ตอนที่ 226 เงากระเรียน
ตอนที่ 226 เงากระเรียน
การพูดขัดจังหวะคนอื่นไม่ใช่เรื่องที่สุภาพนัก แต่ในสายตาของเงาประกายเงินนั้นเซี่ยเฟยเป็นเพียงแค่หมูที่รอถูกเชือดอยู่บนเขียง และเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องทำตัวสุภาพกับคนที่สังหารหลานชายของเขาเลย
ไม่ว่าใครจะอารมณ์ดีแค่ไหนมันก็ยากจะอดทนจากการดูถูกของอีกฝ่ายได้ และมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงเซี่ยเฟยผู้ซึ่งมีนิสัยบ้าคลั่งอยู่เป็นประจำ
“ถ้าคุณอยากตาสว่าง คุณก็ควรจะนั่งฟังผมอยู่เงียบ ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“หุบปาก!” เงาประกายเงินตะโกนขึ้นมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ก่อนที่เขาจะสะบัดนิ้วชี้ไปทางเซี่ยเฟยเบา ๆ
ฟิ้ว!
ทันใดนั้นคมมีดสายลมที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ปรากฏขึ้น ซึ่งมันก็ทำให้ชายหนุ่มได้ตระหนักว่าชายชราคนนี้คือผู้มีพลังพิเศษสายธรรมชาติที่สามารถควบคุมสายลมได้!
ด้วยระยะทางที่น้อยกว่า 5 เมตร การโจมตีนี้ก็สมควรที่จะถึงภายในพริบตา แต่ในทันใดนั้นเงาจันทร์ก็ทำการโบกแขนเสื้อทำให้ใบมีดสายลมหายลับไปก่อนที่จะถึงร่างของเซี่ยเฟย
“น้องสามนั่นนายกำลังจะทำอะไร?” เงาประกายเงินหันไปถามทางเงาจันทร์
“ศิษย์พี่คุณมักจะพูดขัดจังหวะคนอื่นเสมอเลย ลูกศิษย์ของพี่สองก็เสียชีวิตด้วยเหมือนกันแต่เขาก็ยังไม่รีบร้อนที่จะทำการลงมือ ผมคิดว่าคุณควรใจเย็น ๆ แล้วฟังคำอธิบายก่อนดีไหม?” เงาจันทร์กล่าวพร้อมเผยรอยยิ้มขี้เล่นขึ้นมาที่มุมปาก
เซี่ยเฟยสามารถสัมผัสได้จาง ๆ ว่าเงาจันทร์กับเงาประกายเงินน่าจะไม่ค่อยถูกกัน เพราะคำพูดของเขามีการเสียดสีกันเล็กน้อย เงารัตติกาลจึงต้องคอยทำหน้าที่เป็นตัวกลางไม่ให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องคู่นี้ตบตีกันเอง
“อาจารย์ของฉันเป็นผู้ใช้พลังมิติที่หาตัวได้ยาก เมื่อสักครู่นี้ใบมีดสายลมของผู้อาวุโสใหญ่ถูกอาจารย์ส่งไปที่มิติอื่น พวกเขาทั้งสองขัดแย้งกันมาตั้งแต่เด็ก แม้แต่ในตอนที่อาจารย์ปู่มีชีวิตอยู่เขาก็ไม่สามารถหยุดการทะเลาะของสองคนนี้ได้” อันธอธิบายสถานการณ์
อันธรู้เรื่องภายในของสำนักเป็นอย่างดี ซึ่งโดยปกติเขาก็ไม่อยากจะเล่าเรื่องพวกนี้ให้คนนอกอย่างเซี่ยเฟยฟัง แต่ในวันนี้ชายหนุ่มถูกจับตัวเข้ามาในสำนักอย่างไม่ได้ตั้งใจ อันธจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องเล่าความจริงให้เขาฟัง
บรรยากาศหลังจากนั้นเริ่มเปลี่ยนไปอย่างอึดอัด ซึ่งในชั่วครู่หนึ่งเงาประกายเงินหันไปมองหน้าเงาจันทร์อย่างไม่พอใจ แต่เงาจันทร์ก็ยังคงทำเป็นเฉยเมยพร้อมกับมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยใบหน้าที่ขี้เล่น
ทันใดนั้นมันก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากนอกประตู ซึ่งผู้อาวุโสทั้งสามก็รีบลุกยืนขึ้นพร้อมกับไปยืนรอที่หน้าประตูด้วยความเคารพ
“นั่นคือเสียงของอาจารย์ปู่ทวด ท่านคือคนที่มีอายุมากที่สุดภายในสำนักแล้วก็ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าสำนักคนปัจจุบันด้วย นายรีบลุกขึ้นทำความเคารพท่านเจ้าสำนักเร็ว ๆ เข้า!” อันธกล่าวอย่างเร่งรีบ
