บทที่ 210: ฮ่องเต้หนานซวนค่อนข้างซื่อบื้อ
ในขณะนี้มู่ไป๋ไป่ที่ถูกกรีดฝ่ามือร้องไห้ออกมาเสียงดัง ทว่าแม่ทัพหลี่ที่อยู่ด้านข้างกลับยิ้มมองภาพนั้นอย่างมีความสุข
ก่อนที่เขาจะหันไปหาฮ่องเต้แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมจะส่งของพวกนี้ไปที่แคว้นเป่ยหลงเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ผู้เป็นนายเหนือหัวเหลือบมองชายสูงวัยขณะถามว่า “ท่านคิดที่จะส่งมันออกไปอย่างไร?”
ทางด้านมู่ไป๋ไป่ที่รู้สึกเศร้าก็ร้องไห้ออกมาเต็มที่ แต่ทันทีที่เธอได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่ม สีหน้าของเธอก็ชะงักค้างไป เธออยากจะรู้ว่าแม่ทัพหลี่กำลังคิดจะทำอย่างไร?
เมื่อชายชราเห็นเด็กหญิงแสดงสีหน้าสับสน เขาก็ได้ตอบนายเหนือหัวของตนออกไปว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมยังไม่สะดวกที่จะอธิบายเรื่องนี้อย่างละเอียดในตอนนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ถึงอย่างไรตอนนี้มู่ไป๋ไป่ก็ยังคงอยู่ที่นี่ หากเขาคลายความสงสัยของฮ่องเต้ออกไปตามตรง แผนการที่เขาวางเอาไว้คงจะไร้ผล
“เมื่อกี้นี้เจ้ายังกล้าพูดทุกอย่างอยู่เลยไม่ใช่หรือ?” ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้เป็นฮ่องเต้จะมองดูท่าทางมีลับลมคมในของแม่ทัพหลี่ แล้วจู่ ๆ ก็พูดเช่นนี้ขึ้นมา
พอชายสูงวัยได้ยินดังนี้ เขาก็หน้าซีดเผือดขณะมองคนถาม
ขณะเดียวกัน มู่ไป๋ไป่มองดูปฏิกิริยาของชาย 2 คนสลับไปมา ซึ่งตอนนี้ในหัวของเธอกำลังคาดเดาว่าฮ่องเต้พระองค์นี้ดูเหมือนจะซื่อบื้อไปสักหน่อย เธอจึงหันไปมองแม่ทัพหลี่แล้วหยุดร้องไห้
“แม้ว่าท่านจะตัดนิ้วของข้าส่งกลับไป มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี” จู่ ๆ เด็กหญิงก็พูดเช่นนั้นขึ้นมา
ทางด้านแม่ทัพหลี่หลงลืมความกังวลที่ว่าแผนการของตนกำลังจะถูกเปิดเผยต่อหน้าองค์หญิงต่างแคว้นเพราะฮ่องเต้ แล้วหันไปมองนางด้วยสีหน้าถมึงทึง
“องค์หญิงน้อย พระองค์อย่าได้คิดจะโกหกกระหม่อมอีกเลย” ชายชราพูดขึ้นอย่างมีชั้นเชิง
ดูเหมือนมู่ไป๋ไป่จะมีความสำคัญอย่างมากในแคว้นเป่ยหลง แม้ว่าตอนนี้ข่าวลืออาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องจริง แต่มันก็ยังห่างไกลจากสิ่งที่พวกเขาคิดอยู่ดี
“พวกท่านกล้าใช้เด็กเพื่อข่มขู่ผู้อื่น แต่พวกท่านกลับไม่กล้าเอาชนะด้วยกำลังของตัวเอง” คนตัวเล็กกอดอกพูดดูถูกอีกฝ่าย
ฮ่องเต้หนานซวนมองใบหน้าขาวนวลของมู่ไป๋ไป่ที่กำลังพยายามดิ้นรนต่อสู้สุดชีวิต ภาพนั้นทำให้เขาอดหัวเราะไม่ได้และชี้ไปที่นางพลางพูดว่า “เจ้าหนูน้อย เจ้านี่ตลกจริง ๆ”
พอเด็กหญิงได้ยินสิ่งที่คนตรงหน้าพูด ตอนแรกเธอก็คิดว่ามันไม่มีอะไร แต่เมื่อเวลาผ่านไป เธอก็ตระหนักได้ว่าฮ่องเต้พระองค์นี้ยังเด็กนัก วาจาของเขานั้นไม่มีความสง่างามสมกับเป็นฮ่องเต้เลย แถมยังเอาแต่หัวเราะคิกคักเหมือนกำลังล้อเล่น
