ตอนที่ 20 .. “ ความจริงที่ปรากฏ ”
เพลงเพราะๆ ประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ
เป็นเพียงความบันเทิงในการฟัง เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ รวมถึง เหตุการณ์ของตัวละครในนิยาย เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่านเท่านั้น ไม่ได้มีผลใดๆกับทางการค้าทั้งสิ้น
.. ด้วยความเคารพ ผู้ประพันธ์นิยาย .. พัชฌา
ขอขอบคุณ วง STATE EXPRESS จาก ค่าย นิธิทัศน์ ที่เอื้อเฟื้อเพลงให้มาประกอบในนิยาย
รอยรัก - รถด่วน STATE EXPRESS (เพลงประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ) พัชฌา
https://www.youtube.com/watch?v=kh1u4aVD5ls
นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action
ตอนที่ 20 .. “ ความจริงที่ปรากฏ ”
“เบียร์” เบ็นซ์และโบว์ ตะโกนออกมาพร้อมกัน
“ช่าย ถูกต้องแล้วคร๊าบ” แป๋วทำท่าตลก
“คนที่ช่วยฉันเอาไว้เพื่อให้มาเจอแกทั้งสองคนไง ถ้าไม่ได้น้องเค้าช่วย ฉันก็คงไม่รอด”
“สวัสดีค่ะ พี่เบ็นซ์ พี่โบว์”
“จร้า” ทั้งสองตอบพร้อมกันอีกครั้ง
“แล้วมีอีกเรื่องนึงที่ฉันอยากจะขอพวกแกสองคน”
“อะไร” เบ็นซ์ถามด้วยน้ำเสียงแข็งๆ
“คือ..” แป๋ว ไม่กล้าบอกตรงๆ
“พี่แป๋ว มีอะไรว่ามา” โบว์เริ่มสงสัย
“ฉันขอเอาเบียร์มาอยู่ด้วยที่นี่ด้วยได้ไหม”
เท่านั้นแหละ เบ็นซ์รีบเดินไปคว้ามือเพื่อนแล้วเดินหายไปในครัว
“แกจะบ้าไปแล้วเหรอแป๋ว แกก็รู้ว่าไอ้เบียร์มันเป็นตำรวจ”
“รู้..แต่”
“แต่อะไร พวกเราเป็นใคร ทำงานอะไร แกจำไม่ได้แล้วเหรอ”
“ได้..แต่”
โบว์ชักเริ่มไม่ค่อยดี กับอาการของสองพี่สาว เมื่อหันไปเห็น จึงรีบวิ่งเข้าไป
“อยู่ตรงนี้นะ อย่าไปไหน” เบียร์พยักหน้า
“คือ น้องเค้าอยู่คนเดียว ฉันสงสารเค้า มันไม่ปลอดภัย”
“มีอะไรกันพี่ ตกลงมีอะไร”
“แกก็รู้ว่าฉันรับไอ้เบียร์เป็นน้องสาวตั้งนานแล้วเหมือนแกกับโบว์ไง”
“แล้วไง มันไม่เหมือนกัน ไอ้โบว์หนะมันน้องแท้ๆคลานตามกันมา แต่ไอ้เบียร์มันไม่ใช่” เบ็นซ์ จ้องหน้าเพื่อน
“ฉันรู้ แต่ฉันก็อยากเอาน้องสาวฉันมาอยู่ด้วย เหมือนแกกับโบว์ไง”
“แต่มันทำงานอยู่ทีมเดียวกับรองเผด็จนะ” เบ็นซ์ย้ำความทรงจำให้เพื่อน
“นั่นนะซิพี่ หนูกับพี่เบ็นซ์ไม่ได้รังเกียจอะไรไอ้เบียร์มันนะ แต่..ความลับของพวกเรา” โบว์ขึ้นไปนั่งพูดบนซิงค์ล้างจาน
“มันรู้แล้ว” แป๋วบอกความจริง เรื่องที่ว่าเป็นสามสาวนักฆ่า
“ว่าไงนะ” เบ็นซ์กับโบว์ อุทานออกมา
“คือมันจะอธิบายยังไงดี เอาเป็นว่า ไว้ฉันจะอธิบายให้แกสองคนวันหลังแล้วกันนะ แต่ตอนนี้ฉันขอได้ไหม เพราะฉันรับปากน้องมันไปแล้ว”
“มันรู้ได้ยังไง แกบอกมันเหรอ ความลับนี้ ต้องไม่มีใครรู้ดิ”
“ฉันไม่ได้บอก มันรู้โดยบังเอิญ ก็ฉันบอกแกแล้วไงว่าเมื่อคืนไอ้เบียร์มันช่วยชีวิตฉัน มันรู้ตอนที่มันเปลี่ยนชุดให้ฉัน แกเข้าใจฉันบ้างไหม ฉันไม่ได้ตั้งใจ ระหว่างฉันตายกับเบียร์มันรู้ แกจะเอาอะไร เลือกเอาไอ้เบ็นซ์”
“มันก็จริงนะพี่เบ็นซ์ เรื่องมันแล้วไปแล้ว ชีวิตพี่แป๋วสำคัญกว่า หนูว่าอย่าไปโกรธพี่แป๋วเลย มาดูเรื่องปัจจุบันดีกว่า โน้น”
โบว์ชี้กลับไปที่เบียร์ที่กำลังนั่งทำหน้าบ้องแบ๊วอยู่ตรงนั้น เบ็นซ์ไม่พอใจ ยืนหมุนตัวสองรอบเอามือจับหัวตัวเอง แล้วเอามือชี้ไปที่เพื่อน จะโกรธเพื่อนรักก็ทำไม่ลง จะปฏิเสธก็ทำไม่ได้ โอ๊ย..ทำอะไรไม่ถูกเลยว่างงั้น
“แกทำอะไร ทำไมถึงไม่มาปรึกษากันก่อน รู้ไหมว่าแกทำอะไรลงไปไอ้แป๋ว ความซวยจะมาเยือนพวกเราโดยไม่รู้ตัว รู้ไหม”
“ฉันขอโทษ ฉันลืมนึกถึงเรื่องนั้นไป บอกตามตรงฉันก็เหงาเป็นนะแก”
“อะไรวะ ตั้งนานยังอยู่มาได้ พอมาเจอไอ้เบียร์เข้าบอกเหงามาเลยนะแก”
“นะนะ เพื่อนนะ ฉันขอรับรองว่า จะดูแลไอ้เบียร์มันอย่างดี และจะไม่ทำให้พวกแกสองคนเดือนร้อนเป็นอันขาด”
เบ็นซ์หันไปมองโบว์ “เอาไง” โบว์พยักหน้า กวักมือบอก เออๆ
“ก็ได้ไอ้แป๋ว” แล้วก็หันมาบอกเพื่อน “แกดูแลคนของแกให้ดีนะ อย่าให้มาวุ่นวายกับงานของพวกเราก็แล้วกัน”
“ฉันรับรอง..ขอบใจมากเพื่อน โบว์ด้วย” โบว์พยักหน้า
“พี่แป๋ว” แป๋วหันมา
“ดีใจด้วยนะที่ได้น้องสาวกลับมาอยู่ด้วยแล้ว..แบบนี้ต้องฉลอง เย้” แล้วก็ทำท่าดีใจ ยิงพลุ
“อีบ้า พี่ตกใจหมดนึกว่าจะพูดอะไร”
