5 กำเนิดนักสู้-เหตุการณ์ในลานประลอง

-A A +A

5 กำเนิดนักสู้-เหตุการณ์ในลานประลอง

หมวดหนังสือ: 

 “ก้านหลิวลู่ไหว รีบไปรายงานตัวที่กระโจมฝั่งใต้!” เจ้าหน้าที่ร่างใหญ่ในชุดสีน้ำตาลไหม้เอ่ยเรียกหลิวลู่ทันทีที่มังกรหนุ่มเดินออกจากกระโจมของบุรุษแซ่ลำ “ด่วน!”

“ข้าต้องไปทางไหน—!” มังกรหนุ่มยังเอ่ยถามไม่ทันจบ คำพูดก็ถูกกลืนลงไปในคอเมื่อแขนถูกกระชากรั้งเข้าไปในช่องประตูและออกเดินไปตามทางที่มุ่งสู่ฝั่งใต้

 

ภายในลานประลองเงียบแต่ก็ไม่ถึงกับไร้สุ้มเสียง การหารือมีอยู่ประปราย หลิวลู่มองเหล่าพ่อค้าและขุนนางในชุดสะอาดเอี่ยมยืนโต้เถียงกันในเรื่องราคาต่อรอง หลิวลู่เดาว่ามันน่าจะเป็นราคาของแต้มต่อที่จะวางในรอบถัดไป

เมื่อถึงกระโจมฝั่งใต้ หลิวลู่ก็ถูกสั่งให้รออีกครู่เดียวก่อนจะถูกพามาไว้ในห้องเล็กทึบที่มีแสงแดดส่องลอดลงมาจากเหนือหัว ทิศทางของแดดบอกกับหลิวลู่ว่าอีกไม่นานก็จะเที่ยงวันแล้ว

หลิวลู่เริ่มจะคุมสติตัวเองไม่อยู่เมื่อเขาต้องยืนโดดเดี่ยวในห้องเล็ก ลำพังห้องเล็กไม่ใช่ปัญหา แต่ห้องเล็กนี้อยู่ใต้ดิน เพราะหลิวลู่จำได้ว่าตนถูกผลักให้เดินลงมาตามบันไดหินถึงสามครั้ง อีกทั้งกลิ่นอับของดินและหินที่เจืออยู่ในกลิ่นควันไฟและน้ำมันนั่นก็ช่วยยืนยัน ไม่ว่าจะหลอกตนเองว่ากำลังยืนอยู่ใต้แสงแดดอย่างไรก็ไม่เป็นผล

 

“ทาสที่จะมาประลองในรอบนี้คือเจ้ารึ?” เสียงก้องดังมาจากด้านหลังของหลิวลู่ ชายหนุ่มจึงหันไปและพบชายในชุดที่มีเพียงกางเกงผ้าเนื้อเลวแต่มีสมุดรายชื่อและภู่กันในมือ บุรุษผู้นี้คงเป็นทาสที่อ่านออกเขียนได้และทำงานในลานประลอง “ข้าแซ่หว่าง นามว่าขาตั้งง้ำ เป็นเจ้าหน้าที่ของชั้นใต้ดินฝั่งใต้”

“ข้าแซ่ก้าน นามว่าหลิวลู่ไหว”

“ก้านหลิวลู่ไหว อืม! หน้าใหม่และไร้อันดับ” เจ้าหน้าที่หว่างรำพึง “ถือว่าเป็นโชคร้ายของเจ้าที่การประลองรอบเช้าจบไว เจ้าที่เป็นนักสู้ไร้อันดับจึงถูกบังคับให้เข้าประลองชดเวลา อาวุธของเจ้าล่ะ?”

“ไม่มี ข้ายะ—ยังไม่ได้ซื้อ”

“ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็เลือกหาเอาจากในห้องนี้ซะ—” เจ้าหน้าที่หว่างผายมือออก รอบผนังของห้องทึบมีอาวุธหลากหลายชนิด บ้างก็แขวน บ้างก็วางบนโต๊ะ บ้างก็วางสุม แต่ทุกอันล้วนเก่า เขรอะและใหญ่โต “—ถูกใจอันไหนก็หยิบไป”

“ข้าอยากได้กระบี่เล็ก ยาวสักยี่สิบชุ่นก็พอ”

