มัน...จบแล้ว

รัก(ของผม)รสขนมหวาน
คุณกำลังอ่าน: รัก(ของผม)รสขนมหวาน

-A A +A

มัน...จบแล้ว

หมวดหนังสือ: 

"ยายจ๋า~มันเป็นก้อน!"ผมร้อนรนเมื่อเจ้าแป้งที่เพิ่งจะบีบลงไปในน้ำเชื่อมไม่กลายเป็นเส้นยาวๆตามสูตร

 

“หนูก็ยกสูงๆสิลูก” ยังดีที่คนสอนมีสติ ผมว่ายายไม่น่าปล่อยให้ผมทำเองเลยครับ ดูจากท่าทีของผมแล้วไม่น่าจะรอด

 

"ยายจ๋า~ทำไมขนมมันไม่ลอยขึ้นมาสักทีละ"ผมเริ่มบ่นเพราะยืนรอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นจะมีอะไรลอยขึ้นมาเลย นอกจากควันที่ลอยเข้าตาผมว่าวันนี้ผมคงจะไม่ได้กินขนมที่กำลังหัดทำแน่ๆ

 

“ใจเย็นๆลูกมันยังไม่สุก”

 

"แต่แขนบัสมันจะสุกแล้วจ๊ะยาย โอ้ว~~ฮ้อนหยังปะล๊ำปะเหลือฮ่าๆ"เสียงหัวเราะคิกคักของผมดังจนทำให้คนอื่นๆที่อยู่ในบ้านเผลออมยิ้ม

 

ผมแอบไปเรียนทำขนมอย่างตั้งใจกับคุณยายเพียรคุณแม่ของมะม๊าที่เชียงใหม่เกือบจะหมดปิดเทมอสุดท้ายของม.ปลายเลย แต่ไม่รู้ว่าผมตั้งใจไปเรียนรึไปกินกันแน่เพราะมันทำให้น้ำหนักขึ้นมาตั้ง3กิโล จนแก้มเริ่มจะเบียดตาโตๆบนหน้าซะแล้ว

 

“พี่เกรทรอบัสในรถนะ ไปแปบเดียว” ผมว่าแล้วเปิดประตูลงจากรถ ผมเดินฮัมเพลงในคออย่างอารมณ์ดี ตอนนี้ในมือของผมมีกล่องพลาสติกใสที่ข้างในมีขนมไทยสีสวยๆที่เรียกว่าลูกชุบอยู่ เกรดสี่วิชาศิลปะไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วยนะครับ ผมใช้ความพยายามทั้งหมดปั้นให้มันเป็นรูปเค้กที่ตัวเองชอบ ส่วนขนมกระทงทองที่ไส้อัดแน่นก็ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำไหลได้ดีจนผมเกือบจะอดใจไม่ไหวและเขมือบมันเข้าไป

 

ท่องเอาไว้รถบัสขนมพวกนี้เราทำมาให้พี่เซน ของพี่เซน..ของพี่เซน ของพี่เซ...น่าอร่อยจังโว้ย!

 

เชื่อไหมครับกว่าผมจะเอาชนะความตะกละของตัวเองได้เกือบได้ลงแดงตายแล้ว พี่เซนจะรู้ตัวบ้างไหมว่าพี่เป็นเพียงไม่กี่คนบนโลกเลยนะที่ผมยอมแบ่งของกินให้ พี่อ่ะสำคัญกับผมมากเลยนะเนี้ย

 

ผมเดินคุยกับตัวเองมาสักพักก่อนจะได้ยินเสียงคนกำลังทะเลาะกันดังอยู่ข้างร้าน ในซอยเล็กๆที่เป็นทางเข้าของพนักงานมีพี่โรสที่กำลังทำหน้าน่ากลัว กับพี่เซนที่ดูโมโหสุดๆ ถึงผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน แต่แค่เพียงประโยคสั้นๆที่ได้ยินก็ทำร้ายหัวใจผมจนพูดอะไรไม่ออก

 

“ผมเกลียดเด็ก!!และจะไม่มีวันเอารถบัสสุดที่รักของคุณมาเป็นแฟน”

 

เกลียดเด็ก...

 

เด็กที่ว่าหมายถึงผมเหรอ...

