STARCIN ภาคที่ 2 GAMES START ตอนที่ 1 เริ่มใหม่ (รีไรท์)
เสียงกรีดร้องทรมานจากกระดูกแขนที่แตกเละไม่มีชิ้นดีห้อยโตงเตงพร้อมกับเลือดที่ไหลไม่หยุด ความโกลาหลที่เกิดขึ้นทำให้พวกเธอไม่อาจต่อต้านความกลัว ได้แต่ยกอาวุธขึ้นสู้ด้วยความสั่นเกร็งเดิมพันด้วยชีวิต
"กิจัง" ร่างของเขาถูกซัดกระเด็นปะทะเข้ากับกำแพงจนนอนนิ่งไป เมื่อมองไปรอบตัวก็ไม่มีใครยืนอยู่อีกแล้วเหลือเพียงตัวเธอที่ยังยืนหยัดต่อหน้าสัตว์ประหลาดตัวโตกลิ่นอายของความอันตรายและคาวเลือดก็ฟุ้งไปทั่ว
อย่างน้อยก็ขอให้กิจังรอด เธอกำดาบไว้แน่นไปพร้อม ๆ กับกัดฟันวิ่งตรงเข้าใส่ศัตรูตรงหน้า ก่อนที่จะถูกฟาดสวนมาด้วยกระบองถึงแม้จะใช้ดาบกันไว้ได้ทันแต่แรงกระแทกก็ทำให้เธอจุกล้มลงไปกองกับพื้น
ไม่นะ ไปให้พ้น มันคว้าผมของเธอค่อย ๆ ดึงขึ้นมาถึงระดับสายตาและจ้องมองไปในดวงตาของเธอ ใช้จมูกที่เหมือนกระทิงดมไปทั่วร่างกาย ไออุ่นจากลมหายใจที่มาพร้อมกลิ่นเหม็นตุ ๆ ทำเอาเธอแทบจะอ้วกออกมา
ฉันต้องมาตายทั้งอย่างนี้เหรอ? แค่คำสั้น ๆ ก็ยังไม่ได้บอกเขาเลย เมื่อมันอ้าปากออกมาแสดงให้เห็นถึงขากรรไกรที่กว้างเหมือนกับพวกงูฟันแหลมคมที่จัดเรียงได้เละเทะไปทั่วปากและมันกำลังเข้ามาใกล้ใบหน้าของเธอจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจเหม็น ๆ จากมัน
เธอส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความกลัวจนน้ำตาไหลซึมและตัวที่สั่นเป็นเจ้าเข้า
"ฟราน ๆ ๆ" เสียงจากหนุ่มหล่อที่กำลังเขย่าตัวเธอด้วยความตื่นตระหนกรวมทั้งสายตาของเพื่อน ๆ กำลังจับจ้องมองมาด้วยความเป็นห่วง
"โทษที..." เสียงเอื่อยเฉื่อยไร้ชีวิตชีวาตอบกลับก่อนจะใช้มือยันตัวขึ้นนั่งด้วยความสะลึมสะลือ ส่วนอีกข้างก็ใช้มันเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลออกมาอย่างช้า ๆ
"เธอเป็นอะไรไหม?" ซากิยื่นหน้าของเขาเข้ามาใกล้จนจมูกเกือบจะชนกันจ้องฟรานตาเขม็งจนฟรานสะดุ้งถอยห่าง
"ช่างฉันเถอะ" เธอเดินออกไปเดินเล่นรอบ ๆ พลางนึกคิดถึงความโหดร้ายที่ได้พบเจอ
เป็นความทรงจำที่แย่สุด ๆ จะกี่วันคืนก็ยังฝันถึงมัน แววตาเหม่อลอยแหงนขึ้นมองบนท้องฟ้าเห็นดวงจันทร์สีเหลืองที่กำลังฉายแสงลงมา ความสวยงามที่ไม่ค่อยได้พบเจอเหมือนตอนอยู่ในค่ายเพราะโดนบังคับเข้าห้องนอนทันที
ทำไมพวกเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ แทนที่จะได้ใช้ชีวิตในโรงเรียนอย่างสุขสันต์และมีครอบครัวทำงานทำการไปจนแก่ เธอยืนตากลมได้ไม่นานก่อนที่จะหันหลังกลับไปทางเดิม เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเดินออกมาไกลแค่ไหนแต่ตลอดสายตาที่เห็นมีเพียงต้นไม้ตลอดสองฝั่ง
ให้ตายสิ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว ไม่นานเกินรอเธอก็กลับมายังเต็นท์พร้อมกับผู้คนที่ยืนรออยู่ด้วยความเป็นห่วงเต็มไม่ใช่แค่พวกซากิแต่พวกทหารสามสี่คนก็มายืนเฝ้าเช่นกัน
"นอนพักกันได้แล้ว พรุ่งนี้เราจะไปกันต่อ" นายทหารตัวล่ำบึกผิวสีดูแล้วเหมือนพวกบอดี้การ์ดในหนังแต่พูดด้วยเสียงอ่อนน้อมให้ความรู้สึกเป็นมิตร
นี่เราก็นั่งรถม้ามาเป็นอาทิตย์แล้วนะยังไม่ถึงอีกเหรอ ชักจะเบื่อแล้วสิ ฟรานค่อย ๆ หลับตาลงนอนแต่ก็ยังไม่หลับง่าย ๆ พลิกตัวกลับไปมาหลายรอบ
18 กรกฎาคม พ.ศ.2575
ทั้งวันได้นั่งอยู่แค่ในรถม้า คนอื่น ๆ ก็ดูคุยกันสนุกสนานดี ผ่านเมืองมามากมายยิ่งเข้าใกล้เมืองหลวงก็ยิ่งมีการพัฒนาให้ทันสมัยมากขึ้น เธอนั่งมองออกไปด้านนอกตัวรถบางครั้งก็เป็นป่าเขียวชอุ่มรู้สึกสดชื่น บางครั้งก็เป็นไร่นาอันกว้างใหญ่หรือไม่ก็เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ และผู้คน
24 กรกฎาคม พ.ศ.2575
เสียงเกือกม้าที่ย่ำเหยียบใบไม้ไปอย่างช้า ๆ มาพร้อมด้วยเสียงนกร้องที่แหลมดังจนน่ารำคาญ รถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวตรงเข้าไปในป่าลึกจู่ ๆ ก็หยุดเคลื่อนที่
ชายชราลุกออกจากบังเหียนลงเดินไปยังท้ายรถในขณะที่ผ้าม่านยังปิดไว้สนิท
เสียงเท้าคน ให้ตายสิดันเผลอหลับซะได้ ซึฮากิตกใจตื่นและพยายามควานหามีดที่เอาติดตัวมาด้วย
เสียงเท้าหยุดลงตรงหน้าผ้าม่านที่เปิดออกจนแสงส่องเข้ามาแม้จะเป็นแดดเช้าแต่เพราะอยู่แต่ในที่มืดทำให้รู้สึกแสบตาเป็นอย่างมาก
"หยุด !" เขาถือมีดสั้นที่บิ่นและทื่อจนแทบจะใช้งานไม่ได้ ชี้ไปที่ชายชราคนนั้นขณะที่เขามองกลับมาด้วยสายตาอันน่าเวทนาแต่ก็ยังยิ้มให้ซึฮากิ
"ไม่เป็นไร ลุงไม่ทำอะไรหรอก" เขายื่นมือเข้ามาจับที่ข้อมือของซึฮากิและค่อย ๆ วางมีดสั้นลงโดยที่ซึฮากิไม่มีท่าทีที่จะขัดขืนจนทั้งสองต่างก็นิ่งใส่กันอยู่พักหนึ่ง
"อา ! เช้าแล้วเหรอ?" เสียงบิดขี้เกียจของเซนดังขึ้นทำเอาบรรยากาศเปลี่ยนไปทันที เขาตื่นขึ้นมาด้วยความงงงวยพลางมองสลับไปมาระหว่างซึฮากิและชายชราคนนั้น
"ทำอะไรกันอยู่เนี่ย?" เซนขยี้ตามองอีกครั้งก่อนที่จะทิ้งตัวลงไปนอนต่อ ท่ามกลางสายตาของซึฮากิและชายชราที่มองด้วยความมึนงง