“เจ้าทาส ดูสภาพตัวเองด้วย! นักสู้ไร้อันดับและไร้อาวุธต้องใช้อาวุธที่วางอยู่นี้เท่านั้น!” เจ้าหน้าที่หว่างคำรามลั่น เขาส่ายหน้าและจดปรายภู่กันลงในสมุดอีกครั้ง

“แตว่า—เจ้าหน้าที่ลำที่คุมกระโจมด้านนอกบอกว่าข้าสามารถขอจากที่นี่ได้”

“เช่นนั้นรึ!?” เจ้าหน้าที่หว่างยกคิ้วขึ้นมอง น้ำเสียงของเจ้าหน้าที่หนุ่มผิวกายเข้มเจือความไม่พอใจชัด เขาเดินกลับออกไปอึดใจก่อนจะกลับเข้ามาพร้อมกระบี่เล็กฝักดาบสีดำที่ดูเหมาะมือ เขาโยนมันมาให้หลิวลู่อย่างไม่หวงแหน “กระบี่เหล็กธรรมดา ยาวยี่สิบชุ่น น้ำหนักเบา พอใจเจ้าหรือยัง?”

“ขอบคุณ ข้าจะเอามาคืนให้โดยเร็วที่สุด”

“นั่นมันหมายถึงหากคู่ต่อสู้ของเจ้าอ่อนแอเสียจนทนพิษบาดแผลที่เกิดจากกระบี่ราคาถูกเล่มนี้ไม่ไหวน่ะนะ” เจ้าหน้าที่หว่างค้านและเดินตรงไปทางประตูไม้ “เอาไว้มาดูกันทีหลังว่าข้าจะได้มันคืนมาในสภาพไหน”

“ข้าเข้าใจแล้ว เอ่อ! จะ—เจ้าหน้าที่หว่าง” หลิวลู่สะอึกเรียกในตอนที่เจ้าหน้าที่หว่างหยุดลงที่ประตูไม้ที่เปิดสู่ลานประลอง “ข้าได้ยินมาว่านักสู้ฝีมือดีจะได้ทำงานที่นี่ ท่านคงเป็นนักสู้เหล่านั้น ท่านต้องมีฝีมือดีมากเป็นแน่”

“เจ้าเยินยอข้าเกินไป ข้าอยู่ลำดับที่สิบสองเท่านั้น ฝีมือข้ายังไม่ถึงขั้น” เจ้าหน้าที่หว่างตอบและกวักมือเรียกหลิวลู่ให้มายืนหน้าประตูไม้ เมื่อก้าวเท้าไปถึง เจ้าหน้าที่หว่างก็ใช้มือจับหัวไหล่ของหลิวลู่พลางกระซิบกระซาบ “แต่ข้ารู้มาว่ามันมีวิธีที่จะกระโจนสู่อันดับสูงได้อย่างง่ายดายอยู่ หากเจ้าหวาดหวั่นเกินกว่าจะลงสนามประลองแล้วและก็ เจ้าก็แค่—!”

“ข้าต้องทำอะไร?”

“เจ้าก็— “เจ้าหน้าที่หว่างเอ่ยเพียงเท่านั้น เขามองนักสู้ไร้อันดับอ่อนโลกก่อนจะเหยียดยิ้มออกมา เขาตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องและตวาดสั่งเสียงเฉียบ “—ชิ! เจ้าเด็กอ่อนหัด เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ยืนรอตรงนี้ แตรเขาควายจะดังสองครั้ง ครั้งที่สองคือสัญญาณของการประลอง ล้มคู่ต่อสู้ของเจ้าซะ หรือไม่ก็วิ่งวนเป็นหมาจนตรอกไปรอบจนหมดเวลา!”

 

หว่างขาตั้งง้ำไม่เคยปล่อยปละละเลยที่จะกำชับนักสู้ที่ผ่านเข้ามาในกระโจมฝั่งใต้ของเขา ต่อให้เป็นนักสู้เจนสนามเขาก็จะพูดเช่นนี้ทุกครั้งไป เขาคิดว่ามันคือสิ่งที่เขาทำได้ในฐานะของนักสู้เดนตายที่รอดมายืนตรงตำแหน่งนี้ได้

ไม่เว้นแม้แต่กับนักสู้ไร้อันดับ เขาก็จะพูดเพียงเท่านี้ หลายครั้งที่เขามองร่างที่เดินออกไปและกลายเป็นศพนอนตายคาลานประลอง ต่อให้พูดเยอะก็ไม่ช่วยให้พวกไร้อันดับเก่งขึ้นมาได้ แล้วรอบนี้เล่า เจ้าหนุ่มที่ไม่มีแม้กระบี่จะสู้กับเจ้าหมียักษ์ได้เยี่ยงไร