 

“ค่ะ โรสจะจำไว้”

 

เพียงเท่านั้นก็ทำให้ผมหยุดเดินและหันหลังกลับ

 

 

“เอ้าคุณหนูจะไปไหนครับ” เสียงพี่เกรทที่ร้องทักเพราะผมเดินเลยรถที่นั่งมาจากบ้านดังขึ้น จุดหมายของผมเปลี่ยนไปแล้ว ผมเดินมาหยุดอยู่ที่ถังขยะสีเขียวมันวางอยู่ตรงนี้มานานแล้วตั้งแต่วันแรกที่ผมมาเดินเล่นแถวนี้ มันไม่เคยโดนย้ายหรือหายไปไหน

 

"คุณถัง...ผมฝากหัวใจด้วยนะครับ ช่วยเอามันไปทิ้งไกลๆที" น้ำตาของผมกำลังจะไหลและผมไม่ต้องการให้ใครเห็นจึงได้รีบเอามือขึ้นมาปาดมันออกจากดวงตา ผมวางกล่องขนมลงบนฝาถังขยะที่ถูกปิดเอาไว้แล้วเดินกลับมาขึ้นรถโดยไม่พูดอะไร

 

มันจะยังมีประโยชน์เหรอที่จะตามตื๊อคนที่เขาไม่มีทางชอบเรา

 

เขาไม่มีทางหันมามองเราต่อให้เราจะพยายามแค่ไหนก็ตาม ผมผิดเองที่รู้ตัวช้า ผมผิดเองที่ปล่อยเวลาให้มันผ่านไปเฉยๆ ผมคงเคยขออะไรที่มันเป็นไปไม่ได้จากพี่ แต่ก่อนที่ผมจะไปจากที่นี้

 

ผมขอได้ไหม...อย่าเกลียดผมเลยนะครับ

 

หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ผมตัดสินใจจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ผมเปลี่ยนเบอร์และลบทุกบัญชีโซเชียลของตัวเอง ผมยังพอมีเวลาเล็กน้อยก่อนที่จะออกเดินทางและผมเลือกที่จะใช้มันหมดไปกับการเรียนรู้งานของที่บ้าน

 

 

“ไอ้อ้วน...นี่พัตเตอร์ภรรยาพี่” ผมยิ้มให้พี่ชายสุดที่รักที่กำลังยืนแนะนำผู้ชายตัวเล็กๆอีกคนหนึ่งที่มีรอยลักยิ้มอยู่ข้างแก้ม ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเคยเจอคนรักของพี่คิมคนนี้มาก่อนหรือเปล่า แต่มันคงจะไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้ง

 

“บัส...รถบัส”

 

"คะ..ครับ"

 

“พี่คิมบอกว่าบัสชอบกินขนมมาก บราวนี่ที่ใช้ในงานวันนี้มันเป็นร้านของพี่ชายพี่เอง บัสอย่าลืมไปลองชิมนะอร่อย~มาก” พี่พัตเตอร์พยายามหาเรื่องมาชวนผมคุยเพราะโดนพี่คิมทิ้งเอาไว้คนเดียว ส่วนเจ้าตัวขอเดินสายไปทักทายแขกกับคุณพ่อตา

 

"ครับ...บราวนี่..ของโปรดบัสเลย" ผมฝืนฉีกยิ้มกว้างๆให้คนตรงหน้าต่อให้ในใจจะรู้สึกเจ็บปวดแค่ไหนก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องแสดงมันออกมาให้คนอื่นรับรู้เลย โดยเฉพาะกับคนที่เป็นยิ่งกว่าหัวใจของพี่ชายสุดที่รักยิ่งต้องช่วยดูแลความรู้สึก

 

ภาพบรรยายกาศในงานอบอวลไปด้วยความรักของผู้คนมากมายยกเว้นก็แค่จากผมที่ได้ทิ้งหัวใจไปแล้ว ผมใช้สายตาจ้องมองน้ำในแก้วที่ถูกจัดเรียงเป็นชั้นๆบนโต๊ะจนสูงท่วมหัว มันช่างเป็นการใช้เวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ได้ถึง20นาที

 

“ยืนจ้องขนาดนั้นกินเข้าแก้วไปเลยดีไหมครับ” แล้วสิ่งที่ผมยังตั้งรับไม่ทันก็เกิดขึ้น มีเสียงทุ้มของคนที่ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอก็ดังขึ้นข้างๆ ผมไม่กล้าหันไปมองหน้าเขาหรอก

 

ผมกลัว...

ผมเพิ่งจะรู้เมื่อไม่กี่นาทีก่อนที่จะเดินเข้ามาในงานแต่งของพี่คิมนี่เองว่า พี่เซนกับพี่พัตเตอร์เป็นญาติกัน ไอ้จะให้หนีกลับบ้านตอนนั้นเลยมันก็ดันคิดเหตุผลดีๆไม่ออก ผมเลยต้องเดินเข้างานมาด้วยท่าทีหวาดหวั่น จน...

 

"......"