สิ่งนี้แตกต่างไปจากท่านพ่อของเธออย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเอาเขามาเปรียบเทียบกับแม่ทัพหลี่ พวกเขาดูเหมือนคนที่ต่างกันสุดขั้ว 2 คน และความจริงดังกล่าวทำให้เธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
“เจ้าเด็กน้อย เหตุใดเจ้าถึงมองเราเช่นนั้น? ระวังเราจะอดใจไม่ไหวลงโทษเจ้า” เด็กหนุ่มทำหน้าข่มขู่เด็กน้อย
ถ้อยคำแบบเด็ก ๆ ออกมาจากปากของฮ่องเต้พระองค์หนึ่ง มิหนำซ้ำสิ่งที่เขาพูดยังฟังดูคล้ายกำลังล้อเลียนเธอซึ่งเป็นคนของแคว้นศัตรู สิ่งนี้ทำให้มู่ไป๋ไป่รู้สึกแปลกประหลาดมากจริง ๆ
“ฝ่าบาท ให้กระหม่อมพาตัวเด็กคนนี้ออกไปก่อนเกิดพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพหลี่ยืนรอรับคำสั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ยิ่งฮ่องเต้พูดมากเท่าไหร่ ความสามารถของเขาก็จะยิ่งถูกเปิดเผยต่อหน้าศัตรูมากขึ้นเท่านั้น
แม้แต่ตอนนี้สายตาที่เด็กตัวเล็ก ๆ มองฮ่องเต้ก็ยังดูพิลึกพิลั่นยิ่งนัก
แม้ว่ามู่ไป๋ไป่จะถูกพวกเขากักขังเอาไว้จนไม่สามารถกลับไปยังแคว้นของนางได้ในขณะนี้ แต่ชายชราก็ยังคงรู้สึกว่าการเปิดเผยระดับสติปัญญาของฮ่องเต้ต่อหน้าองค์หญิงของแคว้นศัตรูนั้นเป็นเรื่องต้องห้ามอย่างยิ่ง
“ข้ายังไม่อยากไปไหน” มู่ไป๋ไป่ปัดมือของแม่ทัพหลี่ออกไปด้วยความโกรธ
จากนั้นเธอก็วิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังเด็กหนุ่ม และโผล่หน้าออกมามองชายแก่ซึ่งสีหน้าเปลี่ยนไปเยอะมากก่อนจะพูดกับเขาว่า “ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ข้าจะอยู่ที่นี่”
องค์หญิงจากแคว้นศัตรูวิ่งไปหลบอยู่หลังฮ่องเต้ ใครก็ตามที่เห็นภาพนี้คงต้องรู้สึกหวาดกลัว แม้ว่ามู่ไป๋ไป่จะอายุเพียงไม่กี่ขวบ แต่พวกเขาก็ยังจำเป็นจะต้องระวังนางเอาไว้
“องค์หญิงน้อย พระองค์รีบกลับมาเร็วเข้า ไม่เช่นนั้นกระหม่อมจะฆ่าพระองค์เสียตอนนี้” แม่ทัพหลี่เริ่มรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่านางแตกต่างจากเด็กผู้หญิงทั่วไป
พอมู่ไป๋ไป่เห็นเขาโกรธมากขนาดนั้น เธอก็คิดอยากจะแกล้งเขาจึงแลบลิ้นเป็นการท้าทาย
เธอทำการเคลื่อนไหวอย่างซุกซนอยู่หลายครั้ง ซึ่งนั่นเป็นการบ่งบอกว่าตนไม่สนใจคำพูดของเขาเลยสักนิด
ในความเป็นจริง เหตุผลที่ทำให้มู่ไป๋ไป่กล้าหาญถึงเพียงนี้เป็นเพราะฮ่องเต้หนานซวนไม่ระวังตัว เนื่องจากเธอยังคงเป็นเด็ก เธอจึงแสดงท่าทางขี้เล่นต่อหน้าคนทั้ง 2 ได้
คนตัวเล็กรู้สึกว่าเขาปัญญาอ่อนไม่น้อย ไม่เช่นนั้นเขาที่เป็นถึงฮ่องเต้ทำไมถึงไม่สงสัยในตัวเธอเลยสักนิด
“ฝ่าบาท เรามาเล่นกันเถิดเพคะ” มู่ไป๋ไป่กลัวว่าแม่ทัพหลี่จะใช้กำลังมาบังคับเธอ ดังนั้นเธอจึงเอ่ยปากถามเด็กหนุ่มไปเช่นนี้
ฮ่องเต้หนานซวนที่ก่อนหน้านี้เฝ้าดูอยู่เฉย ๆ จู่ ๆ ก็ถูกเรียก เขาจึงหันไปมองอีกฝ่ายด้วยความสนใจ “เจ้าลองพูดมาสิ”
