บทที่ 9...1/3
มีนามองเขมินท์ที่กำลังอุ่นอาหารแช่งแข็งที่เขาเพิ่งซื้อมาติดไว้ในตู้เย็น เขามาเรื่องงานแบบฉุกละหุกทำให้ไม่มีเวลาที่จะซื้อของสดนั่นเอง หญิงสาวจัดโต๊ะเตรียมน้ำใส่แก้วไว้รอ แม้เธอจะกินข้าวกับเมษาเป็นเรื่องที่เป็นไปทุกวัน จนกระทั่งมาอยู่คอนโดคนเดียวก็ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร เธอชินไปแล้วด้วยซ้ำ แต่พออาหารมื้อนี้มีเขมินท์นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ เธอกลับไม่รู้สึกแปลก แต่รู้สึกปลอดภัยเหมือนได้กลับบ้านอย่างไรอย่างนั้น
“พี่ให้มีนเลือกแล้วกันว่าจะกินอะไร”
เขมินท์วางชามใส่ข้าวซอยหอมกรุ่นกับจานสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศหมู มีนาชี้ไปที่ข้าวซอย เขมินท์ชะงักมองเธอก่อนจะเลื่อนชามข้าวซอยมาให้ แล้วเลื่อนจานสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศหมูมาให้ตัวเอง
“ทำไมวันนี้มีนกลับดึกจังล่ะ งานหนักมากหรือ” เขมินท์ชวนคุยเมื่อเห็นมีนากำลังเขี่ยหอมแดงมาไว้ข้างชาม
“มีนกำลังออกแบบห้องเสื้อค่ะ วันพุธต้องไปพรีเซนต์งานแล้ว วันนี้ก็เลยต้องทำให้เสร็จ พรุ่งนี้จะได้มีเวลาแก้งานอีกรอบน่ะค่ะพี่เขม”
มีนาคีบหมี่เหลืองกรอบมาใส่ช้อนแล้วกิน ก่อนจะดื่มน้ำตามไปอึกหนึ่ง เขมินท์มองมาแล้วยิ้มบางๆ มีเรื่องอะไรให้เขาสุขใจมากนักหรือ
“ห้องเสื้อของพริมหรือเปล่า”
“พี่เขมรู้ได้ยังไงคะ” มีนาอยากจะเขกหัวตัวเอง เขมินท์จะรู้จากไหนได้เล่านอกจากพริมา
เขมินท์เลิกคิ้วมองมีนาที่ทำหน้าเหมือนเรื่องนี้มันเป็นความลับระดับชาติ
“พริมเพิ่งกลับมา แล้วกำลังจะเปิดแบรนด์เสื้อของตัวเองที่นี่ คงไม่แปลกถ้าพริมจะต้องเปิดห้องเสื้อ เดาได้ไม่ยากหรอก”
มีนาพยักหน้านับว่าเขมินท์เดาได้แม่น ถ้าไปเอาดีทางเรื่องหมอดูคงจะมีลูกค้ารอคิวเพียบ
“คินเป็นยังไงบ้าง”
มีนามองเขมินท์แล้วพากันกลั้นยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมา พี่ชายถามเรื่องน้องชายกับเพื่อนของน้องชายที่อยู่บ้านรั้วติดกัน ช่างเป็นความสัมพันธ์ที่พิเศษไม่เหมือนครอบครัวไหนๆ มีนาเล่าความเข้มแข็งของภาคินให้เขมินท์ฟังพลางเลาะน่องไก่ไปด้วย แต่น้ำซุปกลับพร่องไปนิดหน่อยเท่านั้น
“มีนล้างจานเองค่ะพี่เขม”
ไม่มีเสียงห้ามจากเขมินท์ทำให้มีนาโล่งใจมาก เธอชอบการแชร์ไม่ใช่การที่อีกฝ่ายทำโน่นทำนี่ให้ เขมินท์เป็นคนเตรียมอาหารมาแล้ว เธอควรทำงานส่วนที่เหลือ แบบนี้ถึงจะเกิดความสบายใจทั้งสองฝ่าย พอออกมาจากครัวหญิงสาวไม่เห็นชายหนุ่ม เธอเดาว่าเขาคงเข้าห้องนอนไปแล้ว
