บทที่ 75 ห้องท้องพระโรง
บทที่ 75 ห้องท้องพระโรง
“ถ้ามันเป็นของดีขนาดนี้ราคาในตลาดมืดคงจะอยู่ที่หลายหมื่นเครดิตแน่ ๆ” ไนท์มูนกล่าว
ลู่หยางรู้ราคาของชิ้นนี้เป็นอย่างดีแต่เนื่องมาจากเขาคือผู้ที่มาเกิดใหม่ หากเขาต้องการหาเงินมันก็มีวิธีการอีกอย่างมากมายไม่จำเป็นจะต้องขายของชิ้นนี้อีกไป
นอกจากนี้พวกฉิงชางยังมีชื่อเสียงในเรื่องรักพวกพ้อง ชายหนุ่มจึงอยากจะผูกมิตรกับคนกลุ่มนี้เอาไว้ เขาจึงไม่ได้มีความคิดที่จะแย่งชิงคัมภีร์แสงศักดิ์สิทธิ์ไปแม้แต่นิดเดียว
“ดูเหมือนพวกคุณจะดูถูกฉันไปหน่อยนะ ฉันไม่เคยมีความคิดที่จะแย่งชิงมันไปจากพวกคุณเลย” ลู่หยางกล่าว
พวกฉิงชางแสดงสีหน้าละอายใจขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่ฉิงชางจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขอโทษ
“ขอโทษด้วยพี่ชาย พวกเราผิดไปแล้วอย่าถือสาพวกเราเลย”
ลู่หยางไม่ได้มีความคิดที่จะโกรธจริง ๆ เพียงแต่เขาแกล้งแสดงท่าทีออกมานิดหน่อยเท่านั้นเอง ท้ายที่สุดหากเขาเป็นพวกฉิงชางพวกเขาก็คงกังวลในสถานการณ์ปัจจุบันด้วยเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดหากผู้ถือครองเสียชีวิตไอเท็มก็จะตกไปเป็นของผู้อื่นโดยอัตโนมัติ
“พวกคุณกลับเมืองกันไปก่อนเถอะ มอนสเตอร์ที่นี่เลเวลสูงกว่าพวกคุณมากเกินไป” ลู่หยางกล่าว
“โอเค ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปก่อนนะ” ฉิงชางกล่าว
ลู่หยางพยักหน้าก่อนจะเอ่ยคำร่ำลา จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องสุนัขล่าเนื้อไปตามระเบียงจนถึงหน้าประตูท้องพระโรง
เมื่อมองเข้าไปยังด้านในจะพบว่าพื้นของห้องท้องพระโรงทำขึ้นมาจากหินสี่เหลี่ยมสีเขียว โดยตรงกลางถูกปูไว้ด้วยพรมสีแดง
ตอนนี้ในห้องโถงหน้าท้องพระโรงเต็มไปด้วยทหารค้อนโครงกระดูกที่เดิมถือค้อนดาวกระจายสีแดงเดินไปมา และเมื่อพิจารณาจากจำนวนของพวกมันแล้วจำนวนของทหารเหล่านี้ก็น่าจะมีไม่น้อยไปกว่า 200 ตัว
ทหารค้อนมีโอกาสโจมตีจนทำให้ผู้เล่นติดสตั๊น 15% พวกมันจึงเป็นศัตรูที่รับมือได้ยากมาก ย้อนกลับไปในชาติที่แล้วเคยมีนักรบสายป้องกันเลเวล 50 ที่สวมใส่อุปกรณ์ระดับทองทั้งตัวมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อพาเพื่อนมาเก็บเลเวล แต่เขากลับถูกรุมด้วยทหารค้อนเป็นจำนวนมาก
ถึงแม้ทหารค้อนจะไม่สามารถสังหารผู้เล่นคนนั้นได้ แต่มันกลับทำให้นักรบคนนั้นติดสถานะสตั๊นอย่างไร้ที่สิ้นสุด สหายเลเวลต่ำจึงจำเป็นจะต้องพยายามดึงดูดความสนใจของทหารค้อนมาที่ตัวเองก่อนที่พวกเขาจะหนีรอดออกไปได้อย่างหวุดหวิด
ท่ามกลางทหารค้อนโครงกระดูกมันก็ยังมีโครงกระดูกสีแดงเลือดให้เห็นบ้างอยู่ประปราย ซึ่งถ้าหากประมาณการจากสายตาที่กวาดมองไปโครงกระดูกสีแดงนี้ก็มีจำนวนอยู่ประมาณ 5-6 ตัว
นีลสเกเลตัล (ระดับอีลิท)
เลเวล 30
พลังชีวิต 90,000/90,000
สาเหตุที่ผิวของนีลสเกเลตัลเป็นสีแดงนั่นก็เพราะว่าพวกมันมีค่าความต้านทานธาตุไฟสูงกว่า 400 หน่วย ทำให้การพยายามใช้เวทมนตร์ธาตุไฟสังหารพวกมันเป็นไปได้อย่างยากลำบาก