"เธอออกมาคุยกันข้างนอกสักประเดี๋ยวก่อน" เมื่อเขาก้าวลงจากรถม้าก็รีบปิดผ้าคลุมให้พวกเซนนอนต่อ
"คุณต้องการอะไร?" ซึฮากิยืนห่างจากชายชราพอสมควร สายตาจับจ้องทุกอิริยาบถพร้อมกับถือมีดตั้งท่าเตรียมสู้อยู่ตลอดเวลา
เขานั่งลงบนก้อนหินช้า ๆ ด้วยความระมัดระวังกลัวจะล้ม "ฉันก็แก่ขนาดนี้แล้วไม่เห็นจะต้องกลัวอะไรเลย ใจเย็นแล้วนั่งคุยกันก่อน" เขาพูดด้วยเสียงแหบ ๆ อย่างใจเย็นพลางชี้ไปที่ก้อนหินใกล้ ๆ อีกก้อนเป็นสัญญาณให้นั่งตรงนั้น
ซึฮากิยอมฟังและนั่งลงแต่ก็ยังคงถือมีดไว้ "คุณอยากพูดอะไรก็ว่ามา"
"ฉันเห็นเรื่องเมื่อคืนหมดแล้วนะ" เขากระตุกยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก
ลุงคนนี้ต้องมีแผนอะไรแน่ ๆ ซึฮากิยิ่งระวังตัวมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินที่ชายชราพูด
"เป็นการต่อสู้ที่สะใจฉันจริง ๆ" ชายชรายิ้มเล็กยิ้มน้อยพูดอย่างสนุกปาก
ซึฮากิยังคงจ้องมองไม่มีละสายตาไปจากเขา
"ไอ้ทหารเลว ๆ แบบนั้นโดนซะบ้างก็ดี"
ชายชราลุกขึ้นเดินกลับไปหยิบเอากระเป๋าผ้ามา "แขนเธอควรจะดามไว้ก่อนดีกว่านะ" เขาล้วงเอาผ้าสีขาวยาว ๆ ออกมาจากกระเป๋าผ้าและคว้ากิ่งไม้หนา ๆ ก่อนจะเดินเข้าใกล้ซึฮากิ
เหงื่อ การหายใจ การขยับร่างกาย ไม่มีการบ่งบอกถึงการโกหกแม้แต่จุดเดียว
ซึฮากิยื่นแขนขวาที่ห้อยโตงเตงควบคุมอะไรไม่ได้ไปด้านหน้าเป็นจังหวะเดียวกับที่ชายชราเดินมาถึง
เขาใช้ไม้วางแนบติดกับแขนทั้งด้านหน้าและด้านหลังแขน "เธอก็ช่วยจับสักหน่อยสิทำคนเดียวมันลำบากนะ" เมื่อซึฮากิได้ยินก็ใช้มือซ้ายช่วยประคองไม้ให้อยู่นิ่งขณะที่ชายชราใช้ผ้าพันล้อมรอบแขน
"ฉันไม่รู้ว่ามันจะหายไหม? เพราะฉันก็ไม่ใช่หมอหรืออะไรพวกนั้นซะด้วย แต่ถ้ามีโพชั่นก็จะช่วยให้หายไวขึ้นเป็นกองเลยล่ะ" ชายชราพูดไปก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยไปด้วย
หลังจากที่ได้นั่งพักเพียงพอเขาก็เงยหน้าขึ้นมองตาซึฮากิที่นั่งนิ่งเงียบไม่ตอบโต้กลับสักคำ "เข้าเรื่องเลยดีกว่า ลุงต้องให้พวกเธอลงตรงนี้แล้ว"
"อีกไม่กี่สิบกิโลเมตรก็จะเข้าตัวเมือง ข่าวเรื่องที่พวกเธอหนีออกมาจากค่ายคงจะทำให้ด่านตรวจเข้าเมืองคุมเข้มขึ้นแน่นอน" ซึฮากิค่อย ๆ ลดมีดลงตั้งใจฟังทุกคำพูดของเขา
ขณะที่ชายชรากำลังจะพูดต่อก็โดนซึฮากิแทรกเสียก่อน "ทำไมถึงช่วยพวกเรา...คุณจะได้ประโยชน์อะไร" ซึฮากิจ้องตาไม่กะพริบพร้อมกับยืนขึ้นเดินเข้าหาชายชราเพื่อเป็นการกดดันให้ตอบ