เจอเข้ากับพี่เซนจนได้

 

“หายไปไหนมาครับ พี่ๆที่ร้านคิดถึงเรานะ”

 

หายไปทำใจมาครับ...พี่เซน

 

"....." ผมยืนกำมือแน่นไม่รู้ว่าต้องตอบยังไงถึงจะตรงใจคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

 

“รถบัส!” ผมตกใจที่โดนจับไหล่ให้หันไปมองจนเผลอปล่อยแก้วน้ำในมือลงพื้น อีกฝ่ายเองก็ดูจะตกใจไม่แพ้กัน

 

ผมว่าผมไม่ควรยืนอยู่ตรงนี้

 

"ขอตัวครับ"ผมน่าจะเดินออกจากงานนี้ไปได้ไกลแล้วถ้าไม่ติดว่ามีมือหนาดึงรั้งเอาไว้

 

“โกรธอะไรพี่รึเปล่า”

 

"ป่าวครับ ปล่อยผมเถอะครับคนมอง"ผมใช้มือเล็กๆแกะนิ้วยาวๆของพี่เซนออกจากข้อมือตัวเองแล้วรีบเดินหนีไปให้ไว ตอนนี้ผมหยุดยืนถอนหายใจเฮือกใหญ่อยู่ข้างๆสวนดอกไม้ที่ไม่รู้จักว่าคือดอกอะไร ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหยิบยาเม็ดสีขาวแล้วหย่นลงไปในแก้วน้ำเปล่าที่เพิ่งจะรับมาจากบริกรในงาน

 

ผมจำเป็นต้องเพิ่งยานอนหลับ มันเป็นแบบที่ละลายน้ำได้เพราะผมเกลียดยาเม็ด กว่ายาจะละลายก็คงต้องใช้เวลาหลายนาทีผมเลยทิ้งตัวลงนั่งข้างๆพุ่มดอกไม้สีขาว

 

"วันนี้ดาวสวยจัง"ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วยิ้มให้กับตัวเอง อีกไม่กี่วันผมก็จะไม่อยู่ที่นี่แล้วมันจะยังมีใครคิดถึงผมบ้างรึเปล่านะ

 

พี่บัสจะไปทำไมอ่ะยังจีบพี่สุดหล่อไม่ติดเลย

 

รถเมย์งอแงบ่นผมยกใหญ่เมื่อรู้ว่าผมขอมะม๊าไปเรียนต่อเมืองนอก

 

จีบยังไงก็ไม่ติดหรอกพี่ยอมไปไหนมาไหนกับบอดิ้การ์ดที่มะม๊าหามาให้เหมือนเดิมก็ได้

 

ผมตอบน้องสาวไปแค่นั้นโดยไม่ได้อธิบายความจริงที่ไปแอบได้ยินมา มะม๊าของผมเคยยื่นข้อเสนอว่าถ้าผมจีบพี่เซนติดม๊าจะยอมปล่อยให้ผมไปไหนมาไหนได้โดยที่ไม่ต้องมีคนตามดูแล ทุกๆคนในบ้านรู้ว่าผมจีบพี่เซน ไม่มีใครห้ามเลยสักคน แต่เรื่องที่อยู่ๆผมก็เลิกตามจีบพี่เซนกลับไม่มีใครกล้าถามว่าเพราะอะไร

 

“แต่คนตรงนี้สวยกว่านะพี่ว่า”

 

"พี่เซน!"ผมตกใจจนเกือบจะปาแก้วที่ถือเอาไว้ลงพื้น

 

“พอดีเลยกำลังหิวน้ำ...อ่า~ค่อยยังชั่ว” พี่เซนแย่งน้ำในมือของผมไปดื่มจนหมดแก้ว และส่งมันคืนกลับมาให้ผมที่ยังนั่งทำหน้าเหวออยู่

 

“วิ่งหนีพี่ทำไมครับ” ผมเอาแต่นั่งเงียบไม่ยอมตอบอะไรและทำท่าว่าจะลุกหนีพี่เซนอีกรอบ

 

“คุยกะ..” แต่พอพี่เซนทำท่าเหมือนจะล้มลง ผมก็แทบจะอยากเอาแก้วในมือทุบหัวตัวเอง มันคงเป็นเพราะฤทธิ์ของยานอนหลับที่กินเข้าไปละมั้ง

 

เฮ้อ..ความผิดของผมเองสินะ

 

"ไหวไหมครับ"ผมจำใจต้องเดินเข้ามาประคองพี่เซนเอาไว้ แม้ส่วนสูงของเราจะต่างกันแต่ผมก็ไม่สนใจมันหรอก

 

“อยู่ดีๆพี่ก็ง่วงนอน”

 

ไม่ง่วงสิแปลกแดกหมดแก้วขนาดนั้น ผมคิด

 