ยิ่งไปกว่านั้นการโจมตีของนีลสเกเลตัลยังมีความเสียหายเวทมนตร์ธาตุไฟติดไปด้วย ขณะที่ผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์มีค่าความต้านทานเวทมนตร์ไม่สูงมากนัก หากนีลสเกเลตัลมากกว่าสามตัวรุมเข้ามาโจมตีผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์พร้อม ๆ กัน ประกอบกับการโจมตีติดสถานะสตั๊นของทหารค้อน แม้แต่ผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์ก็อาจจะถูกสังหารลงไปได้เลย
ลู่หยางเกาหัวอย่างหมดหนทาง เพราะเขาไม่คิดว่าตอนเข้ามาบุกเบิกจะต้องพบกับมอนสเตอร์จำนวนมากมายขนาดนี้ และถึงแม้การสังหารมอนสเตอร์ไปทีละตัวจะไม่ใช่ปัญหา แต่อย่าลืมว่าที่นี่มีมอนสเตอร์อยู่เป็นจำนวนมากกว่าที่เขาจะฝ่ามอนสเตอร์เข้าไปด้านในได้ มันจึงไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานมากเท่าไหร่และถ้าหากว่าพวกเขาเกิดผิดพลาดไปดึงดูดมอนสเตอร์มามากกว่า 100 ตัว แม้แต่ลู่หยางก็ไม่มีหนทางที่จะเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์พวกนั้นด้วยเช่นกัน
ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังคิดหาวิธี มันก็มีเสียงคุ้นหูดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“อาจารย์รอพวกเราด้วย”
ลู่หยางหันไปมองตามเสียงก่อนที่เขาจะได้พบกับพวกฉิงชางที่กำลังวิ่งเข้ามา
“พวกคุณจะกลับมาทำไม?” ลู่หยางถาม
“อาจารย์เรื่องเมื่อกี้ทำให้พวกเราละอายใจมาก พวกเราจึงอยากจะมาดูว่าเราพอจะช่วยเหลืออะไรคุณบ้างได้ไหม?” ฉิงชางกล่าว
ลู่หยางกำลังจะเอ่ยปากพูดปฏิเสธแต่ฉิงชางก็ชิงจังหวะพูดขึ้นมาเสียก่อน
“อาจารย์ ถ้าหากคุณบอกว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันจริง ๆ ก็อย่าได้เกรงใจพวกเราเลย”
“ใช่พี่ชาย พวกเราอยากจะช่วยคุณจริง ๆ นะ” เหมาชิวกล่าวเสริม
เมื่อลู่หยางได้เห็นความจริงใจของทุกคน เขาจึงพูดขึ้นมาว่า
“ฉันมีเรื่องอยากจะให้พวกคุณช่วยจริง ๆ นะแหละ แต่ความช่วยเหลือครั้งนี้อาจจะต้องแลกมากับชีวิตของใครบางคนนะ”
“ไม่เป็นไร ผมฝากเอ็ม 16 เอาคัมภีร์แสงศักดิ์สิทธิ์กลับเมืองไปแล้ว ถึงพวกเราจะตายกลับหรือเทเลพอร์ตกลับมันก็มีค่าเท่ากัน” ฉิงชางกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
เนื่องมาจากคัมภีร์แสงศักดิ์สิทธิ์มันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกฉิงชางไม่ยอมตายกลับเมืองไปตั้งแต่แรก เพราะท้ายที่สุดอุปกรณ์ชิ้นนี้ก็เป็นอุปกรณ์พิเศษที่พวกเขาได้มาหลังจากผ่านความพยายามอย่างยากลำบาก พวกเขาจึงไม่อยากคืนคัมภีร์ให้ระบบโดยที่ยังไม่ลองพยายามอย่างเต็มที่
ลู่หยางส่งเสียงหัวเราะเพราะเขาไม่คิดว่าฉิงชางจะเป็นคนฉลาดถึงขนาดนี้
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกคุณก็ตามฉันมาแล้วฉันจะบอกว่าพวกคุณต้องทำยังไง”
ในที่สุดทุกคนก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ ก่อนที่ลู่หยางจะชี้นิ้วไปยังแม่ทัพโครงกระดูกในห้องโถงด้านหน้าและพูดขึ้นมาว่า
“พวกคุณเห็นมอนสเตอร์ตัวใหญ่นั่นไหม?”