แล้วทั้งสามคนก็เดินออกมาจากครัว ยิ้มเฮฮาร่าเริงตรงมาหาเบียร์
“ถ้าหนูเดาไม่ผิด พี่เบ็นซ์คือนางเสือดาว และพี่โบว์ก็คือนางแมวป่า หนูเดาถูกไหมคะ” เบียร์เฉลยสิ่งที่ติดใจมานาน
“เก่งมาก แล้วรู้ได้ไง ว่าใครเป็นใคร” โบว์เอามือซ้ายตบไปที่ไหล่ขวาเบียร์เบาๆ
“เดาจากรูปร่างและความถนัดค่ะ”
“เก่งนี่” เบ็นซ์ชมเบียร์
“แล้วจำไว้นะ ว่าอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเชียว เมื่อรู้แล้วก็กรุณาเหยียบและเก็บไว้เป็นความลับด้วย เพราะมิฉะนั้นแล้ว คนที่เดือดร้อนไม่ใช่ใคร จะเป็นตัวแกเองนั่นแหละไอ้เบียร์” เบ็นซ์กล่าวย้ำอีกครั้ง
“ค่า..พี่สาวรับรองหนูไม่บอกใครหรอกสัญญา..หนูกลับดีใจเสียมากกว่า ที่จะได้กลับมาอยู่กับพวกพี่ๆอีกครั้ง เหมือนตอนที่อยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหนะหนูไม่เคยลืมภาพวันวานวันนั้นเลย เพราะเราคือเด็กกำพร้าเหมือนกันไงพี่ หนูถึงบอกไงว่า หนูไม่มีวันทำอะไรให้พวกพี่ๆ ไม่สบายใจหรอก ความจริงที่ปรากฏ ในตอนนี้ก็คือ หนูได้ครอบครัวของหนูคืนมาแล้วต่างหาก”
“ดีมากน้องสาวที่น่ารัก” โบว์กล่าว แล้วก็อ้าแขนรับสมาชิกใหม่ เบียร์ก็โผเข้าไปกอดโบว์ แล้วก็หันไปกอดเบ็นซ์
“แล้วนี่ตกลงจะให้น้องเค้าอยู่ที่ไหนหละเนี่ย”
“ก็คงห้องเก็บของที่เหลือนั่นแหละ นานแล้วคงพอจะอยู่ได้ อาจจะเล็กไปสักหน่อยนะ”
แล้วก็พาไปที่ห้องนั้น เดินตรงไปนิดเดียวเอง พอมาถึงก็เปิดประตูเข้าไป ฝุ่นฟุ้งเลย ทุกคนเอามือปิดจมูก แป๋ว และโบว์รีบเปิดหน้าต่างระบายกลิ่น
“นี่นะเหรอพี่แป๋ว ที่บอกว่าเล็ก ใหญ่กว่าบ้านหนูที่สลัมอีก”
“เอาหละๆ จะอะไรก็เถอะ ขนเอาข้าวของที่ไม่จำเป็นออกก็คงพออยู่ได้ เรื่องอื่นค่อยว่ากัน” เบ็นซ์รีบบอกเพราะฝุ่นฟุ้งมาก
“พี่ขอตัวก่อนนะแพ้ฝุ่น” แล้วเบ็นซ์ก็เดินออกไป
“ไม่ต้องขนออกหรอกพี่ ขยับๆไปไว้อีกทางก็พอแล้ว ของหนูไม่เยอะหรอก แค่ได้มาอยู่กับพี่หนูก็ดีใจแล้ว มีแค่ชุดทำงานกับชุดลำลองไม่ถึง 20 ชุดหรอก ตู้นั้นใบเดียวก็น่าจะพอ”
“ก็เอาที่แกสบายใจเลย ฉันถือว่า ฉันทำตามสัญญากับแกแล้วนะน้องสาว”
“ขอบคุณค่ะพี่” แล้วเบียร์ก็กอดแป๋ว แป๋วหอมแก้มน้องสาว แล้วก็ลูบหัว
“ตามสบายนะ พี่ขอตัวก่อน”
แล้วเบียร์ก็จัดการปัดกวาดเช็ดถูห้องใหม่ของตัวเอง
“ถ้าร้อน เรื่องแอร์เดี๋ยวพี่จัดการให้ทีหลังนะ”
“โอ๊ย..ไม่เป็นไรหรอกพี่ อยู่สลัมจนชินแล้ว ไม่ต้องติดหรอกเปลืองเปล่าๆ”
“ตามใจ..อ้อ อีกเรื่อง ห้องนี้ไม่มีห้องน้ำในตัวนะ เพราะเขาออกแบบมาให้เป็นห้องเก็บของไม่ใช่ห้องนอน”
“ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหาพี่ ก็อย่างที่บอก อยู่สลัมอาบน้ำกลางแจ้งมาตั้งแต่เด็ก เรื่องแค่นี้เดะๆ ส.บ.ม.ย.ห.”
“ไอ้ขี้โม้ พี่ยกห้องน้ำห้องข้างๆนี้ให้เลยแล้วกัน ดูแลทำความสะอาดเอาเองนะ ก็ไม่ค่อยมีใครใช้หรอก นอกจากแม่บ้าน เดี๋ยวพี่จะให้เค้าไปใช้ห้องน้ำในครัวแทนก็แล้วกัน”
“ขอบคุณมากค่ะ เดี๋ยวที่เหลือหนูจัดการเอง”
“จร้า..แม่คนขยัน” แล้วแป๋วก็ค่อยๆเดินออกไป
“พี่แป๋วไปเถอะ มีอะไรก็ไปทำ ไปนอนพักเถอะ ยังไม่แข็งแรง ทางนี้หนูทำเองได้ สักพักหนูจะออกไปขนของนะพี่”
“เคร มีอะไรก็บอกนะ เอ้าๆ”
“อะไรพี่”
“กุญแจห้องนี้เอาไปปั๊มเอาเอง”
“แล้วพี่ไม่ใช้เหรอ”
“วันนี้คงไม่ออกไปไหนแล้วหละ ยังเจ็บแผลอยู่เลย ขอนอนพักดีกว่า ส่วนการ์ด เดี๋ยวพี่จะขอไว้ให้ กลับมาจะได้มีไว้ใช้”
“ขอบคุณมากนะพี่ หนูเกรงใจพี่มากๆเลย”
“ไม่เป็นไร ก็เรามันพี่น้องกัน ที่นั่นมันไม่ปลอดภัย พี่ก็ห่วงแกเหมือนกันย้ายมาอยู่ด้วยกันซะที่นี่แหละดีแล้ว”
“จร้า หนูรักพี่นะพี่แป๋ว พี่แป๋วดีกะหนูมากเลย” แล้วน้ำตาเบียร์ก็เริ่มไหล
“ไม่เป็นไร ไม่เอา ไม่ร้อง ขี้แยไปได้เด็กบ้า พี่ไปแล้ว ตามสบาย”
((((( ----- )))))
บ่ายสามตามเวลา อัธวิทย์มารอขิงตามนัด เพราะขิงขอเปลี่ยนที่มาเป็นปั๊มน้ำมัน
“ทำไมต้องเปลี่ยนสถานที่นัดหละ”
“เอาเถอะน่า อย่าถามได้ไหม ยังไงฉันก็มาแล้ว”
“ทานอะไรรึยัง..เอ้าผมเอามาฝาก” อัธวิทย์ส่ง แฮมเบอร์เกอร์และขวดชาเขียวให้
“ขอบใจ จะไปกันได้รึยัง”
“ถามจริงกลัวอะไร”
“บอกแล้วไงว่าอย่าถาม จะไปกันรึยัง” ขิงคาดเข็มขัด แล้วก็ค่อยๆเลื่อนตัวลง
“ทำอะไร”
“ไป บอกให้ไป เร็ว” ที่จริงขิงหลบคนของพ่อ เพราะรู้ว่ามีคนแอบตามดูเธอมาพักนึงแล้ว
