ตอนที่ 741 การเตรียมความพร้อมของตระกูลมูนวอร์ด

-A A +A

ตอนที่ 741 การเตรียมความพร้อมของตระกูลมูนวอร์ด

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 741 การเตรียมความพร้อมของตระกูลมูนวอร์ด

60,000 เมตรต่อวินาที!

หลาย ๆ ปีที่ผ่านมาเซี่ยเฟยเคยคิดมาตลอดว่าความเร็วของเขาได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว และไม่ว่าเขาจะพยายามพัฒนาความเร็วมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะพัฒนาความเร็วของเขาได้เพิ่มเติมเลย 

โดยความเร็วในระดับนี้มันก็ถือว่าเป็นความเร็วในระดับที่สูงมากตั้งแต่สมัยที่เขาอยู่ในพันธมิตรแล้ว ซึ่งมันก็มีศัตรูเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไม่สามารถตอบสนองต่อความเร็ว 30,000 เมตรต่อวินาทีได้

อย่างไรก็ตามที่นี่ก็คือดินแดนของผู้ใช้กฎ ความเร็วเพียงแค่ 30,000 เมตรต่อวินาทีจึงไม่เพียงพออีกต่อไป ซึ่งถ้าหากว่าก่อนหน้านี้เซี่ยเฟยไม่ได้มีขนอุย, หงส์คราม, บลัดบิวเทียสและกฎแห่งความโกลาหลที่คอยช่วยเขาไว้ เขาก็คงจะไม่สามารถพัฒนาในดินแดนกฎได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้

ในเวลาเดียวกันตระกูลสกายวิงก็สมควรแล้วที่จะถูกยกย่องว่าเป็นตระกูลผู้นำในเรื่องความเร็ว เพราะหลังจากที่เขาได้ฝึกฝนภายใต้คำแนะนำของเซี่ยเหล่าสือ มันก็ทำให้เขาสามารถพัฒนาความเร็วจนถึง 60,000 เมตรต่อวินาทีได้ในเวลาเพียง 10 วัน และถ้าหากว่าเขาก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น เขาก็จะมีความเร็วสูงถึง 120,000 เมตรต่อวินาที ซึ่งเป็นความเร็วระดับสูงสุดเท่าที่พลังพิเศษจะสามารถทำได้

ฟุบ!

ชายหนุ่มมุ่งหน้ากลับไปยังศูนย์ฝึกสายลมในพริบตา ก่อนที่เขาจะยืนอยู่บนลานสนามหญ้าด้วยความตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูก

“สกายวิงไม่เพียงแต่เชี่ยวชาญกฎแห่งความเร็วเท่านั้น แต่พวกเขายังมีวิธีการฝึกพลังพิเศษสายความเร็วด้วยสินะ แม้แต่ฉันก็ยังไม่เคยเห็นวิธีการฝึกความเร็วแบบนี้มาก่อนเลย” โอโร่กล่าวด้วยความรู้สึกหลากหลายอารมณ์

วิธีการฝึกที่โอโร่พูดถึงนั้นคือการสวมใส่ชุดเสื้อผ้าความยืดหยุ่นสูงที่มีเข็มสีเงินเล็ก ๆ เจาะทะลุผิวหนังตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย คล้ายกับวิธีการฝังเข็มที่สามารถเติมเต็มพลังงานให้กับผู้สวมใส่ในระหว่างการฝึกฝนได้

นี่คือข้อดีของการมีนักหลอมพลังงานอยู่ในตระกูล เพราะพวกเขาสามารถที่จะสร้างอุปกรณ์ใด ๆ ที่บรรจุพลังงานเอาไว้ได้ตามต้องการ ยกตัวอย่างเช่น ชุดฝึกนี้ที่สามารถส่งพลังงานให้กับร่างกายของผู้ฝึกได้อย่างต่อเนื่องทำให้ทั้งกล้ามเนื้อและกระดูกมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น 

