บทที่ 11...1/3
ศนิสร้างกำแพงพลังให้อาวุธหยุดลงแล้วลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ เขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าอมรต้องใช้ ‘ธนูที่หัวทำจากเศษเสี้ยวของผลึกกาลที่แตก’ วันที่พระเสาร์ถูกตัดสินโทษ ผลึกกาลได้ถูกพระสูรยะและเหล่าเทพช่วยกันพยายามจะทำลาย แต่ทำไม่ได้ หนำซ้ำผลึกกาลยังแตกออกเพียงแค่สองส่วน แต่ในระหว่างที่ผลึกกาลแตกนั้นมันได้มีเศษเสี้ยวล่วงหล่นลงไปยังโลกมนุษย์เป็นร้อยเป็นพันชิ้น แม้จะมีขนาดเล็กเท่าเม็ดทรายละเอียด แต่อานุภาพของมันไม่ได้ลดลงเลย
เวลา 212 ปี นอกจากอมรใช้เพื่อรวบรวมกิเลสของมนุษย์แล้ว เขายังตามหาเศษเสี้ยวของผลึกกาลไปทั่วโลก รอเวลาแล้วลงไปมือในวันนี้ นั่นเพราะความแรงของธนูที่ถูกฟาดด้วยพลังและความทรงพลังของผลึกกาลจึงจะสามารถทำให้พระเสาร์หลั่งเลือดได้
อมรส่งธนูหัวเสี้ยวผลึกกาลมาอีกมากมายหลายร้อยดอก แต่กลับถูกขึงตรึงไว้ตรงกำแพงพลังของพระเสาร์ แล้วเพียงพริบตาเดียวตัวธนูที่ทำจากไม้ก็ถูกเผาจนวอด ส่วนเศษเสี้ยวผลึกกาลทั้งหมดถูกฟาดกลับ จนอีกฝ่ายหลบแทบไม่ทัน
เมื่อไม่อาจเปลี่ยนใจอมรได้แล้ว การต่อสู้เพื่อชนะอีกฝ่ายจึงเป็นทางที่ศนิไม่อยากเลือก เขาสาดพลังใส่ที่โดมเพื่อให้มันพังทลาย ในขณะที่อมรพยายามผสานผนังโปร่งแสงนั้นให้กลับมา การขังศนิไว้ในที่แห่งนี้เป็นหนทางเดียวที่เขาจะชนะ แสงสีม่วงและเงาสีดำกำลังถาโถมใส่กันในโดมแห่งนั้น การต่อสู้ได้พันตูกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ความได้เปรียบค่อยๆ เป็นของอมรที่พลังยังเต็มเปี่ยม ในขณะที่ศนิเหลือพลังอีกไม่มากแล้ว อมรยิ้มหยันพอใจ หากต้องต่อสู้อยู่ในที่แห่งนี้สักปีก็ย่อมเป็นไปได้ เมื่อถึงเวลานั้นพระเสาร์คงเหลือแต่เศษละอองของดวงจิตแล้ว อีกทั้งเขายังได้ผลึกกาลครึ่งหนึ่งจากพระเสาร์ ช่างเป็นการแก้แค้นที่เขาได้กำไร หลังจากนั้นเขาไปฆ่าธามิณีเพื่อให้ได้ผลึกกาลมาก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว
ธามิณีลืมตาเมื่อรู้สึกว่าไม่มีลมพัดใส่ร่างและไม่รู้สึกว่ากำลังดิ่งลง ร่างของเธอหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศห่างจากพื้นหญ้าเพียงไม่กี่คืบเท่านั้น เธอยื่นแขนออกไปแล้วใช้มือยันพื้น ก่อนจะโน้มขาลงมาแล้วนอนลงมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เธอได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงของตัวเองและเสียงหอบที่ผ่านความตายมาอย่างไม่น่าเชื่อ ศนิปกป้องเธอใช่ไหม แม้ว่าตัวเขาจะไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ก็ตาม
แย่แล้ว!