พอรถของอัธวิทย์ออกไปคนของแทนไทก็รีบโทรรายงาน
“ไปแล้วครับนาย จะให้ผมตามต่อไหม”
“ไม่ต้องปล่อยมันไปก่อน แกกลับไปช่วยงานที่ผับก่อน”
“ครับนาย” แล้วคนของเสี่ยก็ถอยกลับไปตามที่เสี่ยบอก..ทั้งสองคนมาซุ่มดูเบ็นซ์ที่คอนโดตามที่ได้ข้อมูลมา สักครู่เบียร์ก็ลงมาจากรถ Taxi และขนข้าวของเครื่องใช้พร้อมกระเป๋าอีก 2 ใบ เดินเข้าไปในคอนโด ทำให้สองคนนั้นงง ว่า เบียร์มาทำอะไรที่นี่
“นั่นมันยัยเบียร์นี่ผู้กอง มาทำอะไรที่นี่”
“นั่นซิ ผมก็อยากจะรู้เหมือนกัน ดูต่อไปก่อน”
เบียร์หายเข้าไปสักพัก ไม่ถึง 15 นาที ก็เดินออกมาพร้อมกับเบ็นซ์และโบว์
“นั่นมันเบ็นซ์คนที่เรามาสืบใช่ไหม”
“ใช่” อัธวิทย์พูดไปพร้อมกับจับตาดูคนทั้งสาม กำลังเดินหัวร่อต่อกระซิก ตรงมาที่รถ
“แล้วอีกคนนั่นใครหละ” เบ็นซ์กดรีโมททั้งหมดก็ขึ้นรถ
“ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นน้องสาวของเบ็นซ์ บัวบูชา ชื่อเล่นโบว์”
“ที่จริงไอ้เบียร์มันรู้จักคนที่ชื่อเบ็นซ์อยู่ก่อนแล้วนี่ มิน่าหละ ถึงมีพิรุธเวลาที่บอกให้จับตาสืบ แล้วจะเอาไงดีหละคราวนี้ จะกันเบียร์ออกไปดีไหม” ขิงเริ่มไม่ไว้ใจเบียร์แล้ว
“ไม่ต้อง เราอย่าพึ่งให้เขารู้ว่าเรารู้ ว่าเขารู้จักกัน ไม่งั้นเดี๋ยวเบ็นซ์จะไหวตัวซะก่อน นั่นพวกนั้นกำลังถอยรถออกไปแล้ว”
อัธวิทย์บอกให้ขิงเตรียมตัว เพราะเขากำลังจะออกรถ อย่าลืมคาดเข็มขัด
“พร้อมไหม”
“พร้อมตั้งแต่มาถึงแล้ว”
“ดี..งั้นก็ลุย”
แล้วอัธวิทย์ก็ขับรถตามพวกสามสาวไป
***** ----- *****
เพ็ญออกมาจากบ้านเพราะไม่อยากทะเลาะกับพ่อ ไม่รู้จะไปไหนจึงมาหาเบียร์แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะเบียร์พึ่งย้ายของออกไปก่อนหน้าเธอเสร็จเพียงไม่กี่นาทีนี่เอง โทรไปหลายครั้งก็ไม่รับ ส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน เมื่อไม่เจอและติดต่อไม่ได้ ก็เลยเดินกลับออกมา ขาเข้าไม่มีอะไร แต่ขากลับนี่ซิ มี..พวกขี้ยาแถวนั้น 4 คน เห็นว่าเพ็ญสวยและน่ารักท่าทางนุ่มนิ่มเดินเข้ามาคนเดียวตั้งแต่ทีแรกจึงมาดักเพราะยังไงก็ต้องกลับออกมา จึงมาดักหน้าไว้ก่อน
“จะไปไหนจ๊ะคนสวย” ขี้ยาคนนึงเดินมาก็ล่อก็ติกเพ็ญ เอื้อมเอามือเชยคาง เพ็ญเบือนหน้าหลบ อีกคนก็มาดักข้างหลัง
“สวย แต่ทำไมใจดำจัง 5555+”
“ถอยไปนะ ฉันไม่รู้จักพวกแก”
“แต่พี่อยากรู้จักน้องนี่จ๊ะคนสวย อะจ๊าก” คนที่สามแซวบ้าง
“เอ๊ะ ก็ฉันบอกว่า ไม่อยากรู้จัก หลีกไป ฉันจะกลับ”
“ฮั่นแน่ คนสวยโกรธซะแล้วหวะ” คนที่สี่ประสมโรงอีกคน
ทั้งหมดก็ไม่ยอมปล่อยให้เพ็ญไปไหน ต้อนหน้าต้อนหลังอยู่นั่นแหละ เพ็ญวิ่งหนีกลับไปทางบ้านเบียร์ ทั้งสี่คนก็วิ่งไล่ตาม คนนึงเอื้อมมือไปดึงกระเป๋าสะพายเพ็ญได้ เธอจึงโยนทิ้งแล้วหาของแถวนั้นเหวี่ยงออกไป
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย” เพ็ญวิ่งหนีขึ้นไปจนมุมอยู่บนหน้าระเบียงบ้านของเบียร์
“เสร็จฉันหละ ร้องไปเลย ไม่มีใครช่วยน้องได้หรอก” คนที่ 1 พูดออกมา
คนที่ 2 วิ่งขึ้นไป เพ็ญจึงหยิบของใกล้มือเหวี่ยงไป แล้วกระโดดลงมาจากระเบียง ดีนะที่ใส่ผ้าใบ แต่กระโปรงขาดเป็นทางยาวเลยเพราะโดนตะปูแถวนั้นเกี่ยว แล้วก็วิ่งหนีออกไปอีกทาง
“ตามไป” คนที่ 3 ตะโกนบอก ที่เหลือจึงวิ่งกรูตามออกไป
ระหว่างนั้นหมูกับอิงฟ้าเดินเข้ามาพอดีว่าจะมาส่งข่าวให้เบียร์เพื่อไปบอกกับที่หน่วยเพราะอยู่ใกล้ที่สุด หมูจำกระเป๋าสะพายของเพ็ญได้ จึงเก็บขึ้นมา “ของเพ็ญนี่ อิง รีบไปเร็ว เกิดเรื่องแล้ว”
“เรื่องอะไร ใคร..รอด้วย”
แล้วหมูกับอิงฟ้าก็รีบวิ่งไปยังบ้านเบียร์ทันที พอไปถึงก็เห็นสภาพหน้าบ้านกระจัดกระจาย มองไปรอบๆเห็นที่ขอบระเบียงมีเศษผ้าขาดติดอยู่พอประมาณ จึงเดินไปหยิบมาดู “เพ็ญ” แล้วก็รีบวิ่งตามเศษของที่กระจายตามพื้นไป
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
เพ็ญร้องให้คนช่วย เพราะโดนพวกขี้ยา 4 คนลากเข้าดงหญ้าข้างสลัม ร้องเท้าหลุดกระจัดกระจาย เสื้อผ้าโดนดึงฉีกขาดเห็นเสื้อใน กระโปรงโดนฉีกให้กว้างขึ้นกว่าเดิมสูงจนเห็นชั้นใน คิดว่าคงไม่รอดแล้วตอนนี้ ใจตอนนี้ไม่คิดถึงใครนอกจากคนที่เธอรักคือเผด็จ มือของเธอสองข้างถูกกดลงกับพื้น เท้าก็ถูกจับกดไว้เช่นกัน ขี้ยาแต่ละคนเริ่มปลดกางเกงชั้นนอกของตัวเองลง