ขณะเดียวกันมันยังสามารถฟื้นฟูพลังงานให้กับผู้สวมใส่ได้อย่างต่อเนื่องทำให้การฝึกฝนดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น ไม่จำเป็นจะต้องหยุดพักระหว่างการฝึกเหมือนกับนักรบโดยทั่วไป

ในกรณีของนักประดิษฐ์โดยทั่วไป พวกเขาก็สามารถที่จะใส่พลังของกฎเอาไปไว้ภายในอุปกรณ์ได้เท่านั้น แต่สำหรับนักหลอมพลังงานพวกเขาสามารถที่จะใส่พลังงานเข้าไปไว้ในอุปกรณ์ใด ๆ ก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ ตัวตนของนักหลอมพลังงานจึงถือว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้สกายวิงมีนักรบชั้นยอดอยู่เป็นจำนวนมากขนาดนี้

“คุณคงจะไม่ได้รู้สึกอิจฉาตระกูลสกายวิงอยู่ใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม

“ฉันจะต้องอิจฉาไปทำไม เผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีจุดเด่นที่ต่างกัน ถึงแม้ว่าพวกเราจะได้คนแบบนี้ไปเหมือนกัน แต่เผ่าพันธุ์ไลอ้อนฮาร์ทของพวกเราก็ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่โดดเด่นทางด้านความเร็ว พวกเราคงไม่จำเป็นจะต้องละทิ้งพรสวรรค์ทางด้านการเรียนรู้กฎแห่งความมืด เพื่อไปเรียนรู้กฎแห่งความเร็วเหมือนกับตระกูลของนายหรอก”

“ฉันว่าตอนนี้นายควรจะต้องกังวลเรื่องเงินที่จะต้องจ่ายให้กับเซี่ยเหล่าสือต่างหาก แม้ว่าชุดเกราะนี้จะดีมากแต่นายก็จำเป็นจะต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อเช่าชุดเกราะนี้มา ฉันคิดว่ายิ่งนายอยู่ในศูนย์ฝึกอบรมสายลมนานเท่าไหร่ก็ยิ่งจะเข้าใกล้คำว่าล้มละลายมากขึ้นเท่านั้น” โอโร่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

คำพูดนี้ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะหลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไป 10 วัน เขาก็ได้เผชิญกับตัวเองแล้วว่าชายชราคนนี้เป็นคนที่รักเงินตรามากแค่ไหน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อ 2 วันก่อนเขาได้เห็นผลไม้น่ากินอยู่บนต้น เขาจึงลองเด็ดมันมาชิมดู 2 ผล แต่ในท้ายที่สุดเซี่ยเหล่าสือก็ได้มาเก็บเงินจากเขาไปเป็นค่าผลไม้ด้วยมูลค่าถึง 200 คริสตัลเหลือง

ทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นภายในศูนย์ฝึกแห่งนี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีความเกี่ยวพันกับเงินเป็นจำนวนมากทั้งหมด เซี่ยเฟยจึงไม่สามารถประมาณการได้จริง ๆ ว่ากว่าที่เขาจะฝึกเสร็จเขาจะต้องสูญเสียเงินไปมากเท่าไหร่

“ผมก็เป็นคนที่ชอบเงินมากเหมือนกัน แต่ของบางอย่างก็ไม่สามารถเอาเงินไปแลกเปลี่ยนมันมาได้ ตราบใดก็ตามที่ผมใช้จ่ายเงินออกไปอย่างคุ้มค่า ผมก็จะไม่เสียดายเงินพวกนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเคร่งขรึม

โอโร่พยักหน้ารับด้วยความพึงพอใจ เพราะผู้ที่ประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่จะต้องกล้าได้กล้าเสียแบบเซี่ยเฟยเช่นนี้นี่เอง ผู้ที่ติดอยู่กับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ท้ายที่สุดก็จะตกอยู่ในหลุมกับดักที่ตัวเองขุดขึ้นมาเท่านั้น มันมีเฉพาะผู้ที่มีวิสัยทัศน์อันกว้างไกลจึงจะสามารถก้าวข้ามผ่านหลุมกับดักที่เรียกว่า ‘ความเสียดาย’ ไปได้

