ตอนที่ 587 การเปลี่ยนแปลงของบลัดบิวเทียส
ตอนที่ 587 การเปลี่ยนแปลงของบลัดบิวเทียส
“มันต่าง... มันต่างไปจากเดิมมากเลยเชียวล่ะ” เซี่ยเฟยกล่าวขณะที่มือขวาของเขากำลังสั่นขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
คำตอบนี้ทำให้ทั้งอันธและโอโร่มองไปทางเซี่ยเฟยด้วยความสงสัย
“มันต่างยังไง? นายยังไม่ทันจะทดสอบมันเลยด้วยซ้ำ” โอโร่กล่าวถาม
“ก่อนหน้านี้ผมบังเอิญจับใบมีดบลัดบิวเทียสเข้าไปแล้วมันคมมากจนถึงขนาดบาดนิ้วผมเป็นแผล”
“เรื่องนั้นฉันก็เห็น โชคดีที่บาดแผลมีขนาดเล็กไม่อย่างนั้นมันก็คงจะดูดเลือดของนายเข้าไปโดยไม่สนใจว่านายคือเจ้านายของมันด้วยซ้ำ” โอโร่กล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ใช่ การสร้างบาดแผลครั้งนั้นทำให้บลัดบิวเทียสกลืนกินพลังงานของผมไปเล็กน้อย และมันก็มีเศษเสี้ยวพลังงานไหลผ่านเข้ามาภายในร่างของผมทันทีที่ผมได้จับด้ามดาบ”เซี่ยเฟยกล่าวเสริมอีกครั้ง
ห้ะ!
ช็อก!
เงียบสนิท!
“อะไรนะ?! พลังงานบางส่วนที่บลัดบิวเทียสดูดกลืนเข้าไปถูกส่งต่อไปให้นายงั้นเหรอ” โอโร่อุทานขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“นี่มันคือพลังที่สามารถแย่งชิงพลังงานของศัตรูมาพัฒนาตัวเองได้ไม่ใช่หรือยังไง แล้วดาบเล่มนี้มันจะต่างอะไรกับวิชามหาเวทย์ดูดดาวในตำนาน”
หลังจากนี้ยิ่งเซี่ยเฟยสังหารศัตรูไปมากเท่าไหร่มันก็หมายความว่าเขาจะยิ่งทวีความแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น และบลัดบิวเทียสก็จะกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยให้ชายหนุ่มสามารถพัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว
ในที่สุดหลังจากมรดกของสำนักเงาสังหารได้ถูกหลอมรวมเข้ากับกฎแห่งความโกลาหล, สัตว์ประหลาดจากเผ่ามาร, ค้อนรวมศูนย์จากช่างเทวะและกฎอันแปลกประหลาดที่ถูกบรรจุเอาไว้ภายในค้อน มันก็ได้เผยให้เห็นคุณสมบัติอันโหดร้ายและได้กลายเป็นอาวุธที่ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบได้ทั่วทั้งจักรวาล
“ตอนแรกฉันคิดว่าค้อนรวมศูนย์จะช่วยให้นายได้รับอาวุธชั้นยอด แต่ดูเหมือนว่าฉันจะคิดผิดไปสินะ อาวุธชิ้นนี้มันไม่ใช่อาวุธชั้นยอดแล้วแต่มันคืออาวุธวิเศษในตำนานชัด ๆ” โอโร่กล่าวขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“นายยังจำสัตว์ประหลาดที่ฟักออกมาจากไข่ของราชาแมงมุมน้ำแข็งได้ไหม?” โอโร่กล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“จำได้สิ ดวงตาของมันน่ากลัวมากจนทำให้ผมลืมตัวไปแป๊บหนึ่งเลย” เซี่ยเฟยกล่าว
“ถึงแม้ว่าพ่อแม่ของมันจะอยู่ในระดับเดียวกันกับอสูรราชา แต่พลังที่ฉันสัมผัสได้ในตอนที่สัตว์ประหลาดตัวน้อยถือกำเนิดคือมันมีพลังอยู่ในระดับเดียวกันกับอสูรเทวะ” โอโร่กล่าวเสริม
“อสูรเทวะ!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึง
ในอดีตเซี่ยเฟยมีโอกาสได้เจอกับสัตว์อสูรเทวะมาก่อนคือสัตว์เลี้ยงของเทพเจ้าขาวดำ โดยนกทั้งสองตัวนั้นไม่เพียงแต่จะเข้าใจภาษาของมนุษย์เท่านั้น แต่พวกมันยังสามารถพูดภาษาของมนุษย์และควบคุมมิติได้อีกด้วย
ในทางทฤษฎีอสูรเทวะกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ถือว่ามีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเดียวกัน เพียงแต่อสูรศักดิ์สิทธิ์เป็นสัตว์อสูรที่มีเพียงหนึ่งเดียวในจักรวาล พวกมันจึงถูกมองดูมีค่ามากกว่าเหล่าบรรดาอสูรเทวะ
หากจะเปรียบเทียบอสูรเทวะเป็นเหล่าบรรดาทหารชั้นยอดในกองทัพ อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็เปรียบเสมือนกับฮีโร่ที่ออกไปกอบกู้โลกเพียงลำพัง ดังนั้นถึงแม้อสูรเทวะจะได้รับความนับถือจากผู้คน แต่มันก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกยกย่องจากทุก ๆ คนได้ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมสัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวของเทพขาวดำถึงให้ความเคารพขนอุยมากนัก เพราะการมีอยู่ของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่ต่างไปจากการได้พบเจอกับบุคคลในตำนาน
“นี่ฉันใช้สัตว์อสูรเทวะเป็นเครื่องบูชายันต์งั้นเหรอเนี่ย?!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาได้ทำลงไป
“นายจะบอกแบบนั้นก็ไม่ถูก ไม่ว่ายังไงสายเลือดของมันก็ยังเป็นเพียงแค่อสูรระดับราชาเท่านั้น เพียงแต่มันมีศักยภาพมากพอที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นสัตว์อสูรเทวะก็เท่านั้นเอง ท้ายที่สุดมันก็ยังคงมีความแตกต่างอยู่บ้างระหว่างอสูรเทวะที่แท้จริงกับสัตว์อสูรที่มีศักยภาพมากพอจะเติบโตขึ้นมากลายเป็นอสูรเทวะ”
“สถานการณ์นี้มันอาจจะเกิดขึ้นมาจากการกลายพันธุ์ของยีน และเนื่องจากว่ามันมีปัจจัยที่แปลกประหลาดมากจนเกินไปมันจึงทำให้ดาบของนายกลายเป็นอาวุธวิเศษที่แปลกประหลาดมากที่สุดในจักรวาล”
เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร แต่เขาก็เริ่มมองเห็นโอกาสในการทำกำไร เพราะถ้าหากว่าเขาทำอะไรแบบนี้ซ้ำ ๆ อีก 2-3 ครั้งมันก็จะทำให้เขาได้รับอาวุธวิเศษมาเพิ่มเติม
แม้ว่าการกลายพันธุ์ของสัตว์ประหลาดจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ก่อให้เกิดอาวุธวิเศษนี้ แต่เซี่ยเฟยก็รู้ดีว่าปัจจัยสำคัญมากกว่าสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์จะต้องเป็นการคงอยู่ของกฎแห่งความโกลาหล!
น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะมีกฎแห่งความโกลาหลอยู่ในมือ แต่ทั่วทั้งจักรวาลก็มีช่างเทวะอยู่ไม่มากนักและการพยายามหาค้อนรวมศูนย์ชิ้นใหม่ก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ดังนั้นถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะมองเห็นโอกาสในอนาคต แต่ความหายากของช่างเทวะก็ทำให้เขาทำได้เพียงแต่หัวเราะออกมาด้วยความขมขื่น
“หัวเราะอะไร?” โอโร่ถาม
“ไม่มีอะไร เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะต้องออกเดินทางแล้ว ผมขอใช้ช่วงเวลานี้ฝึกฝนเพิ่มเติมอีกสักหน่อยก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวขณะเก็บบลัดบิวเทียสเข้าไปภายในแหวน
—
เช้าวันต่อมาชายหนุ่มก็เตรียมตัวเก็บข้าวของก่อนที่เขาจะออกเดินทางไปยังประตูมิติ
