Only one love รักนี้ แค่เธอ… คนเดียวเท่านั้นนะ [Yuri] Chapter 7
Chapter 7: เยี่ยมไข้สุดวุ่นวาย พวกเธอก็มาด้วยเหรอเนี่ย?
(วาฟเฟิลบรรยาย)
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อวาฟเฟิลค่ะ เพิ่งมารับหน้าที่บรรยายเป็นครั้งแรก ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
ฉันนัดเจอกับคัสตาร์ดที่โรงอาหารเหมือนกับทุกวัน พวกเราสนิทกันตั้งแต่วันแรกเลยค่ะ ด้วยว่าคุยกันถูกคอ แต่ข้อเสียของคัสตาร์ดก็มีอยู่บ้างเหมือนกันนะคะ ส่วนจะเป็นอะไรให้คุณผู้อ่านไปดูตั้งแต่ตอนแรกๆ เลยค่ะ นั่นคือข้อเสียแรกของคัสตาร์ดที่ฉันได้สัมผัสมากับตัวละ
“ไง มาเร็วเหมือนเดิมเลยนะ” เพื่อนสนิทร่างเล็กเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ผมสีแดงยาวสลวยถูกพัดปลิวไปตามแรงลม ฉันส่งยิ้มทักทายก่อนเอ่ยตอบ
“ไม่หรอก ฉันก็มาเวลาเดิมนั่นแหละจ้ะ ว่าแต่คัสตาร์ดกินอะไรหรือยังล่ะ?”
“กำลังจะไปสั่งข้าวน่ะ เธอจะเอาอะไรมั้ย?”
“เอาแค่โจ๊กสักชามก็พอแล้วจ้ะ” ฉันตอบ
“อิ่มแน่นะ มาหิวตอนเรียนฉันไม่รู้ด้วย” คัสตาร์ดถามเพื่อความแน่ใจ ฉันพยักหน้ารับ ก่อนจะไปนั่งรอที่โต๊ะตัวหนึ่ง โรงอาหารโรงเรียนยามเช้าแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่กำลังต่อแถวซื้อกับข้าว และพวกเราก็เป็นหนึ่งในคนที่มาต่อแถวด้วยเช่นกัน ฉันนั่งรอเพื่อนตัวเล็กซื้อกับข้าวเงียบๆ ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วตรงออกไปจากโรงอาหารอย่างรวดเร็ว ทีแรกฉันไม่แน่ใจว่าใช่คนที่คิดเอาไว้หรือไม่ แต่เมื่อมองแผ่นหลังบางที่หายเข้าไปในฝูงชนจึงแน่ใจว่าต้องใช่แน่ๆ แต่เวลาแบบนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสนใจเพื่อนคนอื่น ข้าวเช้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด รอเพียงไม่นาน คัสตาร์ดก็เดินมาพร้อมกับถาดกับข้าวเต็มสองมือ ฉันลุกขึ้นทำท่าจะช่วยแต่คัสตาร์ดส่ายหน้าปฏิเสธ ฉันจึงต้องนั่งลงเช่นเดิม
“รอนานมั้ย?” คัสตาร์ดเปิดบทสนทนาก่อนจะตักข้าวเข้าปาก
“ไม่หรอกจ้ะ ว่าแต่เมื่อกี้คัสตาร์ดคงไม่เห็นสินะ”
“เห็นอะไรเหรอ?”
“ฉันว่าฉันเห็นมาการงเดินออกจากโรงอาหารไปเมื่อกี้น่ะจ้ะ”
“ยัยนั่น… ปกติเคยมาเช้าขนาดนี้ด้วยเหรอ ฉันเห็นตอนอยู่ที่แถวแล้วทุกทีเลย” คัสตาร์ดเอ่ยอย่างใช้ความคิด ความจริง ฉันเองก็ไม่เคยเห็นมาการงมานั่งอยู่ที่โรงอาหารแต่เช้าแบบนี้เหมือนกัน บางทีอาจจะแค่เดินผ่านหรือมารอเพื่อนก็ได้ใครจะไปรู้ เมื่อคิดไม่ตกว่าเพื่อนผมม่วงคนนั้นจะมาทำอะไรที่โรงอาหารแต่เช้าฉันก็เลิกสนใจ และหันไปกินโจ๊กในชามให้หมดก่อนจะไม่ทันเวลาเข้าแถว
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ รีบกินเถอะ ใกล้เวลาเข้าแถวแล้วนะ” พวกเรานั่งกินข้าวกันเงียบๆ ไม่นานเสียงออดเรียกให้เข้าแถวก็ดังขึ้น ฉันยืนสำรวจเครื่องแต่งกายของตัวเองอยู่หน้ากระจกห้องน้ำ เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้วจึงเดินตามคัสตาร์ดออกจากโรงอาหารไป
เมื่อเดินมาถึงแถว ม.1 ห้อง C ฉันก็สังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นในห้อง วันนี้มีเพื่อนหายไปหลายคน ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะสิ่งที่ฉันสังเกตเห็นได้ชัดที่สุดก็คือ…
“อ้าว! มาการง” ฉันร้องทักเพื่อนผมม่วงที่กำลังยืนอยู่แถวหลังสุดซึ่งเป็นที่ประจำของเจ้าตัว ร่างนั้นยืนอยู่คนเดียว ไร้วี่แววของซินนามอนและช็อกโกล่าเหมือนกับทุกวัน
“เพื่อนเธอหายไปไหนล่ะ” คัสตาร์ดเอ่ยทัก มาการงหันมายิ้มให้พวกเราก่อนตอบว่า
“ไข้ขึ้นน่ะ ทั้งสองคนเลย”
“ว้า! แย่จัง” ฉันอุทาน “แล้วเธอจะไปเยี่ยมหรือเปล่าล่ะ บ้านอยู่ข้างกันไม่ใช่เหรอ?”