"รถพี่จอดตรงไหนเดี๋ยวผมไปส่ง"ผมพยายามพยุงคนตัวโตกว่าอย่างทุลักทุเล พาเดินเซไปทางซ้ายที เซไปทางขวาทีกว่าจะถึงรถก็เล่นเอาเหงื่อไหลท่วมตัว

 

“พี่เซนครับ พี่เซน” ผมตบหน้าเรียกสติคนข้างๆเบา ไม่มีวี่แววว่าเขาจะรู้สึกตัว ดูจากสภาพแล้วพี่เซนคงขับกลับเองไม่ได้แน่ๆ

 

“งานเข้าอีกแล้ว ไอ้บัสเอ้ย!” ผมเลยจำใจล้วงกระเป๋าหากุญแจรถและยกมือถือขึ้นมากดเบอร์2แล้วโทรออก

 

"พี่เกรทครับ วันนี้ผมนอนบ้านพี่คิมไม่ต้องมารับนะ"ปลายสายตอบรับสั้นๆเป็นอันเข้าใจตรงกันว่าวันนี้ผมจะไม่กลับบ้าน

 

"พี่เซนครับ..ไหวไหม"อีกฝ่ายแค่ปรือตาขึ้นมองแต่ไม่ตอบอะไรผมจึงขับรถออกจากงานมาเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย แต่พอคนข้างๆหลับไปได้พักหนึ่งก็บ่นว่าอยากจะอ้วกซึ่งแถวนี้มันมีปั้มให้แวะที่ไหนกันละ

 

ถ้าจะมีก็คงจะเป็น...

 

ผมตัดสินใจหักเลี้ยวรถเข้าสู่เส้นทางที่มีแสงไฟสีสวยเรียงราย พนักงานที่รับรถมองหน้าผมแปลกๆก่อนจะยื่นขวดน้ำและผ้าเย็นให้ผมที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย ผมจ่ายเงินและยื่นมือไปรับมาอย่างงงๆ

 

“บริการดีน่ากลับมาใช้อีกเนอะ” ผมว่าก่อนจะเลี้ยวรถเข้าจอดในซองหน้าห้องพัก

 

"พี่เซนครับ...พี่เซนลุกไหวไหมลงมาเข้าห้องน้ำก่อนนะ จะได้ล้างหน้าล้างตาด้วย"ผมเขย่าปลุกเบาๆจนคนที่นั่งหลับมาตลอดทางได้สติ เขาพยายามค่ำยันตัวเองลุกขึ้นและก้าวลงจากรถอย่างลุลักลุเล

 

“ที่นี่ที่ไหน”

 

"......."ผมไม่ตอบอะไรนอกจากยื่นผ้าและขวดน้ำที่เพิ่งรับมาให้คนที่นั่งอยู่บนเตียงสีชมพูหวานแหวว บรรยากาศในห้องที่มีแสงไฟสลัวๆคงยิ่งชวนให้อีกฝ่ายรู้สึกสงสัย

 

“รถบัส!” พี่เซนเรียกชื่อผมเสียงดังลั่นก่อนจะบีบไหล่ของผมจนรู้สึกเจ็บ ทีแบบนี้ละเรียกชื่อผมบ่อยเชียว ผมจึงถอนหายใจก่อนจะบอกพี่เซนว่ามันคือที่ไหน

 

"ม่านรูด"ผมตอบสั้นๆโดยไม่ได้ใส่ใจอะไรกับดวงตาที่เบิกโตของอีกฝ่าย

 

“ทำไมพาพี่มานี่”

 

"ก็พี่บอกเองว่าจะอ้วก แล้วแถวนี้มันก็ไม่มีปั้ม ที่พี่ง่วงเพราะในแก้วน้ำที่ผมถือมียานอนหลับ”

 

“ยานอนหลับ?” พี่เซนทำหน้างงจนผมต้องอธิบายต่อ

 

“ช่วงสอบผมเครียด หลับยากคุณหมอที่เป็นเพื่อนกับม๊าของผมเลยจ่ายยานอนให้ พี่พักจนอาการดีขึ้นค่อยขับรถกลับเถอะครับ"

 

“อืม” ต่างคนต่างเงียบจนได้ยินเสียงเพลงรักที่บรรเลงอย่างเมามันของห้องข้างๆผมโตพอที่จะเข้าใจความหมายว่าเกิดอะไรขึ้นจึงหยิบหูฟังที่พกติดตัวมาเสียบเข้ากับโทรศัพท์และยัดมันเข้าหูตัวเองกดเร่งเสียงเพลงดังๆเพื่อกลบเสียงรอบข้างโดยไม่ได้หันมาสนใจคนข้างๆที่เริ่มมีอาการแปลกๆ

 

