บทที่ 12...2/3

ขอเพียงรักนี้นิรันดร
คุณกำลังอ่าน: ขอเพียงรักนี้นิรันดร

-A A +A

บทที่ 12...2/3

          เช้าวันจันทร์ของสัปดาห์สุดท้ายที่ธามิณีจะมาฝึกงาน สัปดาห์หน้าก็เปิดเทอมแรกของการเรียนมหา’ลัยปี 4 แล้ว หญิงสาวลงจากรถเมล์แล้วยืนรอตรงทางม้าลาย ถนนเส้นนี้ค่อนข้างมีรถพลุกพล่าน อีกทั้งไม่มีสะพานลอย ทำให้การข้ามถนนค่อนข้างต้องใช้ความระมัดระวัง โดยเฉพาะจากรถมอเตอร์ไซค์ที่ขี่กันมาเร็วมาก เธอมองตรงไปข้างหน้า แต่ถนนยังมีรถวิ่งกันขวักไขว่ ที่เกาะกลางถนนคุณป้าภาวนายืนรอข้ามพร้อมกับคนอื่นๆ ธามิณีจำคุณป้าภาวนาได้ทันที ถ้าข้ามถนนไปได้แล้วเธอจะไปทักทายสักหน่อย ภารดีเข้ามารับการรักษาอีกครั้งเพราะมีอาการบวมที่เข่าซึ่งผ่าตัดไปเมื่อเดือนก่อน หลังจากรักษาอยู่หลายวัน พรุ่งนี้ภารดีก็จะได้ไปพักฟื้นที่บ้านต่อแล้ว คุณป้าภาวนาจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเดินทางมาโรงพยาบาลทุกวัน

          รถเริ่มซาพอจะเดินไปที่เกาะกลางถนนได้แล้ว ธามิณีก้าวขาตามคนอื่นๆ ไป แต่กลับถูกใครบางคนคว้าข้อมือไว้ เธอหันไปมองแล้วกลับประหลาดใจ

          “คุณ...”

          โครม?!?

          ธามิณีหันไปจะมองก็ถูกศนิคว้าใบหน้าไว้ก่อนจะดันให้แนบกับอกหนา ไม่ใช่แบบนี้สิ เขาจะทำแบบนี้ทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะเกิดอุบัติเหตุขึ้นข้างหลังเธอหญิงสาวยกมือขึ้นมาแล้วผลักร่างสูงเต็มแรง ไม่น่าเชื่อว่าเธอทำให้เขาเซไปนิดหนึ่งได้ เสี้ยววินาทีนั้นเธอรีบหันไปมองด้วยความกลัวว่าจะเป็นใครสักคนที่เธอรู้จัก

          เกิดอุบัติเหตุจริงๆ ด้วย!

มีใครบางคนนอนฟุบอยู่กลางถนนห่างจากทางม้าลายไปหลายเมตร มีคนกรูกันเข้าไป อีกด้านมีรถมอเตอร์ไซค์หลายคันกำลังขี่ตามรถคันที่ก่อเหตุชนแล้วหนี หญิงสาวเพ่งมองร่างที่นอนกองจนกระทั่งเห็นใบหน้าที่ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท หัวใจของเธอกระตุกวาบไม่คิดฝันว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ทั้งที่นาทีก่อนเธอยังมองแผ่นหลังของคุณป้าภาวนาอยู่เลย

          “ปล่อยค่ะ ธามจะไป”

          ธามิณีดึงข้อมือตัวเองออกมาพร้อมจะวิ่งไปหาคุณป้าภาวนาที่นอนกองอยู่กับพื้น ไทยมุงกำลังส่งเสียงเรียกให้คนมาช่วย บ้างก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก บางคนถ่ายคลิปที่อาจเป็นหลักฐานว่าใครชนในภายหลัง

ศนิจับข้อมือของธามิณีแน่นกว่าเดิม แล้วเป็นคนพาเธอเดินข้ามถนนไปจนถึงเกาะกลางด้วยตัวเอง ธามิณีเห็นว่ามีคนกั้นทางไว้ชั่วคราวก็สะบัดมือของศนิออกแล้ววิ่งไปหาคุณป้าภาวนาที่กำลังเลือดไหลนองพื้น ที่ศีรษะเป็นแผลเปิดอ้า เธอหยิบกระดาษทิชชูทั้งปึกออกมาแล้วกดปิดบาดแผลที่เลือดกำลังไหลไว้พร้อมกับสำรวจร่างกายในส่วนอื่นๆ ที่แขนข้างขวาของป้าภาวนาน่าจะหักเช่นเดียวกับขาข้างขวา ตามร่างกายมีรอยถลอกแดงเลือดซึม 