“คิดว่าจะไปเยี่ยมซินนามอนตอนเย็นนี้แหละจ้ะ ส่วนช็อกโกล่า…” เจ้าตัวพูดค้างไว้แค่นั้น ก่อนคัสตาร์ดจะเป็นคนต่อประโยคให้จบว่า
“จะไม่ไปหางั้นสิ” ได้รับการพยักหน้าเป็นคำตอบจากคนผมม่วง ฉันมองอย่างประหลาดใจ สุดท้ายก็เอ่ยถามออกไปเพราะทนความสงสัยของตนไม่ไหว
“ช็อกโกล่าบอกว่าเดี๋ยวก็ดีขึ้น ไม่เป็นอะไรมากหรอก บอกฉันมาแบบนี้แหละจ้ะ” มาการงตอบ ฉันพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
“ฉันว่าช็อกโกล่าก็ดูแข็งแรงดีน้า ไม่น่าเลย ไปทำอะไรเข้าล่ะถึงได้เป็นไข้กันทั้งสองคนแบบนี้น่ะ”
“เมื่อวานพวกเราไม่ได้พกร่มมาด้วย แล้วฝนตกพอดี เลยฝ่าออกไปทั้งๆ แบบนั้นเลย” มาการงยิ้มแหยก่อนตอบ
“แบบนี้เอง เธอนี่อึดจริงๆ เลยนะ ตากฝนมาขนาดนั้นแล้วยังมาโรงเรียนได้อีกเนี่ย” คัสตาร์ดออกความเห็น
“ทีแรกฉันก็คิดว่าจะมาไม่ได้เหมือนกันแหละ แต่โชคดีไม่มีอาการผิดปกติ ไม่ปวดหัวด้วย ก็เลยมาน่ะจ้ะ”
“ดีแล้วละจ้ะ หยุดบ่อยก็ไม่ใช่เรื่องดี” ฉันพูดเบาๆ ก่อนจะมีสัญญาณเลิกแถว พวกเราเดินกลับห้องด้วยกันสามคน โดยที่มาการงกับคัสตาร์ดก็เดินคุยเรื่องสัพเพเหระกันมาตลอดทาง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับครั้งแรกที่เรารู้จักกัน แต่คัสตาร์ดก็ยังมีการพูดจิกกัดมาการงอยู่บ้างเป็นระยะ
“วันนี้จะมานั่งกับพวกเราหรือเปล่า?” ฉันประหลาดใจกับคำพูดที่คัสตาร์ดถามเพื่อนผมม่วง มาการงเลิกคิ้วสงสัย ก่อนคัสตาร์ดจะพูดต่อว่า
“เพื่อนที่นั่งข้างฉันก็ลาเหมือนกัน วันนี้มีคนหยุดเยอะมาก เธอจะมานั่งกับพวกเราก็ได้ จะได้ไม่ต้องนั่งคนเดียว”
มาการงพยักหน้ารับ “ดีเหมือนกัน แถวฉันก็มีกันแค่ 3 คนด้วย เดี๋ยวฉันเอาของไปวางที่โต๊ะแล้วจะตามไปนั่งด้วยนะ”
“รีบมาแล้วกัน ก่อนที่ครูจะเข้า ไม่งั้นฉันไม่ให้นั่งด้วยนะ”
“แหม คัสตาร์ดละก็” ฉันหันไปปรามเพื่อนตัวเล็กเบาๆ
“เอาเถอะน่าวาฟเฟิล ฉันก็แค่ไม่อยากให้ยัยนั่นนั่งคนเดียวก็แค่นั้นแหละ”
“เธอก็พูดให้มันดีๆ กว่านี้หน่อยก็ได้นี่นา ไม่คิดจะคุยกับเพื่อนแบบคนปกติบ้างเลยหรือไง?”
