บทที่ 17: ท่านยังคงเป็นเถ้าแก่ดังเดิม
เฟิ่งมู่ชิงมองไปรอบ ๆ แล้วหันมาพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความหมายบางอย่าง “เถ้าแก่เนี้ย ท่านจะไม่เชิญข้าเข้าไปนั่งข้างในหน่อยหรือ?”
ป้าหงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้าวออกไปเพื่อต้อนรับคนทั้งคู่ให้เข้ามาในหอคณิกาของตน
เมื่อทั้งสองคนเดินเข้าไปด้านใน พวกนางก็สังเกตเห็นสถานการณ์โดยรอบ ปัจจุบันหอคณิกาแห่งนี้ดูเงียบมาก เหมือนว่าเหล่าสาว ๆ จะกำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง ป้าหงจึงพาแขกทั้งสองไปยังห้องโถงแล้วสั่งให้บ่าวรับใช้นำชามารับแขก
“นายท่าน ตอนนี้ท่านบอกจุดประสงค์ของท่านได้แล้วหรือยัง?”
เนื่องจากป้าหงทำงานอยู่ที่ย่านหอคณิกาบนถนนฮวาเจียมาหลายปี และนางคิดว่าตนมองคนไม่ผิด นางจึงมองออกว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาความสำราญ
เพียงแต่หอหงโหลวในเวลานี้ขาดรายได้มานานกว่า 1 ปี อีกทั้งเงินสนับสนุนหอก็ล้วนมาจากเงินออมของนางที่เก็บไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และด้วยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้นางไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรกันแน่
“ท่านไม่ต้องใจร้อน เรามาเริ่มจากการแนะนำตัวกันก่อนดีหรือไม่ ข้าควรเรียกท่านว่าอย่างไรดี?” เฟิ่งมู่ชิงเอ่ยด้วยท่าทางสบายใจ จากนั้นถ้วยชาบนโต๊ะก็ถูกยกขึ้นมาโดยไม่รีบร้อนราวกับว่าที่นี่เป็นบ้านของนางเอง
“ทุกคนที่นี่ต่างก็เรียกข้าน้อยว่าป้าหง ท่านเองก็เรียกข้าน้อยเช่นนั้นเถิด” หญิงวัยกลางคนตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพพลางคอยสังเกตท่าทางของผู้เป็นแขกอย่างระมัดระวัง
ทางด้านเฟิ่งมู่ชิงนั่งจิบชาโดยไม่ได้สนใจในท่าทีหวาดระแวงของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย นางครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“แม้ว่าชานี้จะไม่ใช่ชาหลงจิ่งอย่างดีที่ถูกหล่อเลี้ยงด้วยน้ำค้าง แต่ก็ถือว่าดีกว่าชาทั่วไป รสชาติไม่เลว”
ป้าหงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น นางไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เหตุใดจู่ ๆ ชายผู้นี้ถึงพูดเรื่องชาขึ้นมาแบบกะทันหัน นางจึงได้แต่ตอบตามความเป็นจริง
“เนื่องจากไม่มีแขกมาเยือนหอหงโหลวเป็นปีแล้ว อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายมากมายไม่ต้องดูแล ดังนั้นข้าน้อยจึงไม่มีเงินเพียงพอจะซื้อชาคุณภาพสูงเก็บไว้ หวังว่านายท่านจะไม่ถือโทษโกรธข้าน้อย”
อย่างที่คิดไว้เลย
ก่อนหน้านี้ในตอนที่เฟิ่งมู่ชิงเดินไปรอบ ๆ ถนนฮวาเจีย นางพบว่าด้านหน้าของหอคณิกาแห่งนี้มีฝุ่นจับอยู่เล็กน้อย แม้ว่าหากไม่สังเกตดี ๆ จะมองไม่เห็นฝุ่นเหล่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม มันกลับแตกต่างจากหอคณิกาโดยรอบ
เมื่อมองแวบแรกก็ทำให้รู้ว่าที่นี่ไม่ได้รับความนิยมสักเท่าไหร่
“เช่นนั้นข้าจะไม่อ้อมค้อม ข้าอยากรู้ว่าในอนาคตท่านป้าหงจะจัดการกับหอแห่งนี้อย่างไร?”
