เริ่มต้นเป็นเรื่อง ลงท้ายเป็นรัก 1: เป็นเรื่อง (Rewrite)
สถานที่ที่เต็มไปด้วยผืนทรายสีขาวสะอาดตา เหล่าผู้คนที่มาพักผ่อนหย่อนใจ บ้างก็มาเพื่อละทิ้งความทุกข์ ปล่อยให้เกลียวคลื่นซัดสาดมันหายไป หญิงสาวคนหนึ่งยืนทอดสายตาออกไปยังวิวทะเลเบื้องหน้า ที่เชื่อมกับเส้นขอบฟ้าแสนกว้างไกล เธอเหนื่อยใจกับเรื่องที่บ้านของตนเหลือเกิน จนต้องแบกใจดวงน้อยๆ มาที่นี่
“แต่งงานหรือคะ?!แต่..” ปวีราเอ่ยด้วยความตกใจ ท่ามกลางเหล่าผู้ใหญ่ที่รายล้อมตนอยู่
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ครั้งนี้แกต้องไปดูตัว พ่อนัดลูกชายของเพื่อนไว้ให้เรียบร้อยแล้ว” ปริญญ์ ผู้เป็นพ่อของปวีราเอ่ย พร้อมๆ กับที่นันท์ทิชา แม่ของเธอเสริมขึ้น
“แกก็โตเป็นสาวแล้วนะแป๋วแหวว ถ้าไม่รีบแต่งงานตอนนี้แล้วพ่อกับแม่จะได้อุ้มหลานตอนไหน”
“หนูเพิ่งจะยี่สิบสามเองนะคะแม่” ปวีรายังไม่อยากแต่งงาน เพราะเธอเพิ่งจะเรียนจบและได้ออกมาเริ่มต้นทำตามความฝันของตนเอง ซึ่งตอนนี้มันยังไม่อยู่ตัวเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ทำไมพ่อแม่ของเธอถึงได้รีบร้อนนัก ทั้งๆ ที่ธุรกิจของครอบครัวเธอกำลังไปได้สวยชนิดที่ว่าเงินที่มีอยู่ตอนนี้ใช้ทั้งชาติก็คงไม่หมด
“ย่าช่วยพูดอะไรหน่อยสิคะ บอกพ่อกับแม่ว่าอย่าบังคับหนูเหมือนทุกทีไง..” เมื่อปวีราไม่สามารถเปลี่ยนใจพ่อแม่ของตนได้ เธอจึงหันไปอ้อนหญิงชราที่นั่งมองเหตุการณ์นี้เงียบๆ แทน ใบหน้าหวานใสมองย่าของตนเองตาปริบๆ หวังจะให้ช่วยตนเหมือนดั่งทุกทีอย่างที่เป็นมาตั้งแต่เด็ก เพราะย่าไม่เคยขัดใจเธอเลยแม้สักครั้ง...แต่มันคงไม่ใช่กับครั้งนี้…
“รอบนี้ย่าเห็นด้วยกับพ่อแม่เรานะ ย่าเองก็อยากเห็นหลานรักของย่าเป็นฝั่งเป็นฝากับคนดีๆ เหมือนกัน ไม่รู้ว่าคนแก่คนนี้จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ถ้าทันได้อุ้มหลานสาวหลานชายก็คงจะดี”
“โธ่ ย่าคะ..ไม่เอาแบบนี้สิ” ปวีราเสียงอ่อยทันทีเมื่อรู้ว่าคนที่เธอหวังพึ่งพามากที่สุดในเวลานี้แปรพักตร์ไปเสียแล้ว
“พอๆ ไม่ต้องมาอ้อนย่าแกเลย พรุ่งนี้อย่าลืมเตรียมตัวให้ดี พ่อจะพาแกไปเจอคู่ดูตัว” ปริญญ์ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ลูกสาวของตนเองได้ปฏิเสธอีก เขาชิงเอ่ยสั่งก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันออกจากห้องรับประทานอาหารไป ทิ้งเอาไว้ก็เพียงแต่ปวีราที่กำลังนั่งหน้าเซ็งอยู่บนโต๊ะ
“เฮ้อ...” ปวีราได้แต่ถอนหายใจออกมายาวเหยียด ดวงตายังคงมองออกไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย ก่อนที่สมาร์ทโฟนในมือจะถูกยกขึ้นมาถ่ายภาพท้องทะเลให้หายเซ็ง