คุณป้าภาวนานอนแน่นิ่งไม่ได้สติไปแล้ว ธามิณีคลำหาชีพจรซึ่งยังพอมีความหวังเพราะยังพบอยู่  พอเธอหันไปมองเสียงขอทางที่มาพร้อมกับรถเข็นก็ขยับเพื่อไม่ให้ขวางทางเจ้าหน้าที่ มีเสียงคุยไม่เบานักว่ามอเตอร์ไซค์ที่ชนหนีไปแล้ว มีเสียงกร่นด่ามากมาย และเสียงเรียกคนบาดเจ็บที่ฟุบไปทันทีหลังจากถูกชน

          “คุณป้าทำใจดีๆ นะคะ บุรุษพยาบาลกำลังมาช่วยพาไปห้องฉุกเฉินแล้ว”

          ช่างเป็นความโชคดีในความโชคร้าย คุณป้าภาวนาถูกรถชนบริเวณหน้าโรงพยาบาล ทำให้หมอ พยาบาลและบุรุษพยาบาลออกมาพาผู้บาดเจ็บไปรักษาในเวลาที่รวดเร็ว ผู้บาดเจ็บที่ค่อนข้างสาหัสถูกพาขึ้นรถเข็นในสภาพล็อคคอและลำตัวไว้ หลังจากนั้นบุรุษพยาบาลก็รีบเดินแกมวิ่งเพื่อพาไปยังห้องฉุกเฉิน

ธามิณีช่วยเก็บกระเป๋าของป้าภาวนา ปิ่นโตและของกินในถุงหูหิ้ววิ่งตามไป แต่แล้วเธอก็เหลียวมองข้างหลัง ศนิไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว เขาไปแล้วกระมัง เธอทิ้งสิ่งที่กังวลใจไว้ข้างหลังแล้ววิ่งตามเข้าไปในตึก ตอนนี้คนที่เธอเป็นห่วงคือภารดี ถ้ารู้ว่าแม่ตัวเองบาดเจ็บสาหัสคงทุกข์ใจมาก

 

          ธามิณียืนรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินพลางโทรบอกพี่เลี้ยงที่ดูแลการฝึกงานของเธอว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อ 10 นาทีก่อน ทั้งหมอและพยาบาลกำลังพาภาวนาเข้าห้องผ่าตัดเพราะมีอาการเลือดคั่งในสมองและมีเลือดออกในช่องท้อง เธอเดินไปเดินมาอยากช่วยอะไรได้มากกว่านี้ แต่เธอทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากรอหมอที่กำลังผ่าตัด มีใครไปแจ้งข่าวกับภารดีหรือยัง ธามิณีไม่แน่ใจนัก แต่การที่ป้าภาวนาได้รับการผ่าตัดย่อมแสดงว่าได้รับการยินยอมจากญาติของผู้ป่วยแล้ว ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ภารดีอยู่ที่ไหน

          “น้องธาม...แม่ของพี่ออกมาจากห้องผ่าตัดหรือยังคะ”

          ภารดีนั่งรถเข็นที่มีพยาบาลเข็นมาให้ ธามิณีจับมือของภารดีไว้แล้วช่วยเข็นรถมาใกล้ๆ กับที่นั่งซึ่งห่างจากประตูห้องผ่าตัดนิดเดียว พยาบาลที่เข็นรถมาเห็นว่าภารดีมีธามิณีดูแลแล้วจึงขอตัวไปทำงานของตัวเองต่อ

          “คุณป้ายังไม่ออกมาค่ะ คุณหมอก็ยังไม่ออกมาเหมือนกันเพิ่งเข้าห้องผ่าตัดไปครึ่งชั่วโมงเอง พี่รดีอย่าเพิ่งเครียดมากเกินไปนะคะ หมอที่นี่เก่ง อีกประเดี๋ยวคงผ่าตัดเสร็จแล้วค่ะ”

          “ธามเห็นแม่พี่ตอนที่ถูกรถมอเตอร์ไซค์ชนใช่ไหม”

          ธามิณีส่ายหน้า ถ้าตอนนั้นศนิไม่ดึงเธอให้หันมาหาเขา ตอนนี้เธออาจจะไม่มีสติไปแล้วก็ได้ เขารู้ถึงได้ทำแบบนั้นใช่ไหมนะ

          “ไม่เห็นค่ะ ตอนที่ธามวิ่งมาก็เห็นคุณป้าสลบไปแล้ว แต่หมอกับพยาบาลรีบมาช่วยคุณป้าเร็วมากค่ะ”

