บทที่ 3 ราชสีห์กลางฝูงหมาป่า
"ข้าไม่มีน้ำเลย" กายแก้วบอก
"ของข้าก็หมดไปนานแล้ว" เสือและสิงห์บอกพร้อมกัน
"แล้วเราจะทำยังไงดี เกตุก็กระหายน้ำจนเป็นลมไปแล้ว" กายแก้วถามความคิดเห็นจากทั้งสอง
"ข้าจะไปหาน้ำมาให้ พวกเจ้ารอที่นี่แล้วกัน" เสือพูด
"งั้นข้าจะไปหาอาหาร" สิงห์อาสาอีกคน
"กายแก้ว ดูแลเกตุอยู่ตรงนี้แหละ" เสือว่าแล้วเดินไปทันที
"เดี๋ยวข้ามานะ" สิงห์เดินไปอีกคน
กายแก้วพยุงร่างเกตุไปนอนหนุนรากไม้ใหญ่ ส่วนตัวของเขาก็มานั่งสมาธิอยู่ใกล้ๆ
ไม่นานนักทั้งสองก็มาพร้อมน้ำและอาหาร ในมือของสิงห์คือไก่ป่าตัวใหญ่ถึงสองตัวที่ถอนขนเรียบร้อย
เสือยื่นกระบอกไม้ไผ่ที่บรรจุน้ำมาให้กายแก้ว "เจ้าเป็นคนพามันมา ก็ดูแลมันเองแล้วกัน"
ชายหนุ่มรับกระบอกน้ำ แล้วเทใส่ผ้าคลุมไหล่หมาดๆ เขาเช็ดหน้าเช็ดตาให้เกตุ จนในที่สุดเด็กหนุ่มก็ได้สติขึ้นมา
"เราหิวน้ำ ขอน้ำให้เราเถอะ" เสียงแหบโหยร้องขอ
กายแก้วยื่นกระบอกไม้ไผ่ไปให้ แล้วพูดบอกด้วยความการุณ "ค่อยๆดื่มนะ เดี๋ยวสำลัก"
เกตุรับน้ำมาดื่มอย่างกระหาย พอเกตุดีขึ้นแล้วทั้งหมดจึงกินอาหารมื้อเที่ยงกันโดยฝีมือของสิงห์ที่ย่างไก่
"เป็นไงฝีมือข้าใช้ได้ไหม กายแก้ว" สิงห์หันมาถาม
"อร่อยมากพี่สิงห์"
แล้วเกตุล่ะ ว่าไงอร่อยไหม" สิงห์หันมาถามเด็กหนุ่มบ้าง
"อร่อยสิ ข้ายังไม่เคยกินไก่ย่างที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย"
"ทุกคน ข้าได้ยินเสียงเท้าคนจำนวนมาก กำลังมุ่งหน้ามาหาเรา" กายแก้วพูด
ฝีเท้าที่ไหน ข้าไม่ได้ยินเลย" เสือถาม
"พวกพี่ชายคงไม่ได้ยินหรอก เพราะไม่ได้เรียนวิชาหูทิพย์"
"นี่เอ็งมีหูทิพย์อย่างนั้นหรือ" สิงห์ถาม
"พวกพี่ชายอย่าเพิ่งสนใจอะไรกับวิชาของข้าเลย เตรียมตัวไว้เถอะ มันคงไม่มาดีแน่" กายแก้วนำดาบออกมาจากหอผ้า เผยให้เห็นด้ามทำจากงาประดับแก้วมณี ฝักดาบทำจากเงิน เมื่อชักดาบออกจึงเห็นใบสีเขียวปีกแมลงทับ เขายืนขึ้นถือดาบไว้ในมือ ร้องสำทับบอกทุกคนว่า
"พี่ชายเตรียมอาวุธเถอะ มันใกล้เข้ามาแล้ว"
ทั้งสองจำต้องเอาอาวุธคู่กายออกมาเพราะวาจาจริงจังของชายหนุ่ม เสือเอาหอกสั้นมาถือเป็นอาวุธ ส่วนสิงห์มีขวานใหญ่ลงอาคมเป็นอาวุธคู่มือ ทั้งหมดยืนหันหลังให้ต้นไม้เรียงแถวหน้ากระดานพร้อมจะต่อสู้
