บทที่ 50: เจ้าจะไม่ได้รับส่วนแบ่งอีกต่อไป
เหตุผลที่จิ้งจอกสาวยกขึ้นมาพูดทั้งหมดนั้นทำให้ลู่ซุยซุยพูดไม่ออก
นางแอบเคืองอยู่ในใจพลางคิดว่า แม่จิ้งจอกสาวตรงหน้าใช้คำพูดคมคายถึงเพียงนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่!
ขณะนั้นลู่เมี่ยนเอ๋อตำหนิอีกฝ่ายด้วยเสียงทุ้ม “หูเจียวเจียว จะมากเกินไปแล้วนะ ซุยซุยก็แค่ไม่ได้ตั้งใจ”
“เอาล่ะ ๆ!” ท่านผู้เฒ่าที่ทนฟังมาตลอดตะโกนออกมาด้วยใบหน้าบูดบึ้งขัดจังหวะการสนทนาของพวกนาง
ในขณะที่ใบหน้าของหูเจียวเจียวสงบนิ่ง ปราศจากความกลัวแม้แต่น้อย
ถัดมา ชายผู้มีตำแหน่งสูงสุดชำเลืองมองเหล่าภูตหญิงทีละคน ก่อนที่สายตาคมจะจับจ้องไปยังผลไม้ดินที่โดนบดละเอียด รวมถึงผลไม้ดินที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น เขาจึงยกมือขึ้นลูบหัวคิ้วด้วยอาการปวดหัว
“ลู่ซุยซุย ในเมื่อเจ้าเหยียบย่ำผลไม้ดินจนเละ ฉะนั้นอาหารส่วนนี้จะถูกหักออกจากส่วนแบ่งของเจ้าในฤดูหนาว”
“ในอนาคต พวกเจ้าแต่ละคนจะต้องขุดผลไม้ดินด้วยตัวเอง ห้ามยื่นมือเข้าไปช่วยคนอื่น และห้ามใครนำเรื่องส่วนตัวมาเป็นเหตุผลในการทำให้อาหารเสียหาย!”
เดิมทีท่านผู้เฒ่ามักจะมีใบหน้าที่เคร่งขรึมเป็นปกติ ยิ่งเขาได้ประกาศออกมาอย่างจริงจัง มันก็ดูน่าเกรงขามยิ่งขึ้น
ในขณะนี้ลู่ซุยซุยรู้สึกไม่พอใจ แต่นางก็ไม่กล้าปฏิเสธหัวหน้าเผ่า
ทว่าสำหรับหู่จิงที่เป็นคนโผงผาง นางออกหน้าพูดแทนลู่ซุยซุยทันที “ท่านผู้เฒ่า ในเมื่อลู่ซุยซุยเหยียบย่ำผลไม้ดินจนเสียหายและได้รับการลงโทษมันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว แต่หูเจียวเจียวทำร้ายลู่ซุยซุย ท่านยังไม่ได้ตัดสินบทลงโทษของหูเจียวเจียวสำหรับความผิดของนางเลยนะ!”
ระหว่างนั้นจิ้งจอกสาวหันมองไปหู่จิง
แม่เสือสาวคนนี้มีจิตใจที่ดีมากจริง ๆ นางคอยช่วยเหลือสหายคนสนิทอย่างลู่เมี่ยนเอ๋อรวมไปถึงลู่ซุยซุยอยู่เสมอ แต่ในท้ายที่สุดนางก็เสียชีวิตเพราะเหตุนี้
เธอไม่รู้ว่าควรจะเรียกนางว่าคนโง่หรือไร้เดียงสาดี…
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากเสือสาว พวกผู้หญิงก็มองไปที่หัวหน้าเผ่าอย่างพร้อมเพรียง เนื่องจากพวกนางไม่ชอบหูเจียวเจียวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นทุกคนจึงหวังว่าอีกฝ่ายจะถูกลงโทษด้วยเหมือนกัน
“คงเลี่ยงไม่ได้แล้วสินะ”
ชายชราหลับตาลงพร้อมกับอาการปวดหัวตุบ ๆ ก่อนจะลืมตาที่แห้งผากมองไปยังหูหมินที่อยู่ข้างหลังหูเจียวเจียว
ในตอนนั้นเอง ดวงตาของเขาจับจ้องที่แขนของหญิงวัยกลางคนที่มีรอยนิ้วมือสีแดงอยู่รอบ ๆ “ลู่ซุยซุยจงใจทำร้ายหูหมิน หูเจียวเจียวแค่ปกป้องแม่ของนาง ไม่มีเหตุผลที่นางจะต้องถูกลงโทษ”
เนื่องจากผิวของหูเจียวเจียวขาวราวกับหิมะซึ่งเป็นเพราะเธอได้รับมันมาจากหูหมิน แม้ว่าตอนนี้นางจะอายุเกือบ 40 ปีแล้ว แต่ผิวของผู้เป็นแม่ก็ยังขาวเรียบเนียนอยู่ ดังนั้นแค่นางถูกบีบเบา ๆ ผิวก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดงชัดเจน
ชายชราเป็นหัวหน้าเผ่ามากว่า 10 ปี ทำไมเขาจะไม่สังเกตเห็นรายละเอียดนี้
ถ้าลู่ซุยซุยต้องการช่วยจริง ๆ ทำไมนางถึงจับแขนหูหมินแรงขนาดนั้น?