“เหอะ!” คัสตาร์ดแค่นหัวเราะ ก่อนจะเดินนำฉันกับมาการงไปยังตึกเรียนโดยไม่มีบทสนทนาอะไรอีก
การเรียนในช่วงเช้าผ่านไปอย่างราบรื่น ฉันชวนมาการงไปกินข้าวด้วยกันในช่วงพัก ซึ่งนานๆ พวกเราจะได้มานั่งกินข้าวด้วยกันสักที เพราะปกติก็อยู่กลุ่มใครกลุ่มมัน ทำให้พวกเราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร ยกเว้นเวลาทำงานกลุ่มด้วยกันเท่านั้น
“วันนี้ตอนเย็น คัสตาร์ดจะไปเยี่ยมซินนามอนด้วยกันมั้ยล่ะ?” มาการงเอ่ยขึ้นหลังจากซื้อข้าวเสร็จ และกลับมานั่งที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“ให้ฉันไปด้วยจะดีเหรอ?” คัสตาร์ดเอ่ยขึ้น มีความลังเลเจืออยู่ในน้ำเสียง
“ดีสิ ซินนามอนต้องดีใจแน่ๆ เลย” มาการงตอบอย่างมั่นใจ ก่อนจะหันมาทางฉัน “วาฟเฟิลก็มาด้วยกันได้น้า ไปด้วยกันหลายๆ คน ซินนามอนจะได้อาการดีขึ้นเร็วๆ ไง”
“ก็ดีนะ งั้นตอนเย็นเจอกันที่ไหนดีล่ะ” คัสตาร์ดเห็นด้วย
“หน้าประตูโรงเรียนดีมั้ยจ๊ะ?” ฉันออกความเห็น
“ได้เลย เดี๋ยวฉันนำทางเอง บ้านซินนามอนก็อยู่ใกล้ๆ บ้านฉันนี่แหละจ้ะ ไปไม่ยากหรอก”
“แสดงว่าเธอไปหาซินนามอนบ่อยสินะ” คัสตาร์ดพูดยิ้มๆ มาการงพยักหน้า
“ใช่ ฉันรู้จักบ้านซินนามอนทุกซอกทุกมุมเลยล่ะ” มาการงตอบอย่างภาคภูมิใจ ฉันมองหน้าเพื่อนผมม่วงที่นั่งตรงข้ามอย่างทึ่งๆ ก่อนจะพูดขึ้นลอยๆ ว่า
“พวกเธอสองคนนี่… คงสนิทกันมากสินะ”
“ฉันกับซินนามอนรู้จักกันมาตั้งแต่อนุบาลแล้วจ้ะ อยู่ห้องเดียวกันมาตลอดเลยด้วย นับจนถึงตอนนี้ก็เกือบ 10 ปีได้แล้วมั้ง”
“นานจังเลยน้า” ฉันอดทึ่งกับมิตรภาพอันยาวนานของเพื่อน 2 คนนี้ไม่ได้ แน่นอนมิตรภาพเป็นสิ่งสวยงามเสมอ ตราบใดที่เราไม่ทำให้มันขาดสะบั้นลงด้วยมือของเราเอง มิตรภาพนั้นก็ยังคงอยู่ต่อไปได้อย่างยืนยาว บางทีความเป็นเพื่อนนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ยาวนานและมั่นคงที่สุดแล้วละค่ะ ฉันเชื่ออย่างนั้น
พวกเรานั่งกินข้าวด้วยกันไปจนหมดเวลาพักจึงกลับขึ้นห้องเตรียมตัวเรียนต่อในช่วงบ่าย คุณครูสั่งให้จับกลุ่มเพราะจะมีงานให้ทำในสัปดาห์หน้า ซึ่งงานนี้เป็นงานใหญ่ มีการเก็บคะแนนค่อนข้างเยอะ ฉันรับหน้าที่จดชื่อสมาชิกทุกคนเพื่อให้หัวหน้าห้องรวบรวมส่งครู และงานนี้ต้องการสมาชิกกลุ่มละ 5 คนพอดี จึงไม่ลืมเขียนชื่อซินนามอนกับช็อกโกล่าลงไปด้วย
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ” คัสตาร์ดหันมาถาม ฉันพยักหน้ารับ ก่อนจะยื่นกระดาษรายชื่อเพื่อนในกลุ่มส่งให้กับหัวหน้าห้องที่กำลังเดินมาทางนี้พอดี
“เดี๋ยวกลับไปแล้วฉันสร้างกรุ๊ปไลน์ให้ ไม่ต้องห่วงนะ” เพื่อนสาวผมแดงหันมาพูดกับฉันและมาการง พวกเราพยักหน้ารับทราบ ก่อนจะหันไปสนใจสิ่งที่คุณครูเขียนไว้บนกระดานต่อ
เวลาเรียนในช่วงบ่ายดำเนินต่อไป น่าแปลกที่การเรียนในวันนี้ฉันไม่ง่วงเหมือนกับทุกวัน อาจจะเป็นเพราะมีมาการงซึ่งเป็นเพื่อนที่ไม่ได้สนิทเท่าไรมานั่งร่วมโต๊ะด้วย ทำให้ไม่สามารถหลับได้กระมัง ฉันจดสิ่งที่คุณครูสอนลงสมุดก่อนจะเก็บมันลงไปในลิ้นชักโต๊ะ พร้อมกับที่เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้นพอดี
“เลิกแล้วน้า เราจะไปบ้านซินนามอนกันเลยหรือเปล่าล่ะ?” ฉันถามมาการงที่กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บของใส่กระเป๋าอยู่
“ไปซื้ออะไรกินก่อนดีกว่า ฉันหิวจะแย่อยู่แล้วนะ” คัสตาร์ดออกความเห็น มาการงเห็นด้วย ดังนั้นพวกเราจึงเดินลงจากอาคารเรียนตรงไปที่โรงอาหารเพื่อหาอะไรใส่ท้องก่อนที่จะมุ่งหน้าไปบ้านของซินนามอนตามที่วางแผนกันไว้
“ฉันว่าเราซื้ออะไรไปฝากซินนามอนสักหน่อยดีมั้ย?” มาการงถามความเห็นฉันกับคัสตาร์ดที่กำลังมองสำรวจร้านขนมกันอยู่อย่างเพลิดเพลิน คัสตาร์ดหันกลับมาก่อนตอบ
“ก็ดีนะ ว่าแต่ จะซื้ออะไรไปฝากดีล่ะ คาราเมลมัคคีอาโต้สักแก้วดีมั้ย?”