ปวีราชอบถ่ายภาพ และทำคอนเท้นท์เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เธอเป็นเจ้าของเพจและช่องยูธูป ติ๊กต็อก ที่นำเสนอเกี่ยวกับอะไรพวกนี้ ผู้คนมากมายชื่นชอบผลงานของเธอ ทว่าหนึ่งในนั้นคงไม่ใช่บุพการีบังเกิดเกล้า ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งทอ พวกท่านมองว่ามันไร้สาระ
มักอยากให้เธอหันมาทุ่มเทกับธุรกิจครอบครัวมากกว่า ทั้งที่ก็มีพี่ชายของเธอดูแลอย่างดีอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการแต่งงาน ได้ข่าวว่าลูกชายของเพื่อนพ่อเป็นประธานบริษัทคู่ค้าคนสำคัญ ถ้าได้เกี่ยวดองกันย่อมดีต่อธุรกิจทั้งสองฝ่ายไม่น้อย พวกผู้ใหญ่คงเห็นแบบนี้กระมังจึงอยากให้แต่งงานด้วยนัก
หญิงสาวคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ขณะที่มือก็กดลั่นชัตเตอร์ไม่หยุด จากที่ถ่ายภาพทะเลอยู่ก็เริ่มหันไปถ่ายวิวทิวทัศน์รอบๆ รวมถึงเหล่านักท่องเที่ยวแทน เธอเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วชายหาด ถ่ายทุกอย่าง
ที่คิดว่าน่าสนใจจนตะวันเริ่มลับขอบฟ้า ปวีราจึงเดินกลับไปยังโรงแรมที่ตนพัก
การมาทะเลครั้งนี้เธอตั้งใจว่าจะมาแบบไม่มีกำหนด และไม่ได้บอกคนที่บ้านเลยสักคนเดียว พูดง่ายๆ ก็คือหนีการดูตัวออกมานั่นแหละ เธอเบื่อกับการต้องไปนั่งปฏิเสธเหล่าผู้ชายที่พ่อแม่หามาเต็มทีแล้ว เพราะคนพวกนั้นเอาแต่พูดคุยเรื่องของตนเอง ไม่ก็เรื่องธุรกิจ
ไม่มีใครสนใจศึกษารู้จักตัวตนเธอเลยสักนิด
ปวีราเดินเลียบชายหาดมาเรื่อยๆ จนเห็นว่าอีกราวๆ ไม่ถึงร้อยเมตรก็จะถึงที่พักแล้ว ทว่าระหว่างทาง สายตาดันเหลือบไปเห็นเด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่งยืนร้องไห้อยู่ลำพัง จึงอดเดินเข้าไปถามไถ่ไม่ได้ เธอพยายามคุยกับหนูน้อย แต่แทบไม่ได้ความอะไรเลย เพราะอีกฝ่ายเอาแต่ร้องไห้ ร้องไห้ และเรียกหาแต่แม่ท่าเดียว
“ยัยหนู อยู่นี่เอง!” แล้วเสียงหนึ่งก็ทักขึ้น ก่อนหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งจะรีบเดินเข้ามาหาเด็กหญิงด้วยสีหน้ายินดี
“เป็นห่วงแทบแย่ ปะ กลับบ้านกัน” ผู้มาใหม่ไม่ได้หันมาสนใจปวีราที่ยืนอยู่ก่อนเลยสักนิด กล่าวกับเด็กเสร็จก็อุ้มร่างน้อยเดินจากไปทันที หญิงสาวเห็นอย่างนั้นก็นิ่งงงไปนิดหนึ่ง ก่อนจะได้สติเมื่อมีชายอีกคนเดินเข้ามาคุยด้วย
“ขอบคุณน้องมากเลยนะครับที่อยู่เป็นเพื่อนยัยหนู พอดีพวกเราพาลูกมาเที่ยวแถวนี้แล้วเผอิญพลัดกัน ตะกี้แม่เขาคงมัวแต่พะวงถึงลูก เลยไม่ได้ทักทายน้องเลย ผมเป็นพ่อเด็กครับ” ชายวัยกลางคนแนะนำตัวกับเธออย่างเป็นกันเอง
“อ๋อ..ค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูก็สบายใจค่ะ เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูพอจะเข้าใจ” ปวีราส่งยิ้มให้อีกฝ่ายตามมารยาท สายตาลอบสังเกตปฏิกิริยาท่าทางของเขาโดยไม่ให้รู้ตัว
“ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ งั้นผมขอตัวไปหาภรรยาก่อน ตะกี้น่าจะไม่ทันเห็นผมที่กำลังเดินมา ไว้มีโอกาสคงได้ตอบแทนน้องนะ” ตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าหญิงสาว ชายวัยกลางคนดูปกติทุกอย่าง จนกระทั่งเดินจากไปก็ยังไม่พบอะไรผิดสังเกต ปวีราบอกตนเองว่าคงคิดมากไป ทว่าพอนึกถึงอาการเด็กหญิงตอนเจอแม่ทีไรก็อดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้ ทำไมดูเขาไม่ดีใจอะไรเลย
วันนี้หญิงสาวตื่นเช้ากว่าปกตินิดหน่อย เพราะคาดการณ์ว่าถ้าเหตุการณ์เมื่อวานมีอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างคิดจริงๆ หลังจากเมื่อเย็นเธอโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไป และเข้ามาปรึกษากับพนักงานโรงแรมแล้ว อย่างน้อยวันนี้ต้องมีอะไรให้ทำมากพอควรแน่ ดังนั้น
จึงควรรีบตื่นมาเตรียมตัวก่อน
“สวัสดีค่ะ” อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ปวีราก็ลงมาหาอะไรกินด้านล่าง แต่ก่อนจะไปห้องอาหาร เธอเลือกเข้าไปสอบถามความคืบหน้าเรื่องที่เธอแจ้งไปเมื่อวานก่อน จึงได้ทราบว่า ไม่มีบุตรหลานของลูกค้าในโรงแรมคนใดหายตัวไป รู้อย่างนั้นก็โล่งใจไปนิดหนึ่ง
ได้แต่หวังให้ตนเองแค่คิดมาก เพราะถ้าเด็กคนนั้นโดนลักพาตัวจริง ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้
ตรืด..ตรืด..
ขณะกำลังนั่งจัดการมื้อเช้าอยู่ สมาร์ทโฟนคู่ใจปวีราก็ส่งเสียงขึ้น หยิบมาดูสายเรียกเข้า เห็นเป็นหมายเลข 05******** ก็สะกิดใจว่าใครกันติดต่อหา ก่อนจะรีบกดรับแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน
“ผมร้อยเอกเพชรกานต์ครับ ติดต่อจากโรงพัก....” ปลายสายแนะนำตัวให้ทราบ แล้วเว้นจังหวะนิดหนึ่งเพื่อให้ปวีราได้ตอบบ้าง
“ค่ะ...” และเธอก็ตอบไปแค่นั้น
“ผมติดต่อมาเรื่องเด็กหายครับ ไม่ทราบว่าคุณใช่เจ้าของเบอร์ที่โทรมาแจ้งว่าพบเด็กอาจโดนลักพาตัว ที่เขต.....เมื่อวานหรือเปล่า?”เขาบอกพิกัดพื้นที่ที่รับแจ้งพบเหตุมา
“ถ้าเป็นเหตุใกล้ๆ โรงแรมปานสวรรค์ ติดหาดเทพเยือนก็ใช่แล้วค่ะ มีความคืบหน้าอะไรหรือเปล่าคะ?” เธอถามกลับไปเสียงสั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น
“ครับ พอดีมีชาวบ้านแจ้งเด็กหายมา รูปพรรณสัณฐานตรงตามที่คุณแจ้งไว้ เลยอยากติดต่อคุณเข้ามาที่โรงพักเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมครับ ไม่ทราบว่าวันนี้คุณสะดวกหรือเปล่า”
“สะดวกค่ะ ให้ไปพบที่โรงพัก....เลยใช่ไหมคะ”
“ครับ คุณไม่ขัดข้องอะไรใช่ไหมครับ”
“ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แต่ตอนนี้ฉันกำลังกินข้าวอยู่ ยังไงขอเวลาสักครู่นะคะแล้วจะรีบไปค่ะ”
