บทที่ 46: การกินหญ้าทำให้เจ้าผอมได้ด้วยหรือ?
ตามปกติการสร้างบ้านไม้จำเป็นจะต้องใช้ไม้เป็นจำนวนมาก แต่โชคดีที่หลังบ้านของหูเจียวเจียวเป็นป่าไม้ซึ่งมันทำให้เธอไม่ขาดแคลนไม้อย่างแน่นอน
แล้วด้านหลังป่าผืนนี้เป็นหน้าผาสูงชัน หากมีสัตว์ป่าตกลงมา มันคงมีสภาพเละจนจำเค้าโครงเดิมไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการถูกสัตว์ป่ารบกวน
ในตอนนั้นหญิงสาวเข้าไปหาเลื่อยจากในมิติเพื่อมาเลื่อยต้นไม้ในป่า
ถัดมา เธอทำการตัดกิ่งแล้วเอาใบไม้ส่วนเกินบนลำต้นออก จากนั้นก็ตัดแต่งลำต้นให้เป็นทรงกระบอก เสร็จแล้วเธอก็ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ อีกหลายครั้ง พอถึงเวลาที่พระอาทิตย์ส่องแสง บริเวณหลังบ้านก็มีท่อนไม้ยาวกว่า 1 โหลกองอยู่
เมื่อจิ้งจอกสาวคาดคะเนเวลา เธอก็เก็บเลื่อยกลับเข้าไปในมิติ ก่อนจะไปตักน้ำมาทำอาหารเช้า
สำหรับอาหารมื้อเช้าวันนี้เธอทำโจ๊กผัก เนื้อหมักเครื่องเทศย่าง และไข่ต้มคนละฟอง
หูเจียวเจียวยังจำได้ว่าตัวเองจะทำอาหารลดน้ำหนักให้กับโหวเซียง เธอจึงทำสลัดผักผลไม้ผสมกับอกไก่ต้มแล้วเพิ่มไข่ลงไปอีก 2 ฟองเพื่อเสิร์ฟกับโจ๊กผัก 1 ชาม
เนื่องจากเหล่าภูตกินจุมากกว่ามนุษย์ ดังนั้นพอจิ้งจอกสาวทำอาหารเสร็จแล้ว เธอก็นำไปใส่ไว้ในตะกร้าไม้อันเดียวในบ้าน แล้วคลุมมันด้วยหนังสัตว์ที่เธอตากแดดเอาไว้จนแข็ง
เมื่อลูกทั้ง 5 คนออกมาจากบ้านไม้ พวกเขาก็เห็นหูเจียวเจียวกำลังเดินวุ่นทำโน่นนี่สารพัดอยู่ในลานบ้าน
ในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกแปลก ๆ ก็พลันเอ่อล้นขึ้นมาในใจของพวกเด็กน้อย
เมื่อก่อนแม่ใจยักษ์จะนอนกินบ้านกินเมืองจนกว่าลูก ๆ จะทำงานบ้านเสร็จและอาหารพร้อมทาน แต่ในช่วงไม่กี่วันมานี้พวกเขาทั้งได้กินอิ่มรวมไปถึงนอนหลับสบายจนตื่นสายกว่านาง
ปัจจุบันในใจของเด็ก ๆ รู้สึกแปลกมากที่ไม่ได้ทำอะไรเหมือนดังเคย ทุกคนจึงอยากจะเข้าไปช่วยผู้เป็นแม่มาตลอด
แต่พอแม่จิ้งจอกเห็นเจ้าตัวเล็กทั้งหลายเดินออกมาจากบ้าน เธอก็วางงานในมือลง แล้วหันมายิ้มให้พวกเขาอย่างอ่อนโยน “เด็ก ๆ ตื่นแล้วหรือ มากินข้าวเช้ากันเถอะ”
ขณะที่หญิงสาวจัดเตรียมอาหารเช้าให้กับลูก ๆ เธอก็บอกกับพวกเขาว่า
“วันนี้แม่จะไปหาโหวเซียง พวกเจ้าก็ออกไปเล่นกันข้างนอกก่อนก็ได้ แต่อย่าไปไหนไกลล่ะ ถ้าแม่กลับมาแล้วไม่เจอพวกเจ้าแม่จะเป็นห่วง”
หลงอวี้พยักหน้าอย่างใจเย็น “งั้นเราจะรอท่านอยู่ที่บ้าน”
ส่วนหลงเซียวกับหลงจงไม่พูดอะไร แต่ดูจากท่าทางแล้วทั้งคู่ก็ไม่ได้ต่อต้านใด ๆ กับคำพูดของพี่ใหญ่
ในทางกลับกัน หลงหลิงเอ๋อมองไปที่หูเจียวเจียวอย่างมีความหวัง “ท่านแม่ ข้าไปด้วยได้ไหม?”
