รักเหนือฝัน มีฉันต้องมีเธอ 1 : อุบัติ…เหตุรัก
วันนี้อากาศร้อนจัด ทิพาธรณ์ก้าวเท้าลงจากรถตู้รับส่งระหว่างมหาวิทยาลัยของเธอกับโรงพยาบาลในเครือ ลมร้อนพัดถูกผิวกาย ใจที่ร้อนอยู่แล้วเหมือนจะคุขึ้นอีก ความหงุดหงิดจากผู้ชายบางคนที่ทำตัวน่ารำคาญ คอยตามตื๊อเธอไม่เลิกจนนึกเบื่อหน่าย
หญิงสาวไม่ใช่นักศึกษาที่สวยที่สุดในคณะ แต่นับว่าไม่เลวในสายตาของบางคน และจะว่าฟ้าลงโทษหรือบุพเพสันนิบาตก็ไม่ทราบ ที่หน้าตาของเธอดันไปต้องใจเขาเข้า ให้ตายเถอะ ผู้ชายคนนี้ห่างไกลสเปกเธอมาก ถึงหน้าตาเขาจะไม่ได้แย่ แต่รังเกียจพฤติกรรมรุ่มร่ามและเที่ยวประกาศว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขาไปทั่วนี่แหละ
“ฮุ่ย!” ทิพาธรณ์ฮึดฮัดกับตัวเอง พอใจนึกถึงเพื่อนชายร่วมคณะคนนั้นอีกก็อดกระฟัดกระเฟียดไม่ได้
“โธ่โว้ย!” สบถพลางเตะเท้าไปข้างหน้าด้วยความแรง หมายจะระบายอารมณ์ ทว่าใครจะไปทันคิดว่ารองเท้าผ้าใบคู่ใจบาง ๆ ที่ไม่ได้ใส่รัดเท้านักจะหลุดลอยละล่องไป
เธอใจหายวาบ มองตามรองเท้าสีขาวปลิวไปข้างหน้าด้วยความระทึก โอ้แม่เจ้า! ทิศทางที่รองเท้าคู่ใจลอยไปนั้นมีชายชุดกาวน์คนหนึ่งกำลังยืนหันหลังคุยโทรศัพท์อยู่
โป๊ก!
รองเท้าสีขาวลอยกระทบหลังเขาอย่างจัง ต่อเมื่อมันร่วงลงพื้น รอยพื้นรองเท้าสีดินก็ปรากฏบนเสื้อสะอาดสะอ้านนั้นอย่างไม่น่าให้อภัย
ใบหน้าสวยถอดสีพลางยกมือปิดปากด้วยความตกใจ ทำเรื่องแล้วไง เธอคิด ขณะหญิงสาวกำลังลังเลว่าจะเผ่นดี หรือจะอยู่รับผิดชอบกับสิ่งที่ตนเองทำดี ชายเจ้าของร่างสูงราว ๆ ร้อยแปดสิบก็หันมา เธอแทบหยุดหายใจเมื่อนึกว่าเขาจะต่อว่าอย่างไรบ้าง
ใบหน้าที่หันมาแรกทีเดียวมีแววไม่เข้าใจฉายอยู่ แต่ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน จู่ ๆ คิ้วที่ขมวดปมก็คลายออก กลายเป็นหรี่ตามองเธออย่างพินิจแทน
‘หล่อ’ คำแรกที่ผุดขึ้นในใจหลังจากทิพาธรณ์ได้เห็นหน้าชายในชุดกาวน์นั้นเต็มตา และตามธรรมเนียม หน้าตาหล่อเทพแบบนี้ สาวใจง่าย เอ๊ย! หวั่นไหวง่ายอย่างเธอต้องเกิดอาการใจเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่แล้ว
“เอ่อ...” ทิพาธรณ์อึกอักไปชั่วขณะ
อีกฝ่ายทำท่าจะเลิกคิ้วถาม ก็เหมือนสายตาเขาจะเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างตกอยู่ใกล้ ๆ เสียก่อน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากให้เขาเห็นที่สุดในตอนนี้ เขามองมันแล้วหันมามองที่เท้าเธอ ก่อนนัยน์ตาคู่งามทรงเสน่ห์จะฉายแววเข้าใจบางอย่างขึ้นมา
