต๋าซุนจะทำอะไรล้วนสมเหตุสมผลเสมอ  

 

 ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่สนใจ และไม่คิดจะถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้น 

  …………

 

ทันทีที่พวกเขาออกจากหมู่บ้านไป่หวง พวกเขาก็เห็นชายคนหนึ่งรออยู่ข้างหน้าพวกเขา

 

ชิลีชางคงสวมชุดสีขาว เขาขี่ม้าสีน้ำตาลเข้ม และมีดาบสีทองห้อยอยู่ที่เอว  

 

ผมสีดำห้อยลงมาด้านหลัง ดวงตาของเขาเฉียบคมจนผู้คนไม่กล้าจ้องมอง เมื่อมองจากระยะไกล เขาดูสง่างามและผ่าเผยเป็นอย่างมาก  

 

 “ผู้คนในหมู่บ้านนี้ล้วนแต่เป็นโจร” ชิลีชางคงเริ่มอธิบายอย่างใจเย็นชา

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.