เมื่อได้ยินว่าผู้ที่กำลังมาถึงคือเจ้าสำนัก เซี่ยเฟยก็รีบลุกยืนขึ้นด้วยความเคารพ
ชายชราที่พึ่งเดินเข้ามาภายในห้องมีผมขาวแต่กลับมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์เหมือนกับเด็ก ร่างของเขาเป็นร่างเล็ก ๆ เหมือนกับเด็กอายุประมาณ 8-9 ขวบ
หากไม่ใช่เพราะอันธได้แนะนำเจ้าสำนักเอาไว้ในก่อนหน้านี้ เซี่ยเฟยก็คงคิดว่าเด็กที่ไหนได้เอาวิกผมขาวมาใส่เล่นอยู่บนหัว
“ฉันได้ยินมาว่านายพบคนนอกที่ใช้วิชาพรางจิตกับเล่ห์สังหารได้อย่างนั้นเหรอ? คนคนนั้นอยู่ที่ไหน?” ชายชราร่างเล็กถามเงารัตติกาลหลังจากที่เขาได้ย่างเท้าเข้ามาในประตู
“เขาคือในห้องคนนี้ครับอาจารย์ปู่ทวด” เงาประกายเงินกล่าวด้วยความเคารพ
ชายชราโบกมือเป็นสัญญาณให้สามผู้อาวุโสทำตัวสบาย ๆ จากนั้นเขาก็ก้าวเท้าเข้ามาภายในห้องด้วยความรวดเร็วและนั่งลงบนเก้าอี้
“เขามีชื่อว่า ‘เงากระเรียน’ เขาแก่กว่าอาจารย์ของฉัน 3 รุ่น แต่ไม่มีใครรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเขามีอายุเท่าไหร่หรือมีระดับความสามารถอยู่ขั้นไหน แต่ที่แน่ ๆ แม้แต่สามผู้อาวุโสรวมพลังกันก็ไม่สามารถสู้กับเจ้าสำนักได้” อันธกล่าวอย่างจริงจัง
เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะโดยปกติผู้อาวุโสควรจะอ่อนกว่าเจ้าสำนักเพียงแค่รุ่นเดียวเท่านั้น แต่สามผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักกลับอ่อนกว่าเจ้าสำนักถึงสามรุ่น
เพื่อแสดงความเคารพต่อเจ้าสำนัก เงากระเรียนจึงอาศัยอยู่บนพื้นที่ชั้น 13 ตามลำพัง ขณะที่ 3 ผู้อาวุโสอาศัยอยู่ในพื้นที่ชั้น 10 เว้นว่างพื้นที่ชั้น 11 และ 12 ไม่ให้มีใครเข้าพัก
“สวัสดีครับผู้อาวุโส ผมชื่อเซี่ยเฟยคนที่คุณถามหาเมื่อกี้คือผมเองครับ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยความเคารพ
“นายไม่ได้อยู่ในสำนักของฉัน แล้วนายใช้วิชาทั้งสองนั้นได้ยังไง?” เงากระเรียนถามตรง ๆ
“วิชาทั้งสองนี้สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของผมครับ ทำไมผมถึงได้มีวิชาเหมือนกับสำนักของพวกคุณอันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าว
ชายหนุ่มยังคงยืนยันอย่างหนักแน่นว่าวิชาทั้งสองเป็นวิชาที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของเขา เพราะไม่ว่าจะยังไงก็ตามมันก็ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ในเรื่องนี้ได้ และเซี่ยเฟยก็ไม่สามารถเล่าเรื่องอันธให้ทุกคนฟังได้เหมือนกัน
“ไร้สาระ! วิชาพรางจิตกับเล่ห์สังหารเป็นวิชาระดับสูงภายในสำนักของเรา แล้วมันจะเป็นวิชาที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของนายได้ยังไง!” เงาประกายเงินตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ
“เอาล่ะเดี๋ยวเราค่อยพูดเรื่องนี้กันทีหลัง ตอนนี้ช่วยบอกฉันก่อนว่าลูกศิษย์พวกนั้นเสียชีวิตได้ยังไง?” เงากระเรียนกล่าวพร้อมกับโบกมือหยุดเงาประกายเงินเอาไว้