พอป้าหงได้ยินคำถามนั้นก็พลันถอนหายใจ ในขณะที่สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวังก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ
หอหงโหลวแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นผลจากการทำงานอย่างหนักมาหลายปีของนาง โดยที่นางค่อย ๆ สร้างมันขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อยจากคนที่ไม่รู้อะไรเลยจนกระทั่งประสบความสำเร็จอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ปัจจุบันทุกอย่างมันกลับแย่ลง
ทุกวันนี้นางยังคงทำใจไม่ได้ที่จะยอมแพ้กับมัน แต่ต่อให้นางฝืนสู้ต่อไป เงินออมของนางก็คงประคองมันไว้ได้ไม่นาน
ในเวลาเดียวกัน เฟิ่งมู่ชิงลอบสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายซึ่งนางเห็นถึงความไม่เต็มใจยอมแพ้ของป้าหง อีกทั้งยังมองเห็นถึงความยุ่งเหยิงในใจของสตรีที่อยู่ตรงหน้า มันทำให้นางคิดว่าการเจรจาครั้งนี้อาจสำเร็จได้โดยง่าย
“ท่านป้าหง ท่านขายหอหงโหลวให้แก่ข้าได้หรือไม่?”
ครั้นเจ้าของหอคณิกากับโม่เยว่ได้ยินคำถามของหญิงสาวในคราบชายผู้สูงศักดิ์ พวกนางต่างก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจพลางครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆ
โม่เยว่: คุณพระ! เจ้านายของข้ากำลังวางแผนที่จะซื้อหอคณิกาอย่างนั้นหรือ!?
ป้าหง: ชายผู้นี้มีเงินเหลือใช้มากหรือไง!? แต่จะว่าไปเขาก็ดูเหมือนบุตรชายของครอบครัวเศรษฐี ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ทำไมเขาถึงอยากซื้อหอคณิกา หรือเขาจะทำเพียงเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น?
“หอหงโหลวไม่มีแขกมา 1 ปีแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ถึงแม้ว่าท่านจะไม่เต็มใจก็ตาม สักวันหนึ่งมันก็ต้องปิดตัวลงอยู่ดี สู้ขายให้ข้าไม่ดีกว่าหรือ?”
พอหญิงวัยกลางคนนึกตามคำของชายหนุ่มรูปงาม นางก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะ นางใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถามอีกฝ่ายพร้อมทำหน้าเคร่งขรึม “ข้าน้อยสงสัยว่าทำไมนายท่านถึงอยากซื้อหอหงโหลวนัก?”
แม้ว่าหอหงโหลวจะตกอยู่ในสถานการณ์ไม่สู้ดี แต่อย่างไรมันก็คือผลผลิตจากน้ำพักน้ำแรงของนาง ดังนั้นนางจึงไม่ต้องการที่จะขายมันให้ผู้อื่นแบบลวก ๆ
“จุดประสงค์ของข้านั้นเรียบง่ายมาก เพื่อทำให้มันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง และทำให้มันโด่งดังไปทั่วแคว้น” เฟิ่งมู่ชิงตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ
“แล้วจากนั้นล่ะ นายท่านอยากได้อะไรจากการสนับสนุนที่แห่งนี้?”
จากระยะเวลาที่คุยกัน ป้าหงมองเห็นแววตาที่แฝงความนัยของคนตรงหน้าได้อย่างชัดเจน ทำให้นางรู้ว่าคนผู้นี้ต้องไม่ธรรมดา
“ให้หอหงโหลวทำงานให้ข้า”
เมื่ออีกฝ่ายพูดเช่นนี้ ป้าหงซึ่งเป็นคนฉลาดก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเฟิ่งมู่ชิงต้องการทำอะไร ทว่าเรื่องที่ชายตรงหน้าคิดจะทำนั้นอันตรายมากและนางไม่สามารถปล่อยให้ชีวิตของหญิงสาวในหอหงโหลวตกอยู่ในอันตรายได้
เนื่องจากหอหงโหลวแห่งนี้แตกต่างจากหอคณิกาที่อื่น ๆ เหล่าคณิกาที่นี่ล้วนมีประสบการณ์ชีวิตอันน่าสังเวช พวกนางล้วนเข้ามาที่นี่ด้วยความสิ้นหวัง หรือบางคนก็เป็นเด็กกำพร้าไร้ที่พึ่งจึงถูกเก็บมาเลี้ยง
สำหรับคนเหล่านี้แล้ว ที่นี่คือบ้านที่พวกนางสามารถใช้หลบลมและฝนได้ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมหอหงโหลวที่ตกต่ำมานานจึงยังคงดิ้นรนอดทนที่จะมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้
หลังจากหญิงวัยกลางคนพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอของอีกฝ่าย จู่ ๆ นางก็บอกปฏิเสธ “เรื่องนี้อันตรายเกินไป ข้าน้อยไม่สามารถตกลงได้”
เฟิ่งมู่ชิงที่คอยสังเกตท่าทีของป้าหงตลอดเวลาก็เห็นถึงความกังวลบางอย่างของผู้หญิงตรงหน้า นางจึงเอ่ยถามว่า “ท่านป้าหงบอกข้าได้หรือไม่ว่าท่านมีความกังวลเรื่องใดอยู่?”