“จะดีเหรอ? ซินนามอนไม่สบายอยู่น้า คงกินไม่ได้หรอก” ฉันทักท้วง แต่ก็อดขำในความคิดของคัสตาร์ดไม่ได้
“งั้น ซื้อผลไม้ไปฝากดีกว่า ซินนามอนชอบกินแอปเปิ้ลน่ะ ต้องดีใจแน่ๆ เลย”
“เอางั้นก็ได้” คัสตาร์ดเห็นด้วย ก่อนจะเดินนำไปที่ร้านขายผลไม้ที่ตั้งอยู่ตรงทางเข้าโรงอาหาร
“เอาองุ่นไปกินด้วยดีมั้ยนะ” ฉันเอ่ยขึ้นเบาๆ พลางกวาดตามองลูกองุ่นเป็นพวงๆ ที่วางอยู่ฝั่งหนึ่ง มาการงหันมามองตามสายตาของฉันไป ก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ อย่างเห็นด้วยว่า
“ก็ดีนะ ฉันว่าซินนามอนคงกินได้มากกว่าถ้าเทียบกับแอปเปิ้ล”
พวกเราเดินซื้อของกินกันสักพัก ก่อนจะมุ่งหน้าออกจากโรงอาหาร จุดหมายคือ บ้านของซินนามอนนั่นเอง โชคดีที่วันนี้ฝนไม่ตก จึงไม่จำเป็นต้องหยิบร่มหรือเสื้อกันฝนออกมาใช้ ฉันเดินตามมาการงไปเงียบๆ ไม่นานก็มาหยุดอยู่หน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง เพื่อนสาวผมม่วงยื่นมือไปกดกริ่งประตูบ้าน สักพักก็มีคนเดินออกมาเปิดประตูให้พวกเราเดินเข้าไป
“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานใสของใครคนหนึ่งดังทักทายพวกเราจากข้างใน ก่อนประตูจะถูกดึงให้เปิดออกช้าๆ ฉันหันไปมองด้วยความตกใจ เพราะคนที่เดินมาเปิดประตูให้พวกเราคือ เพื่อนผมสีช็อกโกแลตที่พวกเราตั้งใจมาเยี่ยมนั่นเอง
“ซะ… ซินนามอน!” มาการงร้องอย่างตกใจ ก่อนจะเดินเข้าไปช่วยพยุงร่างบางที่ยืนโซเซทำท่าจะล้มไปกองกับพื้นได้ทุกเมื่อ “ออกมาทำไมน่ะ ไข้ยังไม่ดีขึ้นเลยไม่ใช่เหรอ?”
“พ่อกับแม่ฉันไม่อยู่บ้านจ้ะ ถ้าฉันไม่ออกมาแล้วจะมีใครเปิดประตูล่ะ” ซินนามอนตอบด้วยเสียงแหบแห้ง ก่อนจะหันมามองพวกเราที่กำลังยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก
“ยัยมาการง เอาของในมือเธอมา เดี๋ยวฉันถือให้เอง ฝากซินนามอนด้วย” คัสตาร์ดที่ดูเหมือนจะตั้งสติได้เร็วที่สุดเอ่ยกับเพื่อนสาว มาการงยื่นของทั้งหมดที่ถืออยู่ส่งให้ก่อนจะช่วยพยุงซินนามอนเข้าไปข้างใน ฉันรับหน้าที่ปิดประตูบ้านก่อนจะเดินตามเข้าไปเป็นคนสุดท้าย
“คัสตาร์ดกับวาฟเฟิลก็มาด้วยเหรอเนี่ย ขอบใจมากเลยนะจ๊ะ” ซินนามอนเอ่ยเสียงเบา หลังจากนอนลงบนโซฟาเรียบร้อยแล้ว (ด้วยความช่วยเหลือของมาการง)
“ยัยมาการงชวนฉันมาด้วยน่ะ” คัสตาร์ดตอบ ก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนสาวที่กำลังนอนอยู่และถามขึ้น “แล้วเธอเป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
“ยังไม่ดีขึ้นเลย ตั้งแต่ตื่นมาฉันก็ปวดหัวตลอด หนาวด้วย” ซินนามอนดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว และซุกมือเข้าไปในผ้าห่มอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวคงหนาวมากอย่างที่พูดจริงๆ
“ได้เช็ดตัวบ้างหรือยังล่ะ เดี๋ยวฉันช่วยนะ” มาการงทำท่าจะลุกขึ้น ซินนามอนตอบว่า
“เพิ่งเช็ดตัวไปเมื่อตอนกลางวันนี่เอง ฉันขอแค่ผ้าชุบน้ำก็พอจ้ะ วางอยู่บนโต๊ะกินข้าวน่ะ”
“ได้เลย” มาการงหันมองไปทางหนึ่ง เห็นผ้าผืนหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ จึงหยิบมาถือไว้ แล้วถามอีกว่า
“ในครัวต้มน้ำร้อนไว้หรือเปล่า ฉันจะเอาผ้าไปแช่ให้”