“เอ่อ...รองเท้าหนูเองค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยความกล้า ๆ กลัวๆ
“หนูขอโทษนะคะ พอดีเมื่อกี้โมโหไปหน่อย ก็เลยเตะเท้าออกไปโดยไม่ระวัง แหะ ๆ” เธอส่งยิ้มแหย ๆ ให้เขา
ดวงตาคมปลาบที่ผ่านประสบการณ์อ่านคนมาโชกโชนจ้องเธออย่างพิเคราะห์ ทำเอาคนตัวเล็กรู้สึกเหมือนเสื้อผ้าถูกกระชากออกเป็นชิ้น ๆ ก่อนในที่สุดเขาจะเอ่ยออกมา
“ไม่เป็นไรครับ” เสียงทุ้มเท่เจือหวานนิด ๆ หลุดออกจากปากบางอมชมพูเย้ายวนได้รูปของเขา แววตานั้นวิบวับจนเธอรู้สึกเขินตัวเกร็ง
ชั่วนาทีทิพาธรณ์ก็ใช้โอกาสนั้นลอบพินิจหน้าเขาด้วยความสนใจ ใบหน้าเรียวคล้ายหยดน้ำกลับหัว คิ้วเข้ม ตาเรียวงามฉายแววฉลาดเฉลียวราวกับอ่านทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง จมูกเป็นสันเข้ารูป กับปากเย้ายวนบางอมชมพูได้รูปนั้น โอ้แม่เจ้า! เป๊ะเวอร์
“หน้าผมมีอะไรติดอยู่หรือเปล่าครับ” เขาถามยิ้ม ๆ ด้วยความสุภาพ ทว่าแววตายังมองเธออย่างมีเลศนัย
“โอ๊ย! ใจละลาย” ทิพาธรณ์เผลอหลุดปากอย่างไม่รู้ตัว พลางแก้มก็ขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินจัด
ฝ่ายนั้นเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม ดวงตาทรงเสน่ห์แฝงความเจ้าเล่ห์นั้นทำเอาเธออยากม้วนตัวมุดแทรกแผ่นดินหายไปให้ได้ เวลานี้ลึกในใจชายหนุ่มกำลังกระหยิ่ม ผู้หญิงตรงหน้าไม่ใช่สเปกเขา แต่เรื่องบริหารเขี้ยวเล็บมันเป็นเรื่องที่ห้ามยากนี่นา แล้วเขาก็ก้มเก็บรองเท้าเดินเข้ามายื่นให้ทิพาธรณ์
“ใส่เถอะครับ มันร้อนนะ” เขาบอกอย่างนิ่มนวล
ทิพาธรณ์เห็นอีกฝ่ายแสดงท่าทางแบบนั้นกับเธอก็ยิ่งหน้าร้อนผ่าวกว่าเดิม พลางมือไม้ก็ดูจะเก้งก้างไปหมด หัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้วก็เต้นแรงเข้าไปอีกเมื่อใกล้เขาในระยะไม่ถึงสองฟุต เธอยื่นมือไปรับรองเท้าจากมือหนาด้วยสติกึ่งมีกึ่งไม่มี ขณะที่หญิงสาวกำลังจะตกอยู่ในภวังค์ความหล่อของชายหนุ่มตรงหน้า ทันใดนั้นสายลมร้อนก็พัดใบไม้แห้งจากกิ่งปลิวซัดหน้าเธออย่างจังจนเผลอสะดุ้ง
“อะ…เอ่อ…ขอบคุณค่ะ” ทิพาธรณ์เพิ่งได้สติ รีบรับรองเท้ามาถือไว้แล้วก้มลงใส่อย่างเก้ ๆ กัง ๆ จนเธอใส่เสร็จและยืนขึ้น เขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนมีเคสบ่าย
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ” ขนาดจะจากกันชายหนุ่มก็มิวายส่งยิ้มละลายหัวใจมาให้อีก