เขายิ้มเป็นการตอบกลับที่นิ่งเงียบก่อนที่จะลุกขึ้นยืนบ้าง "ฉันเกลียดไอ้ทหารบัดซบนั่น พวกนายทำในสิ่งที่ฉันอยากจะทำแค่นั้นยังเป็นเหตุผลไม่พอเหรอ?" ชายชราตบไหล่ซึฮากิเบา ๆ ก่อนจะเดินไปที่รถม้า เปิดม่านออกจนแสงสว่างส่องเข้ากระทบกับพวกเซนและคานะ
"เธอพาเพื่อน ๆ ลงมาได้แล้ว" ชายชราเดินกลับไปยังบังเหียนขณะเดียวกับที่ซึฮากิเข้าไปสะกิดเรียกเซนและคานะ
"ตื่นกันได้แล้ว" เซนดีดตัวลุกขึ้นทันทีเว้นแต่คานะที่นอนนิ่งไม่รู้สึกตัวจนซึฮากิและเซนต้องช่วยกันลากเธอออกมา
"นี่เราจะไปไหนเนี่ย?" เซนเดินตามหลังมาโดยไม่คิดอะไร ตาก็เกือบจะลืมไม่ขึ้นเหมือนใจอยากจะนอนตรงนั้นเลย
"เดินไปตามเส้นทางจะมีกระท่อมเล็ก ๆ ไปพักอยู่ที่นั่นก่อน" ชายชราตะโกนบอกด้วยเสียงแหบ ๆ ก่อนจะบังคับรถม้าเคลื่อนออกไป
"นี่กิ ตาลุงเมื่อกี้เป็นใครเหรอ? แล้วจะไปที่ไหนยังไม่บอกฉันเลย" แม้เซนจะพยายามพูดกับซึฮากิด้วยเสียงงัวเงียแต่ซึฮากิก็ไม่ตอบกลับสักคำ
แผลของเซนไม่สาหัสเท่าไร ส่วนคานะทั้งที่บาดแผลภายนอกไม่มีจุดไหนที่สาหัสเหมือนกันแต่กลับยังไม่ได้สติ ซึฮากิเดินไปตามทางลูกรังตามที่ชายชราบอก
"นี่กิ ฉันหิวแล้วไปหาอะไรกินกัน" หนึ่งชั่วโมงผ่านไปเซนที่ตื่นตัวเต็มที่เดินซอกแซกไปมาด้วยความครึกครื้น เขาไม่เคยสังเกตเห็นบาดแผลของซึฮากิแผลจากลูกธนูหลายแผลมีเลือดไหลหยดตามทางมาแม้จะไม่มากจนเป็นอันตรายแต่เจ้าตัวก็ไม่คิดที่จะห้ามเลือดเลยสักนิด
"เราต้องหากระท่อมนั่นให้เจอก่อน" ซึฮากิตอบด้วยเสียงที่เฉยชาและเดินต่อไป
ไม่นานนักก็เจอกระท่อมเล็ก ๆ ใกล้กันนั้นก็มีแม่น้ำสายเล็กไหลผ่านพอดี ซึฮากิมองไปรอบ ๆ ว่ามีสิ่งใดเป็นอันตรายหรือไม่ก็จะเดินเข้าไป
"คอยดูรอบ ๆ ไว้เดี๋ยวฉันจะเข้าไปดูข้างใน" เซนประคองคานะไว้ด้วยมือเดียวพร้อมกับเอามีดสั้นอาวุธเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ออกมาตั้งท่าเตรียมสู้มองซ้ายทีขวาทีด้วยความระมัดระวัง
ซึฮากิที่แขนขวาใช้การไม่ได้ มีเพียงแขนข้างเดียวโชคดีที่เขาถนัดสองมือ สายตาหวาดระแวงมองไปทั่วค่อย ๆ เดินเข้าไปในกระท่อมไม้หลังนั้น
ทั้งเซนและซึฮากิต่างก็เงียบกริบใช้สมาธิฟังเสียงและจับตามองทุกอย่างรอบตัว
เหมือนจะถูกทิ้งร้างมาได้สักพักแล้ว เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นสภาพภายในที่มีแต่ฝุ่นและหยักใยเต็มไปหมด ข้าวของเครื่องใช้อันน้อยนิดก็มีฝุ่นปกคลุม