“อาเต๋า ช่วยด้วย อยู่ที่ไหน ช่วยหนูด้วย อ๊าย อย่านะ”
หัวหน้าขี้ยา เริ่มเอาหน้ามาหอมแก้มซ้ายขวา ที่เหลือก็จับแขน จับขาไว้
“เร็วซิพี่ ผมอยากแล้วนะ ขาวๆอวบๆแบบนี้ผมชอบ”
หัวหน้าไม่สนใจไม่ตอบ ทำงานอย่างเดียว สักพักที่หัวเหมือนมีใครมาดึงขึ้น แล้วส้นตีนก็ตามมา ความจริงที่ปรากฏ ก็คือหมูและอิงฟ้า มาช่วยได้ทันเวลานั่นเอง อิงฟ้าเล่นงานขี้ยาสลบเหมือดไปสองคนด้วยท่อนไม้ ส่วนหมูก็เก็บอีกสองคนที่เหลือ ตัวหัวหน้าโดนส้นตีนหมูสลบไปเรียบร้อย คนสุดท้ายยังพอมีแรงดึงกางเกงขึ้นและชักมีดสั้นออกมาหมายจะแทง หมูใช้ความว่องไวหลบได้และจัดการจนหมอบไปอีกคน อิงฟ้าวิ่งไปดูเพ็ญ หมูวิ่งตามมา ถอดเสื้อแจ๊คเก็ตสวมให้เพ็ญ เพราะสภาพดูไม่ได้
“เป็นอะไรมากรึเปล่าเพ็ญ”
เพ็ญไม่พูดอะไร กลัวจนพูดอะไรไม่ออก สักพักก็สลบไปเลย อิงฟ้าเห็นท่าไม่ดี จึงให้หมูรีบไป
“หมู ฉันว่าเรารีบออกไปจากนี้ก่อนดีกว่า ก่อนที่พวกมันจะฟื้นขึ้นมา”
“ก็ดีเหมือนกัน” แล้วหมูก็อุ้มเพ็ญออกไปจากตรงนั้น แล้วพาไปที่ห้องของอิงฟ้า
[[[[[ ===== ]]]]]
“พลาดได้ยังไงดรัณ” ฉัตรเทพ โมโหมากที่สองสาวทำงานผิดพลาดในครั้งนี้
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะนาย”
“รู้สึกว่าระยะหลังพวกสาวหน้ากากจะทำงานพลาดบ่อยขึ้นแล้วนะ”
“ดิฉันขออภัยกับความผิดพลาดในครั้งนี้ค่ะนาย”
“สัตยา”
“ครับนาย”
“แกไปตามเก็บกวาดด้วย ถ้าไอ้สองคนมันยังลอยนวลอยู่แบบนี้ ฉันนอนไม่หลับแน่ ไป”
“รับทราบครับนาย” แล้วสัตยาก็รีบออกไปทำตามคำสั่งนาย
“แล้วเรื่องนักธุรกิจที่ชื่อ ดร.วีระหละ ไปถึงไหนแล้ว”
“นังโบว์มันบอกว่า จะเริ่มงานได้คืนวันอาทิตย์ที่จะถึงนี่ค่ะนาย”
“เออ ฉันจะลองเชื่อใจพวกมันดูอีกสักครั้งนึง ถ้าพลาดอีก คราวนี้ฉันไม่เลี้ยงเอาไว้แน่”
“ได้ค่ะนาย แล้วดิฉันจะเตือนมันอีกครั้ง”
“แล้วพวกรุ่นใหม่เป็นไงบ้าง ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว”
“กำลังฝึกอยู่ค่ะนาย”
“ดี หวังว่าคงไม่ทำให้ฉันผิดหวังอีกนะดรัณ”
“แน่นอนค่ะนาย อายุน้อยกว่า สดกว่า สาวกว่า และเด็กกว่า มันย่อมดีกว่า พวกอายุเยอะๆอยู่แล้วแน่นอน”
“ฉันก็หวังให้มันเป็นอย่างนั้นนะ ดรัณ แล้วอีกนานไหมกว่าที่จะออกมาทำงานให้ฉันได้”
“ใจเย็นๆนาย เราพึ่งเริ่มฝึกพวกนี้ได้ไม่นาน ต้องรอสักพัก แต่เรื่องที่ว่าจะให้เก่งเท่ากับสามสาวคงยาก เพราะเพดานบินมันต่างกันค่อนข้างมาก ถึงจะเก่าแต่ฝีมือยังถือว่าอยู่ในขั้นดี”
“ก็รีบๆทำให้มันแกร่งและดีกว่ารุ่นเดิมก็แล้วกัน อย่าทำให้ฉันผิดหวัง เข้าใจไหม”
“รับทราบค่ะนาย” แล้วดรัณก็รีบกลับไปฝึกฝนพวกเด็กใหม่ต่อไป
***** ----- *****
ทางด้านเผด็จได้ติดต่อกลับไปที่ศูนย์เมืองกาญจน์ ให้กันตภณ ส่งชุดปฏิบัติการที่พึ่งออกแบบใหม่ไปให้ด่วน 3 ชุด
“เอาไปทำอะไรเจ้านายตั้ง 3 ชุด”
“ไม่ต้องถาม”
“เสร็จจริงๆแค่ 2 เอง”
“เสร็จเท่าไหร่ส่งให้ก่อนด่วนเลย ฉันต้องรีบใช้ ที่เหลือค่อยส่งตามไป”
“ได้ครับตามสั่งเลย เจ้านาย”
“เอ้อ แล้วทางคร้ามว่าไงที่ให้ไปสืบ ได้อะไรมาบ้าง ไม่เห็นรายงานเลย”
“พึ่งได้มาสดๆร้อนๆเมื่อเช้านี้เลย น้าแกพึ่งเอามาให้ เดี๋ยวผมจะส่งทั้งภาพและเสียงใส่แฟลชไดรฟ์ไปให้เจ้านายพร้อมของเลยแล้วกัน จบไหม”
“ดีมาก เอ้อ เทียนหอมอยู่แถวนั้นไหม”
“อยู่ครับ..พี่หอม เจ้านายขอสาย” แล้วก็ส่งโทรศัพท์ให้เทียนหอม
“มีอะไรเจ้านาย”
“พรุ่งนี้เธอรีบมาที่กรุงเทพ เอาแม่ฉันมาด้วย ถือของที่ฉันให้เอามาไปเอาจากกันตภณ และรีบติดต่อเนตรนภาให้ฉันด้วย”
“มีอะไรเหรอเจ้านาย ถึงต้องย้ายนายแม่ไปที่ กรุงเทพ อย่าบอกนะว่า”
“ไม่ต้องถาม ก็นั่นแหละ อย่างที่เธอคิดนั่นแหละ”
“นี่เจ้านายจะเปิดศึกกับกำนันเทิ้มแล้วเหรอ แน่ใจแล้วเหรอ”
“ล้าน% เลย บอกแล้วไง ไม่ต้องถาม”
“แล้วคราวนี้ทำไมนายไม่ติดต่อเนตรเองเหมือนเดิมหละ”
“คำถามเยอะจริงพวกแกเนี่ย ให้ทำอะไรก็ทำตามที่บอกเถอะน่า”
“เข้าใจ เข้าใจค่าเจ้านาย..ไปอารมณ์เสียอะไรมาเนี่ยเจ้านายเรา” เทียนหอมบ่นเบาๆแก้กลุ้ม
“บ่นอะไร ได้ยินนะ..แล้วเจอกัน ถ้ามาแล้วไม่เจอฉันบอกแม่ด้วยว่าฉันติดธุระ”
“เดี๋ยวนาย ของอะ..ไร” ไม่ทันแล้ว เผด็จวางสายไปเรียบร้อย จึงหันไปถามกันตภณ
“ของอะไรวะที่นายจะเอา”