ตอนกำลังจะเข้าห้องตัวเอง มีนามองไปที่ประตูห้องของเขมินท์แล้วก็ยิ้มดีใจ รูปที่เธอวาดไว้ให้เขาแทนคำขอบคุณไม่ได้แขวนอยู่ที่ลูกบิดประตู เขาเก็บไปแล้วสินะ มีนาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วจึงมาเดินเล่นที่ระเบียง ก่อนจะไปนอน น่าแปลกที่เขมินท์ไม่ออกมาจากห้องอีกเลย เขาอึดอัดที่มีเธออยู่ในห้องหรือเปล่า หญิงสาวสงสัยแล้วหลับไปโดยที่ไม่รู้คำตอบ
แม้จะตั้งนาฬิกาจากโทรศัพท์ให้ปลุกเร็วกว่าปกติ แต่มีนาก็ช้ากว่าเขมินท์ที่อาบน้ำเปลี่ยนชุดพร้อมไปทำงานแล้ว ไม่เพียงเท่านั้นเขายังเข้าไปในครัวเล็กๆ เพื่อทำของกินในมื้อเช้าอีกด้วย มีนายิ้มเขินๆ เมื่อออกมาจากห้องน้ำแล้ววิ่งเข้าห้องตัวเองไป มีใครเคยบอกเขาบ้างไหมว่าเวลาหยิบจับของในครัวช่างมีอำนาจทำลายล้างต่อใจดวงน้อยๆ ของเธอ หญิงสาวรีบแต่งตัวแล้วออกมาจากห้องพร้อมกระเป๋าสะพายข้างและโน้ตบุ๊ก ในขณะที่เขาแทบไม่ต้องหอบอะไรไปทำงานเลยนอกจากโทรศัพท์เครื่องเดียว
“นั่งรอก่อนนะมีน พี่ทำแซนด์วิชจะเสร็จแล้ว” เขมินท์บอกพลางชี้ไปยังกาแฟที่เขาชงเผื่อ
มีนาถือกาแฟสองถ้วยมาวางไว้คนละฝั่งของโต๊ะเล็กๆ ในห้องครัว เพียงครู่เดียวจานแซนด์วิชที่เขมินท์ทำด้วยตัวเองก็วางลงตรงกลางระหว่างเราสองคน
“ถ้าอยู่ด้วยกันสักเดือน มีนได้กลิ้งแทนเดินแน่ๆ” มีนาหยิบแซนด์วิชมา พอเห็นเขมินท์มองมาก็ชักรู้สึกว่าพูดอะไรที่ชวนให้คิดไปไกล ทั้งที่ตอนพูดเธอไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ “มีนหมายถึงพี่เขมมาที่ห้องทีหนึ่ง มีนก็ได้กินโน่นกินนี่น่ะค่ะ”
“ต่อไปถ้าพี่จะมาค้างที่นี่ พี่จะส่งข้อความมาบอกมีนก่อนดีไหม”
มีนารีบยกมือห้าม “ไม่เป็นไรค่ะ ห้องของพี่เขม พี่เขมจะมาเมื่อไหร่ก็ได้นี่คะ”
หญิงสาวทำทีดื่มกาแฟ เรียวคิ้วสวยขมวดอดคิดไม่ได้ว่าการมีเธออยู่ในห้อง แม้ว่าเธอจะเช่าห้องจากเขาก็ตาม แต่การอยู่ด้วยในบางวันสองคนแบบนี้ทำให้เขมินท์รู้สึกอึดอัดหรือเปล่านะ เหตุผลที่เขาไม่ออกมาจากห้องจนถึงเช้าเพราะเธอใช่ไหม เอาเถอะ ถ้าเขมินท์มาค้างที่ห้องคราวหน้า เธอจะเป็นฝ่ายที่อยู่แต่ในห้อง เขาจะได้ออกมาทำอะไรได้สะดวกก็แล้วกัน
“พี่ไปส่งแล้วกันนะมีน ทางผ่านน่ะ บริษัทในเครือของพี่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทรักษ์บ้าน” เขมินท์บอกมีนาตอนที่กำลังลงลิฟต์มาด้วยกัน จนกระทั่งใกล้ถึงชั้น 2 ซึ่งเป็นที่จอดรถแยกออกไป