ทันใดนั้นเองเซี่ยเหล่าสือก็เดินออกมาจากห้องมุ่งหน้าเข้าหาเซี่ยเฟยด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข

“ยินดีด้วยที่สามารถบรรลุความเร็วระดับ 8 ได้สำเร็จ ตอนนี้นายมี 2 ทางเลือก ทางเลือกแรกคือฝึกฝนพลังพิเศษต่อไปจนถึงระดับ 9 ส่วนทางที่ 2 คือเริ่มเรียนรู้กฎแห่งความเร็วในตอนนี้เลย”

“แต่จำเอาไว้ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่นายเริ่มฝึกฝนกฎแห่งความเร็ว นายจะไม่สามารถกลับไปฝึกพลังพิเศษสายความเร็วได้อีกแล้ว และตอนนี้เวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับตระกูลมูนวอร์ดก็เหลืออีกเพียงแค่ 20 วันเท่านั้น หากนายเลือกเริ่มฝึกกฎแห่งความเร็วมันย่อมช่วยให้นายพัฒนาพลังได้อย่างก้าวกระโดดแน่นอน แต่การละทิ้งการฝึกพลังพิเศษระดับ 9 ไปมันก็จะทำให้นายไม่สามารถก้าวข้ามผ่านความเร็วระดับสูงสุดได้ด้วยเหมือนกัน”

“เอาล่ะตอนนี้มันขึ้นอยู่กับนายแล้วว่านายจะเลือกเดินไปในเส้นทางไหน?” เซี่ยเหล่าสือกล่าวพร้อมกับจ้องไปทางเซี่ยเฟย

“ผมอยากฝึกพลังพิเศษต่อ” เซี่ยเฟยกล่าวตอบโดยไม่ต้องคิด

เซี่ยเฟยไม่อยากจะเสียสละอนาคตเพื่อจัดการกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เส้นทางชีวิตของเขายังเหลืออีกยาวไกล และเขาก็ยังไม่จำเป็นจะต้องเร่งรีบฝึกฝนกฎแห่งความเร็วทั้ง ๆ ที่พลังพิเศษสายความเร็วของเขายังไม่ถึงทางตัน

“นายเลือกเส้นทางที่ยากลำบากสินะ แต่ถ้าหากว่านายสามารถก้าวข้ามผ่านเส้นทางนี้ได้จริง ๆ ผลประโยชน์ที่นายได้รับย่อมคุ้มค่ากับความลำบากที่นายฝ่าฟันมันไปอย่างแน่นอน เอาล่ะฉันให้เวลาพัก 10 นาทีแล้วพวกเราจะมาเริ่มฝึกกันต่อ” เซี่ยเหล่าสือกล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง

“ผมเพิ่งนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ศูนย์ฝึกสายลมเป็นสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการฝึกฝนมากที่สุดไม่ใช่เหรอครับ ท่านผู้นำเซี่ยบูหยุนกับผู้อาวุโสเซี่ยเทียนคือกองกำลังหลักสำหรับการประลองในครั้งนี้ แล้วทำไมพวกเขาถึงไม่มาเก็บตัวฝึกซ้อมที่นี่งั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม

สิ่งที่เซี่ยเฟยต้องการจะสื่อจริง ๆ นั่นก็คือเรื่องคราวนี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของตระกูล เซี่ยเหล่าสือช่วยหยุดเรียกเก็บเงินจากทุกอย่างจะได้ไหม ไม่อย่างนั้นมันจะทำให้ทั้งเซี่ยบูหยุนและเซี่ยเทียนไม่กล้าที่จะกลับมาฝึกฝนที่นี่

“สองคนนั้นมันไม่กลับมาที่นี่หรอก อย่างแรกคือพวกมันกลัวฉันทวงหนี้ อย่างที่สองคือพวกมันไปจนถึงระดับจักรพรรดิกฎแล้ว ศูนย์ฝึกสายลมจึงไม่ใช่สถานที่ที่มีประโยชน์สำหรับการฝึกฝนของพวกมันอีกต่อไป” เซี่ยเหล่าสือกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“คุณปู่กำลังจะบอกว่านักหลอมพลังงานก็มีขีดจำกัดงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามด้วยความตกใจ