ธามิณีลุกขึ้นพลางมองไปรอบตัวเพื่อดูว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน แต่ว่ามันไม่สำคัญอีกแล้ว ตอนนี้ที่สำคัญมีเพียงหากศนิหมดพลังแล้วออกมาจากที่แห่งนั้นไม่ได้ล่ะ ตอนนี้เธอทำอะไรได้บ้าง
ธามิณีมองหาบางอย่างก่อนจะเดินไปให้เร็วที่สุด เธออยากจะวิ่งให้เร็วๆ แต่ตอนนี้แค่เดินก็ร้าวไปทั้งร่างจนแทบจะทรุดลงกอง ทว่าเธอจะยอมแพ้แบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด
มีปากกาหนึ่งด้ามตกอยู่ตรงลานน้ำพุ ตอนนี้ธามิณีคิดว่าตัวเองคงอยู่ในหมู่บ้านหรือสวนสาธารณะสักแห่ง เธอวางฝ่ามือแนบกับพื้น หากเลือดของเธอหรือแม้การตกอยู่ในห้วงความเป็นความตายสามารถนำพาศนิให้มาหาเธอได้ การใช้วิธีนี้ก็อาจจะได้ผล หญิงสาวจับด้ามปากแน่นพร้อมกับสูดหายใจจนลึกก่อนจะเงื้อมือที่กำปากกาขึ้น แล้วแทงปลายปากกาเข้าไปที่หลังมือของตัวเองอย่างไม่ลังเล
“โอ้ย...”
ธามิณีเจ็บจนน้ำตาไหล เลือดไหลออกมาจากแผลสด เธอหวังอย่างเดียวว่าการทำแบบนี้จะทำให้ศนิถูกดึงออกมาจากที่แห่งนั้น เธอกลัวว่าเขาจะตาย หัวใจของเธอเต้นแรงราวกับกำลังวิ่งและไม่สามารถหยุดได้ พลันเกิดสายฟ้าฟาดบนท้องฟ้าจนสว่างไสวไปทั่ว ก่อนจะกลับสู่ความมืดที่มีเพียงไฟจากเสาข้างทางให้ความสว่างเท่านั้น
ธามิณีมองไปรอบตัวหวังใจว่าวินาทีข้างหน้าร่างของศนิจะปรากฎขึ้น แต่หลังจากผ่านไปอีกวินาที เธอเหลียวมองไปรอบตัวเพื่อที่จะพบกับความว่างเปล่า
“ไม่ได้ผลเหรอ”
ความเคว้งคว้างโดดเดี่ยวที่ศนิกำลังเผชิญช่างน่ากลัว เพราะฉะนั้นธามิณีจะไม่ยอมให้ตัวเองยอมแพ้ หญิงสาวเงื้อมือที่กำปากกาขึ้นกำลังจะแทงที่หลังมือตัวเองอีกครั้ง หากว่ามันจะช่วยให้ศนิออกมาจากที่แห่งนั้นได้
“อย่า...!”
มือที่เงื้อของธามิณีถูกคว้าไว้ พอหันไปเธอเห็นศนิอยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะร่างของเขาจะวาร์ปห่างออกไป แล้วยกมือขึ้นเพื่อสร้างครอบพลังไว้รอบกายของธามิณี เขามองไปรอบกายพร้อมสำหรับการจู่โจม ต่อไปนี้ไม่ว่าเทพหรือปีศาจไม่สามารถทำร้ายเธอได้ง่ายๆ อีก
“คุณบาดเจ็บมากไหม” ธามิณีถามพลางวิ่งมาหาเมื่อเห็นว่าร่างของศนิกำลังทรุดลง บาดเจ็บขนาดนี้แล้วเขายังมาห่วงเธออีก
ศนิใช้พลังที่เหลือไม่มากดึงธามิณีเข้ามาแล้วโอบเอวบางไว้ เขาประเมินพลังของตัวเองพลาดไป ตอนนี้แม้แรงที่จะยืนยังยากลำบาก การปกป้องธามิณีคงเป็นไปได้ยากแล้ว พลันเลือดได้ไหลซึมออกมาจากมุมปากของเขา
“ศนิ...คุณไม่ต้องทำอะไรแล้วได้ไหม ตอนนี้คุณดูบาดเจ็บมาก”
“กอดผมไว้” ศนิบอก
ไม่มีความลังเลใดๆ ยามที่ธามิณีเข้าไปกอดศนิเอาไว้แน่นไม่ใช่กลัวว่าตัวเองจะเป็นอะไร แต่กลัวว่าศนิจะผลักไสเธอให้ปลอดภัยเพียงลำพัง แล้วเขาต้องไปอยู่ในอันตรายเพียงคนเดียวอีก