“โน้นไง 2 ชุดผมจัดใส่กล่องไว้ให้แล้ว พร้อมแฟลชไดรฟ์อีก 1 ตัว อยู่ในกล่องแล้ว พี่ให้คนขนไปใส่รถได้เลย”
กันตภณดูเวลาที่ข้อมือ “นี่ก็มืดแล้วนะพี่รีบไปเก็บของเถอะเดี๋ยวทางนี้ผมจะช่วยเอง นายแม่สำคัญกว่า”
“ขอบใจมากไอ้น้องชาย”
“ไม่เป็นไร อีกอย่างผมจะได้มีเวลาเตรียมตัว ยึดเส้นยึดสายบ้าง นานแล้วที่ไม่ได้ลุยอะไรมันส์ๆแบบนี้”
“ไปหละ..น้าคร้าม พรุ่งนี้เดินทางเช้ามืดนะ อย่าตื่นสายหละ”
“คร๊าบ..หัวหน้า”
[[[[[ ===== ]]]]]
เบ็นซ์ โบว์และเบียร์ ได้มาเดินถนนข้าวสารอย่างที่ใจคิดสักที อัธวิทย์และขิงก็เดินตามมาอย่างลับๆไม่ให้ใครรู้ จนเวลาได้ล่วงเลยไปเกือบ 4 ชั่วโมง โบว์จึงขอตัวแยกออกมาจากทั้งสองคน
“มองนาฬิกาทำไม เห็นแกมองนานแล้ว”
“นึกขึ้นได้ว่านัดเพื่อนไว้”
“ตอน 4 ทุ่มเนี่ยนะ”
“หนูบอกว่าลืมไงพี่ งานเขาเริ่มตั้งแต่ทุ่มแล้ว หนูขอตัวไปก่อนหละแล้วเจอกันวันจันทร์นะ”
“อะไรพี่ งานอะไรทำไมเจอกันวันจันทร์”
“ช่างมันเถอะเบียร์เราไปของเราดีกว่า นานๆ จะได้ออกมาเที่ยวแบบนี้สักที”
จากนั้นโบว์ก็โบกมือบ๊ายบายลาเพื่อนทั้งสองคน อัธวิทย์กับขิงเห็นโบว์เดินจากไป ก็คิดว่าคงจะไม่มีอะไรแล้วคืนนี้
“ดึกแล้วผู้กอง กลับเถอะฉันง่วงแล้ว ไม่เห็นจะมีอะไรเลย”
“เอาเถอะคืนนี้ถือว่ารอดตัวไป พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่”
“พรุ่งนี้คู่ใครนะผู้กอง”
“เพ็ญกับเบียร์” ทำให้อัธวิทย์ต้องคิดหนัก ทำหน้าไม่ถูก
“คิดแบบฉันอยู่ใช่ไหมผู้กอง”
“เอาน่า ดูกันต่อไปว่าเบียร์เขาจะทำยังไง อย่าพึ่งตีตนไปก่อนไข้ ไปกลับเดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไม่ต้อง ฉันกลับเองได้ ไหนๆมาถึงนี่แล้วก็ขอเที่ยวเลยแล้วกัน ผู้กองอยากกลับก็กลับได้เลย..บาย”
แล้วขิงก็เดินจากอัธวิทย์ไปดื้อๆอัธวิทย์ก็ไม่รู้จะไปไหน วิ่งตามขิงซะเลย
“ตามมาทำไม”
“ไปด้วย เที่ยวด้วย”
***** ----- *****
เพ็ญยังไม่ได้สติ หมูเป็นห่วงเพ็ญมากทั้งๆที่ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว อิงฟ้าเหลือบดูหมูแสลงใจตัวเอง จึงลุกหนีเดินออกมา แล้วมายืนดูดาวที่หน้าต่างห้อง หมูหันไปเห็นอิงฟ้ายืนนิ่งๆจึงลุกไปหา
“มีอะไรเหรออิง” อิงฟ้ายื่นบุหรี่ให้หมู หมูก็รับไป เธอจุดให้หมูก่อนแล้วค่อยมาจุดของเธอ ซึดเข้าไปแล้วพ่นออกมาหนึ่งครั้ง
“เป็นห่วงเด็กคนนั้นมากเลยเหรอ ดูนายประคบประหงมนางมากเป็นพิเศษ”
“ก็ที่รู้ๆกันอยู่” หมูก็พ่นออกไปอีกหนึ่งปึ๊ด
“อดีตก็คืออดีต ถึงมันจะผ่านมาแล้ว ฉันก็เข้าใจนะว่านายยังรักและเป็นห่วงนางอยู่เสมอตลอดเวลา”
“อย่าไปพูดถึงมันเลยอิง ฉันรู้ตัวของฉันดี ว่าฉันไม่คู่ควรกับเธอ พ่อเธอทำแบบนี้ก็ถูกแล้ว เพ็ญต้องมีคนดีๆคอยดูแล”
“แล้วนายไม่ดีตรงไหน..พ่อพระ เหลือเกิน”
“เปล่า..ฉันไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้น ฉันก็แค่ตำรวจจนๆไม่รวยไม่มีอนาคต พ่อแม่ที่ไหนเขาอยากจะให้ลูกตัวเองมาทนลำบาก”
“ความจริงที่ปรากฏ ก็คือนายลืมเธอไม่ได้ ต้องคอยวนเวียนปกป้องและดูแลนางตลอด นายไม่ใช่ซุปเปอร์แมนนะโว๊ยเพื่อน แต่สุดท้ายแล้ว นายก็ต้องเป็นฝ่ายเสียสละว่างั้นนางเคยเห็นความดีของนายไหมหมู”
“ช่างเถอะอิง แค่ขอให้เธอปลอดภัยและมีความสุข ฉันก็พอใจแล้ว”
อิงฟ้าไม่รู้จะพูดอะไรต่ออีกเพราะคำตอบ หมูก็ได้พูดออกมาหมดแล้ว เธอจึงได้แต่หันไปมองดูเพ็ญซึ่งนอนหลับเพราะตกใจกับเหตุการณ์ที่ผ่านมานั่นเอง และหันไปมองหมูซึ่งเป็นชายที่เธอแอบรักอยู่เช่นกัน ความจริงที่ปรากฏ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
[[[[[ ===== ]]]]]
เผด็จมาถึงคอนโดก่อนเวลาด้วยซ้ำในวันนี้ตั้งแต่ 3 ทุ่ม จัดนั่นเตรียมนี่ไว้อย่างสวยงามไว้รอหวานใจ อดใจรอที่จะพบกับคนรักอย่างใจจดใจจ่อ เขาหันไปมองดูเวลาจากนาฬิกาที่แขวนไว้ข้างฝาผนัง
“5 ทุ่มกว่าแล้ว..ทำไมยังไม่มาอีกนะ”
ไม่ทันขาดคำที่บ่นคิดถึง ก็มีเสียงดังขึ้นที่ระเบียง เผด็จค่อยๆเดินออกไปดู ก็เห็นนางแมวป่าหวานใจนั่งอยู่ที่เดิมตรงระเบียง จึงค่อยๆย่องเข้าไปหาอย่างช้าๆแล้วก็กอดเมื่อถึงตัว แล้วก็หอมแก้มซ้ายและขวาทันทีโดยไม่ให้โบว์ตั้งตัว
“พอแล้วป๊า หนูใจจะขาดอยู่แล้ว หายใจไม่ทัน ตายอดตายอยากมาจากไหนเนี่ย วันก่อนก็พึ่ง..”