ตั้งแต่เกิดมา นางยังไม่เคยออกไปเที่ยวที่ไหนกับแม่มาก่อน
นั่นทำให้แม่จิ้งจอกครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้มีเรื่องด่วนอะไรอยู่แล้ว การพาหลงหลิงเอ๋อไปด้วยก็อาจจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกสาวได้ ดังนั้นเธอจึงพยักหน้ารับ “ได้สิ หลังกินข้าวเสร็จแล้วค่อยไปด้วยกันนะ”
“อื้อ ท่านแม่ใจดีที่สุดเลย!” สาวน้อยยิ้มกว้างจนตาปิด
ตอนนี้ความสนใจของหลงเหยาเพ่งไปที่อาหารทั้งหมด เขากินอาหารอย่างใจจดใจจ่อจนไม่ได้ฟังสิ่งที่คนอื่นกำลังพูดคุยกัน
พอทานอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว หูเจียวเจียวก็กอดตะกร้าไม้เดินออกไปจากบ้านพร้อมกับหลงหลิงเอ๋อ
ขณะนี้เด็กสาวเดินอย่างมีความสุขอยู่ข้างหน้าแม่ของตน ในเวลาเดียวกัน ชาวบ้านที่เดินอยู่ตามถนนเห็นหลงหลิงเอ๋อแล้วก็ได้แต่ประหลาดใจ
แล้วภูตพวกนั้นก็กระซิบคุยกันว่า
“สาวน้อยคนนี้คือใครกัน? นางสวยมาก”
“ทำไมข้าไม่รู้ว่าในเผ่ามีเด็กน่ารักแบบนี้อาศัยอยู่ด้วย”
“ข้าไม่รู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้อยู่ในครอบครัวของใคร คงจะดีมากถ้าอนาคตครอบครัวของข้าสามารถเกี่ยวดองกับนางได้”
พวกภูตที่กำลังพากันซุบซิบนินทาอยากจะเข้าไปถามสาวน้อยว่าเป็นลูกบ้านไหน แต่เมื่อพวกเขาเห็นหูเจียวเจียวเดินตามหลังมา ทุกคนก็พากันตกตะลึง จากนั้นคนในเผ่าก็ขยับเข้าไปใกล้ขึ้นกว่าเดิมแล้วเห็นว่าเด็กผิวขาวคนนั้นดูคล้ายกับแม่จิ้งจอกอยู่หลายส่วนเลยทีเดียว
ยามนี้หลงหลิงเอ๋อวิ่งกลับไปที่ด้านข้างของผู้เป็นแม่และร้องเสียงดังว่า “ท่านแม่ บ้านของป้าโหวเซียงอยู่ข้างหน้าแล้ว!”