"พี่..เห้ยถอดเสื้อทำไม" ในตอนที่ผมจะทิ้งตัวลงนอนก็บังเอิญหันไปเห็นแผงอกของคนแก่กว่า

 

“ร้อน!” พี่เซนวางสูทสีเข้มลงข้างเตียงและเริ่มปลดกระดุมเสื้อเซิ้ตออกเกือบหมดหน้าอกแกร่งขยับขึ้นลงตามจังหวะลมหายใจเข้าออกของเจ้าตัว ผมเพิ่งสังเกตว่ามีเหงื่อซึมออกมามากกว่าปกติทั้งที่แอร์ในห้องหนาวมาก เสื้อสีขาวที่แนบติดผิวเข้มๆช่วยเผยให้เห็นร่องกล้ามเนื้อที่เรียงตัวกันชัดเจนจนผมเผลอกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่แล้วรีบหันหน้าหนี

 

"เดี๋ยวผมไปลดแอร์ให้" ผมเดินมากดรีโมทที่วางอยู่บนโต๊ะแต่ด้วยความลนลานทำให้ผมหยิบผิด

 

(อ่ะ.อะ...อ่า..อะ...อ่า~~~) เสียงร้องที่ดังออกมาจากจอทีวีทำเอารีโมทในมือผมร่วงลงพื้นแตกกระจาย ภาพที่กำลังฉายบนจอและเสียงร้องครวญครางที่ดังขึ้นกว่าเดิมทำให้ผมรีบยกมือขึ้นมาอุดหูทั้งที่ยังสวมหูฟังไว้

 

“แค่ถอดปลั๊กก็จบ เชิญนั่งครับคุณหนู” พี่เซนเดินเปลือยท่อนบนเข้ามาสะกิดบอกผมพลางหยิบรีโมทแอร์ขึ้นมากด

 

"ผมขอโทษ" ผมพูดออกมาเสียงเบาและยังไม่กล้ามองหน้าอีกคนในห้อง

 

“ช่างเถอะ นอนสักงีบแล้วกัน” น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความไม่ใส่ใจยิ่งทำให้ผมรู้สึกเสียใจ ผมยกมือขึ้นมากดนวดเบาๆที่กลางหน้าอก คอแห้งจังผมคิดและมองหาขวดน้ำที่ตัวเองถือติดมือลงมาด้วยแต่มันหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้เห็นแต่ขวดที่พี่เซนกินเหลือ

 

คงไม่เป็นไรหรอกมั้งผมเดินไปหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่ม รสชาติมันแปลกๆแต่ก็ดีว่านอนคอแห้งผมคิดและทิ้งตัวลงนอน

 

ร้อน...

 

ผมลุกขึ้นมานอนก่อนจะตัดสินใจถอดเสื้อสูทที่สวมอยู่ออก พอไม่ได้กินยานอนหลับผมก็ทำได้แค่นอนพลิกตัวไปมา ส่วนพี่เซนที่บอกว่าจะนอนพักก็เหมือนแค่ข่มตาเอาไว้เฉยๆ ไม่ได้หลับอย่างที่บอกเพราะผมเห็นมีเส้นเลือดบูดๆขึ้นมาที่ข้างขมับ

 

มือทั้ง2ข้างที่กำแน่นทั้งที่นอนกอดอกทำให้ผมที่นอนลืมตามองใบหน้าหล่อเหลาอย่างพิจารณาเผลอยิ้มออกมา หน้าปกติว่าหล่อแล้วหน้าตอนหลับตาขมวดคิ้วกลับดูหล่อยิ่งกว่า

 

หล่อแบบแบดๆ

 

“มองอะไร...นอน” ผมตกใจเสียงดุๆที่ส่งมาทั้งๆที่เจ้าตัวยังหลับตาสนิท พี่เซนรู้ได้ยังไงละเนี้ย

 

ยิ่งดึกความรู้สึกแปลกๆยิ่งทวีคูณขึ้น เสียงร้องอย่างคนกำลังทรมานดังขึ้นที่ข้างๆหูจนทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมองพี่เซนที่นั่งตัวงอและกัดฟันเสียงดัง

 

"พี่เป็นอะไร"ผมลุกขึ้นมาถามผู้ชายที่นั่งหันหลังให้อย่างสงสัย พี่เซนไม่ยอมหันกลับมาสบตาทำให้ผมยิ่งอยากรู้จนต้องลงจากเตียงเดินอ้อมมายืนตรงหน้าคนที่อายุมากกว่า

 

"พี่ทำบ้าอะไรเนี้ย" ภาพที่ผมเห็นทำให้ผมร้องออกมาอย่างตกใจ ผมเห็นมือทั้งสองข้างของพี่เซนถูกมัดเอาไว้ด้วยเข็มขัดเส้นเล็กๆ