เมื่อถูกบังคับให้อยู่ในสถานการณ์ที่จนมุม เซี่ยเฟยก็ไม่สามารถปิดบังเรื่องที่เกิดขึ้นภายในถ้ำได้อีกต่อไป เขาจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่เขาได้พบเห็นออกมา
ส่วนเรื่องที่ว่าเขาได้เข้าไปยังดาวดวงนั้นได้ยังไงเซี่ยเฟยก็โกหกว่าเขาคือนักผจญภัยระหว่างดวงดาวที่บังเอิญผมเห็นแมลงประหลาดตัวหนึ่งบินเข้าไปท่ามกลางเนบิวลาสีแดง เขาจึงขับยานอวกาศตามแมลงประหลาดตัวนั้นเข้าไปก่อนที่เขาจะได้ไปพบกับดาวดวงนั้นโดยบังเอิญ
ชายชราทั้งสี่ต่างก็ได้แต่ลูบเคราของตัวเองพร้อมกับจ้องหน้ากัน ท้ายที่สุดเรื่องชายชู้ที่ฆ่าอาจารย์ลุงของตัวเองก็เป็นเรื่องที่อุกอาจมากเกินไปจริง ๆ แล้วมันก็อาจจะเป็นเรื่องที่อื้อฉาวที่สุดภายในประวัติศาสตร์ของสำนักเลยก็ได้
“ตอนนั้นมีคนอื่นอยู่ด้วย ผมกลัวว่าถ้าผมเล่าเรื่องนี้ออกไปมันอาจจะทำให้คนตายดูไม่ดี ผมจึงเก็บเงียบเรื่องนี้เอาไว้กับตัว” เซี่ยเฟยกล่าวเสริม
“นายทำดีแล้วที่ช่วยปกป้องเกียรติของเขาเอาไว้ ว่าแต่มันคือเรื่องจริงใช่ไหมที่นายได้เรียนรู้วิชาทั้งสองวิชานั้นมาจากบรรพบุรุษของนาย?” เงากระเรียนกล่าว
ท้ายที่สุดเงากระเรียนก็คือเจ้าสำนักของสำนักเงาสังหาร เมื่อเขาได้เห็นว่าเหตุการณ์ภายในถ้ำเป็นเรื่องที่ไม่ดีต่อชื่อเสียงของสำนัก เขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว
“ใช่แล้วครับ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
“แล้วนายฝึกยังไง?”
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็แสดงวิธีฝึกให้ทุกคนได้ดูและเนื่องจากว่าเขาได้ทำการฝึกฝนวิชาทั้งสองนี้มาเป็นเวลานาน เขาจึงสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเชี่ยวชาญจนทำให้ชายชราทุกคนหลงเชื่อว่าเขาได้ฝึกวิชาทั้งสองมาตั้งแต่เด็กจริง ๆ
“บรรพบุรุษของนายชื่อว่าอะไร?” เงากระเรียนถาม
“ผมไม่มีพ่อแม่ครับผมเลยเติบโตมากับปู่ แล้วตอนที่ผมอายุได้ 7 ขวบปู่ก็ออกไปจากบ้านและไม่กลับมาอีกเลย ผมเลยไม่รู้จริง ๆ ว่าบรรพบุรุษของผมคือใคร”
“ที่ผมฝึกวิชาทั้งสองนี้ได้นั่นก็เพราะปู่เคยสอนวิชาทั้งสองไว้ตั้งแต่ผมเด็ก ๆ ตอนนั้นปู่บอกว่าวิชาพวกนี้สืบทอดกันมาภายในตระกูล ให้ผมทำการฝึกฝนเป็นประจำห้ามเกียจคร้านเป็นอันขาดและผมก็ได้ฝึกวิชาทั้งสองมาจนถึงทุกวันนี้” เซี่ยเฟยถอนหายใจพร้อมกับเล่าเรื่องโกหกออกไปด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย
“เอ่อ…” เงากระเรียนไม่รู้ว่าเขาควรจะต้องพูดอะไรต่อไป เพราะเซี่ยเฟยก็ไม่สามารถระบุตัวบรรพบุรุษของเขาได้เหมือนกัน แต่จากสิ่งที่ชายหนุ่มได้แสดงออกมามันก็หมายความว่าชายหนุ่มได้ฝึกฝนวิชาทั้งสองมาตั้งแต่เด็กจริง ๆ
เงากระเรียนใช้ชีวิตมานานหลายร้อยปีแล้ว แต่ปัญหาในเรื่องนี้ก็ทำให้เขาต้องใช้ความคิดอย่างหนัก
ทันใดนั้นเองแววตาของเงากระเรียนก็กลับมาสดใสราวกับว่าเขาสามารถหาคำตอบของเรื่องนี้ได้แล้ว
***************
เรื่องที่เป็นตุเป็นตะขนาดนี้ก็ยังจะหาคำตอบได้นะ นี่สิสุดยอดเจ้าสำนักตัวจริง!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 151
แสดงความคิดเห็น