เผด็จไม่พูดอะไรก็เอามือสวมกอดแล้วอุ้มแฟนสาวลงมาจากระเบียง อุ้มมานั่งลงที่โต๊ะอาหารที่เขาจัดเอาไว้อย่างสวยงาม จนโบว์ต้องเอ่ยปากชมในการจัดโต๊ะอาหารในวันนี้
“อะไรจะสวยงามขนาดนี้คะป๊า สวยมากจริงๆ”
“เพื่อน้องแมวของป๊า น้อยกว่านี้ได้ยังไง” แล้วเผด็จก็เดินไปเปิดเพลงบรรเลงเบาๆเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ
โบว์ยกนิ้วโป้งให้ แล้วเผด็จก็เดินเข้ามาโค้ง เพื่อขอเต้นรำ โบว์ยิ้มให้พยักหน้าแล้วก็ลุก เดินออกมายืนตรง แล้วย่อตัวนิดหน่อย เป็นการรับคำเชิญ แล้วทั้งสองคนก็สวมกอดเต้นรำกัน อย่างมีความสุข
“วันนี้น้องแมวของป๊าสวยมาก”
“ป๊ารู้ได้ยังไงว่าหนูสวย ป๊ายังไม่เคยเห็นหน้าที่แท้จริงของหนูเลย หนูอาจจะขี้เหล่ มีแผลเป็นที่หน้าก็ได้ แล้วนึกยังไงมาชม”
“ไม่รู้ซิ ความรู้สึกมันบอกมั้ง ว่าแฟนป๊าสวยและน่ารักมาก <โบว์แอบยิ้ม> ถึงจะมีหน้ากากที่ใหญ่เทอะทะอันนี้มาปกปิดไว้”
“หวานเข้าไป แค่นี้หนูก็หลงป๊าไม่รู้จะหลงยังไงแล้ว ไม่ต้องมาหยอดให้หนูละลายไปมากกว่านี้เลย พ่อคุณพ่อทูนหัวของบ่าว”
“ก็มันจริงนี่ <แล้วเผด็จก็ทำท่าพิสูจน์กลิ่นที่มันลอยขึ้นมาเตะจมูกเขา> น้ำหอมกลิ่นนี้ดีจัง..ไม่เคยได้กลิ่นนี้มาก่อนเลย”
“วันนี้หนูไปช๊อบปิ้งมา ได้กลิ่นแล้วชอบ ก็เลยลองซื้อมาใช้ดู ป๊าชอบเหรอ”
“ใช่ ชอบมาก กลิ่นมันแปลก ไม่เหมือนใครดี”
“ดีมาก จำเอาไว้เลยนะว่าแฟนใช้กลิ่นนี้ แล้วกรุณาอย่าไปผิดกลิ่นที่ไหนมาก็แล้วกัน หนูเอาตาย ไม่เชื่อก็ลองดู”
“จร้า..นางแมวป่าที่รัก..พึ่งรู้นะเนี่ยว่ามีแฟนเป็นคนขี้หึง”
“ช่าย รู้แล้วก็กรุณาอย่านอกลู่นอกทาง ไม่ใช่แค่หึงนะ หวงด้วยจะบอกหั้ย”
เผด็จยิ้มแล้วก็ก้มลงไปหอมที่แก้มขวาแล้วแช่ไว้ เต้นแบบจับมือมันเมื่อย จากนั้นเผด็จก็เลยเปลี่ยนเป็นแบบซบดีกว่า สบายดี โบว์ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเคยบอกเผด็จแล้วว่าจะตามใจทุกอย่าง ขออย่างเดียว อย่าขัดใจและทำให้อารมณ์เสียเป็นใช้ได้
“รู้ไหมว่าป๊ามีความสุขมากๆถึงมากที่สุดเลยนะวันนี้”
“รู้ค่ะ” โบว์กำลังเคลิ้มกับความสุข
“ทำไมถึงรู้หละ”
“จะไม่รู้ได้ไง ก็จมูกป๊าอยู่ที่แก้มขวาหนูเนี่ย”
“อ้าวเหรอ ว๊าอายจัง รู้ซะแล้ว งั้นก็เปลี่ยนมาเป็นข้างซ้ายแล้วกัน”
“เอาเลยตามสบาย มันเป็นของป๊าแล้วนี่ อะไรที่ทำให้ป๊ามีความสุข ป๊าก็ทำไปเลย หนูให้ป๊าหมดแล้วยกเว้นอย่างเดียว”
“ป๊ารู้ จำได้”
“มันยังไม่ถึงเวลา” แล้วทั้งคู่ก็พูดพร้อมกัน
สักพักโบว์ก็รู้สึกว่ามีอะไรขยับๆอยู่ที่ด้านล่างชนท้องน้อยเธอ
“ไหนบอกว่าทนได้ไงป๊า แล้วนี่อะไร” โบว์แยกตัวออกจากเผด็จแล้วชี้ไปที่เป้ากางเกง เผด็จเอามือไปกุมที่ตรงนั้น
“ขอโทษๆมันบังคับไม่ได้จริงๆ” แล้วโบว์ก็เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ พร้อมกับอมยิ้มให้กับแฟนตัวเอง และกวักมือเรียก
“หนูก็ไม่ได้ว่าอะไรนิ มันมีชีวิตก็ดีแล้ว แสดงว่าป๊าของหนูแข็งแรง ไม่ได้แก่แล้วตายด้านสักหน่อย 5555+”
“อายจัง” เผด็จค่อยๆหนีบขาแล้วเดินมานั่ง
“อดทนอีกนิดนะคะคนดี ความดีของป๊ากำลังจะสัมฤทธิ์ผลแล้วอีกไม่นานเกินรอ หนูสัญญาว่าจะไม่ทรมานป๊าอีกต่อไป ขอให้หนู Clear ปัญหาและสะสางอะไรบางอย่างให้จบก่อน” พูดไปพร้อมกับทานสเต็กไป
“จร้า ป๊ารอได้ ตราบใดที่น้องแมวยังดีและน่ารักกับป๊าแบบนี้” แล้วทั้งสองก็ทานอาหารภายใต้แสงเทียนอย่างเอร็ดอร่อย
ความจริงที่ปรากฏ ก็คือการรักษาสัญญาของทั้งสองฝ่ายนั่นเอง ความรักความเข้าใจที่เผด็จมีให้ สามารถทำให้อาชญากรคนหนึ่งกลับตัวกลับใจได้ทางอ้อม แค่นี้สิ่งที่เผด็จทำลงไปก็ถือว่าสำเร็จและสัมฤทิ์ผลตรงตามเจตนารมณ์แล้ว
หลังจากทานอาหารเสร็จ ทั้งคู่ต่างก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ เวลาจะล่วงเลยไปกี่โมงกี่ยามแล้วก็ตาม แต่เขาสองคนก็ไม่เคยสนใจ ความสุขอยู่ที่ไหนเวลามีค่ากับพวกเขาสองคนมากเพราะ อีก 7 วัน กว่าที่พวกเขาจะได้กลับมาเจอกันอีก เขาจึงใช้เวลาทุกวินาที ทุกนาทีให้เป็นประโยชน์ ไม่ปล่อยให้สูญเปล่าไปโดยไร้ค่า
โบว์หวงห้ามอยู่เพียงอย่างเดียวในร่างกายเธอ ก็คือตรงนั้นจุดสงวน ส่วนที่อื่นเธออนุญาตเผด็จหมด จึงทำให้เผด็จมีความสุขมากกับเรือนร่างของแฟนสาว..โบว์อยู่กับเผด็จเหมือนไม่มีแล้วสำหรับคำว่ายางอายของหญิงสาว