"ให้ข้าสู้ด้วยสิ" เสียงหวานดังขึ้น
"เจ้าอย่าห่างเราเด็ดขาด" กายแก้วกำชับพร้อมยื่นกริชให้ถือเป็นอาวุธ
ไม่นานเกินรอก็ปรากฏชายฉกรรจ์เดินออกมาหลายคน พวกมันทุกคนมีอาวุธในมือท่าทางโหดเห*้ยม
"พวกมันคือโจรป่า" เกตุบอกทุกคน
"เจ้ารู้จักมันหรือ" กายแก้วถาม
"ข้าจำพวกมันได้ดี" เสียงตอบหนักแน่น
"เจ้าจำมันได้ยังไง"
"นั่นไงนายของมัน" เด็กหนุ่มชี้ไปยังชายคนหนึ่งที่แขนขวาด้วนถึงข้อสอก
"ตรงนั้นแหละที่ข้าจำมันได้"
"ข้าเข้าใจแล้ว"
"พวกเจ้าต้องการอะไร" เสือร้องถาม
"พวกเจ้าบุกรุกอาณาเขตของเรา พวกเจ้าอย่าหวังเลยว่าจะรอดไปได้ เสียงหัวหน้าโจรแขนด้วนตอบกลับมา
"พวกข้าหารู้ไม่ว่าเป็นอาณาเขตของใคร พวกข้าขอสมาต่อท่าน" ทุกคนปล่อยให้เสือเจรจากับพวกโจร เพราะเขาดูอาวุโสที่สุด
"หาได้ไม่ ฆ่ามันให้สิ้นอย่าช้าที" ประโยคหลังชายแขนด้วนหันมาสั่งสมุนให้ลงมือสังหารผู้บุกรุก
"ในเมื่อพวกกูเจรจามิได้ ก็ต้องได้เห็นฝีมือกันแหละ" เสือว่า
"พวกเราฝ่าออกไปให้ได้" กายแก้วบอก ก่อนยกดาบฟาดฟันโจรที่ยืนขวางอยู่เบื้องหน้า สมุนโจรเคราะห์ร้ายถูกฟันตัวขาดเป็นสองท่อนด้วยคมของศาสตรา คนแล้วคนเล่าที่ต้องตกตายไปด้วยน้ำมือเขา ดาบฟันไปทางซ้ายก็แหลก ฟาดไปทางขวาก็แยก พวกโจรจึงพยายามเลี่ยงที่จะปะทะกับเขา
เกตุไม่ชำนาญการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย จึงได้แต่ตามหลังกายแก้วไปติดๆ แต่เมื่อเห็นโจรร้ายที่เข้าไปปล้นบ้านของตนจึงทำให้ลืมตัว เด็กหนุ่มกระโดดเข้าหาขุนโจรอย่างรวดเร็ว กริชในมือของเกตุแทงใส่ขุนโจรด้วยความอาฆาตแค้น
"ตายซะเถอะ ไอ้โจรชั่ว"
"เอ็งทำอะไรข้าไม่ได้หรอก" ขุนโจรพูดพร้อมใช้เท้าถีบเด็กหนุ่มออกห่าง เมื่อเด็กหนุ่มออกห่างได้ระยะแล้วมันก็หวดง้าวเข้าประหาร
กายแก้วเห็นเด็กหนุ่มกำลังตกอยู่ในอันตรายจึงรีบตีลังกาเข้ามาช่วย เขายกดาบขึ้นปัดป้องอาวุธของศัตรู แล้วรีบเข้าประชิดตัว จากนั้นก็ยกดาบฟาดฟันศีรษะของขุนโจรขาดกระเด็นไปไกล
"เราบอกแล้วใช่ไหม ว่าอย่าห่างเรา" เขาพูดห้วนๆ
"เราขอโทษ ความแค้นมันบังตาจึงทำให้เราขาดสติ" เด็กหนุ่มตอบอ่อยๆ
"งั้นก็แล้วไป" เขาพูดสั้นๆ
เสือและสิงห์ใช้อาวุธฟาดฟันพวกโจรล้มตายเกลื่อนกลาด เวลาผ่านไปพอสมควรทั้งสองเริ่มอ่อนแรง พวกโจรก็มีมากเหลือเกิน จนพวกเขาเกือบเที่ยงพั๊ม
