๔ ความเชื่อ - ๒
ความเชื่อ - ๒
ทั้งสี่นั่งคุยกันอยู่อีกไม่นาน โชคชัยก็ไล่เด็กชายทั้งสามกลับบ้านก่อนที่ตนจะเดินไปไปหยิบแปรงขึ้นมาลบกระดานที่กว้างเต็มหน้าห้อง
ในหน้าหนาว กลางวันจะสั้นมาก เพียงหกโมงเย็นก็มักจะมืดสลัวแล้ว โดยเฉพาะโรงเรียนที่ตั้งลึกเข้ามาในซอยข้างวัดและมีสวนผลไม้และต้นไม้สูงล้อมรอบอย่างโรงเรียนมัธยมวัดอารามสว่างวิทยาแห่งนี้ ความสว่างในอาคารคอนกรีตสลัวลงอย่างรวดเร็วทันทีที่ดวงอาทิตย์ตกลงหลังยอดไม้ อาจารย์หนุ่มจึงจำเป็นต้องเลิกประชุมและไล่นักเรียนกลับ
อาจองและสหภาพเดินจากไปไกลแล้ว แต่เด็กชายแว่นยังคงเก็บกระเป๋าของตัวเองอยู่ โชคชัยเองก็กำลังทำความสะอาดแปรงลบกระดานอยู่หน้าห้อง ครู่ใหญ่ทีเดียวที่เสียงทุ้มของโชคชัยจะดังขึ้น
“ทำไมถึงเขียนแนวนี้วะ?”
“อ้าว! ก็’ จารย์โชคบอกว่าอยากให้เขียนนิยายผีนี่ครับ”
“ป่าวๆ กูหมายถึงแนวชายรักชาย นิยายผีแนวนี้จะโอเคเหรอวะ? อาจโดนแบนได้นะ”
“ก็อยากเขียนดูน่ะครับ” เด็กชายตอบกลับ “ผมว่าไม่โดนแบนหรอก ‘จารย์โชคโพสท์ในบล็อกของตัวเองนี่ ใครจะแบน! อย่างมากก็มีคนเข้ามาด่า ถึงตอนนั้นก็ค่อยเอาออกจากบล็อกของ’ จารย์ก็ได้”
โชคชัยหัวเราะแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรตอบ เขาเดินกลับไปวางแปรงลบกระดานคืนที่และตรงไปที่ประตูห้อง เขากำลังจะเดินผ่านออกจากช่องประตูไป ตอนนั้นเองที่เด็กชายเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“แล้วเรื่องของผมจะได้ลงในบล็อกของ ‘จารย์มั้ยครับ?”
“มึงไปเขียนต่อให้จบก่อน กูอยากรู้ว่าทั้งสองคนพ่อลูกจะเป็นยังไงต่อ”
“ได้! ‘จารย์อยากได้ฉากจบแบบไหนล่ะครับ? แฮปปี้หรือแซดเอนดิ้ง”
“หืม? มีหลายแบบเหรอวะ?” โชคชัยดึงตัวกลับเข้ามาในห้องและจ้องมองเด็กหนุ่มอย่างสนใจ เขาคิดว่าเด็กม.หนึ่งไม่น่าจะมีจินตนาการในการเขียนนิยายได้เยอะไปกว่านี้แล้ว แต่ดูเหมือนเขาคิดผิด “คิดไว้กี่แบบ?”
“คิดไว้สองสามแบบครับ”
“โห้! เก่งนะมึง จะเสร็จเมื่อไร?”
“อีกสองสามวันหรือมากกว่า ผมกำลังหาข้อมูลบางอย่างอยู่น่ะ”
“เหรอ? ข้อมูลอะไร?”
