ตอนที่ 761 ระดับ S+
ตอนที่ 761 ระดับ S+
ขนอุยเคี้ยวคริสตัลก้อนสีเขียวอย่างมีความสุข ซึ่งเจ้าสัตว์อสูรตัวนี้ก็เป็นพวกที่มีปากที่น่ารำคาญอย่างแท้จริง เพราะเมื่อมันได้ลิ้มรสพลังงานระดับสูงอันแสนอร่อยแล้ว มันก็จะหมดความสนใจพลังงานที่อยู่ในระดับต่ำกว่านั้นในทันที
ซึ่งในตอนนี้เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาป้อนคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 ให้กับมัน เจ้าตัวน้อยก็จะดูดกลืนพลังงานด้วยใบหน้าที่หงุดหงิด เขาจึงไม่มีทางอื่นนอกเสียจากจะต้องมอบคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 5 ให้กับขนอุยบ้างเป็นครั้งคราว
แม้ว่าจะไม่มีของอย่างอื่นที่มีประโยชน์ภายในห้องแห่งความลับระดับ 2 แต่อย่างน้อยการได้คริสตัลต้นกำเนิดระดับ 5 กลับมามากกว่า 10,000 ก้อน มันก็ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับเซี่ยเฟยได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะปัญหาเรื่องอาหารการกินของขนอุยที่มักจะสร้างความปวดหัวให้กับเขาได้อยู่เสมอ
ในเวลาเดียวกันชายหนุ่มก็ทำการดูดซับพลังงานต้นกำเนิดระดับ 5 เข้าไปภายในร่างกาย ซึ่งพลังงานระดับนี้ก็สามารถที่จะแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเขาได้อย่างรวดเร็ว
“สมแล้วที่มันเป็นคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 5 พลังของมันทั้งเข้มข้นและบริสุทธิ์มากกว่าคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4เยอะเลย” เซี่ยเฟยพึมพำด้วยรอยยิ้ม
“มันก็แค่คริสตัลต้นกำเนิดระดับ 5 เมื่อไหร่ก็ตามที่นายเข้าสู่เผ่าพันธุ์สูงสุด นายก็จะได้พบกับพลังงานที่บริสุทธิ์มากยิ่งกว่านี้อีก พวกเรารีบออกเดินทางกันเถอะ เวลานั้นมันใกล้จะมาถึงแล้ว” โอโร่กล่าวอย่างเฉยเมย
“อืม” เซี่ยเฟยพยักหน้าก่อนที่เขาจะเริ่มปรับเข็มทิศมิติตามคำแนะนำของโอโร่
ฟุบ!
ภายในพริบตาเซี่ยเฟยก็เดินทางมาจนถึงดวงดาวอันแปลกประหลาดที่บนท้องฟ้ามีเมฆหลากหลายสีสันล่องลอยไปมาอย่างงดงาม คล้ายกับว่าสถานที่แห่งนี้คือดวงดาวที่เต็มไปด้วยความแฟนตาซี
“ดาวดวงนี้เป็นจุดพักจุดสุดท้ายก่อนที่จะเดินทางไปยังสนามรบโบราณ” โอโร่กล่าวโดยไม่สนใจความสวยงามบนท้องฟ้าเลย
“เมื่อกี้พวกเราเคลื่อนที่มามากกว่า 7,000 ล้านปีแสงแล้วนะครับ นั่นมันเกินกว่าขอบเขตของดินแดนกฎไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างสงสัย หลังจากที่เขาได้ตรวจสอบตำแหน่งปัจจุบันกับเข็มทิศมิติของตัวเอง
“ใช่แล้ว สนามรบโบราณไม่ได้อยู่ในเขตแดนของดินแดนกฎ แต่นี่มันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น การเดินทางครั้งต่อไปมันจะไกลมากกว่านี้อีก” โอโร่กล่าว
“พวกเราจะต้องไปอีกไกลแค่ไหนงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย เพราะสถานที่ที่ไกลที่สุดที่เขาเคยไปคือดินแดนลับของพวกหุ่นยนต์ที่อยู่ห่างจากดินแดนกฎประมาณ 9,000 ล้านปีแสง