ด้วยความที่หญิงสาวก็เบลอ ๆ อยู่ โดนแบบนั้นเข้าไปอีกความเขินก็พุ่งเกินขีดจำกัด จนต้องรีบยกมืออุดปากไว้ไม่ให้กรี๊ดออกมา แล้วพยักหน้ารับไว ๆ ด้วยความอาย จนลืมไปว่ารอยวีรกรรมของเธอยังเด่นอยู่กลางหลังเขา กระทั่งเขาหันหลังเดินเร็วๆ ไปนั่นแหละจึงนึกขึ้นได้
เธอปิดปากหน้าซีดอีกครั้งที่เห็นรอยวีรกรรมนั้น สองความคิดตีกันในหัว ตามไปรับผิดชอบดีหรือปล่อยไปดี คนหน้าตาหล่อวัวตายควายล้มแบบนั้นคงมีแฟนแล้วแน่ ๆ ถ้าเธอไปเกาะแกะแฟนเขา หล่อนจะไม่หวงแย่หรือ สุดท้ายทิพาธรณ์ก็ตัดสินใจได้ ก่อนรีบวิ่งเรียกตามหลังเขาไปด้วยความเร็ว
“พี่หมอคะ พี่หมอ พี่หมอคะเดี๋ยวก่อน” ด้วยชุดที่หญิงสาวเห็น ทำให้คิดว่าเขาต้องเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลแห่งนี้แน่ๆ
ชายหนุ่มยังเดินเร็ว ๆ ไปไม่หยุด คล้ายเร่งรีบจะไปทำหน้าที่ต่อ เธอจึงต้องเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้น จนที่สุดด้วยความไวระดับนักกีฬาวิ่งของคณะก็ตามเขาทัน ทิพาธรณ์เอื้อมมือไปแตะหลังเขาให้รู้ตัว ก่อนเจ้าของร่างสูงสันทัดจะเหลียวมามอง
“ขอโทษค่ะ คือหนูจะบอกว่าด้านหลังเสื้อพี่หมอ…เอ่อ…เป็นรอยรองเท้าหนูอยู่นะคะ” พูดเสร็จหน้าของเธอก็ขึ้นสีอีกครั้ง
“โอ้ว!” เขาอุทานไม่ดังนัก
“ผมต้องรีบไปดูคนไข้ด้วยสิ อืม ช่างมันเถอะครับ เดี๋ยวผมค่อยไปปัดออกแล้วกัน ขอบคุณนะครับที่มาบอก” เขายังพูดสุภาพดังเคย
“ขอโทษจริง ๆ นะคะ ถ้าจะให้หนูรับผิดชอบอะไรบอกได้นะคะ” ทิพาธรณ์ออกตัวอย่างรู้สึกผิด
ตอนนั้นชายหนุ่มไม่สนใจจะหลีสาวอะไรอีกแล้ว ถึงเขาจะชอบการล่าเหยื่อสนุก ๆ ทว่างานช่วยชีวิตคนคือสิ่งที่เขารักมากกว่า
“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้เอง งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ใกล้เวลางานมากแล้ว” พูดจบเขาก็หันหลังเดินต่อไปอย่างเร็วอีกครั้ง ก่อนจะหายลับไปกับผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เดินขวักไขว่ในพื้นที่ของโรงพยาบาล
ทิพาธรณ์ได้แต่มองตามหลังไปอย่างไม่คลาดสายตา มิวายภาพตอนที่ชายหนุ่มอยู่ใกล้และปฏิบัติกับเธออย่างอ่อนโยนจะหวนกลับเข้ามาให้เคลิ้มอีกครั้ง หน้าหญิงสาวร้อนผ่าวขึ้นพลางอมยิ้มเขิน ๆ กับตนเอง
“คนอะไรน่ารักเป็นบ้า”
หลายปีล่วงเลย
ท้องฟ้ายามเย็นสีส้มชมพูยังโปร่งโล่งสดใส นกน้อยมากมายบินกลับรังด้วยความรื่นเริง ถึงกิ่งไม้ใหญ่ที่พักพิงก็เกาะกลุ่มคุยกันระงม ราวกับไม่ได้พบกันมานานชนิดที่มีเรื่องไม่น้อยมาเล่าสู่กันฟัง