“ถ้าที่คุณปวีราจำได้มีเท่านี้ อย่างนั้นผมรบกวนคุณแค่นี้
ดีกว่าครับ ขอบคุณจริงๆ ที่คุณให้ความร่วมมือ ข้อมูลที่คุณให้ช่วยทางเจ้าหน้าที่ได้มากทีเดียว” นายตำรวจหนุ่มบอกกับเธอด้วยรอยยิ้ม
เป็นกันเอง หลังจากที่นั่งสอบปากคำปวีรามาเป็นชั่วโมง
“ไม่เป็นไรค่ะ ยินดีช่วยเต็มที่อยู่แล้วค่ะ” ปวีรายิ้มตอบด้วยความจริงใจ เรื่องแบบนี้ถ้าเธอช่วยอะไรได้ก็พร้อมช่วยอยู่แล้ว
“ครับ ว่าแต่คุณปวีราเอารถมาด้วยหรือเปล่าครับ จะไปไหนต่อหรือเปล่า ถ้าพอมีเวลาผมอยากจะเลี้ยงข้าวสักมื้อ หรือถ้าเอารถมาด้วย และมีธุระที่ไหนต่อ ลองบอกมาก่อนก็ได้ครับ เผื่อผมรู้จักคุณจะได้เดินทางไปสะดวกขึ้น หรือไม่จะได้แวะส่งคุณได้” เพชรกานต์อาสาอย่างมีน้ำใจ แม้ปากบอกไปอย่างนั้น ทว่าส่วนลึกเขากลับแอบลุ้นให้หญิงสาวไม่มีธุระอะไรต่อ หรืออย่างน้อยก็ไม่เร่งด่วนมากก็ยังดี
“แป๋วเอารถมาค่ะ ส่วนมื้อกลางวันไม่รบกวนดีกว่าค่ะ แป๋วเกรงใจผู้กองค่ะ” ท่าทางปวีราแสดงออกอย่างที่พูดจริงๆ
“เลี้ยงแค่มื้อเดียวผมไม่หมดตัวหรอกครับ ไหนๆ ผมได้เจอเจ้าของช่อง....ที่ตัวเองติดตามมานานทั้งทีก็อยากมีโอกาสคุยด้วยบ้างก็เท่านั้นครับ อีกอย่าง เรียกคุณมาแต่เช้า กว่าจะได้คุยกันจริงๆ ก็ปาไปสิบโมง อยากถือเป็นการเลี้ยงขออภัยด้วย”
ได้ยินตำรวจหนุ่มเอ่ยชื่อช่องบนโลกออนไลน์ของเธอชัดถ้อยชัดคำอย่างนั้น ปวีราก็ตาโตทันที ก่อนหลุดปากถาม
“ผู้กองรู้จักช่องของฉันด้วยหรือคะ!?”
ชายหนุ่มเห็นท่าทางตื่นเต้นตกใจของหญิงสาวก็อดขำออกมาไม่ได้ เขาติดตามผลงานเธอมาตั้งแต่ช่องเปิดตัวได้ไม่กี่วัน ตอนดูในคลิปก็ว่าน่ารักมากแล้ว เจอตัวจริงเข้าไปก็ยิ่งประทับใจขึ้นอีก
“ครับ แต่ถ้าจะให้เล่า พวกเราคงต้องหาที่คุยกันสักหน่อยนะ” เขาส่งยิ้มกว้างหยอกล้อยูธูปเบอร์สาว
“แหม คนกันเองแบบนี้งั้นไม่เกรงใจแล้วนะคะ” เธอแกล้งหยอกเขากลับบ้าง
“ยินดีเลยครับ แต่ถ้ากระเป๋าผมฉีกต้องช่วยกันออกนะ”
“โอเคค่ะ” ปวีรายกมือทำท่าโอเคให้เขาอย่างน่ารัก คนมองเห็นแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม ก่อนจะเดินนำเธอไปยังลานจอดรถที่อยู่ข้างตึกสำนักงาน
ร้านอาหารที่ตำรวจหนุ่มพาปวีรามารับประทานอาหารกลางวันเป็นร้านค่อนข้างใหญ่ ครึ่งหนึ่งของตัวร้านยื่นออกไปในทะเล ถ้าทอดสายตาออกนอกระเบียงจะเห็นทิวเขาไกลๆ และอีกด้านเป็นเวิ้งน้ำสีเขียวมรกตสุดลูกหูลูกตา หญิงสาวสังเกตว่าที่แห่งนี้ตกแต่งภายในต่างๆ ได้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก และให้อารมณ์เหมือนเรือนพักผ่อนชิลๆ ด้วยการจัดสวนบนเรือน วางไม้ดอกไม้ประดับตามจุดต่างๆ แลดูสดชื่นสบายตา เกือบรอบทิศเป็นระเบียงเปิดรับลมธรรมชาติ แต่ก็มีบางส่วนจัดเป็นห้องกระจกให้ลูกค้าที่อยากรับแอร์ด้วย