ในเวลาเดียวกัน หูเจียวเจียวหรี่ตาลงเล็กน้อย พร้อมกับที่ร่องรอยของความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
มันผิดคาดมากที่หัวหน้าเผ่าคนนี้ค่อนข้างเฉลียวฉลาด ไม่หัวรั้นหรือชอบยุ่งวุ่นวายเรื่องคนอื่นเหมือนที่เขียนไว้ในหนังสือ
เนื่องจากหญิงสาวผลักคนที่ประสงค์ร้ายออกไปได้ทันเวลา หูหมินจึงไม่ได้รับรู้ถึงความตั้งใจจริงของลู่ซุยซุยเลย เมื่อได้ยินคำพูดของท่านผู้เฒ่า นางก็หันไปมองกอหญ้าที่อยู่ด้านหลังแล้วแหวกออกจนเห็นหินก้อนใหญ่
ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ แผ่นหลังของหญิงวัยกลางคนก็เย็นวาบ ถ้านางล้มกระแทกลงไปใส่หินเข้า หัวของนางคงจะแตกแล้วเสียชีวิตทันที!
จากนั้นหูหมินก็พูดด้วยใบหน้าที่มืดมนว่า “ลู่ซุยซุย ทำไมจิตใจของเจ้าถึงได้โหดเหี้ยมขนาดนี้ ข้าไปทำอะไรให้เจ้าโกรธแค้นนักหนา เจ้าถึงอยากจะฆ่าข้าให้ตาย!”
“ขอบคุณเจียวเจียวของข้าที่สังเกตเห็นก่อนที่จะมีอะไรเกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าคงกลายเป็นศพไปแล้ว”
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นนางก็ตัวสั่นสะท้านอย่างห้ามเอาไว้ไม่ได้
ทันทีที่ผู้หญิงคนอื่นเห็นก้อนหิน ทุกคนก็ตกใจมาก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ซุยซุยจะร้ายกาจขนาดนี้ พวกนางเกือบหลงเชื่อคนโกหกไปแล้ว!
ถ้าหัวหน้าเผ่าไม่ค้นพบเรื่องนี้ คราวหน้าคนที่หัวแบะอาจเป็น 1 ในพวกนางก็ได้
ในขณะเดียวกัน ลู่เมี่ยนเอ๋อกับหู่จิงหันไปมองคนที่ตนพยายามปกป้องด้วยความไม่เชื่อ “ซุยซุย นี่เจ้า...”