“ถูกต้อง ช่วงนี้นายเพิ่งจะเลื่อนระดับขึ้นมาเป็นราชากฎได้เพียงแค่ไม่นาน และนายก็ยังไม่เคยสัมผัสกับพลังงานที่บริสุทธิ์ระดับนี้มาก่อน สภาพแวดล้อมภายในศูนย์ฝึกสายลมจึงช่วยให้นายพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว”

“แต่หลังจากที่ร่างกายของนายปรับตัวเข้ากับพลังงานที่นี่ได้แล้ว เมื่อนั้นสภาพแวดล้อมของศูนย์ฝึกสายลมก็จะไม่เป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝนของนายอีกต่อไป ดังนั้นนายควรจะใช้ช่วงเวลานี้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด จงเก็บเกี่ยวทุกอย่างกลับไปแล้วอย่ามานึกเสียดายเมื่อสถานที่แห่งนี้ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือนายในการพัฒนาได้อีก” เซี่ยเหล่าสือกล่าวอย่างจริงจัง

ในระหว่างที่นักสู้ของทางฝั่งสกายวิงเตรียมพร้อมสำหรับการประลองที่กำลังจะมาถึง ทางฝั่งของตระกูลมูนวอร์ดก็กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการประลองที่กำลังจะมาถึงด้วยเช่นกัน

ตำหนักจันทร์สว่าง สถานที่พำนักของผู้นำตระกูลมูนวอร์ด

หลังจากที่เซียงไป๋เสียชีวิตในสนามรบ เซียงจินเฉิงก็ถูกแต่งตั้งให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งกลายเป็นผู้นำตระกูลเป็นการชั่วคราว

ขณะที่เซี่ยเฟยบรรลุพลังพิเศษความเร็วระดับ 8 เซียงจินเฉิงก็กำลังต้อนรับแขกอย่างลับ ๆ โดยแม้แต่น้องชายของเขาอย่างเซียงอู๋เฉิงก็ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมการพูดคุยในวันนี้ ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าแขกผู้ลึกลับของตระกูลมูนวอร์ดมีความสำคัญมากแค่ไหน

เมื่อประตูหน้าต่างทุกบานถูกปิดลง ผู้ที่นั่งลงในตำแหน่งผู้นำตระกูลก็ไม่ใช่เซียงจินเฉิงอย่างที่ควรจะเป็น แต่ผู้ที่นั่งอยู่ตรงนั้นกลับเป็นชายชราผิวขาวหน้าตาสะอาดสะอ้านไม่มีหนวดเครา และบนสีหน้าของเขาก็แสดงออกอย่างนิ่งเฉยราวกับว่าเขาไม่มีอารมณ์

“ไม่ทราบว่าคุณปู่หลี่จิงมีธุระอะไรงั้นเหรอครับ หรือว่าบรรพบุรุษฝากข้อความลงมาหา” เซียงจินเฉิงถามด้วยความเคารพ

ชายชราคนนี้มีชื่อว่าเซียงหลี่จิงและเขาก็เป็นหนึ่งในคนสนิทของบรรพบุรุษตระกูลมูนวอร์ด ชายชราคนนี้จึงมีชื่อเสียงมากแม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่ของเผ่าเทพ แล้วมันก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเซียงจินเฉิงถึงให้ความเคารพชายชราตรงหน้ามากขนาดนี้

“ใช่ คราวนี้ฉันมาเพราะคำสั่งจากบรรพบุรุษจริง ๆ พวกนายคิดอะไรอยู่ถึงได้ไปยั่วยุพวกสกายวิงแบบนั้น พวกนายก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่ว่าพวกสกายวิงเป็นพวกไร้เหตุผลมากแค่ไหน แม้กระทั่งในเผ่าเทพพวกเราก็ยังไม่อยากจะเดินเข้าไปใกล้คนบ้าพวกนั้น เพราะกลัวพวกมันจะมาหาเรื่องด้วยเหตุผลไร้สาระ” เซียงหลี่จิงกล่าว