เขาเดินไปจนถึงหน้าต่างบานสุดท้ายที่ปิดไว้ยื่นมีดผลักหน้าต่างออกเปิดให้แสงเข้ามา
หน้าต่างไม่ได้ล็อกประตูก็เช่นกัน เท่าที่สังเกตอุปกรณ์ภายในกระท่อมมีแต่ของที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เตียงไม้หนึ่งคู่ขนาดพอเหมาะกับการนอนสองคน หม้อสนาม เหล็กเสียบ จานชาม ถ้วย ช้อน นี่คือทั้งหมดที่มี
ซึฮากิเดินออกไปข้างนอกไปหาเซน "เราจะพักกันที่นี่ เดี๋ยวฉันจะไปดูแม่น้ำตรงนั้น" พูดจบก็เดินตรงไปยังแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างออกไปไม่ใกล้จากสายตาขณะเดียวกับที่เซนวางคานะพิงกับต้นไม้ใกล้ ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปสำรวจข้างในกระท่อมบ้าง
"ให้ตายสิ ! ฝุ่นเยอะขนาดนี้เราจะอยู่ยังไงเนี่ย? ไม่ได้การล่ะต้องทำความสะอาดครั้งใหญ่บิ๊กคลีนนิ่งเดย์" เสียงตะโกนของเซนดังจน ซึฮากิได้ยินจากข้างนอก
ความกว้างน่าจะประมาณสามเมตรส่วนความลึก ซึฮากิคว้าเอากิ่งไม้ยาว ๆ จิ้มลงไปในสายน้ำนั่น
ลึกประมาณสองเมตร เมื่อตรวจสอบเสร็จซึฮากิก็เดินกลับไปยังกระท่อม
"คานะ !" งูสีดำขนาดใหญ่กำลังพันตัวคานะแน่นพร้อมกับอ้าปากจะเขมือบเข้าไป ซึฮากิใช้มีดสั้นโจมตีเป็นคลื่นลมเฉือนคอของงูนั่นช่วยคานะได้ทันการ
"หา ! มีอะไรกัน" เซนออกมาจากกระท่อมด้วยความตื่นตระหนกในสภาพฝุ่นเต็มตัว ก่อนจะรีบเข้ามาดึงตัวงูที่พันอยู่ออกด้วยมือที่กำลังสั่นของเขา
"ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ" เซนหน้าเสียโอบกอดคานะเบา ๆ พยายามกลั้นน้ำตาไว้เพราะรู้สึกผิดที่ประมาทจนเกือบเสียเพื่อนไปอีกคน
"ใจเย็นก่อน รู้สึกจะมีแค่รอยช้ำเธอคงจะไม่เป็นอะไรมาก" ซึฮากิยื่นมือมาจับไหล่เบา ๆ ให้เซนใจเย็น
"ฉันจะคอยดูให้ส่วนนายก็รีบเข้าไปจัดการภายในกระท่อมเลย เรามีเวลาไม่มาก" ซึฮากินั่งลงข้าง ๆ คานะ ปล่อยให้เซนทำความสะอาดภายในกระท่อม
อุปกรณ์ที่ใช้ทำความสะอาดก็ไม่มีสักชิ้น เซนจะทำยังไงนะ เซนที่วิ่งพรวดพราดออกมาจากกระท่อมในสภาพเปลือยท่อนบนในมือถือเสื้อที่ดำเขรอะเต็มไปด้วยฝุ่นวิ่งไปที่แม่น้ำ
ใช้เสื้อตัวเองเช็ดเลยเหรอก็สมเป็นเซนดีนะ
"ฉันจะเร่งทำให้ไวที่สุดเลย คานะจะได้มีที่นอน" ตลอดเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มเซนวิ่งไปมาระหว่างกระท่อมกับแม่น้ำเอาเสื้อไปล้างพร้อมกับตะโกนโหวกเหวกโวยวาย "ต้องเร็วกว่านี้ !"