การผนึกพลังทำเป็นโดมอีกชั้นเพื่อกักขังอมรไว้ในอุโมงเวลาจะยื้อไว้ได้นานเท่าไหร่ ศนิเองก็ไม่แน่ใจนัก เพราะฉะนั้นเขาต้องคิดให้ออกว่าต้องทำอย่างไรก่อนที่จะต้องเผชิญหน้ากับอมรอีกครั้ง
ธามิณีแน่ใจว่าอยู่กลางสนามหญ้าในวินาทีหนึ่ง แต่แล้วเพียงเสี้ยววินาทีต่อมาหลังจากกอดศนิไว้แน่น ทุกอย่างรอบกายก็พลันเปลี่ยนไปกลายเป็นรายล้อมด้วยผ้าม่านสีเทาภายในห้องโถงขนาดใหญ่ซึ่งสว่างละมุนตา ไม่ได้เจิดจ้า ทว่าก็เห็นทุกอย่างชัดเจน ภายนอกที่ธามิณีเห็นเต็มไปด้วยสีเขียวของต้นไม้รายล้อม ตอนนี้ศนิพาเธอมาที่ไหนกัน ทำไมถึงเงียบและเต็มไปด้วยป่าแบบนี้ เขาวาร์ปมาถึงป่าแอมะซอนหรือไง
“ปลอดภัยแล้ว” ศนิเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า “บ้านหลังนี้อยู่กลางหุบเขาที่มีพลังของฉันปกป้องไว้ ไม่ว่าใครก็เข้ามาที่นี่ไม่ได้ นอกจากฉันคนเดียว”
ธามิณีหันมามองศนิพลางคลายกอดเพื่อที่จะได้ดูให้แน่ชัดว่าเขาบาดเจ็บตรงส่วนไหนของร่างกายบ้าง ทว่านอกจากที่มุมปากซึ่งมีคราบเลือดแล้ว เธอไม่เห็นส่วนใดในร่างกายของเขามีบาดแผล ทว่าใบหน้าของเขากลับซีดเผือดแทบจะไร้สีเลือด เขาบาดเจ็บแน่ๆ แต่ตรงไหน
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ” ธามิณีโผเข้าไปกอดศนิเอาไว้แน่นแล้วเป็นฝ่ายร้องไห้เสียเอง “ถ้าคุณตาย ธามคงโทษตัวเองไปตลอดชีวิต”
“เวลานั้นยังไม่มาถึงง่ายๆ หรอก”
แสดงว่าต่อให้บาดเจ็บสาหัสศนิก็ตายไม่ได้ใช่ไหม ธามิณีคิดแล้วยิ่งกลัวจนกอดเขาแน่นยิ่งกว่าเดิม “ถ้าตอนนั้นธามยังไม่ตาย แล้วคุณไม่อยากจากไปอย่างโดดเดี่ยวก็พาธามไปด้วย”
มนุษย์คนแรกที่เต็มใจตายไปพร้อมกับเทพกึ่งมนุษย์งั้นหรือ เรียวปากที่เม้มปิดค่อยๆ แย้มยิ้ม เขามีชีวิตที่รู้จักเจ็บ แต่เบื้องบนไม่ยอมให้เขาตายมานาน จนกระทั่งในวันนี้ได้ยินมนุษย์ที่เปราะบางพยายามปกป้องเขาและเต็มใจตายไปพร้อมกับเขากระนั้นหรือ สายตาเชื่อมั่นและห่วงใยคู่นี้เองที่ทำให้ศนิถอนใจด้วยความรู้สึกที่ยากจะตอบตัวเองได้ว่าตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมาเขาสมควรได้รับสิ่งนี้จากมนุษย์หรือเปล่า
“เธอคงไม่รู้ตัวกระมังว่าบาดเจ็บยิ่งกว่าฉันเสียอีก ”
ธามิณีสูดหายใจแรงเพิ่งรู้ตัวว่าปอดเหมือนถูกบีบอัด จนกระทั่งอากาศที่ต้องการในตอนนี้เข้าไปไม่สะดวก เธอยกมือกุมหน้าอกก่อนจะล้มลง แต่เธอไม่ได้ลงไปกองกับพื้นเมื่อมีศนิประคองร่างเอาไว้ แต่แล้วสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดสำหรับธามิณีก็เกิดขึ้น ร่างของเธอลอยขึ้นกลายเป็นนอนนิ่งกลางอากาศ
“ธาม...หายใจไม่ออก”
ศนิใช้พลังที่เหลือไม่มากของตัวเองรักษาธามิณี ขอแค่ให้เธอกลับมาหายใจได้ก่อน แต่สิ่งที่เขาไม่เคยพบมาก่อนและคิดไม่ถึงกลับเกิดขึ้น ผลึกกาลลอยขึ้นมาจากอกข้างซ้ายของหญิงสาว
มันยังไม่ถึงเวลาสิ้นอายุขัยของธามิณี!