เธอนอนเปลือยกายให้เผด็จลูบไล้ทั่วทั้งสารพางกายบรรเลงเพลงรัก ไม่ว่าจะหอมจะกอดจะจูบ โบว์ให้กอบโกยความสุขตามสบายตามที่ใจของเขาและเธอต้องการ โดยไม่ใส่อะไรเลย นอกจากบิกินี่น้อยๆตัวเดียวที่ปิดจุดสงวนของเธอเอาไว้เท่านั้น
***** ----- *****
รุ่งเช้าวันอาทิตย์ วันใหม่ก็มาถึง รถของเทียนหอม ซึ่งมีคร้ามเป็นคนขับก็มาถึงบ้านเผด็จ พร้อมของที่ต้องการและผาดแม่ของเผด็จ ขนมผิงกับขนมเบื้องดีใจมากที่ย่ามาแบบเซอร์ไพร์ส
“ไหนบอกว่าไม่มาไงคะย่า”
“เซอร์ไพร์สมากจริงๆ” ขนมเบื้องแซว
“เอาหละเด็กๆอย่าพึ่งกวนคุณย่านะครับ ให้คุณย่าไปพักก่อน เอาเธอพาคุณย่าไปที่ห้องที่จัดไว้ซิ”
เทียนหอมบอกคนรับใช้ให้พาคุณย่าไปพัก
“น้าหอมมาเที่ยวกี่วันครับ” พูดไปมือก็รื้อข้าวของที่เอามาด้วย จนเทียนหอมต้องตีมือเบื้อง
“นี่แหนะ คุณหนู น้าหอมบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามยุ่งของคุณพ่อ”
“อะไรคะน้าหอม สองกล่องเนี่ย” ขนมผิงอยากรู้
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ของคุณพ่อ อยากรู้ต้องไปถามคุณพ่อเอาเองนะ”
แล้วก็หันไปเรียกคร้ามมาขนของไปเก็บไว้ที่ห้องทำงานเจ้านาย
“น้าคร้าม น้าคร้าม มา ขนของเจ้านายไปไว้ที่ห้องทำงานก่อน”
แล้วคร้ามก็เดินเข้ามา ทยอยขนของไปเก็บไว้ที่ห้องทำงานเผด็จ แล้วก็มองหาเจ้านาย
“มองหาใครคะน้าหอม” ขนมผิงเห็นเทียนหอมมองซ้ายมองขวา “เจ้านาย” เทียนหอมตอบสั้นๆ
“ถ้าหมายถึงพ่อ ไม่อยู่หรอก ผมไม่เห็นตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ไม่รู้ว่าหายออกไปไหน” ขนมเบื้องตอบแทน
“เหรอ ช่างเถอะ เมื่อวานเค้าก็บอกน้าแล้วหละ ว่าถ้ามาไม่เจอ แสดงว่า กำลังทำงานอยู่”
“งานอะไรวันอาทิตย์ พ่อนี่แปลก ชักเริ่มจะกลับมาบ้างานอีกแล้ว” ขนมผิงบ่นออกมาเสียงดังเลย
“ดูพูดเข้าคุณหนู ไม่เอา อย่าไปบ่นพ่อแบบนั้น ไปๆ น้ามีของมาฝากทุกคนด้วย”
แล้วทั้งสามคนก็เริ่มขนของที่เหลือไปเก็บ และแยกย้ายกันพักผ่อน
[[[[[ ===== ]]]]]
< กล่าวถึงชีวิตของเพ็ญ > ย้อนหลังไปในอดีตเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เพ็ญได้เจอกับเบียร์ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของฉัตรเทพ โดยบังเอิญ ซึ่งขณะนั้นเพ็ญและเบียร์มีอายุแค่เพียง 3 ขวบเท่านั้น เพ็ญพึ่งมาอยู่ใหม่ไม่มีเพื่อนเห็นเบียร์นั่งเล่นอยู่คนเดียวก็เลยเดินเข้าไปทักทายตามประสาเด็ก
“เธอ เธอ ชื่ออะไร” เบียร์หันมา
“เราชื่อเบียร์ แล้วเธอหละ” เบียร์ตอบ แล้วก็ยิ้มให้
“เราชื่อเพ็ญ มาเป็นเพื่อนกันนะ” เพ็ญชักชวนเพื่อนใหม่
“ได้ซิ ป่ะ..ไปเล่นตรงโน้นกัน” เบียร์ตอบรับคำขอ
ทั้งสองก็วิ่งเล่น ตักดินตักทรายเล่นกันไปตามประสาเด็ก จากนั้นก็สนิทกันเพราะว่าบ้านของเบียร์อยู่แถวนั้น จึงมาวิ่งเล่นกันเป็นประจำที่สนามเด็กเล่นของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเสมอเมื่อมีเวลาว่าง เพราะแม่ของเพ็ญเป็นคนรวยมาก่อนมีคนรับใช้ไม่เคยทำงานแบบนี้ พอย้ายบ่อยก็จ้างใครไม่ได้ต้องทำงานทุกอย่างคอยซักผ้ารีดผ้า และทำกับข้าวให้สามี ไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูกเท่าใด เห็นลูกมีเพื่อนเล่น ก็สบายใจหายห่วง
เชี่ยว ซึ่งขณะนั้นมียศแค่สารวัตร ได้รับตำแหน่งใหม่ๆได้ย้ายมาประจำแถวคลองเตย/ศาลาแดง/วัฒนา ครอบคลุมบริเวณนั้น จึงมาสอดส่องและดูแลแถวนี้ พอไม่มีเวลาก็พาลูกมาฝากไว้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ชั่วคราว และให้เรียนหนังสือที่นี่ด้วย ทำให้เพ็ญมีเบียร์เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว
พ่อของแม่เบียร์ได้ทำงานเป็นสายให้กับเชี่ยวอยู่ประมาณ 2 ปี ก็ได้เสียชีวิตลง เพราะโดนพวกค้ายาจับได้ว่าเป็นสายจึงฆ่าทิ้งทั้งคู่ ขณะที่เบียร์สูญเสียพ่อแม่ไปในตอนนั้น เชี่ยวจึงได้รับอุปการะและเอาเบียร์มาอยู่ด้วยทันทีเพื่อจะได้เป็นเพื่อนกับเพ็ญ เพราะพ่อแม่ของเธอถือว่าตายในหน้าที่ พอเบียร์โตขึ้นจึงมาเป็นตำรวจ เพราะจำฝังใจมาตั้งแต่เล็กๆว่าพ่อแม่ตายยังไง