“ไม่ ข้าไม่ได้…” กวางสาวส่ายหัวอย่างลนลาน
แต่ต่อให้นางอธิบายเป็นจนปากเปียกปากแฉะก็ไม่มีใครเชื่อคำพูดของนางอีกต่อไป
“ลู่ซุยซุย เมื่อถึงฤดูหนาว เผ่าจะไม่แบ่งปันอาหารให้เจ้าอีก แล้วพอเจ้ากลับไป เจ้าจะต้องหาคู่ครองให้เร็วที่สุด และเจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมกลุ่มเก็บเกี่ยวอีก” หัวหน้าเผ่าตัดสินผู้กระทำผิดอย่างเคร่งขรึม
เดิมทีเขาต้องการรอจนกว่าเขาจะกลับไปที่เผ่า แล้วค่อยคุยกับลู่ซุยซุยตามลำพัง แต่หู่จิงกลับดึงดันถามหาความจริง ดังนั้นชายชราจึงทำได้เพียงประกาศการตัดสินใจของเขาต่อหน้าคนในเผ่าเท่านั้น
สิ้นเสียงของท่านผู้เฒ่า ใบหน้าของกวางสาวก็ซีดลง ก่อนที่นางจะทรุดตัวลงกับพื้น
ฤดูหนาวปีนี้ข้าจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไงหากไม่ได้รับส่วนแบ่งอาหารจากเผ่า?
แล้วผู้ชายในเผ่าไม่มีคนไหนเทียบกับพี่อิงหยวนได้อีกแล้ว ข้าไม่อยากอยู่กับสวะพวกนั้น
ในตอนนั้นนางอยากจะอ้อนวอนขอร้องหัวหน้าเผ่า แต่ชายแก่โบกมือพลางพูดด้วยใบหน้าเย็นชา “เอาล่ะ เรื่องนี้จบลงแค่นี้ และถ้าในอนาคตเจ้าคิดจะทำชั่วอีก เจ้าจะถูกไล่ออกจากเผ่า ทุกคนรีบแยกไปขุดผลไม้ดินต่อเร็วเข้า!”
พอได้รับคำสั่งจากผู้นำสูงสุด ผู้หญิงคนอื่น ๆ ก็กระจายตัวกันไปทำงาน โดยที่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ลู่ซุยซุยอีก
ทางด้านลู่เมี่ยนเอ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะยื่นมือออกไปหวังว่าจะช่วยพยุงตัวลูกพี่ลูกน้องลุกขึ้น แต่นางกลับถูกหู่จิงดึงออกไปเสียก่อน
ขณะเดียวกัน เสือสาวเม้มริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ
“เจ้าไม่ต้องไปสนใจนางหรอก ข้าคิดไม่ถึงเลยว่านางจะเป็นผู้หญิงแบบนี้ นางไม่ได้ดีไปกว่าหูเจียวเจียวเลยสักนิด สมน้ำหน้านางแล้ว”
เสียงที่หู่จิงพูดไม่ได้เบาเลย ทำให้หูเจียวเจียวได้ยินมันอย่างชัดเจน
จิ้งจอกสาวหันกลับไปยิ้มให้คนพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ท่านแม่ เราไปขุดผลไม้ดินกันต่อเถอะ”
ทางด้านหูหมินที่ได้ยินคำพูดเสียดสีลูกสาวตัวเองก็ตั้งท่าจะด่ากลับ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มที่นุ่มนวลและอ่อนหวานของหูเจียวเจียว หัวใจของคนเป็นแม่ก็อ่อนยวบทันที และนางก็พยักหน้าตอบกลับ “เอาเถอะ เราไปขุดผลไม้กัน”
เพื่อประโยชน์ของเจียวเจียว วันนี้ข้าจะไม่โต้เถียงกับคนพวกนั้น
แต่ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ซึ่งมันเป็นช่วงที่แดดแรงมาก
เนื่องจากภูตหญิงไม่กระฉับกระเฉงเท่าภูตชาย พวกนางจึงต้องไปหลบอยู่ใต้ต้นไม้เพื่อพักผ่อน
หลังจากที่ทุกคนขุดมันฝรั่งมาทั้งเช้า ผู้หญิงทั้งหลายก็คอแห้งและเหนื่อยจนไม่อยากจะพูดอะไรกับใคร
หูเจียวเจียวเองก็เห็นว่าใบหน้าของหูหมินแดงระเรื่อ และนางกำลังจะขาดน้ำเพราะความร้อน หญิงสาวจึงขอตัวไปขับถ่ายเพื่อไปที่ที่ไม่มีใครอยู่ จากนั้นเธอหยิบสาลี่ฉ่ำน้ำ 2 ลูกออกมาจากมิติแล้วถือมันกลับไปที่เดิม
“ท่านแม่ ข้าเก็บผลไม้มาได้ 2 ลูก ท่านเอาไปกินสิ”
แม้ว่าพวกเธอจะไม่สามารถเก็บผลไม้ทั้งหมดที่ตนหามาไว้กินเองได้ แต่ระหร่างที่อยู่นอกเผ่า ทุกคนสามารถนำผลไม้ที่เก็บในระหว่างวันมารับประทานได้ในปริมาณที่พอเหมาะ
ในขณะที่ผู้หญิงคนอื่น ๆ กำลังเพลิดเพลินกับร่มเงาใต้ต้นไม้ เมื่อเห็นผลไม้ในมือของหูเจียวเจียว พวกนางก็มองด้วยความอิจฉา
“แถวนี้มีแต่ผลไม้ดิน นางโชคดีจริง ๆ ที่เก็บผลไม้ฉ่ำ ๆ แบบนั้นมาได้”
“ข้าเองก็อยากกินผลไม้ดับกระหายบ้าง...”