 

“ในน้ำ...มันน่าจะมียาผสมอยู่” ผมเอียงคอสงสัยแล้วมองไปที่ขวดน้ำเปล่าบนโต๊ะข้างหัวเตียง

 

"น้ำฟรี...โรงแรมให้มาตอนจ่ายตัง"ผมพูดแล้วยกมือขึ้นเกาหัวแก๊กๆ ตอนนี้ผมอยู่ในโรงแรมที่มันเป็นม่านรูด สิ่งที่ต้องมีในนี้ก็คือถุงยางและก็...ยาปลุกเซ็กส์

 

ซวยแล้ว!!

 

ผมยืนเหวอมองหน้าคนที่เริ่มนั่งตัวสั่นบนเตียง พี่เซนแดกไปเกือบหมดขวดจะลงแดงตายป่ะว่ะ....

 

ความผิดกูอีกละไอ้รถบัสเอ้ย!!

 

“พี่จะไม่ไหวล่ะบัสแกะเข็มขัดออก”

 

"พ...พี่จะทำอะไรครับ"ตัวผมสั่นด้วยความกลัว

 

“จะไปช่วยตัวเองในห้องน้ำ” แต่คำตอบของพี่เซนกลับทำให้ผมร้องอ้าวออกมา...

 

ผมก็ยืนอยู่ตรงนี้ทำไมพี่ไม่ให้ผมช่วยละ ผมได้แต่คิดน้อยใจและยืนทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้

 

“เร็วๆ”

 

"ไม่!"ยิ่งถูกพี่เซนเร่งผมยิ่งรู้สึกไม่พอใจ

 

“รถบัส!!” แววตาของพี่เซนดูโมโหผมมากแต่คงทำอะไรไม่ได้ ผมยืนสูดลมหายใจเข้าก่อนคิดและทำในสิ่งที่รู้ว่ามันไม่ดี

 

"ผมจะช่วยพี่เอง"

 

เซ็กส์จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรามีอารมณ์ทางเพศ แต่ในบางครั้งการโดนกระตุ้นทั้งจากภายนอกและภายในก็ทำให้เซ็กส์เกิดขึ้นได้เหมือนกัน ผมไม่ใช่เด็กๆแล้ว ผมรู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะจัดการกับความต้องการที่กำลังก่อตัวขึ้นของคนตรงหน้าได้

 

ผมฉวยโอกาสตอนที่พี่เซนเผลอออกแรงผลักคนที่ตัวโตกว่าให้ล้มตัวนอนลง และดึงส่วนที่เหลือของสายเข็มขัดมัดเข้ากับหัวเตียง

 

“รถบัสจะทำอะไร!!”

 

"ผมก็แค่จะช่วย ที่พี่เป็นแบบนี้ก็เพราะผม"

 

“อย่าทำแบบนี้...” พี่เซนมองผมด้วยสายตาตัดพ้อ มือเล็กๆของผมที่พยายามถอดกางเกงของเขาออกมันสั่นไม่หยุด

 

ผมทำได้...

 

ผมทำได้จริงๆ..

 

ผมได้แต่บอกตัวเองแบบนั้น

 

"ผมรู้...ว่าพี่ไม่ได้ชอบผม"เมื่อผมเริ่มพูดน้ำตาของผมมันก็เริ่มไหลออกมา

 

"ถ้าในชีวิตนี้..ผมจะไม่มีทาง..ทำให้พี่รักได้” เพราะความรู้สึกที่มีอยู่ข้างในมันอัดกันจนแน่นเกินไปผมจึงต้องหาจังหวะหยุดพักหายใจ

 

“งั้นผมขอร้อง..พี่ช่วยเกลียดผม...ไปจนวันตายได้ไหม ฮึก...ผมสัญญาฮึก” ยิ่งพูดผมยิ่งดูแย่เสียงที่สั่นพอๆกับมือทำให้ผมต้องเลือกว่าควรจะหยุด หรือเดินหน้าต่อ และเมื่อผมเลือกได้แล้วผมก็

 

“หลังจากวันนี้ไป...ผมจะไม่มาให้พี่เห็นหน้าอีกเลย" ผมพูดจบแล้วกดสะโพกลงทับแท่นร้อนเพื่อให้มันแทรกตัวเข้ามารวดเดียวโดยไม่มีการเปิดทางใดๆ ความใหญ่ของมันทำให้ผมทั้งเจ็บและจุกจนขยับไม่ได้ ผมนั่งพักอยู่บนตัวของพี่เซนโดยที่ไม่ได้ทำอะไรหลายนาที จนเหลือบไปเห็นสายตาที่กำลังมองมาของคนที่ทำให้ผมรู้จักความรัก