ดวงตาคู่สวยทอดมองแม่น้ำสายใหญ่และเรือลำน้อยแล่นผ่านลอดใต้สะพานที่ยืนอยู่ด้วยความเปลี่ยวเหงา ชีวิตตอนนี้ก็พร้อมเกือบทุกอย่างแล้ว แต่ทำไมหัวใจยังรู้สึกขาดอะไรบางอย่างอยู่ คบกับใครสักกี่คนก็มีอันต้องลงเอยด้วยการเลิกรา ไม่ได้ผิดที่อีกฝ่ายไม่ดี แต่เพราะเขายังไม่ใช่ มันเป็นความผิดของเธอเอง ถอนหายใจหนัก ๆ ออกมาพรืดใหญ่ เหงา เศร้า และเจ็บใจตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่กล้าจะเปิดทางให้ใครเข้ามาอีก กลัว! เธอกลัวจะทำร้ายเขา และกลัวจะทำอะไรพลาดไปอีก
“โธ่ น้อง” เสียงใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นจากที่ไม่ห่างออกมามากนัก ทว่าคนถูกจับตามองอยู่ไม่มีทางรู้สึกได้ เพราะเธอและพวกเขาอยู่กันคนละภพ
“กรรมของน้องแหละหนาพี่ทิพย์วรา” หญิงสาวในร่างเด็กสาววัยสิบหกปีอีกคนกล่าวปลอบพี่สาวที่เกิดร่วมกันมาหลายชาติด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“เฮ้อ! อย่างไรพี่ก็อดสงสารน้องเราไม่ได้ หวังเพียงน้องเราจะอดทนและยึดมั่นในความดี ฝึกฝนตนเองเอาชนะความชั่วให้จงได้” หญิงสาวอีกคนที่รูปร่างหน้าตาอยู่ในวัยเดียวกันกล่าวอย่างทอดถอนใจ
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นเสียงฟ้าผ่าก็ดังสนั่นไปทั่วพื้นที่ พร้อมกับร่างบางบนสะพานทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นราวใบไม้ปลิดปลิวลงจากกิ่ง และไม่นานเกินรอก็มีคนสองสามคนวิ่งกรูกันเข้าไปหาหญิงสาวคนนั้นด้วยอาการรีบร้อน
“ตามรถพยาบาลเร็ว!” หนึ่งในสามคนร้องขึ้น เป็นผลให้อีกหนึ่งในสองที่เหลือรีบยกโทรศัพท์ขึ้นมารัวนิ้วลงไป ส่วนอีกคนกำลังพยายามปั๊มหัวใจร่างที่แน่นิ่งอยู่
เสียงสัญญาณไฟรถพยาบาลดังเข้ามาใกล้ ก่อนบุรุษและนางพยาบาลสองคนจะรีบวิ่งลงรถมาช่วยชายวัยกลางคนพาร่างบางขึ้นรถพยาบาลไปด้วยความเร่งรีบ
“พี่ช่วยเธอได้ดีที่สุดเท่านี้ ต่อจากนี้เธอต้องเลือกชีวิตของตัวเอง” ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุนั้นพึมพำกับตนเอง พรางสายตาก็มองรถพยาบาลที่แล่นออกไปด้วยความเร็วอย่างเป็นห่วง ไม่มีใครเห็นเขาเช่นเดียวกับสองสาวอีกฝั่งถนน เพราะสภาวะของพวกเขาสูงส่งเกินกว่าคนธรรมดาจะรับรู้ได้
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 1128
ความคิดเห็น
ถ้าว่าเขียนผิดนะครับ
ที่ถูกคือ ทว่า
คำนี้ใช้แทนคำว่า
แต่ หากแต่ แต่ทว่า หากทว่า
แสดงความคิดเห็น