หู่จิงพ่นลมอย่างไม่สบอารมณ์ “ก็แค่เก็บผลไม้มาได้ ไม่เห็นจะมีอะไรดีตรงไหน ทำอย่างกับว่าพวกเราจะไม่มีอะไรกิน”
ทว่าจิ้งจอกสาวไม่สนใจผู้หญิงเหล่านี้และมอบสาลี่ให้ผู้เป็นแม่
หูหมินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็โบกมือปฏิเสธทันที “เจ้ากินเถอะ แม่ไม่หิว”
ในฐานะแม่คนหนึ่ง นางอยากจะเก็บของดี ๆ ไว้ให้ลูกกินเสมอ
“ท่านแม่ ผลไม้มี 2 ลูก ท่านกับข้าแบ่งกันกินคนละลูกพอดี” หูเจียวเจียวจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่และป้อนสาลี่เข้าปากนางโดยตรง “ถ้าท่านแม่ไม่กิน ข้าก็จะไม่กินเหมือนกัน”
พอลูกสาวสุดที่รักพูดแบบนั้น หญิงวัยกลางคนก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกัดผลไม้ที่อีกคนยื่นมาที่ปากตัวเองเต็มคำ
“หืม! หวานจัง ทำไมผลไม้นี้อร่อยมากเลย เจ้าไปเก็บมาจากไหน พาแม่ไปดูซิว่าจะเก็บไว้กินที่บ้านได้ไหม”
หลังจากที่หูหมินกัดกินสาลี่เข้าไป ดวงตาของนางก็สว่างขึ้นทันที แล้วนางก็ถามอย่างเร่งรีบ
ในเวลาเดียวกัน ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ รีบเงี่ยหูฟังด้วยความอยากรู้ว่าจิ้งจอกสาวไปเก็บผลไม้นั้นมาจากไหน
หูเจียวเจียวนั่งลงพลางกัดสาลี่ในมือก่อนจะตอบติดตลกว่า “เราหาไม่เจอหรอก มันตกลงมาจากสัตว์กินหญ้าที่ผ่านมาแถวนี้ ข้าเห็นมันแค่ 2 ลูกเอง”
คำตอบของหญิงสาวทำให้ทั้งหูหมินและผู้หญิงที่นั่งอยู่ไม่ไกลแสดงความรู้สึกเสียใจทันที
“น่าเสียดายจัง ผลไม้อร่อย ๆ แบบนี้ ไม่รู้ว่าเราจะไปหามันมาจากที่ไหนได้อีก”
หูเจียวเจียวยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ข้างนอกเผ่าไม่ปลอดภัย และสัตว์ป่าอาจปรากฏตัวได้ทุกเมื่อ ดังนั้นภูตหญิงในเผ่าจึงไม่กล้าออกจากกลุ่มไปหาผลไม้ที่สามารถดับกระหายได้โดยไม่ได้รับอนุญาต
พวกนางทำได้เพียงหยิบผลไม้ดินมากินดับกระหายแล้วพิงต้นไม้พักผ่อนกันต่อไปเท่านั้น
เวลาต่อมา หูเจียวเจียวมองไปรอบ ๆ เพื่อตามหาหัวหน้าเผ่า เมื่อมองเห็นเขาเธอก็ลุกขึ้นเดินตรงไปหาอีกฝ่าย
“ท่านผู้เฒ่า ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับท่าน”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 230
แสดงความคิดเห็น