"เสร็จแล้ว !" เซนนอนปล่อยตัวลงบนพื้นหญ้าหน้ากระท่อมด้วยอาการเหนื่อยหอบหายใจเข้าออกลึก ๆ เมื่อซึฮากิลองเดินเข้าไปดูภายในกระท่อมที่สะอาดไร้ฝุ่นตั้งแต่ประตูไปจนกำแพงและเพดาน
"เยี่ยมไปเลย เดี๋ยวฉันพาคานะมาก่อน" ซึฮากิประคองตัวคานะด้วยการยกขึ้นขึ้นไหล่แบกเธอมาวางลงบนเตียงซึ่งอยู่ติดหน้าต่างรับลมได้พอดี
ความรู้สึกแตกต่างกับตอนแรกลิบลับเลย มองไปรอบ ๆ พื้นหรือข้าวของที่สะอาด หน้าต่างที่เปิดระบายอากาศอีกทั้งยังมีลมเย็นพัดเข้าออกภายในกระท่อมด้วย
"ตานายพักแล้ว เดี๋ยวฉันไปหาอาหารมาให้" ซึฮากิเดินเข้าไปในป่าลึกหายไปหลายชั่วโมงจนเริ่มตกเย็น
"ฉันจะทำอะไรดีล่ะเนี่ย? จะไปไหนก็ไม่ได้ซะด้วยสิ ถ้าคานะเป็นอะไรไปอีกฉันคงจะไม่ให้อภัยตัวเองแน่ ๆ" แม้ซึฮากิจะหายหน้าไปนานแต่เซนก็ไม่ได้เป็นห่วงแต่อย่างใดเหมือนกับรู้ว่ายังไงซึฮากิก็จะกลับมา
"อา ! หิวชะมัดเลยเว้ย" เซนนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นกระท่อม จู่ ๆ ก็มีเสียงเปิดประตูเซนจึงลุกขึ้นคว้าเอามีดสั้นตั้งท่าเตรียมสู้
อีกฟากของประตูคือซึฮากิที่มีรอยแผลสดหลายแห่งเสื้อผ้าที่ขาดเหมือนกับถูกเขี้ยวเล็บเชือดเฉือนมา "เฮ้กิ ! นายมาสักทีฉันหิวจะแย่แล้ว" เซนยิ้มด้วยความดีใจก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นตกใจเมื่อได้เห็นสภาพของซึฮากิ
"แผลนิดหน่อย ไม่เป็นไรมากหรอก" ซากสัตว์หลายตัวทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ถูกผูกด้วยเถาวัลย์พันกันเป็นเกลียวจนแน่นเหมือนเชือกดี ๆ เส้นหนึ่ง
"งั้นเดี๋ยวฉันรับช่วงต่อเอง" เซนเดินเข้าไปข้าง ๆ ซึฮากิแบกซากสัตว์พวกนั้นต่อและหาพื้นที่ก่อกองไฟ
เมื่อน้ำหนักทิ้งลงมาทำเอาเซนแทบทรุดแต่ก็ตั้งหลักยืนได้พร้อมกับยิ้มแป้น "สบายมาก ! นายไปพักได้เลย เดี๋ยวจะให้นายได้ลิ้มรสอาหารฝีมือฉัน"
จะรอดไหมเนี่ย?ซึฮากิเดินตรงไปที่แม่น้ำถอดเสื้อล้างแผลพวกนั้น เซนที่กำลังใช้มีดชำแหละซากสัตว์อย่างทุลักทุเลจนซึฮากิที่เห็นก็เหนื่อยใจแทน
ซึฮากิเดินตรงไปหาเซนโดยพาดเสื้อไว้กับไหล่ "นายไปจัดการเรื่องไฟจะดีกว่า" เขานั่งลงข้าง ๆ ใช้มีดของตนเองชำแหละซากสัตว์ด้วยความชำนาญอย่างกับทำมาหลายสิบปีแล้ว
"ก็ได้ ๆ งั้นฉันจะไปก่อกองไฟตรงนั้นละกัน" มือชี้ไปที่พื้นโล่งไม่มีหญ้าไม่ใกล้ไม่ไกลจากกระท่อมนักเป็นทำเลที่ดีเหมาะแก่การก่อไฟ