หลังจากรับอุปการะได้ไม่นานนักไม่ถึง 6 เดือน เชี่ยวก็ถูกย้ายให้ไปประจำที่อื่นอีก เพราะทำงานผิดพลาด ทำให้เชี่ยวไม่สามารถพาเบียร์ไปด้วยได้ เลยต้องฝากให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ารับดูแลต่อไป เพ็ญกับเบียร์ก็เลยต้องจากกันตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา เพ็ญกับเบียร์จากกันตอนอายุ 5 ขวบ ช่วงปี 2 ปีแรก ทั้งสองคนก็เขียนจดหมายหากันบ้างเป็นประจำตามประสาเด็ก แต่เป็นเพราะเชี่ยวเป็นตำรวจมีการโยกย้ายตำแหน่งบ่อย จึงทำให้ทั้งสองคนเริ่มขาดการติดต่อไป จนเงียบหายไปในที่สุด
7 ปีผ่านไปทั้งสองคนก็ได้โคจรมาพบกันอีกที่โรงเรียนสตรีแห่งหนึ่งในย่านฝั่งธนฯ เพราะมีการเข้าค่ายลูกเสือและเนตรนารี จึงทำให้เพื่อนสนิทสองคนได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
“ไอ้เบียร์”
เพ็ญจำเพื่อนได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นตัวจริงกันเลยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ที่จำได้ก็เพราะทั้งสองต่างส่งรูปอัฟเดทให้กันเสมอ
“ไอ้เพ็ญ..ดีใจจังที่ได้พบแกที่นี่”
“ใช่ ฉันก็ดีใจ ดีนะที่ฉันตัดสินใจมา ทีแรกคิดว่าจะไม่มา มันน่าเบื่อ” เพ็ญระบายให้เพื่อนฟัง
“ใช่ ฉันก็เหมือนกัน ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน ก็เลยมา” เบียร์ก็ระบายเช่นกัน
“ไปไป ไปหาที่นั่งคุยกัน” เพ็ญชวนเพื่อนหาที่นั่ง
“ยังไปไม่ได้”
“ทำไม”
“ก็ยังรายงานตัวไม่เสร็จ แกก็เหมือนกัน ไปรวมที่โรงเรียนแกก่อน แล้วเย็นๆค่อยมาเจอกัน”
“เออ ใช่ เกือบแล้ว ก็มันดีใจที่ได้เจอแก ไปหละ”
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งสองก็กลับมาสนิทกันเหมือนเดิมเหมือนเมื่อ 10 ปีก่อนโน้น และทำตัวติดกันเหมือนปาท่องโก๋ ตั้งแต่ขอไลน์ขอเบอร์กันเพราะยุคสมัยที่ได้เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เพื่อนได้กลับมาเจอกันอีกในครั้งนี้ เรียนไหนก็เรียนด้วยกัน กินไหน นอนนั่น เหมือนฝาแฝด เป็นเพราะเบียร์อยู่ตัวคนเดียวจึงไปไหนมาไหนได้สะดวกกว่าเพ็ญซึ่งได้กลายเป็นคุณหนูลูกคนดังไปแล้ว เพราะตอนนั้นคุณพ่อของเพ็ญเริ่มมีตำแหน่งที่สูงขึ้นตามลำดับความสามารถ ได้กินตำแหน่งใหม่ พล.ต.ท. หรือ พลตำรวจโท .. เรียก.. ผู้ช่วยผู้บัญชาการ นั่นเอง
เมื่อทางกรมตำรวจเปิดโครงการ รับตำรวจหญิง หลักสูตรพิเศษ 4 ปี ทั้งสองคนจึงเข้าร่วมโครงการนี้ด้วย จึงทำให้ทั้งสองคนเรียนจบและมาเป็นตำรวจตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
***** ----- *****
บ่ายวันอาทิตย์ หลังจากที่เบ็นซ์เสร็จสิ้นภารกิจ ก็พอมีเวลาที่จะทวงสัญญากับเผด็จได้ จึงได้โทรหาและนัดเผด็จ ซึ่งเป็นวันอาทิตย์วันเดียว วันสำคัญของเขากับนางแมวป่าเสียด้วย และโทรมาได้จังหวะพอดี ที่เผด็จกำลังดื่มนมสดตรงจากเต้าของแฟนสาวอยู่ทีเดียว
< เพลง ดื่มนม – ของเด็กอนุบาล >
https://www.youtube.com/watch?v=k_JH9jgN1UE
เผด็จกำลังเพลินกับการดูดนมแฟน 55555+ เข้าใจหาเพลงเปิดประกอบบรรยากาศเนาะ
ทั้งสองกำลังเพลินอยู่กับความสุข ซึ่งเธอเองก็ยอมเท่าที่จะยอมได้ ตราบใดที่เธอยังใจแข็งไม่ยอมให้เผด็จล่วงเกินอธิปไตยของเธอตรงนั้น ซึ่งเผด็จก็เป็นสุภาพบุรุษพอ เมื่อนางแมวป่า ยังไม่พร้อมที่จะให้เลื่อนขั้นจากแฟนเป็นสามี เขาก็จะไม่ใช้วิธีขืนใจหรือที่เราเรียกว่าปล้ำนั่นเอง เพราะผลที่ออกมา มันคงจะได้ไม่คุ้มเสีย เผด็จคิดแบบนั้น ได้แค่นี้ก็พอใจแล้ว มีความสุขดี
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ครั้งแรก เขาไม่สนใจ พอดับ สักพักก็มาอีกดังอยู่นาน เขากำลังเพลินกับการดื่มนมสดจากเต้าแฟน เสียงยังดังอยู่เขาจึงเอื้อมมือจะไปรับทั้งๆที่ปากยังคงค้างอยู่ที่เต้าแฟน เพราะเสียงมันดังน่ารำคาญ
โบว์เอามือตบแก้มเผด็จไม่แรงมากไม่พอใจที่เผด็จสนใจโทรศัพท์ทั้งๆที่สัญญากับเธอไว้แล้วว่า วันนี้จะไม่รับงานและติดต่อใคร เผด็จก็เลยไม่สนใจ เสียงโทรศัพท์ดับไปอีก เปลี่ยนจากข้างเดิมเป็นข้างใหม่ สักพักเบ็นซ์ก็โทรมาอีกจึงทำให้โบว์ไม่พอใจอารมณ์เสีย ผลักเผด็จออกจากอกเธอทันที
>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<
โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 21 .. “ กลลวง ”
ตอนที่ 20 .. “ ความจริงที่ปรากฏ ”
นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 651
แสดงความคิดเห็น