“หวังว่าคุณปวีราจะชอบนะครับ” เพชรกานต์เอ่ยกับยูธูปเบอร์สาว หลังจากพาเธอมานั่งยังโต๊ะตัวหนึ่งติดขอบระเบียงที่ยื่นออกไปในทะเลเรียบร้อย
“ชอบค่ะ ได้ยินเสียงคลื่น ลมโกรกสบาย วิวสวย แถมร้านก็ตกแต่งได้น่ามาพักผ่อนมากเลยค่ะ” ปวีราตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง รู้สึกว่าเขาเลือกร้านได้ไม่เลวทีเดียว
“ดีใจครับที่คุณชอบ ที่นี่มีมุมถ่ายรูปหลายจุด มีของที่ระลึกขายด้วยนะครับ และร้านนี้แต่ละโซนที่นั่งก็จะมีการตกแต่งแตกต่างกันไป แต่ก็จะเน้นต้นไม้ และของตกแต่งอย่างงานศิลป์ เครื่องดินเผา ภาพวาด หรืองานแฮนเมคเป็นหลัก” ผู้กองหนุ่มเล่าให้ฟัง เพราะรู้ว่าหญิงสาวชอบอะไรแบบนี้
“โห น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ อย่างนั้นตอนรออาหารมา แป๋ว
ขออนุญาตสำรวจหน่อยนะคะ” ปวีราบอกอย่างกระตือรือร้น ตามประสาคนมีหัวใจนักทำคอนเทนท์ เท่าที่เธอสังเกตภายในร้านคร่าวๆ ที่นี่อาจจะมีอะไรให้ประหลาดใจเล่นบ้างก็ได้
“ครับ จะให้ผมไปชี้จุดให้ด้วยไหม” เพชรกานต์ถามยิ้มๆ
นึกเอ็นดูความสดใสน่ารักของอีกฝ่าย
“ถ้าไม่อยากนั่งเบื่อๆ ระหว่างรออาหาร จะไปเดินกับแป๋วด้วยก็ไม่รังเกียจหรอกค่ะ หรือถ้าอยากนั่งรอที่โต๊ะมากกว่า แค่บอกจุดที่อยากแนะนำเป็นพิเศษมาให้แป๋วก็พอแล้วค่ะ” พอนึกว่าเป็นคนกันเอง ปวีราก็เปลี่ยนคำแทนตนเองเป็นแบบที่ชอบทำมากกว่า
“ผมไปเดินเป็นเพื่อนได้ครับ นั่งอยู่เฉยๆ ก็ไม่รู้จะทำอะไร แถมเห็นวิวที่นี่จนเบื่อแล้วล่ะ” สิ้นคำนายตำรวจไม่ทันไร พนักงานร้านก็เดินเข้ามาถึงโต๊ะพอดี
“คุณปวีราอยากกินอะไรสั่งได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
“เรียก แป๋วแหวว ก็ได้ค่ะ ผู้กองมีเมนูแนะนำไหมคะ แป๋วกินอะไรก็ได้ค่ะขอแค่อร่อย” ท้ายประโยคเธอบอกเขาทีเล่นทีจริง คำพูดนั้นทำให้ชายหนุ่มอดอมยิ้มออกมาอีกไม่ได้
เพชรกานต์สั่งอาหารไปสามสี่อย่าง จริงๆ ตอนแรกอยากจะสั่งสักห้าหกเมนูด้วยซ้ำ แต่พอปวีรารู้ว่าที่เขาสั่งเยอะเพราะอยากให้เธอได้กินหลากหลายก็รีบห้ามไว้ ก่อนทั้งสองคนจะพากันลุกเดินชมจุดต่างๆ อย่างที่คุยกันตั้งแต่ก่อนหน้า และได้พนักงานร้านตามมาแจ้งข่าวอาหารที่สั่งไปให้
หนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวคุยกันอย่างถูกคอ ประเด็นคุยส่วนใหญ่เป็นเรื่องคดีเด็กหาย เรื่องงานของทั้งเขาและเธอ เรื่องสถานที่ที่น่าสนใจในเมืองนี้ ด้วยความที่ปวีราอยากทราบข่าวเด็กที่เจอเมื่อวาน และต้องการช่วยตามหาอีกแรงจนกว่าจะเจอ ประกอบกับเพชรกานต์
ก็เสนอตัวให้ข้อมูลเกี่ยวกับเมืองที่เธอมาเที่ยวด้วย ทั้งสองจึงตัดสินใจแลกช่องทางติดต่อกันไว้ เพื่อพูดคุยนอกรอบหลังจากมื้อเที่ยงนี้สิ้นสุด ต้องแยกย้ายกันทำธุระของแต่ละฝ่าย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 354
แสดงความคิดเห็น