เด็กชายแว่นดึงชายเสื้อนักเรียนสีขาวออกนอกกางเกงสีดำ เขาจงใจยกชายเสื้อขึ้นสูงให้หน้าท้องเรียบบางเผยออกมาครู่หนึ่งและลอบมองว่าโชคชัย รุ่นพี่ร่างสูงใหญ่ยังจ้องมองอยู่หรือไม่ เมื่อมั่นใจแล้วว่ารุ่นพี่มองอยู่เขาก็ยิ้มและปล่อยชายเสื้อลงหลังจากนั้นก็คว้ากระเป๋าหนังสีดำเหวี่ยงขึ้นไพล่หลังและเดินตรงไปหาโชคชัยที่ยืนนิ่งอยู่ตรงช่องประตู
แม้ช่องประตูจะกว้างพอให้ทั้งสองคนเอียงตัวเดินผ่านโดยไม่ต้องเบียด แต่เด็กชายก็จงใจที่จะเบียดร่างกายด้านหน้าเข้าหารุ่นพี่ร่างใหญ่และเคลื่อนผ่านอย่างเชื่องช้าก่อนจะหยุดลงเมื่อหน้าท้องของเด็กชายสัมผัสถึงอวัยวะของรุ่นพี่ได้ถนัด เสียงกระซิบที่ผ่านออกจากปากของเด็กชายดังถึงหูของโชคชัยอย่างมีนัยยะ
“ผมขาดข้อมูลของคนโดนเอาครับ ผมอยากอธิบายว่าตัวละครรู้สึกอย่างไร โดนเอาแล้วจะทำท่าทางแบบไหน...” เด็กชายแว่นเอ่ยตอบและก้มมองลงต่ำ กางเกงผ้าสีดำของตนกับกางเกงวอร์มสีเข้มที่รัดแน่นของรุ่นพี่ร่างสูงเบียดกันอย่างแนบสนิท “...อยากรู้ว่าตอนที่โดนดุ้นแข็งอัดจะครางยังไง”
โชคชัยเหยียดยิ้มออกมาอย่างนึกสนุก เด็กสมัยนี้กล้าคิดกล้าพูดกว่ารุ่นของตนอย่างคาดไม่ถึง แถมไม่ใช่แค่คำพูด การแสดงออกก็ชัดเจนถึงขนาดที่ทำให้โชคชัยต้องยอมบดสะโพกหนาเข้าหาโดยง่าย
“แล้วที่เขียนมานั่น มึงเอาข้อมูลมาจากไหนล่ะ?”
“หนังโป๊ไงครับ”
“แค่ดูหนังโป๊มึงยังเขียนได้ขนาดนี้ ถ้าโดนเองมึงจะเขียนได้ดีขนาดไหนวะ?”
“นั่นดิ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน กำลังหาคนสอน”
“กูจะสอนดีมั้ยเนี่ย?”
“ทั้งๆ ที่แข็งปั้กขนาดนี้แล้ว แต่พูดเหมือนกับไม่อยากสอนเลยนะครับ”
โชคชัยก้มมองใบหน้าของเด็กชายแว่นที่กำลังยิ้มกว้าง ใบหน้าของเด็กชายเนียนเรียบอ่อนเยาว์และจัดได้ว่าหล่อ ดวงตาตี่เล็กดูยั่ว ทั้งในแบบยั่วเย้าและยั่วโมโห รูปร่างเล็กบางที่สามารถอุ้มได้โดยง่าย รวมถึงมือเล็กที่กำลังดึงรั้งกระเป๋ากางเกงวอร์มอยู่นี้ มันทำให้โชคชัยสามารถลืมสถานะของตนในยามนี้ได้อย่างง่ายดาย
“สอนดิ แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่”
“ทำไมล่ะครับ?”
“นี่มันห้องเรียนนะโว้ย กูไม่อยากทำตัวเลว”
“ว้าาาา!” เด็กชายแว่นแปล่อยเสียงของวัยแตกพานดังขึ้นมาอย่างไม่เห็นด้วย โชคชัยพยายามเต็มที่ที่จะไม่ทำอะไรที่มันผิดเทศะ แต่เขาจะปฏิเสธอย่างไรเมื่อเสียงของเด็กชายแว่นเอ่ยท้าทายขนาดนี้ “ผมก็ไม่ได้ชอบคบคนเลวนะ แต่บางที ‘จารย์โชคอาจจะลืมไปว่าการเรียนการสอนมันก็ต้องทำในที่ที่เรียกว่าห้องเรียนดิ ใช่ป่าวครับ?”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 350
แสดงความคิดเห็น