เซนเดินไปเดินมาหาเชื้อเพลิงที่จะใช้จุดไฟแล้วจู่ ๆ ก็หยุดนิ่ง "จริงสิเราใช้เวทจุดไฟได้นี่หว่า" เมื่อเซนคิดได้ก็เริ่มหาไม้ที่หักตกอยู่กับพื้นมากองรวมกันไว้และใช้มีดสั้นร่ายเวทไฟขึ้นมา
เมื่อเซนหยุดร่ายเวทไฟก็ดับลงยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ไม้ติดไฟได้ "อาจจะต้องนานกว่านี้อีกหน่อย" เซนร่ายเวทไฟแล้วหยุดดูเป็นระยะ ๆ อยู่พักหนึ่งจนซึฮากิที่ชำแหละเสร็จ
"นายใช้ไม้ท่อนใหญ่เกินไป เริ่มจากท่อนเล็กก่อนไฟจะติดง่ายกว่าหรือไม่ก็ใช้เวทเพลิงแรง ๆ ไปเลยก็ได้"
“โถ่ แบบนั้นมันจะไม่ลามไปโดนอย่างอื่นเหรอ”
“ถ้าจะใช้ไฟเบาก็ต้องทำตามฉัน” ซึฮากิเกลี่ยกองไม้ออกและหยิบท่อนไม้ขึ้นมาหนึ่งท่อนขุดหลุมลึกโดยมีรูด้านล่างเหมือนเตาถ่าน
"นายไปหาพวกใบไม้แห้งมา" เซนเดินไปรอบ ๆ กระท่อมและเดินไกลออกไปอีกนิดหน่อยเช่นเดียวกับซึฮากิที่กำลังเดินหากิ่งไม้แห้ง ๆ จากบริเวณนั้น
เมื่อเซนและซึฮากิกลับมารวมตัวกัน ซึฮากิก็เริ่มวางใบไม้แห้งกิ่งไม้ท่อนไม้ไล่ระดับความใหญ่ขึ้นมาเรื่อยจนเต็มหลุม
"ทีนี้ก็จุดไฟจากด้านล่างก่อนก็เสร็จแล้ว" เซนร่ายเวทจุดไฟไล่จากใบไม้แห้งที่ลุกไหม้ด้วยความรวดเร็วลามขึ้นมาที่กิ่งไม้และท่อนไม้ได้อย่างง่ายดาย
เซนหัวเราะด้วยความสนุก "ง่ายชะมัดเลย" ท่าทางมั่นอกมั่นใจยืนกอดอกจนไฟเกือบจะลนขาอยู่แล้ว
ซึฮากิเห็นก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย "นายไปคอยดูคานะไว้เดี๋ยวฉันจะทำอาหารเอง" ทั้งสองแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่โดยไม่มีการเกี่ยงกันแต่อย่างใด
หนึ่งชั่วโมงต่อมาเมื่ออาหารของพวกเขาเสร็จสรรพพร้อมทาน "โอ้ ! หิวจนจะกินวัวได้ทั้งตัวละเนี่ย กลิ่นหอมน่ากินมากเลยกิ" เซนเดินออกมาจากกระท่อมตามกลิ่นอันหอมหวนที่ลอยฟุ้งไปทั่ว
โชคดีที่มีพวกสมุนไพรอยู่ใกล้ ๆ ไม่งั้นได้กินเนื้อเหม็นสาบแน่ ซึฮากินั่งรออยู่ข้างกองไฟโดยที่ยังไม่ใส่เสื้อ เหม่อมองเนื้อที่กำลังถูกต้มด้วยน้ำสมุนไพร
"เรากินเลยไหม?" เซนขยับมือไม้พร้อมที่จะหยิบออกมาจากหม้อร้อน ๆ ได้ทุกเมื่อ
เมื่อเห็นการพยักหน้าตอบกลับของซึฮากิเซนไม่รอช้าคว้าเอาช้อนและจานมาตักเนื้อขึ้นมาหนึ่งชิ้นใหญ่เท่าหน้าของตนเอง
"โวโห่ ! กินแล้วนะครับ" ท่าทีตอนแรกก็เหมือนจะใช้ช้อนแต่พอจะกินก็ใช้มือหยิบขึ้นมากัดกินอย่างเอร็ดอร่อยแม้มันจะยังร้อน ๆ อยู่ก็ตาม
"รอมันเย็นก่อนค่อยกินก็ได้" ซึฮากิตักเนื้อขึ้นมาบ้างแต่ยังไม่ได้กินทันที ใช้ช้อนกับส้อมฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ หลาย ๆ ชิ้น พลางกวาดสายตาไปรอบ ๆ