“ไม่แน่ใจจ้ะ รู้สึกจะยังไม่ได้ต้มไว้นะ” ซินนามอนตอบ ฉันเดินตามมาการงไปเรื่อยๆ ทิ้งให้คัสตาร์ดนั่งอยู่กับคนป่วยเพียงลำพัง
“ฉันซื้อขนมมาด้วย มีหลายอย่างเลยนะ” ว่าพลางแกะถุงขนมที่ซื้อมาออกให้ซินนามอนดู
“เสียดายจัง ฉันกินอะไรไม่ได้เลย เหมือนลิ้นมันไม่รับรสอะไรแล้ว ตอนนี้กินได้อย่างเดียวคือโจ๊กหรือไม่ก็ข้าวต้มน่ะจ้ะ” ซินนามอนมองตามตาละห้อย คัสตาร์ดหันมามองอย่างเห็นใจ ก่อนจะนั่งคุยกับซินนามอนอีกสองสามคำ และเดินตามพวกฉันเข้ามาในครัว
“ฉันหารูเสียบปลั๊กกาน้ำร้อนไม่เจอ” ฉันเดินหารูเสียบจนทั่วแต่ก็ไม่เห็น จึงคิดว่าที่เสียบคงไม่ได้อยู่ในครัวแน่ๆ จึงหันหลังกลับ แต่คัสตาร์ดพูดขึ้นว่า
“นี่ไง ฉันเจอแล้ว” พูดพลางชี้ให้เห็นรูเสียบปลั๊กที่อยู่ข้างประตู ก่อนจะหันไปจัดการเสียบปลั๊กแล้วปล่อยทิ้งไว้ ให้กาน้ำร้อนทำหน้าที่ของมันไป และพวกเราก็กลับมานั่งอยู่กับซินนามอนที่โต๊ะกินข้าวซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากโซฟาที่ร่างบางใช้นอนชั่วคราว
“กำลังต้มน้ำอยู่นะ เดี๋ยวก็เดือดจ้ะ รอไม่นานหรอก” ฉันหันไปบอกเพื่อนสาวที่กำลังนอนมองเพดานอย่างไร้จุดหมาย ซินนามอนพยักหน้ารับ ก่อนที่มาการงจะลุกขึ้นไปเปิดโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ แล้วเปิดช่องรายการการ์ตูนที่ฉายในช่วงเย็น พวกเรานั่งดูการ์ตูนกันไปคุยกันไป ก่อนจะนึกได้ว่ามีของกินวางอยู่บนโต๊ะ
“อย่าลืมของที่ซื้อมาสิ” คัสตาร์ดพูดขึ้น ก่อนจะเปิดถุงขนมแล้วเอาเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ฉันทนความหิวของตัวเองไม่ไหว จึงนั่งลงที่โต๊ะกินข้าว แล้วกินขนมของตัวเองบ้าง เช่นเดียวกับมาการง ตอนนี้การเยี่ยมไข้คงไม่ใช่การเยี่ยมไข้อีกต่อไปแล้วละค่ะ เพราะคนมาเยี่ยมดันมานั่งกินขนมกันซะนี่
“ขอโทษนะซินนามอน พอดีพวกเราหิวไปหน่อย” มาการงหันไปมองหน้าเพื่อนสาวอย่างเห็นใจ ซินนามอนหันมามองตาละห้อย ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ดีจังเลยนะพวกเธอ ถ้าฉันไม่ป่วยคงร่วมวงกินกับทุกคนไปนานแล้ว” พูดพลางยิ้มในประโยคท้าย
“นั่นสินะ ซินนามอนคงไม่พลาดอยู่แล้ว ความจริง พวกเราซื้อองุ่นมาฝากด้วยนะ” มาการงชูถุงผลไม้ในมือ ก่อนจะลุกขึ้น “ไว้ดีขึ้นแล้วค่อยกินก็ได้ ฉันจะเอาไปแช่ตู้เย็นให้นะ”
“ขอบใจมากเลยจ้ะ ฉันอยากหายเร็วๆ แล้วสิ” ซินนามอนยิ้ม ก่อนจะพยายามลุกขึ้นนั่ง ฉันรีบเดินเข้าไปช่วยพยุง แต่สุดท้ายก็ต้องนอนลงเช่นเดิม เพราะเจ้าตัวบ่นว่าเวียนหัว
“ไม่ต้องลุกก็ได้นะ” คัสตาร์ดพูดขึ้น ก่อนที่เสียงอะไรบางอย่างจะดังมาจากในครัว ฉันเงี่ยหูฟังแต่ก็ไม่รู้ว่าเสียงนั้นคือเสียงอะไร จึงทำท่าจะลุกขึ้น แต่มาการงไวกว่า เธอเดินนำฉันไปที่ครัวทันที
“ดูเหมือนน้ำจะเดือดแล้ว เดี๋ยวฉันมานะ” คัสตาร์ดลุกตามพวกเรามาติดๆ พวกเราสามคนเดินเข้าไปดูกาน้ำร้อน ก็เห็นว่าเดือดแล้วจริงๆ ฉันเดินไปที่ตู้กับข้าวเพื่อมองหาแก้วกระเบื้องมาใส่น้ำร้อนให้ซินนามอนดื่ม เมื่อเจอแล้วจึงเดินกลับมาสมทบกับเพื่อนที่เหลือ
“วาฟเฟิล เอาแก้วมาทำไมน่ะ” คัสตาร์ดถาม
“เอามาใส่น้ำร้อนให้ซินนามอนดื่มหน่อยน่ะจ้ะ คนเป็นไข้ต้องดื่มน้ำมากๆ ไม่ใช่เหรอ?”