หว่างขาตั้งง้ำผละออกจากประตูและไปยืนเขียนรายละเอียดของนักสู้ไร้อันดับคนล่าสุดลงสมุด เสียงแตรเขาควายครั้งที่หนึ่งดังขึ้นพร้อมเสียงประตูลั่นเอียดอาด หลังจากนั้นมันก็ตกลงมาตามปกติ อึดใจเสียงแตรครั้งที่สองก็ดังขึ้น

สุดท้ายก็มีเสียงตะโกนและเสียงประกาศก้อง

“ผู้ชนะได้แก่—!”

หว่างขาตั้งง้ำพ่นลมหายใจออกมาพลางคิดว่ามันไวสมกับเป็นหมียักษ์คร่าเหยื่อเสียจริง ความคิดของเขาจบลงพร้อมกับเสียงเชือกฟั่นดึงประตูเปิดออก

ชายหนุ่มกำสมุดในมือแน่นในขณะที่หมุนตัวกลับไป

“จะ—เจ้า! เจ้าชนะ!?” หว่างขาตั้งง้ำสะอึกออกมาเสียงดังลั่น

 

บุรุษแซ่กง ชายในชุดสีเทาที่มีผ้าคาดเอวสีส้มและห้อยตราประจำบ้านคุ้มภัยนั่งนิ่งขึงไปราวกับถูกแช่แข็ง ปลายนิ้วของเขายังคงแตะค้างอยู่ที่หางคิ้วขวาในขณะที่จ้องนักสู้ไร้อันดับเก็บกระบี่ราคาถูกเข้าฝัก ร่างนั้นเจิดจ้าอยู่ในแสงแดดร้อนจ้าแต่ก็ดูมืดมัวราวภูติผียามเดินเข้าสู่เงาที่พาดทับลงไป

“ล้มเป่าจ้องเป้าได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียวอย่างนั้นรึ!?” บุรุษแซ่กงเอ่ยถามกับตนเอง ยามนี้เขาขยับกายได้เป็นปกติแล้ว เขาส่งสายตาเย็นเยียบไปยังร่างใหญ่โตของหมียักษ์จ้องเป้าและเหยียดยิ้มออกมา “เจ้าหนุ่มนั่นมีฝีมือ น่าจะใช้งานได้! ไม่เสียแรงที่ข้าเข้ามาดู”

ร่างกำยำในชุดสีเทาลุกยืนและกวาดตามองหาคนรู้จัก เมื่อสายตาพบกับเจ้าหน้าที่ที่สนิทใจ เขาก็ก้าวทะยานไปหาอย่างยินดี

 

หลิวลู่ขยับหลบแดดร้อนแรงพลางรอให้ประตูไม้เปิดออก เมื่อมันกว้างพอเขาก็แทรกร่างเข้าไปและพบกับเจ้าหน้าที่หว่างที่หันกลับมามองด้วยดวงตากลมโต

“จะ—เจ้า! เจ้าชนะ!?” เจ้าหน้าที่หว่างสะอึกออกมาอย่างตื่นตะลึงและปรี่ไปยังประตูไม้เพียงเพื่อจะยืนยันกับตนเองว่าร่างที่เดินเข้ามานี้คือนักสู้ไร้อันดับที่เพิ่งก้าวออกไปจริง ส่วนร่างที่นอนอยู่กลางลานร้อนระอุและรอให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจคือนักสู้อันดับสามสิบที่ผ่านการประลองมาอย่างโชกโชน “เจ้าล้มเจ้าหมียักษ์นั่นได้โดยที่ภู่กันของข้ายังไม่ทันแห้งด้วยซ้ำ”

“ทะ—ท่านกล่าวเกินไปแล้ว เจ้าหน้าที่หว่าง” หลิวลู่ตอบและยื่นกระบี่คืน มังกรหนุ่มยืนนิ่งขึงเมื่อมองดวงตากลมโตของสหายใหม่ ดวงตานั้นเบิกกว้างและดูน่าขัน แต่นัยน์ตาสีน้ำตาลที่หาได้ยากบนแผ่นดินก็ดึงดูดให้หลิวลู่ไม่อาจถอนสายตาได้ มังกรหนุ่มผู้ซึ่งกำหราบสนามประลองด้วยความไวที่น่าตื่นตกใจ ยามนี้กำลังหวั่นไหว “ข้าคิดว่าข้าควรไปรับรางวัล หากท่านไม่มีธุระอะไรกับข้าแล้ว”