"คานะยังนอนอยู่เหรอ?" ซึฮากิถามโดยไม่ได้มองหน้าเซนเพราะยังคงมองไปรอบ ๆ ตามป่าตามดงแทน
เซนหยุดกินและเงยหน้ามอง "อืม..." เมื่อพูดเสร็จเซนก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปดูคานะในกระท่อมอีกครั้งทันที
จากนั้นก็เดินออกมาด้วยความผิดหวังหน้าบึ้ง "เธอไม่ยอมตื่นสัก ลองปลุกดูแล้วก็ไม่ได้ผล" เซนนั่งกินเนื้อต่อเป็นจังหวะเดียวกับซึฮากิที่ลุกขึ้นยืน
"เดี๋ยวฉันมา" ซึฮากิเดินหายไปในป่าใกล้ ๆ ไม่นานนักเขาก็กลับมา
เซนมองตามด้วยความสงสัย "นายไปไหนมา" ซึฮากินิ่งเฉยไม่ตอบกลับ ทั้งคู่ก็กินเนื้อกันต่อจนอิ่มท้องซึ่งฟ้าก็เริ่มมืดพอดี
"เราต้องผลัดกันเฝ้ากระท่อมคนละสี่ชั่วโมง ฉันจะเป็นกะแรกเองนายรีบนอนเอาแรงไว้" เซนเองก็ขึ้นไปนอนบนเตียงไม้ข้าง ๆ คานะใช้มือรองหัวตัวเองนอนตะแคงมองไปที่ประตู
พวกแผลใช้เวลาไม่นานก็น่าจะหาย แต่แขนขวานี่สิไม่รู้จะหายเมื่อไร ซึฮากินั่งเหม่อมองไปด้านหน้าลึกเข้าไปในป่า
เราต้องแข็งแกร่งให้มากที่สุด เป้าหมายที่ถูกฝังรากเข้าไปในหัวของฟรานและซึฮากิไม่ใช่เพื่อเป็นที่หนึ่งแต่เพื่ออิสระในการใช้ชีวิต ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาทำร้าย ไม่ต้องกลัวว่าจะมีอาหารกินหรือไม่ ไม่ต้องกลัวว่าจะหาที่นอนได้เมื่อไร
ฟรานถอนหายใจลากยาวเดินออกจากรถม้าไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
อีกนานไหมนะที่จะได้เจอกันอีก ฟรานที่กำลังเหม่อลอยอยู่จู่ ๆ ก็มีเวทมนตร์ใหม่ถูกเพิ่มเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว
ลองใช้ดูดีไหมนะ? แต่ทำไมอยู่ ๆ ก็มีเวทมนตร์เพิ่มเข้ามาได้ล่ะ ฟรานร่ายเวทใหม่ที่ได้มาด้วยการพูดชื่อของมันแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้เธอจะทำอยู่หลายต่อหลายครั้งก็ยังคงว่างเปล่าจนเธอเริ่มง่วงและกลับไปนอน
เสียงร้องโครกครากจากสัตว์ป่ารอบ ๆ กระท่อม ซึฮากิถือมีดขึ้นตั้งท่าเตรียม แต่แล้วเสียงนั่นก็หายไป ตลอดเวลาสี่ชั่วโมงที่เขาได้อยู่เฝ้ายามก็มักจะมีเสียงเหล่านี้ดังขึ้นเป็นช่วง ๆ แต่ก็ไม่เห็นสัตว์ คน หรืออะไรทั้งนั้น
"ถึงเวลาเปลี่ยนกะแล้ว" ซึฮากิสะกิดเซนที่นอนกรนอยู่อย่างสบายใจ
"อืม ถึงเวลาแล้วเหรอ? ง่วงจังเลย" เซนบิดขี้เกียจสุดแขนก่อนจะลุกออกไปจากเตียง
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 952
ความคิดเห็น
ดีเลยครับ ในที่สุดก็หนีออกมาจากทหารพวกนั้นสักที ได้เวลาเอาคืนแล้ว
แสดงความคิดเห็น