เซียงจินเฉิงทำได้เพียงแต่ก้มหน้าพร้อมกับขมวดคิ้วเท่านั้น เพราะในระหว่างที่เกิดเรื่องนี้เขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มดาวม้าขาว เมื่อเขาถูกบรรพบุรุษบ่นเขาจึงแอบรู้สึกไม่พอใจอยู่เล็กน้อย

“บรรพบุรุษฝากข้อความมาว่าถ้าหากคราวนี้พวกนายแพ้ นายกับน้องชายก็หยุดคิดเรื่องการขึ้นไปอยู่ด้านบนนั้นได้เลย” เซียงหลี่จิงกล่าวขึ้นมาเบา ๆ แต่คำพูดของเขากลับเหมือนมีดแหลมที่แทงตรงเข้าไปกลางใจ

เซียงจินเฉิงถึงกับสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะถ้าหากว่าเขาพ่ายแพ้มันก็หมายความว่าเขาจะไม่มีโอกาสเข้าสู่เผ่าเทพตลอดกาล

สำหรับนักสู้ทุกคนการไม่สามารถก้าวเท้าขึ้นสู่เผ่าพันธุ์สูงสุดของจักรวาลได้ ย่อมเป็นเรื่องที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมันหมายความว่าพวกเขาแทบที่จะไม่สามารถพัฒนาความแข็งแกร่งไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว

“อย่าคิดว่าเรื่องในคราวนี้เป็นเพียงแค่เรื่องในกลุ่มดาวม้าขาวเท่านั้น เพราะมันส่งผลกระทบจนทำให้เผ่าเทพยุ่งวุ่นวายไปด้วยเหมือนกัน นายรู้ไหมว่าบรรพบุรุษของเราต้องใช้เงินไปเท่าไหร่ถึงทำให้การเจรจาประสบผลสำเร็จออกมาเป็นแบบนี้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะบรรพบุรุษยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ตอนนี้พวกนายก็คงจะถูกพวกสกายวิงกำจัดไปแล้วล่ะมั้ง”

“ถ้าหากว่าพวกนายพ่ายแพ้ในครั้งนี้ ตระกูลของเราทั้งตระกูลก็จะได้รับผลกระทบอย่างหนักด้วยเหมือนกัน ดังนั้นนายก็ไม่สามารถที่จะมาตำหนิได้ถ้าหากว่าเราจะทอดทิ้งพวกนายไป…” เซียงหลี่จิงกล่าว

คำพูดของเซียงหลี่จิงทำให้เซียงจินเฉิงขนลุกขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าเมื่อถึงช่วงเวลาวิกฤติทางตระกูลจะเลือกทอดทิ้งเขาแบบนี้ และเมื่อเขาได้คิดถึงตระกูลสกายวิงที่พร้อมจะปกป้องสมาชิกในตระกูลของตัวเองอย่างสุดกำลัง มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาในจิตใจ

หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก ในที่สุดเซียงหลี่จิงก็หยิบน้ำยาขวดสีดำออกมาจากอกเสื้อ 2 ขวดและมอบมันให้กับเซียงจินเฉิง

“เมื่อไหร่ก็ตามที่ถึงช่วงวิกฤตให้ดื่มน้ำยาขวดนี้เข้าไปซะ จำเอาไว้ว่าพวกนายจะพ่ายแพ้ไม่ได้แม้ว่าพวกนายจะต้องตาย แต่พวกนายก็ต้องลากพวกสกายวิงตายพร้อมกับพวกนายด้วย” เซียงหลี่จิงกล่าวด้วยแววตาที่ดุร้าย

***************

ต้องเป็นน้ำยาเพิ่มพลังแน่ๆเลยว่าไหม?

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Rights Reserved.