“รอข้าที่นี่ก่อน เดี๋ยวข้ามา!” เจ้าหน้าที่หว่างเอ่ยด้วยเสียงเบาก่อนจะทะยานออกไป

 

หลิวลู่รออยู่หลายอึดใจก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำลงมาตามบันไดหิน หลังจากนั้นร่างกำยำสีเข้มก็โผล่ออกมาที่ช่องประตู

“เจ้าสามารถไปรับเงินรางวัลได้เลย แม้เจ้าจะมีฝีมือแต่เจ้ายังไม่ได้อันดับหรอกนะ”

ข่าวที่หว่างขาตั้งง้ำนำกลับมาบอกทำให้หลิวลู่รู้สึกยินดี มังกรหนุ่มมีเงินรางวัลสำหรับชัยชนะแรกแล้ว แต่จู่ๆ หลิวลู่ก็รู้สึกห่อเหี่ยวขึ้นมาเมื่อนึกถึงคำพูดของบุรุษแซ่ลำที่บอกว่าเขาจะต้องได้อันดับติดตัวกลับไป

“ทำอย่างไรข้าถึงจะมีอันดับอย่างท่าน!?”

“เจ้าก็ต้องสู้อีก หากคู่ต่อสู้มีฝือเลว เจ้าก็คงต้องสู้อีกหลายครั้ง” หว่างขาตั้งง้ำตอบและลอบมองหลิวลู่ “เจ้าจะเอาอันดับไปเพื่อการณ์ได? ถึงจะไม่มีอันดับ แต่หากเจ้าชนะ เจ้าก็มีเงินพอจะใช้หาซื้อข้าวปลาแล้ว”

“ข้ามีสัญญากับคนคนหนึ่ง”

หลิวลู่ตอบโดยไม่ยกใบหน้าขึ้น มังกรหนุ่มรู้สึกว้าวุ่นใจหนักขึ้นที่พบว่าการก้มหน้าก็เท่ากับก้มมองร่างกายช่วงล่างของเจ้าหน้าที่ผิวกายเข้มไปด้วยในคราวเดียวกัน แม้กางเกงผ้าเนื้อเลวของเจ้าหน้าที่หว่างจะไม่ได้แตกต่างอะไรกับของตน แต่เครื่องเคราที่อยู่ใต้นั้นน่าจะไม่ด้อยเลย มันแกว่งเหวี่ยงอย่างรุนแรงในทุกจังหวะก้าวและตรึงให้หลิวลู่จ้องมองอย่างไม่วางตา

“แล้ววิธีเลื่อนอันดับที่ท่านบอกข้าล่ะ?” หลิวลู่เอ่ยถาม ครั้งนี้เจ้าหน้าที่หว่างจ้องกลับด้วยใบหน้าขึงขัง

“เจ้าก็ต้องใช้แรงกายเข้าแลก ทาสหนุ่มอย่างเจ้าคงจะมีเจ้าหน้าที่ประเมินราคาให้ไม่น้อย!” เจ้าหน้าที่หว่างกระชากเสียงตอบ “แต่เอาไว้ให้เจ้ามีอันดับก่อนค่อยพูดเรื่องนี้”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

“เอาอย่างนี้เจ้าหนุ่ม!” หว่างขาตั้งง้ำเอ่ยพลางยกมือตบไหล่หลิวลู่ ฝ่ามือหยาบกร้านบีบขยุ้มจนหลิวลู่รู้สึกเจ็บหน่วง “ไปลงชื่อไว้ เจ้าอาจจะมีโชคได้ประลองชดเวลาอีกครั้ง”

“จริงรึ?”

“ข้าก็ได้แต่แนะนำ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับวาสนาของเจ้า”

“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านมากที่ชี้แนะ” หลิวลู่เอ่ยตอบอย่างยินดี หากเขาได้สู้และชนะอีกครั้ง เขาก็จะมีเงินมากพอที่จะไปหาซื้อกระบี่เลวซักเล่ม ทั้งยังเจียดส่วนหนึ่งไปซื้อยาให้ก้านไผ่โล้ได้อีกด้วย ส่วนเรื่องอันดับนั้นจะได้หรือไม่นั้นเอาไว้ทีหลัง

หลิวลู่คาดหวังไว้เพียงเท่านั้น 

sds

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.