เมื่อเดินทางมาจนถึงประตูมิติของตระกูล เซี่ยเฟยก็ได้เห็นผู้นำตระกูลอย่างหยูเจียง, ผู้จัดการตระกูลอย่างหยูจิน, หัวหน้าครูฝึกอย่างหยูลู่ซวน รวมถึงคนอื่น ๆ อย่างหยูฮัวได้มารวมตัวกันที่นี่เพื่อส่งหยูเสี่ยวเป่ยออกเดินทาง
หยูเสี่ยวเป่ยเป็นทายาทสายตรงของตระกูล เขาจึงมีคนรับใช้คอยติดตามไปดูแลอย่างมากมาย ขณะที่เซี่ยเฟยเดินทางมาเพียงคนเดียวบรรยากาศบริเวณรอบ ๆ ตัวชายหนุ่มจึงดูค่อนข้างเงียบเหงาอยู่เล็กน้อย
เมื่อเห็นเซี่ยเฟยเดินเข้ามาหยูเสี่ยวเป่ยก็สะบัดหน้าเดินเข้าไปในประตูมิติโดยไม่คิดที่จะทักทายชายหนุ่มเลยแม้แต่นิดเดียว ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็กำลังรู้สึกว่าสมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลหยูกำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาแปลก ๆ
หลังจากหยูเสี่ยวเป่ยเข้าไปในประตูมิติสมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลหยูก็แยกย้ายกันกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง เหลือเพียงหยูฮัวที่ยืนรอทักทายเซี่ยเฟยอยู่เท่านั้น
“ครั้งนี้ไม่มีใครสามารถเดินทางไปพร้อมกับนายได้ ดังนั้นนายจะต้องจัดการเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่ถึงยังไงนี่ก็เป็นงานชุมนุมมังกรฟ้าอันยิ่งใหญ่ มันคงจะทำให้นายรู้สึกตื่นเต้นมากเลยล่ะสิ” หยูฮัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“มันมีอะไรให้ผมตื่นเต้นมากกว่าสนามรบอีกงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยกล่าว
“งานชุมนุมครั้งนี้เป็นหนึ่งในงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนของผู้ใช้กฎ แม้แต่ตัวฉันในอดีตก็ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะได้เข้าร่วม ย้อนกลับไปในอดีตคนสุดท้ายที่มีโอกาสได้เข้าร่วมงานชุมนุมมังกรฟ้าคือท่านผู้นำตอนหนุ่ม ๆ เท่านั้น มันคงจะพอให้นายจินตนาการได้นะว่าสิทธิพิเศษที่นายได้รับมาในครั้งนี้มันมีค่ามากขนาดไหน”
“โดยสรุปก็คือระวังตัวไว้ให้ดี ฉันจะรอฟังข่าวดีจากนาย และถ้าหากว่านายสามารถเข้าร่วมกลุ่มมังกรฟ้าได้ อนาคตของนายก็จะไร้ขีดจำกัด”
“ผมยังไม่ได้ขอบคุณคุณเลยที่คุณให้เคล็ดลับการเลื่อนระดับอัศวินกฎผมมา ถ้าไม่ใช่เพราะเคล็ดลับนั่นผมก็อาจจะไม่สามารถเลื่อนระดับเป็นอัศวินกฎในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แบบนี้ก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
สิ่งที่เซี่ยเฟยพูดออกมาในครั้งนี้คือความรู้สึกขอบคุณจากใจจริง เพราะทั่วทั้งดินแดนของผู้ใช้กฎชายหนุ่มยังไม่มีสหายที่จริงใจต่อเขามากนัก และหยูฮัวก็เป็นคนเพียงแค่ไม่กี่คนที่คอยให้ความช่วยเหลือเขาเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่านิสัยของพ่อค้าคนนี้จะค่อนข้างลึกลับซับซ้อนไปสักหน่อย แต่เซี่ยเฟยก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเพราะตัวเขาก็มีความลับเป็นของตัวเองด้วยเหมือนกัน เขาจึงไม่คิดว่ามันจะเป็นนิสัยที่แปลกประหลาดอะไร