เมื่อมู่ไป๋ไป่เห็นท่าทางสบายอารมณ์ของเขา เธอก็เชิดหน้ามองชายสูงวัย
“หม่อมฉันอยากให้แม่ทัพหลี่เป็นม้าให้หม่อมฉันขี่” เด็กหญิงจงใจพูดเช่นนั้นออกไป
หลังจากแม่ทัพหลี่ได้ยินคำพูดของเจ้าตัวเล็ก สีหน้าของเขาก็บิดเบี้ยว เขาถลึงตามองนางพร้อมกับพูดว่า “องค์หญิงน้อย ที่นี่ไม่ใช่แคว้นเป่ยหลงของพระองค์ อย่าได้ทำตัววุ่นวายไปมากกว่านี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อมู่ไป๋ไป่ได้ยินคำพูดคัดค้านของอีกฝ่าย เธอก็หันไปมองฮ่องเต้และเห็นว่าเขาเหลือบมองไปยังขันทีที่อยู่ด้านข้าง แล้วขันทีคนนั้นก็พยักหน้าให้นายเหนือหัวราวกับว่าเขาเห็นด้วยกับคำพูดของแม่ทัพหลี่
เด็กหญิงที่เห็นภาพนี้ก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าชายคนนี้โง่เขลามากเพียงใด ถึงขั้นต้องมีคนรอบข้างคอยบอกว่าให้เขาทำอะไร
“ฝ่าบาท เช่นนั้นหม่อมฉันไม่เล่นกับแม่ทัพหลี่แล้ว เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ หากหม่อมฉันจับพระองค์ได้ พระองค์จะต้องรับปากหม่อมฉันบางเรื่อง” ยิ่งแม่ทัพหลี่ลังเลมากเท่าไหร่ มู่ไป๋ไป่ก็อยากจะค้นหาคำตอบนั้นมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้หนานซวนที่เพิ่งได้ยินคำพูดอุกอาจเช่นนี้ดูเหมือนเขาจะสนใจไม่น้อย
เขาจึงมองไปที่คนตัวเล็กแล้วพูดว่า “เอาเถอะ แม่ทัพหลี่ ท่านมานอนลงตรงนี้”
เด็กหนุ่มไม่เปิดโอกาสให้ชายสูงวัยได้คัดค้านอีกเลย เขาชี้ไปที่อีกฝ่ายพร้อมกับเรียกให้มาหา
แม่ทัพหลี่ซึ่งถูกออกคำสั่งมีสีหน้าเหยเกมากยิ่งขึ้น แต่คนที่เอ่ยปากเป็นถึงบิดาของแผ่นดิน ดังนั้นไม่ว่าเขาจะไม่เต็มใจมากเพียงใด สุดท้ายเขาก็ต้องทำตามคำสั่ง
มู่ไป๋ไป่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นภาพน่าทึ่งเช่นนี้ต่อหน้าตัวเอง
ถัดมา แม่ทัพหลี่ค่อย ๆ ล้มตัวลงไปนอนอยู่บนพื้นช้า ๆ ตามคำสั่งของฮ่องเต้ ยามนี้ใบหน้าของเขาดูน่าเกลียดมาก และเขารู้สึกว่าเจ้าเด็กแสบจงใจทำให้เขาต้องอับอาย
ซึ่งในครั้งนี้เขาได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะจัดการเด็กคนนี้ให้ได้ เพราะก่อนหน้านี้เขามัวแต่ใจอ่อนเพราะความน่ารักของนาง
เมื่อมองดูมู่ไป๋ไป่ในตอนนี้ ความเอ็นดูที่เขามีให้ก่อนหน้านี้ได้หายไปจนสิ้น
“แม่ทัพหลี่ เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ” แน่นอนว่าคนตัวเล็กสังเกตเห็นสายตาของเขา แต่เธอไม่ใช่คนบ้าที่จะมาทำเรื่องไร้สาระพวกนี้
อีกฝ่ายเป็นถึงฮ่องเต้หนานซวนที่แม่ทัพหลี่สวามิภักดิ์ แต่ใครใช้ให้ฮ่องเต้พระองค์นี้โง่เขลาเช่นนี้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเขาไม่ควรจะตำหนิเธอ
“องค์หญิงน้อย ในที่เช่นนี้พระองค์ยังกล้าล้อเล่นอยู่อีก” ชายชราพูดเสียงลอดไรฟัน
ตอนนี้เขากำลังถูกคนของแคว้นเป่ยหลงรังแกในแผ่นดินของเขาเอง แถมคนผู้นั้นยังเป็นเด็กอีกด้วย!
ใครที่ได้พบเจอเหตุการณ์นี้ก็คงรู้สึกไม่พอใจเป็นธรรมดา
แสดงความคิดเห็น