 

“พี่อย่า...มองผมแบบนั้น” ผมว่าและเอามือขึ้นมาบังหน้าคนที่ตัวเองนั่งทับอยู่พักใหญ่ ผมไม่รู้ว่าที่ร่างกายกำลังรู้สึกเจ็บอยู่ตอนนี้ มันเพราะสิ่งแปลกปลอมที่กำลังขยายตัวอยู่ที่ช่องแคบเล็กๆของผม หรือผมเจ็บเพราะสายตาของคนที่ผมตกหลุมรักมันบอกว่า...ออกไป กันแน่

 

แต่ถึงมันจะเจ็บแต่ผมก็หยุดมันไม่ได้แล้ว ผมสูดลมหายใจเข้าและพยายามจะยกสะโพกขึ้นช้าๆ ก่อนที่จะกดมันลงอีกครั้งแล้วมีเสียงซี๊ดเบาๆดังออกมาจากปากคนที่ถูกผมบังคับให้นอนอยู่เฉยๆ มันทำให้ผมมั่นใจว่ากำลังมาถูกทาง แม้มันจะต้องเจ็บมากกว่านี้ผมก็จะช่วยพี่เอง

 

จังหวะที่ไม่ประสีประสาของผมคงทำให้คนต้องการปลดปล่อยเสียอารมณ์ไม่น้อย

 

“ปล่อยพี่” เมื่อถูกสั่งให้หยุดด้วยท่าทีจริงจังผมก็หยุดและนั่งนิ่งๆอยู่บนหน้าท้องที่เป็นลอนสวยของพี่เซน มือที่กำลังสั่นพยายามจะยื่นออกไปแก้มัดให้ แต่พอผมขยับความรู้สึกเจ็บมันก็แล่นเข้ามา

 

“แม่งเห้ย!” ข้อมือที่ถูกพันธนาการเอาไว้หลุดออกจากกันเพราะแรงกระชากเมื่อครู่ พี่เซนรีบผลักผมออก มันคงจะจบแล้วสินะผมคงมาไกลได้แค่นี้ แต่ทันทีที่มือคู่นั่นหลุดจากพันธนาการผมที่ตั้งใจจะลุกขึ้นจากเตียงก็โดนดึงให้กลับมานั่งทับบนตัวของอีกคนเหมือนเดิม

 

“พ...พี่เซน!” ผมที่ยังมีอาการตกใจรีบเรียกชื่อของอีกคนที่กำลังกอดเอวของผมเอาไว้

 

“จะไปไหน” พี่เซนถามก่อนเหวี่ยงผมให้นอนราบลงบนเตียง

 

“รับผิดชอบการกระทำของตัวเองด้วยสิ”

 

" พ..พี่..ซ..เซน..อ่าส์.." ผมร้องครางเสียงหวานรับกับทุกสัมผัสและการขยับตัวเข้าออกของพี่เซนก็ทำให้ผมเสียสติ ผมเผลอแอ่นหน้าอกเนียนๆให้โค้งเข้าหาริมฝีปากร้อนๆที่ก้มลงบดกินและกลืนราวกับคนหิวกระหายอย่างอัตโนมัติ

 

เสียงของเนื้อที่กระทบกันดังขึ้นเป็นระยะๆจนหูของผมมันอื้อไปหมด

 

“อย่า...เกร็ง” พี่เซนกัดลงบนไหล่ทั้งสองข้างของผม ผ้าปูเตียงสีชมพูสดใสที่เริ่มมีรอยยับยู่ยี นอกจากขยับส่วนกลางลำตัวเข้าออกในตัวผม พี่เซนก็ยังไม่หยุดขยับมือตัวเองที่กำลังสาวขึ้นลงแก่นกายของผมด้วย

 

"เจ็บ..ฮึก..ฮือออ..อืม~"ผมต้องเริ่มกลั้นเสียงร้องไห้และเสียงครางเอาไว้เพราะพี่เซนเอามือปิดปากเอาไว้

 

พี่คงจะเกลียดผมมากเลยใช่ไหมครับ?

 

พี่คงจะไม่อยากได้ยินเสียงของผมแล้วใช่ไหม?