“เทคนิคมันก็เป็นเพียงแค่ตัวช่วย ถ้านายไม่สามารถเอาเทคนิคไปใช้การได้เทคนิคมันก็เป็นเพียงแค่เทคนิคเท่านั้น ความจริงฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อนายหรอกฉันแค่ทำเพื่อตระกูลหยูต่างหาก ท้ายที่สุดมันก็ยังไม่เคยมีใครในตระกูลหยูได้เข้าร่วมกับกลุ่มมังกรฟ้ามาเป็นเวลานานหลายร้อยปีแล้ว ในเมื่อครั้งนี้พวกเรามีโอกาสฉันก็อยากจะทำให้ดีที่สุด” หยูฮัวกล่าว
“แม้แต่ผู้อาวุโสก็ยังไม่สามารถเข้าร่วมกลุ่มมังกรฟ้าได้อย่างนั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามด้วยความตกใจ
“ถึงแม้ว่าท่านผู้นำจะมีคุณสมบัติเข้าร่วมงานชุมนุมแต่เขาก็ยังมีคุณสมบัติด้อยกว่า 9 ตระกูลชั้นยอดอยู่ดี แม้แต่ท่านผู้นำก็เลยยังไม่มีสิทธิ์ได้เข้าร่วมกลุ่มมังกรฟ้า” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เพราะตระกูลหยูถือว่าเป็นตระกูลใหญ่ที่มีประชากรนับ 1 ล้านคน แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่มีใครมีคุณสมบัติมากพอที่จะเข้าร่วมกลุ่มมังกรฟ้าได้เลยเป็นเวลาหลายร้อยปี มันจึงทำให้เขาเริ่มคิดว่าข้อกำหนดในการเข้าร่วมกลุ่มมังกรฟ้าเป็นข้อกำหนดที่สูงมากเกินไปหรือเปล่า
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็กล่าวคำอำลาหยูฮัว ก่อนที่เขาจะเดินทางเข้าไปในประตูมิติ
ยิ่งเวลาเข้าใกล้งานชุมนุมมากเท่าไหร่เซี่ยเฟยก็ยิ่งรู้สึกสนใจงานชุมนุมนี้มากขึ้นเท่านั้น เพราะเขาอยากจะรู้ว่างานชุมนุมนักสู้รุ่นใหม่ของดินแดนผู้ใช้กฎมันจะมีหน้าตาเป็นยังไงกันแน่
—
เป้าหมายแรกของการเดินทางคือสถานที่ที่มีชื่อว่าโลว์แลนด์
ในดินแดนของผู้ใช้กฎมีการแบ่งระดับชั้นกันอย่างเข้มงวด เหล่าบรรดา 9 ตระกูลหลักและตระกูลที่มีชื่อเสียงจึงได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่แยกออกห่างจากตระกูลขนาดเล็ก คล้ายกับสังคมที่มีการแบ่งแยกเขตสลัมกับเขตที่อยู่อาศัยของคนที่มีเงิน
โลว์แลนด์เปรียบเสมือนกับสำนักงานใหญ่ของตระกูลขนาดเล็ก ซึ่งเซี่ยเฟยจำเป็นจะต้องเดินทางมาลงทะเบียนยังสถานที่แห่งนี้เสียก่อน เขาจึงจะสามารถเดินทางเข้าไปในไฮแลนด์ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของงานชุมนุมมังกรฟ้าในครั้งนี้ได้
โลว์แลนด์กับไฮแลนด์เป็นสถานที่ที่เหมือนกับแยกตัวออกจากกัน ด้วยเหตุนี้ถ้าหากว่าใครทำการเคลื่อนย้ายจากโลว์แลนด์ไปยังไฮแลนด์โดยตรงโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต คนคนนั้นก็จะถูกลงโทษเนื่องจากทำผิดกฎที่ถูกบัญญัติขึ้นมาภายในกลุ่ม
ในโลว์แลนด์มีพื้นที่ขนาดใหญ่มากและมันก็มีสำนักงานของตระกูลต่าง ๆ ประจำการอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ดังนั้นเมื่อมีใครต้องการติดต่อธุรกิจไปยังตระกูลไหน สถานที่แห่งนี้ก็จะกลายเป็นศูนย์กลางกระจายข่าวสารไปยังตระกูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
เซี่ยเฟยติดต่อขอรับจดหมายเชิญเข้าร่วมงานชุมนุมมังกรฟ้าจากตระกูลวิทเทอร์ จากนั้นเขาก็หาร้านเพื่อแลกเปลี่ยนหัวใจจักรวาลทั้งหมดที่เขาเก็บเอาไว้ แต่อัตราการแลกเปลี่ยนที่นี่ก็ค่อนข้างที่จะโหดร้ายมาก เพราะมันมีอัตราการแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 15 ต่อ 1 เลยทีเดียว