“หลิงเอ๋อเหนื่อยไหม?” หูเจียวเจียวเอ่ยถามลูกสาวเบา ๆ พร้อมกับขมวดคิ้ว
“ไม่เหนื่อย ข้าไม่เหนื่อยเลย” หลงหลิงเอ๋อส่ายหัวเร็ว ๆ พลางคิดว่าถ้าตะกร้าไม้ในมือของแม่เล็กกว่านี้ นางอยากจะช่วยแม่ถือมัน
หญิงสาวเผยรอยยิ้มอ่อนโยน เธอสังเกตเห็นชาวบ้านกำลังยืนดูพวกเธออยู่ไม่ไกล แต่เธอก็แสร้งทำเป็นไม่เห็นคนพวกนั้นแล้วเดินไปยังจุดหมายเรื่อย ๆ
แม้ว่าเจ้าของร่างเดิมจะนิสัยไม่ดี แต่นางมีรูปร่างหน้าตาสะสวยระดับหนึ่ง แล้วในนิยายก็เคยบรรยายเอาไว้ว่าตัวร้ายเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามาก เมื่อมีพันธุกรรมที่เป็นยีนเด่นเช่นนี้ รูปลักษณ์ของลูกทั้ง 5 จึงได้รับมรดกของพวกเขา 2 คนมา มันเป็นข้อได้เปรียบกว่าใคร ๆ และทำให้เด็กตระกูลหลงดูดีกว่าคนอื่น
เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ 5 พี่น้องตระกูลหลงไม่เคยได้รับการดูแลเอาใจใส่ เนื้อตัวของพวกหลงอวี้จึงสกปรกมอมแมมซึ่งมันแทบจะสามารถปกปิดรูปร่างหน้าตาเดิมของเด็กน้อยเอาไว้จนมิด พวกเขาทั้งหิวโหยและซูบผอม ดังนั้นเลยเป็นเรื่องปกติที่ทำให้เด็กทั้ง 5 คนดูหม่นหมองลง
ขณะนี้ภูตในเผ่าสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับหลงหลิงเอ๋อ
พอพวกชาวบ้านได้ยินเสียงของเด็กสาว กลุ่มคนที่อยู่รอบ ๆ ก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
!!!
นี่พวกเขากำลังหูฟาดกันอยู่หรือเปล่า?
ผู้หญิงตัวเล็กน่ารักน่าชังคนนั้นเรียกหูเจียวเจียวว่าแม่!
สาวน้อยที่ทุกคนพูดถึงคือเด็กตัวผอมแห้งจากครอบครัวของหูเจียวเจียว พวกเขาไม่เห็นนางแค่ไม่กี่วัน ทำไมนางถึงดูดีขึ้นมากเลยล่ะ?
นอกจากนี้จิ้งจอกสาวยังพูดคุยกับลูกด้วยความอ่อนโยน นี่พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นทางทิศตะวันตกจริง ๆ ใช่ไหม?
ระหว่างที่ชาวบ้านมัวแต่ประหลาดใจ หูเจียวเจียวกับหลงหลิงเอ๋อก็เดินผ่านทุกคนไปแล้ว
ในไม่ช้าแม่และลูกสาวก็มาถึงที่บ้านของโหวเสี่ยวเตียว
เวลานี้ลิงหนุ่มออกไปล่าสัตว์ ส่วนโหวเซียงกำลังทำอาหารเช้ากับลูกทั้ง 2 เพราะที่บ้านมีอาหารไม่มากนัก ผู้เป็นสามีจึงกินแค่มื้อเดียวในตอนกลางคืนทุกวันโดยเหลืออาหารไว้ให้โหวเซียงกับลูกลิงกินในวันรุ่งขึ้น 2 มื้อ
เมื่อโหวเซียงเงยหน้าขึ้น นางก็เห็นหูเจียวเจียวยืนอยู่นอกประตู แล้วสีหน้าของนางก็พลันเปลี่ยนไปเป็นประหลาดใจทันที
“หูเจียวเจียว เจ้ามาที่นี่ทำไม? มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่?”
ภูตลิงสาวไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกผิดหรือเป็นเพราะนางได้กินอาหารของจิ้งจอกสาวเมื่อวานนี้ ปัจจุบันนางจึงรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้พบกับอีกฝ่าย
หูเจียวเจียวยิ้มก่อนจะส่ายหัวแล้วพูดว่า “เมื่อวานข้าบอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่าอยากจะทำอาหารลดน้ำหนักให้เจ้า? นี่เป็นอาหารที่ข้าทำตอนเช้า ข้าก็เลยแวะเอาอาหารมาให้เจ้า”
เมื่อโหวเซียงได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของนางก็สว่างสดใสขึ้น
ขณะนี้นางตื่นเต้นจนเอาแต่ถูมือไปมา พลางมองไปที่ตะกร้าไม้ในอ้อมแขนของแม่จิ้งจอก “ข้ารู้สึกเกรงใจจริง ๆ ที่เจ้าต้องทำอาหารแล้วเอามาให้ข้าเองถึงที่บ้าน…”
หลังจากพูดจบ นางรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมจึงรีบโบกมือปฏิเสธ
“ข้าคงรับไว้ไม่ได้… เมื่อวานข้าก็กินอาหารของเจ้าไปแล้ว จะให้ข้ากินวันนี้อีกก็คงไม่ดี!”