 

ยิ่งคิดผมยิ่งเสียใจผมยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาและจิกลงบนผ้าปูเตียงเพื่อระบายความเสียว

 

เซ็กส์...ที่ปราศจากความรักมันไม่มีความอ่อนโยนใดๆ ไม่มีการกอด ไม่มีการจูบ มีเพียงการยัดเยียดความใคล่เพื่อระบายอารมณ์และความต้องการปลอดปล่อยของร่างกายเท่านั้น มะม๊าเคยสอนผมว่าถ้าเมื่อไรที่ผมทำผิดผมจะโดนทำโทษ แล้วบทลงโทษที่ผมหลงรักคนตรงหน้ามันจะจบลงยังไงเหรอ แค่เสียงหายใจหอบแห้งรึเสียงครางกระเส่าเบาๆก็ไม่ได้ทำให้ผมได้คำตอบที่ต้องการเลย

 

"ผมรักพี่นะครับ"ผมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจว่าพี่เซนต้องได้ยิน เพราะเขาหยุดทำโทษผมไปแวบหนึ่ง ก่อนจะยกมือหนาๆขึ้นวางลงบนดวงตาทั้งสองข้างของผม ราวกับผมไม่มีแม้สิทธิ์ที่จะใช้มันมองหน้าของเขา

 

“ผมขอโทษ..ฮืออ..ขอโทษครับ” ผมได้พูดคำว่าขอโทษซ้ำไปซ้ำมาจนถึงเวลาที่ยามันหมดฤทธิ์

 

 

"บัส...ไปก่อนนะครับ"เมื่อร่างกายถูกชำระล้างด้วยน้ำสะอาด ผมก็พร้อมที่จะจากไป 

ผมค่อยๆดึงมือที่สัมผัสใบหน้าหล่อเหลาของคนตัวโตออก เขาหลับไปแล้วหลังจากการที่มอบบทลงโทษที่หนักหน่วงให้กับผม

 

ผมยืนแทบไม่ไหวได้แต่อาศัยผนังห้องช่วยพยุงให้ก้าวเดินช้าๆออกจากประตูมาเจอคนที่ผมต้องการ เขายอมยืนรอผมเงียบๆอยู่ข้างนอก และไม่ถามว่าเกิดอะไรจนเห็นว่าผมน่าจะเดิรต่อไม่ไหวพี่เกรทจึงเข้ามาช่วยพยุง

 

“ให้พี่อุ้มไหมครับ?” ความสุภาพและแสนจะอ่อนโยนที่เคยมอบให้ผม มันทำให้ผมอยากจะร้องไห้ ผมตอบปฏิเสธและขอให้อีกฝ่ายช่วยจับเอาไว้แทน พี่เกรทคงเคยชินเพราะทั้งอุ้มทั้งแบกผมขึ้นหลังมาตั้งแต่เด็กๆ

 

"พี่อย่าบอกมะม๊าเรื่องนี้นะครับ ผมขอร้อง"ผมแทบจะล้มตัวใส่คนที่ยืนรอ พี่เกรทช่วยประคองผมขึ้นรถ สภาพของผมไม่ต่างอะไรกับคนโดนข่มขืนเลยสักนิด ผิวขาวๆที่เคยเนียนใสอมชมพูน่าสัมผัสตอนนี้กลับเต็มไปด้วยรอยข่วน รอยช้ำ มีทั้งรอยแดงและรอยเขียวปรากฏสลับกันอยู่จนมองไม่เห็นความเนียนสวยที่เคยมี และมันคงจะทำให้คนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยนึกเป็นห่วงไม่น้อย

 

“ไปทะเลกันไหมครับ” พี่เกรทเอ่ยถามผมที่พยายามข่มตานอน

 

“ครับ ไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี้” ผมนั่งใจลอยตลอดทาง พี่เกรทคอยจัดการทุกๆอย่างให้ก่อนจะปล่อยให้ผมใช้เวลาอยู่กับตัวเอง

 

“ลาก่อนนะครับ...ความรักครั้งแรกของผม” น้ำตามันไหลออกมาไม่หยุดเมื่อผมคิดถึงเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวาน 

ผมคิดว่าผมทำดีที่สุดแล้ว แต่ดีที่สุดของผมคงไม่ใช่อะไรที่ดีมากพอสำหรับพี่เซน 

มันคงถึงเวลาที่ผมต้องยอมรับความจริงได้แล้ว

 

รักครั้งแรกไม่สมหวังมีตั้งเยอะ

 

คำพูดที่ผมเคยได้ยินจากปากของพี่คิมดูไร้น้ำหนักสุดๆเพราะทั้งพี่คิมและพี่ต้นกล้าน้องชายของพี่คิมต่างเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่สมหวังกับความรักครั้งแรก งั้นหนึ่งในคนที่ไม่สมหวังก็ให้มันเป็นผมก็แล้วกัน

 

ให้ความผิดหวังและความเสียใจทั้งหมดมันมากองรวมกันอยู่ที่ผมคนนี้

 

เดี๋ยวผม...จะรับมันเอาไว้เอง

 

*****

 

***

 

*

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.