ไม่กี่อึดใจต่อมา ป้าหงก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะเล่าถึงความกังวลทั้งหมดให้นางฟัง
เดิมทีคณิกาในหอหงโหลวล้วนเป็นสตรีอ่อนแอที่ไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่ หากไม่ระวังตัว หญิงสาวเหล่านี้อาจจะตายได้ทุกเมื่อ และนางคงทนดูเหล่าสาว ๆ ที่ตนชุบเลี้ยงมากับมือถูกฆ่าตายไม่ได้
เมื่อเฟิ่งมู่ชิงรับรู้เหตุผลทั้งหมดแล้วก็โล่งใจทันที “ท่านป้าหงไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น ข้าจะหาคนมาสอนทักษะการต่อสู้ให้พวกนาง และจะไม่มีวันทำให้ชีวิตของพวกนางตกอยู่ในอันตราย นอกจากนี้แล้ว นี่เป็นเรื่องปกติที่หอคณิกาอื่น ๆ ก็ทำกัน”
ทางด้านป้าหงคิดไตร่ตรองอยู่พักใหญ่ นางเข้าใจในสิ่งที่ชายสูงศักดิ์ตรงหน้าพูดเป็นอย่างดี คนภายนอกอาจไม่รู้เรื่องนี้ แต่จากที่นางอาศัยอยู่ที่นี่มาเป็นระยะเวลาหลายปี นางจะไม่รู้ข้อมูลวงในได้อย่างไร
หญิงผู้ดูแลหอหงโหลวคิดเกี่ยวกับมันครั้งแล้วครั้งเล่าและในที่สุดนางก็มีท่าทีก็ผ่อนคลายลง “ตราบใดที่นายท่านสามารถให้ความปลอดภัยแก่สาว ๆ ที่อยู่ในหอหงโหลวแห่งนี้ได้ ข้าน้อยก็ยินดีที่จะขายมันให้กับนายท่าน”
หลังจากหญิงสาวได้รับคำตอบแล้ว นางก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากจึงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
เวลาผ่านไปไม่นาน ป้าหงที่เข้าไปหยิบโฉนดของหอหงโหลวก็เดินออกมาแล้วมอบมันให้กับอีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจทว่านางก็รู้สึกโล่งใจด้วยเช่นกัน
จากนี้ไปนางจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับหอหงโหลวอีกแล้ว…
แต่ยังไม่ทันจะได้อาลัยอาวรณ์ เฟิ่งมู่ชิงก็ผลักโฉนดในมือของหญิงวัยกลางคนกลับไปแล้วกล่าวว่า “ตั้งแต่นี้ไปท่านจะยังคงเป็นเถ้าแก่เนี้ยของหอหงโหลวที่ทุกคนรับรู้ดังเดิม ส่วนข้าจะเป็นเถ้าแก่ที่อยู่เบื้องหลังอีกที”
เมื่อป้าหงได้ยินสิ่งนี้ นางก็รู้สึกประหลาดใจมากก่อนจะถามคนตรงหน้าให้แน่ใจอีกครั้ง “นายท่าน ท่านแน่ใจหรือ?”