มีนายอมเดินตามเขมินท์ไปเพราะมีเรื่องที่อยากคุยกับเขา หากว่าการที่เขายอมช่วยเธอด้วยการบอกคนอื่นว่าเป็นแฟน แล้วนำมาซึ่งความไม่สบายใจของเขา การคุยเรื่องนี้กันให้เคลียร์น่าจะเป็นทางออก ซึ่งเธอควรเป็นคนที่ออกปากก่อน
พอเขมินท์ขับรถอออกมาจากคอนโดไปสู่ถนนเส้นหลัก มีนาก็ไม่รอช้า
“มีนถามบางอย่างกับพี่เขมได้ไหมคะ”
“ได้สิ” เขมินท์รู้สึกได้อยู่เหมือนกันว่ามีนามีเรื่องบางอย่างอยู่ในใจ
“เราสองคนจะบอกคนอื่นๆ ว่าไม่ได้เป็นแฟนกันแล้วเมื่อไหร่ดี ปล่อยไว้นาน มีนเกรงใจพี่เขมค่ะ”
มีนาตั้งใจมองเขมินท์ ในขณะที่เขาตั้งใจขับรถมากเพราะจับพวงมาลัยรถเสียแน่น
“คงสักพัก เพิ่งเป็นแฟนกัน 2 วัน ถ้าบอกว่าเลิกกันแล้วมันจะกลายเป็นประเด็นมากกว่าเดิมกระมัง” เขมินท์ตอบตามที่มันควรจะเป็น หากเลิกกันเร็ว เขาคิดว่าคนที่ถูกนินทาให้ร้ายคงเป็นมีนา
เมื่อคิดด้วยเหตุผลนั้นมีนาก็ชักรู้สึกว่าตัวเองใจร้อนเกินไป ถ้าอย่างนั้นเขาไม่ได้เครียดหรืออึดอัดเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเป็นเพราะเรื่องอะไร
“จริงด้วย พี่เขมรอบคอบจัง”
เขมินท์ขับรถไม่พูดอะไร มีนาก็ไม่รู้สึกอยากฟังเพลง ไม่ได้รู้สึกว่าความเงียบภายในรถน่าอึดอัด แต่เธออยากเข้าใจเขาว่าทำไมถึงทำเหมือนมีอะไรอยู่ในใจ ตอนนี้กลายเป็นเธอที่อึดอัด อยากถาม แต่ไม่กล้าพอ จนเขมินท์จอดรถนั่นล่ะ มีนาถึงได้รู้ว่าถึงบริษัทรักษ์บ้านแล้ว
“มีนไปแล้วนะคะพี่เขม ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
ใบหน้าเรียบเฉยของเขมินท์ทำให้ยิ้มของมีนาเป็นหมัน เธออยากตะโกนออกไปดังๆ ว่า...คุณพี่เป็นอะไรคะ แต่ในความเป็นจริงเธอแค่เดินหงอยๆ เข้ามาในสำนักงาน แล้ววางของแบบซึมๆ แต่มาตกใจจนยกมือทาบอกเพราะวนัทมายิ้มแฉ่งใส่ เธอนึกว่าผีหลอก
“ยิ้มแบบนี้ให้มีนทำไมคะพี่นัท”
วนัทยังคงยิ้มกว้าง “ดีใจน่ะสิ น้องนุ่งมีแฟนเอาใจใส่ขับรถมาส่งที่ทำงาน พี่ก็ว่าออฟฟิศของคุณเขมอยู่ไม่ไกล ขับรถ 15 นาทีก็ถึงแล้ว”
มีนาพยักหน้าอือออ “พอดีพี่เขมแวะมาที่บริษัททางนี้น่ะค่ะ ไม่มีอะไรพิเศษหรอกค่ะ”
วนัทเลิกคิ้วว่าไม่จริง มีนาก็คร้านจะไปแก้ความเข้าใจผิดนั้น ตอนนี้เองที่เธอฉุกคิด หากเธอกลายเป็นประเด็นเล็กๆ ของบริษัท แล้วเขมินท์ล่ะจะไม่ถูกพูดถึงจากคนทั้งบริษัทหรือ มีนาอยากจะเขกหัวตัวเอง ทำไมเธอไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้นะ เรื่องที่ทำให้เขมินท์ไม่สบายใจคงเพราะสาเหตุนี้แน่ๆ การถูกพูดถึงจากคนแปลกหน้าคงกวนใจเขาไม่น้อย อีกทั้งเขายังรักความเป็นส่วนตัวมากมาตลอด
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 270
แสดงความคิดเห็น