“เอาจริง ๆ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะสนามรบโบราณคือพื้นที่ที่ทั้งสองเผ่าพันธุ์สูงสุดได้ตกลงร่วมกันตั้งแต่สมัยโบราณ และมันก็ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้ สิ่งเดียวที่ฉันทำได้มีเพียงแค่การนำทางนายไปที่นั่น ส่วนคำถามอื่นฉันก็ตอบได้เพียงแค่ไม่รู้” โอโร่กล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“เหตุผลที่พวกเราต้องรีบออกเดินทางล่วงหน้า 28 วัน นั่นก็เพราะว่ามันมีบททดสอบสำหรับผู้มาเยือน ซึ่งบททดสอบมันก็จะถูกปรับเปลี่ยนไปตามระดับพลังและสายเลือดของนักรบคนนั้น และถึงแม้ว่ามันจะมีคนที่พยายามเจาะเข้าไปในกลไกของการทดสอบ แต่มันก็ยังไม่มีใครสามารถหาคำตอบในเรื่องนี้ได้”
“สิ่งที่เกิดขึ้นจึงมีเพียงนักรบเป็นจำนวนมากถูกส่งกลับไป เพราะไม่สามารถผ่านการทดสอบได้ภายใน 4 สัปดาห์ และมันก็ยังมีนักรบเป็นจำนวนมากที่เสียชีวิตภายใต้การทดสอบของสนามรบโบราณด้วย” โอโร่กล่าว
“แค่เข้าไปในสนามรบมันจำเป็นจะต้องมีการทดสอบด้วยงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ในสมัยที่ยังมีการใช้สนามรบโบราณอยู่ มันก็ไม่ได้มีบททดสอบที่ยุ่งยากอะไรแบบนี้หรอก แต่หลังจากที่สนามรบโบราณถูกปิดตัวลงไป มันเลยมีการตั้งบททดสอบขึ้นมาเพื่อไม่ให้ใครเข้าไปภายในสนามรบโบราณได้ตามอำเภอใจ”
“ในการทดสอบนี้มันก็จำเป็นจะต้องใช้โชคอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ฉันขอเตือนเลยว่านายห้ามประมาทบททดสอบอย่างเด็ดขาด เพราะแม้แต่ภายในเผ่าพันธุ์ไลอ้อนฮาร์ทของฉันก็มีคนเสียชีวิตภายใต้บททดสอบไปแล้วหลายคน”
“ฉันหวังแค่ว่านายคงจะไม่โชคร้ายเกินไป เรื่องในสนามรบโบราณพวกเราค่อยมาคุยกันทีหลัง เอาเป็นว่าขั้นแรกนายจะต้องผ่านบททดสอบนี้ไปให้ได้ซะก่อน” โอโร่กล่าว
เซี่ยเฟยสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ และพ่นลมหายใจออกมา จากนั้นเขาก็หยิบเข็มทิศมิติสีเงินเพื่อทำตามคำแนะนำของโอโร่ต่อไป
“ใส่รหัส X3DE57…”
ฟุบ!
เมื่อเซี่ยเฟยใส่รหัสตามที่โอโร่บอกจนเสร็จ ร่างของเขาก็หายตัวไปจากดวงดาวหลากหลายสีสันอย่างไร้ร่องรอย
—
การเคลื่อนที่ผ่านประตูมิติในครั้งนี้เป็นการเดินทางที่ยาวนานมาก ซึ่งเซี่ยเฟยก็รู้สึกราวกับว่าเขาเดินทางผ่านช่องว่างมิติมาเป็นเวลานานกว่า 20 นาที ซึ่งในช่วงเวลานั้นมันมีเพียงแค่ความรู้สึกที่เขากำลังตกลงมาจากที่สูงอย่างเงียบงันจนทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความวังเวง
ในที่สุดชายหนุ่มก็ปรากฏตัวขึ้นบนทางเดินแคบ ๆ ที่ทอดยาว โดยมีแสงไฟสีขาวค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาทีละดวงเพื่อนำทางให้เขาเดินต่อไป
เซี่ยเฟยเดินไปตามทางและมองไปรอบ ๆ ก่อนที่เขาจะได้เห็นว่าผนังทั้งสองฝั่งทำขึ้นมาจากโลหะที่เขาไม่รู้จักแต่มันก็ให้ความรู้สึกที่แข็งแรงมาก
บนผนังมีภาพสลักบันทึกการต่อสู้ของเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ อย่างมากมาย คล้ายกับว่ามันกำลังเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสงครามระหว่างเผ่าเทพและเผ่ามาร
หลังจากเดินไปได้ไม่ไกลในที่สุดชายหนุ่มก็เดินมาจนถึงห้องโถงสี่เหลี่ยมที่มีความสูงประมาณ 20 เมตร ขณะที่ฝั่งตรงข้ามมีตัวเลขที่ค่อย ๆ นับถอยหลังไปในแต่ละวินาที
“ยังเหลือเวลาอีก 37 นาทีก่อนที่พื้นที่รอบนอกของสนามรบโบราณจะเปิดออก ช่วงนี้ก็ยืนรออยู่เฉย ๆ ไปก่อน” โอโร่กล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้าพร้อมกับเดินไปพิงกำแพงและหลับตาลงเพื่อพยายามรวบรวมสมาธิ