          ภารดีทำได้เพียงพยักหน้าพลางชะเง้อมองประตูห้องผ่าตัดที่ยังปิดสนิท เธอกลัวว่าจะพบกับข่าวร้าย แต่ในใจคิดเพียงว่าหมอจะพูดแต่ข่าวดี อีกไม่กี่วันแม่ของเธอฟื้นหลังจากผ่าตัด เราสองคนได้กลับบ้านด้วยกัน ความที่มีกันแค่สองคน ทำให้เวลาแบบนี้เธอนึกไม่ออกเลยว่าจะโทรไปร้องไห้กับใคร ธามิณีจับมือของภารดีไว้เพราะเข้าใจความรู้สึก การกลัวที่จะสูญเสียเป็นความทรมาน เธอคงได้แต่ภาวนาให้คุณป้าภาวนาปลอดภัย หลังจากนี้ได้มีชีวิตยืนยาวเพื่อเห็นความสุขของลูกสาว

          ประตูห้องผ่าตัดเปิดออกหลังจากผ่านไปเกือบสองชั่วโมง สีหน้าของคุณหมอไม่ค่อยสู้ดีนักตอนที่เดินมาหาภารดีแล้วบอกข่าว

          “ญาติของคุณภาวนาใช่ไหมครับ”

          “ใช่ค่ะ แม่เป็นยังไงบ้างคะ” เสียงของภารดีสั่นจนธามิณีเข้ามาจับมือไว้

          สีหน้าของหมอลำบากใจที่จะพูด แต่มันเป็นสิ่งที่เขาจำเป็นต้องบอกกับญาติที่รอฟังข่าว “ผมเสียใจด้วยนะครับ ผลจากการกระแทกที่รุนแรงทำให้มีเลือกคั่งในสมอง ช่องท้องบาดเจ็บสาหัส ทั้งสองส่วนนี้ทำให้เกิดการเสียเลือดอย่างมาก ระบบภายในร่างกายล้มเหลวครับ”

          ราวกับเกิดวินาทีที่ภารดีนิ่งงันไป ธามิณีไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นลมหรือเปล่า หมอเข้ามาช่วยวัดชีพจรทันที แต่ภารดีไม่ได้จะเป็นลม แต่ยังยอมรับสิ่งที่ได้ฟังว่ามันเป็นความจริงไม่ได้

          “ไม่จริง แม่ยังไม่... ใช่ไหมคะหมอ”

          “เสียใจด้วยจริงๆ ครับ”  หมอมองไปทางพยาบาลซึ่งขยับเข้ามานั่งแทนที่

          ภารดีส่ายหน้าร้องไห้พูดว่า...ไม่จริง อยู่หลายครั้ง ธามิณีร้องไห้เพราะการสูญเสียคนที่รักเป็นความสะเทือนใจที่เจ็บช้ำและนำความเศร้าที่ยาวนานมาสู่ชีวิต พยาบาลอังแอมโมเนียให้ภารดีที่ร่างอ่อนปวกเปียกเอนซบธามิณี แต่ยังมีสติ

          “ขอฉันไปหาแม่ได้ไหมคะ” ภารดีถามเสียงเบาหวิวไม่มีแรงจะเอื้อนเอ่ยอะไรอีกแล้ว

          “ได้ค่ะ แต่ว่ารบกวนรอตรงนี้สักครู่ก่อนนะคะ” พยาบาลตอบพลางบอกให้พยาบาลอีกคนช่วยมาดูแลตรงนี้แทนก่อน

          ธามิณีทำได้แค่กอดภารดีไว้ แม้จะไม่ได้เป็นเพื่อนสนิท เป็นเพียงคนไข้กับนักศึกษาฝึกงาน แต่เธอรู้สึกอยากปลอบใจ อยากช่วยอะไรก็ได้เพื่อให้ภารดีผ่านเวลาแห่งความเศร้านี้ไป การโดดเดี่ยวไม่มีใครทำให้เธอสงสารภารดีจับใจ จนเกิดคำถามว่าถ้าตอนนั้นเธอวิ่งไปหาป้าภาวนาหรือเรียกไว้ การตายในเช้าวันนี้จะไม่เกิดขึ้นไหมนะ ศนิมาขวางเธอไว้เพราะรู้ว่าเธออาจจะไปเปลี่ยนการตายในครั้งนี้ใช่ไหม การมีอายุที่ยาวนานทำให้เขาเลือดเย็นจนเห็นการตายกลายเป็นเรื่องธรรมดาๆ ไปแล้วหรือไร

 

โบว์จะลงนิยายให้อ่านประมาณ 65% ของเรื่องราวทั้งหมด หรือประมาณบทที่ 16 แล้วสิ้นสุดการลงนิยายนะคะ ขอเพียงรักนี้นิรันดร จำหน่ายในรูปแบบ E-Book แล้วนะคะที่เว็บ MEB ในวันนี้ หมวด นิยายรัก

        ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ

        อัมราน_บรรพตี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.