เซี่ยเฟยจำเป็นจะต้องกัดฟันและเปลี่ยนหัวใจจักรวาลทั้งหมดออกไป ทำให้ตอนนี้เขามีคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 อยู่ 1,100 ชิ้นและคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 3 อยู่ 12,366 ชิ้น
ประตูมิติที่จะนำไปสู่กลุ่มดาวม้าขาวที่ตั้งอยู่ในไฮแลนด์เต็มไปด้วยผู้คน เนื่องมาจากว่าวันนี้เป็นวันสำคัญมันจึงมีผู้ชมเป็นจำนวนมากต้องการจะเดินทางไปเข้าร่วมงานชุมนุม
แม้ว่าการได้รับสิทธิ์เข้าร่วมงานชุมนุมมังกรฟ้าจะเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ทั่วทั้งดินแดนของผู้ใช้กฎก็มีตระกูลต่าง ๆ กระจายกันอยู่อย่างมากมายเช่นเดียวกัน ซึ่งโดยเฉลี่ยแต่ละตระกูลจะมีตัวแทนเข้าร่วมงานชุมนุมได้เพียงแค่ 1 คน แต่เมื่อทุกตระกูลได้ส่งสมาชิกเดินทางมาพร้อมกันมันจึงทำให้สถานแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนนับหมื่นคน
อัตราการเดินทางของผู้คนค่อนข้างที่จะผ่านไปอย่างเชื่องช้า และถึงแม้ว่ามันจะมีคนเข้าคิวอยู่ตรงหน้าเซี่ยเฟยเพียงแค่ร้อยกว่าคน แต่ถึงแม้เขาจะรอคอยมาแล้วหลายชั่วโมงมันก็ยังไม่ถึงคิวของเขาสักที
“เซี่ยเฟย!” ทันใดนั้นเองมันก็มีเสียงของผู้หญิงดังเรียกชื่อของเขามาจากด้านหลัง
เมื่อชายหนุ่มมองย้อนกลับไปเขาก็ได้พบว่าเจ้าของเสียงนั้นคือมู่ฟู่ผิง โดยในวันนี้เธอได้แต่งตัวอย่างกระฉับกระเฉงราวกับว่าเธอกำลังเตรียมตัวที่จะเดินทางไปยังสนามรบ
“สวัสดีครับคุณหนูมู่” เซี่ยเฟยกล่าวทักทายอย่างสุภาพ และเนื่องมาจากเธอคนนี้ทำให้เขาพบเจอกับเรื่องลำบากชายหนุ่มจึงไม่ต้องการจะเสวนากับเธอมากเกินไป
“ฉันเพิ่งได้ข่าวมาว่านายพัฒนาจนกลายเป็นอัศวินกฎแล้ว ฉันเลยรีบมาที่นี่ตั้งแต่เช้า” มู่ฟู่ผิงกล่าว
“นี่คุณหนูมารอผมงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“อืม” มู่ฟู่ผิงกล่าวพร้อมกับพยักหน้า ซึ่งคนที่เดินทางมาพร้อมกับหญิงสาวคนนี้นั้นก็คือมู่ฉิงปิงและทหารอีกสองคนที่เซี่ยเฟยไม่รู้จัก
“พวกเราไปกันเถอะ”
“คุณจะไปไหน?”
“ก็ไปงานชุมนุมไง นายมาที่นี่เพื่อจะเดินทางไปงานชุมนุมไม่ใช่เหรอ?”
“ทางเดียวที่จะไปงานชุมนุมคือการเคลื่อนย้ายผ่านประตูมิติ และตอนนี้มันยังไม่ถึงคิวของผม” เซี่ยเฟยกล่าว
“ถ้านายไปกับฉัน นายก็ไม่จำเป็นจะต้องต่อคิวหรอก” มู่ฟู่ผิงกล่าวพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
หลังจากพูดจบเธอก็รีบลากตัวเซี่ยเฟยไปยังประตูมิติที่นำทางไปสู่กลุ่มดาวม้าขาว และทันทีที่เธอได้โชว์แผ่นป้ายว่าเธอเดินทางมาจากตระกูลวิทเทอร์ ทหารที่รับผิดชอบควบคุมประตูก็รีบเปิดทางให้คุณหนูจากตระกูลมู่และผู้ติดตามในทันที
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็สามารถเดินทางเข้าไปในประตูมิติพร้อมกับมู่ฟู่ผิงได้สำเร็จ ท่ามกลางสายตาอิจฉาริษยาของคนอื่น ๆ ที่เข้าแถวรอคิวมานานหลายชั่วโมงแล้ว
***************
หญิงใหม่มาขนาดนี้แล้ว ไปงานด้วยกันอีก เตรียมปวดหัวเลย 5555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 213
แสดงความคิดเห็น