หญิงสาวที่เห็นว่าอีกคนมีสีหน้าไม่เชื่อก็พยักหน้ารับ “ตัวตนของข้าไม่สะดวกที่จะเปิดเผยสักเท่าไหร่ ในอนาคตเมื่อมีแขกมาที่นี่ ข้าต้องการให้สาว ๆ ในหอหงโหลวคอยเก็บข้อมูลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ในอดีตหรือเหตุการณ์ปัจจุบัน ณ ตอนนั้นก็ตาม”
บัดนี้ป้าหงถือโฉนดไว้ในมือแน่นโดยที่ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น และแววตาของนางก็ฉายแววให้เห็นถึงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณตรงหน้า “ข้าน้อยเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ จากนี้ไปหอหงโหลวทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับนายท่าน”
นางไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่านางจะยังคงอยู่ในที่แห่งนี้ได้ และแม้แต่โฉนดก็ยังอยู่ในมือของตัวเอง
ช่างเป็นสุภาพบุรุษที่จิตใจดีงามเสียจริง
ในขณะนี้ป้าหงรู้สึกขอบคุณชายหนุ่มแปลกหน้าที่นางไม่เคยพบมาก่อนอย่างสุดซึ้ง เขาเปรียบเสมือนผู้ช่วยชีวิตของหอหงโหลวของนางจริง ๆ
ต่อมา เฟิ่งมู่ชิงนั่งดูแผนผังของอาคารซึ่งทำให้เห็นว่าการตกแต่งของที่แห่งนี้ล้วนเก่าและไม่มีสิ่งใดโดดเด่นเลย
หญิงสาวส่ายหัวพลางพูดว่า “ที่นี่จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงใหม่ ข้าจะมอบแผนการปรับปรุงให้กับท่านในภายหลัง ดังนั้นท่านไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย”
หลังจากเฟิ่งมู่ชิงกล่าวเช่นนั้น นางก็หยิบตั๋วเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อก่อนจะมอบมันให้กับป้าหงโดยตรง ทำให้อีกสองคนที่อยู่ตรงนั้นถึงกับต้องสูดหายใจเข้าลึก ๆ
แม่เจ้า! ตั๋วเงินแต่ละใบที่นางควักออกมามีค่า 10,000 ตำลึง นางหยิบตั๋วออกมาประมาณ 30 ใบ เท่ากับว่าทั้งหมดนี้มีค่า 3 แสนตำลึง!
ครั้นโม่เยว่มองดูการใช้เงินก้อนโตของผู้เป็นนาย หัวใจของนางก็เต้นแรงขึ้น นางเหลือบมองตั๋วเงินที่อยู่กับป้าหงก่อนจะพบว่าแต่ละใบมีค่า 10,000 ตำลึง จึงทำให้นางรู้สึกเห็นใจจวินหรูเย่ขึ้นมาในทันที
โชคดีที่ท่านผู้สำเร็จราชการฯ ทำเงินได้มาก อีกทั้งยังมีทรัพย์สมบัติมากมายอยู่ในมือ ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะไม่สามารถรับมือกับการใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายของเจ้านายได้
ว่าแต่... นายท่านเบิกเงินจำนวนมากออกมาจากจวนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“หอคณิกาทั่วทั้งถนนล้วนดำเนินกิจการไปได้ด้วยดี แล้วเหตุใดหอหงโหลวถึงตกต่ำมาเป็นปีเช่นนี้?” เฟิ่งมู่ชิงเพิกเฉยต่อความประหลาดใจของทั้งสองแล้วถามถึงเหตุผล
ก่อนจะเข้ามาข้างในนางสังเกตเห็นบางสิ่งที่นอกประตู นางพบว่ามีหอคณิกาทั้งหมด 6 แห่งตั้งอยู่บนถนนฮวาเจีย โดยประตูหน้าของแต่ละหอนั้นต่างก็อยู่ในสภาพใหม่ อีกทั้งยังมีความแวววาวจากการโดนขัดถูเป็นประจำ ซึ่งแตกต่างจากหอหงโหลวที่คล้ายกับว่าไม่มีใครดูแลเลย
ในเมืองหลวงมีภมรนับไม่ถ้วนที่มองหาเหล่าบุปผา และไม่ว่าบุปผาจะแย่สักแค่ไหน แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่หอหงโหลวจะไม่มีลูกค้าหลงเข้ามาตั้ง 1 ปี
ป้าหงที่ได้ยินคำถามก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นางจึงพ่นลมอย่างเย็นชาพลางมีสีหน้าเย้ยหยัน
“ปีที่แล้วหอเฉียนเจียวมีสาวงามนางหนึ่งเข้ามา ทำให้แขกครึ่งหนึ่งของเมืองหลวงต่างก็แห่ไปที่หอนั้นกันหมด และจากการปรากฏตัวของหญิงสาวผู้โด่งดังคนนั้น จึงทำให้สาวงามบางส่วนในหอเฉียนเจียวทยอยกันย้ายไปที่หอคณิกาอื่นทีละคนโดยพวกนางต่างก็พาลูกค้าของตัวเองไปด้วย”
“แล้วไม่มีหญิงงามคนใดมาที่หอหงโหลวเลยหรือ?”
เฟิ่งมู่ชิงคาดเดาในใจ หากมีหญิงงามสักคนมาที่หอหงโหลว สถานการณ์ก็คงจะไม่เลวร้ายเช่นนี้อย่างแน่นอน
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 197
แสดงความคิดเห็น