ศนิรีบแบ่งพลังมาที่มืออีกข้างแล้วดันให้ผลึกกาลกลับเข้าไปอยู่ที่หัวใจของธามิณีดังเดิม แม้ผลึกกาลจะเกิดการต่อต้านไม่ยอมกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายมนุษย์
“อดทนเอาไว้ก่อนนะธาม”
ธามิณีพยักหน้าเริ่มกลับมาหายใจได้เองแล้ว แม้จะเหมือนมีหนามแหลมคมอยู่ตลอดเส้นทางที่อากาศเดินทางไปยังปอด ร่างของเธอค่อยๆ ขยับลงไปกระทั่งไปอยู่ในอ้อมแขนของศนิที่มากอดรับไว้ เขาอุ้มเธอเดินเร็วๆ ไปที่เตียง เธอเห็นเขามองบางอย่างที่อาจจะกำลังลอยอยู่เหนือหัวใจของเธอ แต่เธอกลับไม่เห็นอะไรนอกจากความว่างเปล่า ผลึกกาลหน้าตาเป็นอย่างไรกันนะ มีแค่เขาเพียงคนเดียวที่สามารถเห็นมันได้ใช่หรือเปล่า
“นอนนิ่งๆ ก่อนนะ ฉันจะทำให้ผลึกกาลกลับไปอยู่ที่หัวใจของเธอ ถ้าไม่ทำแบบนี้ เธออาจจะตาย”
คำว่า ‘ตาย’ ทำไมถึงวนเวียนในชีวิตของเธออยู่ตลอดเวลานะ แต่พอคำนี้ออกมาจากปากของชายที่ชื่อว่าศนิ ธามิณีกลับรู้สึกว่ามันยังไม่เกิดขึ้น เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เธอตายหากยังไม่ถึงวันสิ้นอายุขัย ซึ่งเธอไม่รู้ว่ามันจะเร็วหรืออีกยาวนาน ความรู้สึกอุ่นใจแบบนี้เธอไม่ได้รับมานานแล้ว คงตั้งแต่พ่อกับแม่จากไป
ทำไมเขาถึงต้องมาช่วยเธอไว้หลายต่อหลายครั้ง หากว่าเพื่อผลึกกาล ตอนนี้ก็เป็นโอกาสหากเขาจะรอเธอตาย แล้วรับผลึกกาลคืนไปไม่ใช่หรือ
“อย่าคิดอะไรเพ้อเจ้อ”
แม้ว่าศนิจะไม่ได้ยินว่ามนุษย์กำลังคิดอะไร แต่การอ่านสีหน้าก็พอจะเดาได้ว่าตอนนี้ธามิณีกำลังคิดว่าเขาช่วยชีวิตเธอไว้เพราะอะไร
“ขอโทษค่ะ”
เรียวปากหนาแย้มบางๆ เรื่องแค่นี้ธามิณีไม่ต้องมาขอโทษเขาก็ได้ ศนิใช้สมาธิเพื่อควบคุมให้แสงสีม่วงซึ่งเป็นพลังจากเขาผลักดันผลึกกาลให้กลับไปยังหัวใจของธามิณี แต่พลังกลับเหมือนกำลังต่อต้านกันไปมา ศนิหายใจหอบๆ เพราะเขาเองก็กำลังจะไม่ไหวแล้วเช่นกัน การที่เวลานี้ท้องฟ้ามืดมิดเข้าสู่คืนเดือนดับทำให้ยิ่งลดทอนหลังของเขาลงไปอีก ตอนนี้มันจึงไม่ต่างจากเขากำลังสู้กับพลังของตัวเอง
ภายในสัปดาห์นี้โบว์จะวางขาย ขอเพียงรักนี้นิรันดร แล้วนะคะเพราะตรวจต้นฉบับรอบสุดท้ายจะเสร็จแล้ว เอาไว้จะมาแจ้งความคืบหน้านะคะ ส่วนจะลงให้อ่านถึงบทที่เท่าไหร่ เดี๋ยวจะมาแจ้งที่หน้า wall ของนิยายนะคะ
ขอให้มีความสุขในวันหยุด ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 182
แสดงความคิดเห็น