ก่อนการเดินทางในครั้งนี้เขาพยายามเตรียมตัวอย่างดีที่สุดแล้ว และร่างกายของเขาในปัจจุบันก็อยู่ในสภาพที่พร้อมจะต่อสู้ได้มากที่สุด
เมื่อตัวเลขนับถอยหลังจนถึงศูนย์ ไฟบนทางเดินก็ดับลงเหลือเพียงแค่แสงสีขาวจาง ๆ เหนือศีรษะของเขาเท่านั้น
“เริ่มการทดสอบระดับ S+” เสียงของหญิงสาวอันเย็นชืดคล้ายกับเสียงของระบบดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“เดี๋ยวก่อน! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้?!” โอโร่อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจหลังจากที่ระบบได้ประเมินการทดสอบระดับ S+ ให้กับเซี่ยเฟย
เหตุการณ์นี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสับสนมากพอสมควร เพราะโดยทั่วไประดับควรจะเป็นระดับ A, B, C, D แต่ทำไมจู่ ๆ ระบบถึงประเมินระดับ S+ ให้กับเขา
“ระดับ S+ มันยากมากเลยเหรอครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ยากสิ ยากแบบยากโคตร ๆ เลยด้วย” โอโร่กัดฟันตอบ ก่อนที่เขาจะพยายามสงบสติอารมณ์และอธิบายขึ้นมาว่า
“การทดสอบแบบปกติคือระดับ C, การทดสอบแบบยากคือระดับ B, การทดสอบแบบยากมากคือระดับ A และการทดสอบแบบนรกคือระดับ S ซึ่งถ้าหากว่ามันมีเครื่องหมายบวกต่อท้าย มันก็หมายความว่าการทดสอบในระดับนั้นจะทวีความเข้มข้นและความโหดร้ายมากขึ้นไปกว่าเดิม”
ก่อนที่เซี่ยเฟยจะทันได้ตอบสนองต่อเหตุการณ์ในปัจจุบัน แสงสว่างเหนือศีรษะของเขาก็ค่อย ๆ สว่างขึ้น ก่อนที่ร่างของเขาจะได้ไปปรากฏในป่าดิบชื้นขนาดใหญ่ที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“เริ่มการทดสอบเอาตัวรอด” เสียงหญิงสาวจากระบบดังขึ้นอีกครั้ง และทันใดนั้นมันก็มีร่างอันสูงตระหง่านร่อนลงมาจากบนท้องฟ้า
ตูม!
นักรบสวมหน้ากากร่อนลงจอดรอบ ๆ เซี่ยเฟยทีละคน โดยนักรบทุกคนต่างก็เปิดเผยออกมาเพียงแค่ดวงตาเท่านั้น ซึ่งดวงตาของพวกเขาก็เป็นสีเขียวเข้มราวกับฝูงหมาป่าที่กำลังจ้องมองมาจากความมืดมิด
ในที่สุดนักรบเกราะหนักที่มีความสูงประมาณ 2 เมตรก็ปรากฏตัวขึ้นมาทั้งหมด 108 คน ชายหนุ่มจึงจ้องมองไปยังนักรบเหล่านี้อย่างระแวดระวัง เพราะเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์อะไร
“ยืนอยู่เฉย ๆ ทำไม? รีบวิ่งสิ นี่มันบททดสอบการเอาชีวิตรอด!!” โอโร่ส่งเสียงตะโกนขึ้นมาอย่างฉับพลันและเซี่ยเฟยก็รีบวิ่งเข้าไปภายในป่าอย่างรวดเร็ว
พรางจิต!
ชายหนุ่มบังคับลมหัวใจตัวเองให้กลมกลืนไปกับธรรมชาติ คล้ายกับว่าตัวตนของเขาเป็นหนึ่งเดียวกับป่าแห่งนี้
“โชคไม่ค่อยดีเลยที่นายได้การทดสอบระดับ S+ ในช่วง 24 ชั่วโมงนี้ก็พยายามใช้ความเร็วหนีเจ้าพวกนั้นไปก่อนก็แล้วกัน” โอโร่กล่าวอย่างหงุดหงิด
เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบและประเมินสถานการณ์อย่างรวดเร็ว เพราะเหตุการณ์ในก่อนหน้านี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันมากเกินไป เขาจึงเริ่มหลบหนีก่อนที่จะทันได้วิเคราะห์สถานการณ์เลยด้วยซ้ำ
ทันใดนั้นเองมันก็มีแขนขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากข้างตัวของชายหนุ่ม โดยนิ้วทั้งห้าของมันนั้นกำลังกางออกอย่างทรงพลังเพื่อพยายามจะคว้าร่างของเขาไว้
เล่ห์กายา!