เนื่องจากส่วนหนึ่งนางกับโหวเสี่ยวเตียวรู้สึกละอายใจที่แอบขโมยเหยื่อของหูเจียวเจียวมาตลอด แล้วในตอนนี้พวกเขาจะใช้ประโยชน์จากนางอีกได้อย่างไร
ทว่าจิ้งจอกสาวยิ้มตอบว่า “ไหน ๆ ข้าก็เอามาแล้ว เจ้าจะใจร้ายให้ข้าหอบกลับอีกหรือ?”
คำพูดของหญิงสาวทำให้โหวเซียงกลืนน้ำลายเสียงดัง แต่นางยังคงส่ายหัวปฏิเสธ
หากหูเจียวเจียวนิสัยแย่เหมือนในข่าวลือ ลิงสาวคงจะกล้าใช้ประโยชน์จากอีกฝ่ายได้อย่างสบายใจ แต่ตอนนี้นางรู้แล้วว่าหูเจียวเจียวเป็นผู้หญิงที่ดีและต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูลูก 5 คน นางคงจะใจร้ายมากถ้ายังไปซ้ำเติมผู้หญิงคนนี้อีก
“งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน ข้ามีของที่ต้องการ 2-3 อย่าง เจ้าก็รู้ว่าชาวบ้านคงไม่มีใครเต็มใจช่วยข้า ถ้าโหวเสี่ยวเตียวช่วยข้าสร้างมัน ของพวกนี้จะเป็นของตอบแทนที่ข้ามอบให้แก่เขา” แม่จิ้งจอกตัดสินใจพูดประนีประนอม
เดิมที เธอต้องการขอความช่วยเหลือจากภูตคนอื่น แต่มีภูตเพียงไม่กี่คนในเผ่าที่เต็มใจคุยกับเธอ และเธอไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับครอบครัวของตัวเอง ดังนั้นตอนนี้โหวเสี่ยวเตียวกับภรรยาของเขาจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
เมื่อโหวเซียงได้ยินเช่นนี้ นางก็พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ “เอาล่ะ เจ้าต้องการอะไรก็บอกมาได้เลย โหวเสี่ยวเตียวกับข้าจะทำให้ดีที่สุด!”
หูเจียวเจียวพยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นจิ้งจอกสาวก็เปิดหนังสัตว์ออกเผยให้เห็นอาหารที่มีสีแดงปนเขียวอยู่ข้างใน
แล้วโหวเซียงก็ต้องตะลึงงัน “หูเจียวเจียว ทำไมเจ้าเอาหญ้ามาให้ข้ากิน? ... ”
หญ้า?
หญิงสาวชำเลืองดูสลัดผักและผลไม้ในตะกร้าไม้ โดยที่ในนั้นมีทั้งบรอกโคลี, ผักกาดหอม, มะเขือเทศและแอปเปิล ไม่เห็นมีหญ้าสักต้น ทำไมลิงสาวตรงหน้าถึงบอกว่าอาหารพวกนี้เป็นหญ้าล่ะ?
หลังจากมึนงงอยู่พักหนึ่ง จู่ ๆ เธอก็จำอะไรบางอย่างได้แล้วก็หลุดหัวเราะออกมา
มันเป็นเพราะว่าภูตไม่กินผัก นั่นจึงทำให้ทุกอย่างที่เป็นสีเขียวคือหญ้าในสายตาของพวกเขา
“อาหารพวกนี้ไม่ใช่หญ้า มันกินได้ เจ้าลองชิมดูสิ”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: เอ็นดูโหวเซียงในการเรียกเมนูสลัดว่าหญ้า 55555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 246
แสดงความคิดเห็น