“จริงของวาฟเฟิลนะ งั้น เดี๋ยวฉันเอาผ้าชุบน้ำไปประคบให้ซินนามอนเอง” คัสตาร์ดขันอาสา ก่อนจะเดินออกไปจากห้องครัว ทิ้งให้ฉันกับมาการงยืนมองกาน้ำร้อนอยู่ด้วยกันสองคน
“มาการงหยิบผ้ามาด้วยหรือเปล่า?” ฉันถามเพื่อนสาวผมม่วง
“เปล่าจ้ะ ฉันไม่ได้หยิบมาด้วย คัสตาร์ดคงรู้อยู่แล้วละว่าวางอยู่ตรงไหน” พูดไม่ทันขาดคำ คัสตาร์ดก็ถือผ้าสีขาวสะอาดสองผืนเดินเข้ามา พวกเราหลบให้เธอเดินเข้าไปที่กาน้ำร้อน ก่อนที่เพื่อนสาวผมแดงจะเอาผ้าจุ่มลงไปในกาน้ำร้อนอย่างรวดเร็ว
“ว้าย! ร้อนๆๆ” เสียงร้องโอดครวญของเพื่อนสนิททำให้ฉันที่ถือแก้วน้ำร้อนอยู่เกือบจะทำมันหลุดมือ ฉันรีบหาที่วางแก้วก่อนจะเข้าไปดูอาการเพื่อนสนิท
“เป็นอะไรหรือเปล่า?” ฉันถามด้วยความตกใจ หันไปมองมาการงก็เห็นว่ามีสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน
“น้ำร้อนลวกมือน่ะ” คัสตาร์ดตอบ ก่อนจะชักมือออกจากกาน้ำร้อนอย่างรวดเร็ว
“ไม่มีแผลใช่มั้ย?” มาการงเอ่ยถาม คัสตาร์ดพยักหน้ารับ
“ไม่เป็นไรหรอก แค่แสบนิดหน่อยน่ะ เอ้านี่ ฉันชุบน้ำให้แล้ว ฝากเธอจัดการด้วย” ว่าพลางยื่นผ้าชุบน้ำให้กับมือของมาการง เธอรับมาบิดให้หมาดอีกเล็กน้อย และเดินออกจากห้องครัวไป
“แล้วพวกเราล่ะ?” ฉันหันไปหาเพื่อนผมแดง ก่อนจะนึกได้ว่าวางแก้วน้ำร้อนไว้บนโต๊ะ คัสตาร์ดเองก็หันมาเห็นแก้วน้ำร้อนพอดี เธอทำท่าจะหยิบไปถือไว้ พร้อมกับที่ฉันยื่นมือไปจับแก้วทำท่าจะยกขึ้น แต่เพื่อนสาวไวกว่า เธอยกแก้วขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่คงจะยกเร็วเกินไป หรือพวกเราแย่งกันยกก็ไม่อาจรู้ได้ น้ำร้อนทั้งหมดหกออกมาจากแก้วเปื้อนโต๊ะเรื่อยลงมาจนถึงพื้นที่พวกเรายืนอยู่ ฉันรีบหลบออกจากจุดที่กำลังยืนแล้วมองหาผ้าเช็ดพื้นแต่ก็ไม่เห็น จึงหันไปหาคัสตาร์ดที่กำลังยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของโต๊ะ
“เฮ้อ… หกหมดเลย” คัสตาร์ดบ่นเบาๆ “แล้วจะเช็ดยังไงละเนี่ย ไม่รู้ว่าผ้าอยู่ไหนด้วย”
“รอนานมั้ย?” มาการงเปิดประตูครัวเข้ามา เธอกำลังมุ่งตรงมาทางที่พวกเรายืนอยู่ ฉันกำลังจะเอ่ยปากบอกให้เธอระวัง แต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว
“กรี๊ดดด!” มาการงไม่ทันสังเกตเห็นน้ำที่เจิ่งนองอยู่บนพื้น เธอกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาพวกฉันที่กำลังยืนมองหน้ากันอยู่ ร่างนั้นลื่นไถลลงไปกองอยู่กับพื้นทันที
“มาการง!” ฉันเรียกชื่อเพื่อนผมม่วงเสียงดัง ก่อนจะพยายามเดินเข้าไปช่วยพยุงร่างบางให้ลุกขึ้น มาการงจับมือฉันไว้ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบากเนื่องจากพื้นที่เปียกไปด้วยน้ำ เมื่อลุกขึ้นมาได้ก็ลูบสะโพกของตนด้วยความเจ็บ
“ขอโทษนะ ฉันจะเตือนเธอแล้วว่าเมื่อกี้ทำน้ำหก แต่ว่า…” ฉันเอ่ยขอโทษเสียงเบา ใบหน้าหมองลงด้วยความสำนึกผิด
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ แล้วคัสตาร์ดไม่เป็นไรใช่มั้ย?” ร่างบางหันไปหาคัสตาร์ดที่กำลังมองหาอะไรบางอย่าง เธอหันมาก่อนตอบ
“ฉันไม่เป็นไร ว่าแต่ รู้บ้างมั้ยว่าผ้าเช็ดพื้นอยู่ไหนน่ะ”