พวกฉิงชางพยักหน้ารับ
“ฉันต้องการจะเข้าไปในห้องนั้น แต่พวกมอนสเตอร์มีจำนวนมากเกินไป จะให้ฆ่าพวกมันให้หมดมันก็เสียเวลา ฉันเลยอยากจะให้พวกคุณช่วยล่อพวกมันออกไปหน่อย” ลู่หยางกล่าว
“เรื่องแค่นี้เองไม่มีปัญหา คุณบอกมาได้เลยว่าจะให้พวกเราทำยังไง” ฉิงชางกล่าว
“พวกคุณ 2 คนออกไปล่อมอนสเตอร์ตรงกลางกับทางด้านขวาของห้องไปทางด้านซ้าย แล้วฉันจะฉวยโอกาสในตอนที่พวกคุณล่อมอนสเตอร์ออกไปวิ่งไปที่กลางสระน้ำทางด้านขวาของห้องโถง” ลู่หยางกล่าว
“อาจารย์แบบนั้นมันอันตรายเกินไปหรือเปล่า? เอ่อ… ผมไม่ได้หมายถึงพวกเรานะแต่ผมหมายถึงคุณ” ฉิงชางกล่าว
ภายในห้องท้องพระโรงมีมอนสเตอร์อยู่เป็นจำนวนหลายร้อยตัว ถึงแม้พวกเขาจะดึงดูดมอนสเตอร์พวกนั้นมาทั้งหมด แต่ตอนที่ลู่หยางวิ่งออกไปมันก็อาจจะมีมอนสเตอร์บางตัวเปลี่ยนเป้าหมายได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังไม่มีความมั่นใจว่าจะหลอกล่อมอนสเตอร์ออกมาได้ทั้งหมดด้วย
“มันก็ขึ้นอยู่กับการประสานงานกันของพวกคุณ ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ดีครั้งเดียวฉันก็น่าจะผ่านไปได้แล้ว” ลู่หยางกล่าว
ชายหนุ่มมีความมั่นใจในทักษะการเคลื่อนไหวของตัวเองมาก และเมื่อมันได้รวมกับเอฟเฟกต์ของเสื้อคลุมสปอร์ที่ช่วยลดความเกลียดชัง มันจึงมีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะวิ่งฝ่าฝูงมอนสเตอร์ได้อย่างปลอดภัย และถึงแม้แผนการในครั้งนี้มันจะล้มเหลวจริง ๆ แต่เขาก็สามารถใช้สกิลแฟลชเพื่อหลบหนีออกมาได้
“ถ้าอย่างนั้นพวกเรา 3 คนก็เข้าไปพร้อมกัน เหมาชิวใช้สกิลยิงกระจายล่อมอนสเตอร์มาให้ได้เยอะที่สุด เครซี่เบลดวิ่งล่อมอนออกมา ส่วนฉันจะคอยเปิดสกิลเซคคริฟายเพื่อคอยดึงมอนสเตอร์เอง” ฉิงชางกล่าวขณะมองเข้าไปทางด้านใน
ลู่หยางคิดอยู่ครู่นึงและได้พบว่าแผนการนี้สามารถหลอกล่อมอนสเตอร์เป็นจำนวนมากออกไปได้จริง ๆ แต่การทำแบบนั้นมันก็จะทำให้พวกเขาทั้งคู่ต้องตายด้วยเช่นกัน เพราะการพยายามหลบออกมาจากฝูงมอนสเตอร์มากกว่า 200 ตัวเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
“เอาล่ะไปได้!” ฉิงชางออกคำสั่งโดยมีเครซี่เบลดล่อมอนสเตอร์จากตรงกลางและมีฉิงชางกับเหมาชิวคอยล่อมอนสเตอร์จากด้านขวา
เหมาชิวเปิดโหมดอิสระก่อนที่จะยิงธนูกระจายขึ้นไปบนอากาศ ซึ่งการทำแบบนี้มันก็จะช่วยให้สกิลที่ควรจะโจมตีได้ในระยะ 40 เมตรลอยไปโดนมอนสเตอร์ที่อยู่ห่างออกไปไกลกว่า 60 เมตรได้อย่างแม่นยำ
กรอด!
ทหารค้อนโครงกระดูกขบกรามเข้าหากัน ก่อนที่พวกมันจะมุ่งเน้นความสนใจไปที่เหมาชิว
เหมาชิวยิงต่อเนื่องออกไปอีกหลายครั้งและเมื่อเขาดึงดูดความสนใจของมอนสเตอร์ทั้งหมดได้แล้วเขาก็วิ่งออกไปทางด้านซ้าย
“ถึงตาฉันแล้ว” ฉิงชางเคลื่อนที่ไปด้านหน้าก่อนที่เขาจะยกมือทั้งสองข้างพร้อมกับกดลงไปบนพื้นอย่างรุนแรงปล่อยลำแสงที่เต็มไปด้วยออร่าอันศักดิ์สิทธิ์ฟุ้งกระจายในรัศมี 10 เมตรรอบ ๆ ตัวเขา
ทุกคนสู้ ๆ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 24
แสดงความคิดเห็น