"เอามันพี่ชาย ข้ามาช่วยแล้ว "เสียงกายแก้วดังขึ้นทางเบื้องหลัง เพียงไม่นานเขาก็จูงมือเกตุมาต่อสู้เคียงข้างกับทั้งสอง ชายหนุ่มเอ่ยปากพูดสืบไปด้วยความกล้าหาญ ในขณะที่ดาบก็ฟาดฟันพวกโจร
"เราจะสู้ตายด้วยกัน ให้มันแห่มาเถอะ ดาบของไอ้กายแก้วจะไม่ละเว้นมันแม้แต่คนเดียว"
"ดี งั้นพวกเราฆ่ามันเถอะ ตายเป็นตาย" เสือประกาศ
พวกโจรล้อมรอบทั้งสี่ไว้ทุกทิศทุกทาง, ขณะนี้ทั้งสี่เหมือนราชสีห์ที่ตกอยู่กลางฝูงของหมาป่า, แม้จะเก่งเพียงใดแต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ
ขณะที่ทุกคนกำลังจะพ่ายแพ้,,, , ทันใดนั้นก็มีลูกธนูวิ่งเข้าปักร่างพวกโจรอย่างแม่นยำ ไม่นานนักก็ปรากฏร่างชายคนที่ยิงธนูแก่สายตาของทุกคน
ชายผู้นั้นองอาจสง่างามอยู่ในชุดสีดำ มือขวาถือคันธนูพร้อมจะยิง ในขณะที่กลางหลังสะพายกระบอกลูกศร เขายิงธนูเปิดทางเพื่อให้ทุกคนฝ่าวงล้อมออกมาให้ได้ ชายผู้นี้ยิงธนูได้แม่นยำมาก พวกโจรที่โดนก็หามีผู้ใดรอดชีวิตไปได้ไม่
"ไอ้เทพศิลป์ เอ็งมาได้เยี่ยงไร" กายแก้วร้องถาม เมื่อเห็นหน้าชายผู้นั้น
"เดี๋ยวค่อยคุยกัน เอ็งฝ่าวงล้อมออกมาให้ได้ก่อนเถอะ" พูดแค่นั้นก็ยิงธนูใส่พวกโจรอีก
ทั้งหมดใช้อาวุธฟาดฟันออกไปจนสำเร็จ แล้วมุ่งหน้าไปหาเทพศิลป์ ที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่คนเดียว
เทพศิลป์ยังคงยิงธนูใส่พวกโจรอย่างมันมือ จนทุกคนมาถึงตนจึงหยุด
"รีบหนีตามข้ามา" เทพศิลป์บอกทุกคน ทั้งหมดรีบวิ่ง โดยมีเทพศิลก์นำทาง จนมาไกลลิบ
"พวกโจรคงไม่ตามพวกเราแล้วแหละ" กายแก้วหยุดแล้วพูดกับทุกคน
"ข้าก็คิดอย่างนั้น" เสือเห็นด้วย
"งั้นเราพักแถวนี้แหละ วันนี้ก็เหนื่อยเต็มทีแล้ว"สิงห์ว่า
"เอ็งมาได้ยังไง" กายแก้วหันไปถามเทพศิลป์
"พอดีข้าบังเอิญผ่านมาน่ะ", ,, ,, , ตอบสั้นๆ
"แล้วเอ็งจะไปที่ไหน"
"ไปอยุธยา"
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 244
ความคิดเห็น
ขอบคุณครับ
นิยายแนวนี้หาอ่านยากแล้ว ทำให้นึกถึงเรื่องขนมต้มและอื่นๆ เลย
นักเขียนไทยส่วนใหญ่เวลาเขียนนิยายก็เน้นไปที่จีนโบราณ ทั้งที่ประวัติศาสตร์ไทยเราหลายช่วง ถ้าจะหยิบมาเขียนเป็นนิยายบู๊สักเรื่องก็ไม่แพ้ยุคก่อตั้งราชวงศ์ถังของหลี่ซื่อหมินเลย
แสดงความคิดเห็น