“เดี๋ยวฉันขอหาแป๊บนึงนะ” พูดจบก็หันไปทางอ่างล้างจานที่ตั้งอยู่มุมห้อง ก่อนจะหยิบผ้าผืนหนึ่งออกมายื่นให้คัสตาร์ด
“อะไร ให้ฉันเช็ดให้ละสิ” คัสตาร์ดว่าอย่างไม่จริงจังนัก
“ก็เธอถามฉันเองนี่นา” มาการงยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะหันไปหยิบผ้ามาเช็ดโต๊ะที่เต็มไปด้วยน้ำจนโต๊ะแห้งสนิท
“เมื่อกี้วาฟเฟิลจะทำอะไรเหรอ น้ำถึงได้หกน่ะ?”
“ฉันว่าจะเอาน้ำร้อนไปให้ซินนามอนดื่มน่ะจ้ะ ตั้งใจจะหยิบแล้วแต่คัสตาร์ดดันมาหยิบไปก่อนซะได้ ขอโทษจริงๆ น้า”
“แย่งกันยกจนน้ำหกสินะ ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ไม่เจ็บตรงไหนก็ดีแล้ว” มาการงพูดเบาๆ พวกเราช่วยกันเช็ดพื้นจนแห้ง ฉันตักน้ำจากกาน้ำร้อนซึ่งตอนนี้เริ่มเย็นจนกลายเป็นน้ำอุ่นใส่แก้วกระเบื้อง ก่อนจะเดินออกจากห้องครัวกลับไปหาซินนามอนที่นอนอยู่บนโซฟาตัวเดิม
“ขอโทษที่ให้รอนานนะจ๊ะ พอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ” ฉันว่าก่อนจะวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะข้างโซฟา ซินนามอนยันกายลุกขึ้นก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มช้าๆ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ซินนามอนถามเสียงเบาจากพิษไข้
“วาฟเฟิลทำน้ำหกน่ะ แต่พวกเราช่วยกันเช็ดแล้ว” คัสตาร์ดตอบ
“จริงๆ มันก็ทั้งคู่แหละจ้ะ แต่ช่างมันเถอะ ว่าแต่ซินนามอนหิวอะไรหรือเปล่า นี่ก็เย็นแล้วนะ” ฉันมองดูนาฬิกาก็เห็นว่านี่ใกล้จะ 5 โมงเย็นแล้ว
“ก็นิดหน่อยจ้ะ” ซินนามอนตอบ
“อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ถ้าฉันทำได้เดี๋ยวจะทำให้” มาการงถามบ้าง
“แค่ข้าวต้มสักชามก็พอแล้วละ มีผักกาดกระป๋องอยู่ในตู้กับข้าวนะ”
“งั้น วาฟเฟิล ฝากด้วยนะ” คัสตาร์ดหันมาโยนงานให้ฉันอีกจนได้ ฉันดูนาฬิกาแล้วใจหาย เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีธุระที่ต้องไปจัดการ จึงหันไปบอกเพื่อนๆ ว่า
“ขอโทษด้วยนะ ฉันต้องรีบกลับบ้านตอนนี้เลยจ้ะ”
“อ้าว! รีบกลับจังเลย” มาการงพูด
“เพิ่งนึกได้ว่าวันนี้เป็นเวรทำกับข้าวน่ะ ป่านนี้คุณแม่บ้านคงรอแย่แล้ว ไปก่อนนะจ๊ะ ไว้เจอกันที่โรงเรียน” ฉันพูดก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าของตัวเองที่วางทิ้งไว้ และไม่ลืมหันมาพูดกับซินนามอนว่า
“หายเร็วๆ น้า อย่าลืมกินยา แล้วนอนพักเยอะๆ ล่ะ ฉันไปก่อนน้า บายจ้ะ” ว่าจบ ฉันก็โบกมือลาเพื่อนๆ ทุกคน ก่อนจะเดินออกจากบ้านของซินนามอนไป
(มาการงบรรยาย)
วาฟเฟิลกลับไปแล้ว เหลือแค่ฉันกับคัสตาร์ดนั่งมองหน้ากันไปมา ตอนนี้พวกเรากำลังอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก เพราะคนที่ทำอาหารเก่งที่สุดดันมาป่วยจนนอนซม และฉันเองก็ทำอาหารไม่เป็นเสียด้วยสิ
“ไม่จริงน่า เป็นไปไม่ได้!” คัสตาร์ดอุทานลั่น ฉันหันไปมองหน้าเพื่อนผมแดงก่อนถามว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ได้รับคำตอบว่า
“คนที่ทำกับข้าวเป็นก็ไม่อยู่ แล้วฉันจะทำยังไงดีละเนี่ยยยย!”