ชายหนุ่มรีบกระโดดหลบจากฝ่ามือของอีกฝ่ายอย่างตกใจ และเขาก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิชาพรางจิตกับความเร็วระดับสูงสุดของเขาจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงนักรบทั้ง 108 คนนั้นได้
ชายหนุ่มพยายามหลีกเลี่ยงการจู่โจมโดยไม่ปะทะ แต่นักรบทั้งสองคนที่ตามตัวเขามาก็สามารถที่จะโค่นล้มต้นไม้ขนาดใหญ่ได้ด้วยการต่อยออกไปเพียงแค่หมัดเดียว ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าพละกำลังของนักรบกลุ่มนี้มีความน่ากลัวมากขนาดไหน
แต่ในขณะที่ร่างของเซี่ยเฟยกำลังลอยอยู่ในอากาศนั่นเอง จู่ ๆ เขาก็ได้พบว่ามันมีนักรบอีกสี่คนกำลังจู่โจมเข้ามาทั้งสี่ด้าน คล้ายกับว่าในตอนนี้เขาได้ตกหลุมพรางที่อีกฝ่ายได้วางเอาไว้แล้ว
‘ร้ายกาจมาก’ เซี่ยเฟยร้องตะโกนภายในใจอย่างตกตะลึง
—
เซี่ยเฟยพยายามใช้ความเร็วหลบหนีศัตรูไปทั่วทั้งป่า แต่มันก็ดูคล้ายกับว่านักรบพวกนี้ซ่อนตัวอยู่ทุกที่ ซึ่งถ้าหากว่าเขาประมาทเมื่อไหร่ศัตรูก็พร้อมที่จะจู่โจมเขาให้ถึงตายได้ทันที
6 ชั่วโมงต่อมาทั่วทั้งร่างของชายหนุ่มก็เต็มไปด้วยดินโคลน ใบหน้าของเขาได้กลายเป็นสีซีดเผือดและเขาก็หอบหายใจออกมาอย่างหนัก
นักรบทั้ง 108 คนคล้ายกับว่ามีดวงตาอยู่ทั่วทุกที่ จนทำให้เขาไม่สามารถที่จะหลบซ่อนตัวอยู่เฉย ๆ ได้แม้แต่นาทีเดียว ตลอดทั้ง 6 ชั่วโมงนี้เขาจึงจำเป็นจะต้องพยายามหลบหนีอย่างสิ้นหวัง ซึ่งในช่วงเวลานี้มันก็ไม่ได้มีเพียงแต่เซี่ยเฟยที่ตกตะลึงเพียงเท่านั้น เพราะแม้แต่โอโร่ก็ยังอ้าปากค้างเมื่อเห็นความแข็งแกร่งของนักรบเหล่านี้ด้วย
เมื่อพิจารณาให้ดีมันก็ดูเหมือนกับว่านักรบเหล่านี้ถูกปรับแต่งมาเป็นอย่างดีให้มีความสามารถโดดเด่นตรงตามจุดอ่อนของเซี่ยเฟย พวกมันจึงสามารถจู่โจมเข้าใส่ชายหนุ่มได้อยู่เสมอ และบังคับให้เขาทำได้เพียงแต่พยายามหลบหนีอย่างทุลักทุเลเท่านั้น
“บัดซบ!” เซี่ยเฟยสบถอย่างรำคาญใจ และทันใดนั้นฝีเท้าของเขาก็หยุดลงอย่างฉับพลัน ก่อนที่เขาจะหันไปจับจ้องมองศัตรูด้วยแววตาที่เย็นชา
“หยุดทำไม?! รีบหนีเร็วเข้า!!” โอโร่ตะโกนเสียงดังและเขาก็ลุ้นการต่อสู้ของเซี่ยเฟยจนตัวเขาเองก็เหนื่อยไปด้วยเหมือนกัน
“ผมไม่เข้าใจ กฎมันบอกเอาไว้ตรงไหนว่าผมจะต้องหนี?”
***************
อย่าบอกนะว่าพี่เฟยจะ…
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 306
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น