“เธอหุงข้าวได้หรือเปล่าน่ะ” ฉันถาม
“หุงข้าวน่ะหุงได้ แต่ไม่รู้จะกินได้หรือเปล่าน่ะสิ”
“งั้น คงต้องลองดูแล้วล่ะ” ฉันลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินกลับไปที่ครัวอีกครั้งโดยมีคัสตาร์ดเดินตามหลัง เมื่อมองเข้าไปก็เห็นหม้อหุงข้าวไฟฟ้าตั้งอยู่ข้างเตาแก๊ซ
“แล้วข้าวอยู่ไหนล่ะ เห็นมีแต่หม้อ” คัสตาร์ดถาม ฉันมองหาจนทั่วห้องครัวก็ไม่เห็นถุงข้าวเลยแม้แต่น้อย
“ลองเดินหาดูมั้ยล่ะ มันต้องอยู่ที่ไหนสักที่แหละน่า”” ฉันหันไปถามเพื่อนผมแดง ฝ่ายนั้นพยักหน้า
“ก็ต้องเป็นอย่างนั้นแหละ” พวกเราเดินหาสักพักก็เจอถุงข้าวสารตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้องครัว ฉันจัดการซาวข้าวเหมือนกับที่เห็นซินนามอนเคยทำก่อนจะนำข้าวที่ซาวเรียบร้อยแล้วเดินเข้าไปที่หม้อหุงข้าว และปัญหาก็เกิดขึ้นเมื่อ…
“มันใช้ยังไงละเนี่ย?” ฉันเอ่ยถามคัสตาร์ดที่ยืนจ้องปุ่มบนตัวหม้อจนตาแทบถลน ได้รับการส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“จะไปรู้ได้ยังไงเล่า! ฉันไม่เคยใช้หม้อหุงข้าวของที่นี่ เคยหุงแต่ที่บ้านตัวเอง” ร่างเล็กตอบเซ็งๆ “รู้งี้ฉันไม่มาเป็นเพื่อนเธอตั้งแต่แรกก็ดีหรอก”
“น่า ไม่เห็นเป็นไรเลย อย่างน้อยเธอมาเยี่ยมซินนามอนก็ยังมีเพื่อนคุยนะ ถ้าฉันมาคนเดียวก็คงไม่รู้หรอกว่าเวลาเยี่ยมไข้เนี่ยมันต้องทำอะไรบ้างน่ะ” ฉันหันไปพูดกับคัสตาร์ด หวังใจว่าเพื่อนผมแดงคงจะคลายความหงุดหงิดลงได้บ้าง
“ที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีเพราะวาฟเฟิลอยู่ด้วยต่างหากล่ะ ไม่น่าเลย” คัสตาร์ดบ่นอีกเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสนใจหม้อหุงข้าวต่อ ทุกอย่างจบลงเมื่อฉันหาสวิตซ์เปิดจนเจอ และนำข้าวที่ซาวไว้แล้วลงไปหุงโดยมีคัสตาร์ดช่วยมองหาปุ่มตั้งเวลาให้ ทุกอย่างผ่านไปอย่างทุลักทุเล และฉันกับคัสตาร์ดเองก็เถียงกันไปหลายยก
เมื่อได้ข้าวต้มตามที่ต้องการแล้ว ฉันจึงตักข้าวต้มใส่ชามแล้วยกออกไปวางไว้บนโต๊ะกินข้าว โดยมีคัสตาร์ดถือผักกาดกระป๋องตามมาข้างหลัง พวกเราช่วยดูแลซินนามอน และนั่งคุยอยู่จนค่ำจึงพากันกลับบ้านของตน
แม้ว่าการเยี่ยมไข้ครั้งนี้จะมีสิ่งที่ทำให้ตกใจและคาดไม่ถึงเกิดขึ้นหลายอย่าง แต่ฉันก็ดีใจที่ได้มาช่วยดูแลเพื่อนที่ฉันสนิทที่สุดอย่างใกล้ชิดแบบนี้ แม้มันจะขลุกขลักไปบ้างเพราะฉันเองก็ไม่เคยดูแลคนป่วยมาก่อน แต่ประสบการณ์ครั้งนี้จะเป็นสิ่งที่ฉันจำไม่ลืมเลยละค่ะ
(ติดตามตอนต่อไป)
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 642
แสดงความคิดเห็น