ตอนที่ 469 เข้ายึดยานจูเนี่ยน

-A A +A

ตอนที่ 469 เข้ายึดยานจูเนี่ยน

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 469 เข้ายึดยานจูเนี่ยน

แนวป้องกันตะวันตก

“ข้อมูลผลสรุปของการปะทะที่แนวป้องกันตะวันตกออกมาหรือยังครับ?” เซี่ยเฟยถาม

“ตอนนี้กองกำลังเซิร์กรีบถอนตัวออกมาจากดินแดนของพันธมิตรแล้ว ผู้อพยพเป็นจำนวนมากจึงค่อย ๆ ทยอยเดินทางกลับบ้านเกิดของตัวเอง แน่นอนว่าผลลัพธ์ของสงครามเปรียบเสมือนการยกภูเขาออกจากอกของทุกคน แต่การฟื้นฟูดินแดนที่เสียหายก็ยังคงเป็นประเด็นหลักที่พวกเขาจะต้องพูดคุยกันอยู่ดี”

“ความสูญเสียระหว่างพวกเรากับพวกเขาค่อนข้างที่จะใกล้เคียงกัน โดยรวมคือกองยานเซิร์กถูกทำลายลงไปมากกว่า 1,000 กอง แต่พวกเราก็สูญเสียดาวเคราะห์ป้อมปราการไปเกือบ 800 ดวงและเสียสุดยอดยานบัญชาการลงไปด้วย” วิลเลียมกล่าว

“น่าเสียดายจริง ๆ ที่เราได้เสียสุดยอดยานบัญชาการแบบนั้นไป แต่กองกำลังหลักของเซิร์กก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นกัน และพวกเขาก็คงจะยังไม่มีแผนบุกมาจู่โจมพันธมิตรอีกครั้งในช่วงระยะเวลาอันสั้นนี้” เซี่ยเฟยกล่าว

“ราชินีผู้ปกครองเต็นท์ทองคำคนใหม่อย่างบิทินี่ได้ส่งคำขอเจรจาสันติภาพมายังพันธมิตรแล้ว แต่จากประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมา ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อใจพวกเผ่าพันธุ์ปลิ้นปล้อนพวกนี้อีกต่อไป” เลย์ตันกล่าว

“ผมก็ไม่เชื่อใจพวกเขาเหมือนกัน แต่ในคราวนี้พวกเซิร์กอาจจะไม่ต้องการทำสงครามกับพวกเราอีกแล้วก็ได้ครับ” เซี่ยเฟยกล่าว

“คุณรู้ได้ยังไงว่าพวกแมลงกำลังคิดอะไรอยู่?”

“ผมก็แค่เดา”

เซี่ยเฟยปกปิดสิ่งที่เขาทำในดินแดนเซิร์กเอาไว้เป็นความลับ โดยเฉพาะเรื่องที่เขาร่วมมือกับชิววี่และบิทินี่ซึ่งเป็นเรื่องที่พันธมิตรไม่ควรจะต้องมารับรู้

เลย์ตันอยากจะถามคำถามต่อไปแต่ไทสันยกมือขึ้นมาห้ามเขาเอาไว้ก่อน เพราะเขารู้ดีว่าถ้าหากเซี่ยเฟยไม่อยากตอบการพยายามถามคำถามอะไรออกไป มันก็เป็นเพียงแค่การเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

“สงครามจบลงแล้วคุณควรรีบกลับมาที่พันธมิตรเสียที ประธานาธิบดีของพันธมิตรต้องการที่จะมอบเหรียญรางวัลกล้าหาญให้กับคุณ และฉันก็เตรียมสิ่งที่คุณขอเอาไว้ให้แล้วด้วย” ไทสันกล่าว

“ขอบคุณครับ แต่ผมไม่ได้ต้องการเหรียญรางวัลอะไรทั้งนั้น ผมไม่อยากเสียเวลาไปรับของที่ไม่มีประโยชน์แบบนั้นหรอก” เซี่ยเฟยกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม

“มันเป็นเพียงแค่พิธีการง่าย ๆ น่า อย่างมากนายก็แค่ต้องเสียเวลาคุยกับประธานาธิบดีนิดหน่อย” วิลเลียมกล่าว

“ผมขอโทษด้วยครับแต่ผมไม่มีเวลาไปทำอะไรแบบนั้นจริง ๆ แล้วอีกอย่างผมก็ยังไม่มีแผนที่จะเดินทางกลับไปยังกลุ่มดาวนครหลวง” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“คุณจะเดินทางกลับไปที่ดาวโลกงั้นเหรอ?”

“ไม่ใช่ครับ”

สามจอมพลรู้สึกสับสนอยู่เล็กน้อยเพราะสงครามกำลังจะจบลง แต่เซี่ยเฟยกลับไม่เลือกที่จะเดินทางกลับไปยังบ้านเกิดหรือกลุ่มดาวนครหลวงของพันธมิตร

หรือว่าชายหนุ่มคนนี้จะตัดสินใจอยู่ในดินแดนเซิร์กต่อไป?

“พวกคุณทั้งสามคนลืมไปแล้วเหรอครับว่าตอนนั้นพวกเราตกลงอะไรกัน?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ไทสันกับเลย์ตันแสดงท่าทีสับสนออกมาเล็กน้อย แต่วิลเลียมกลับตระหนักได้ในทันทีเขาจึงใช้มือข้างหนึ่งตบหน้าขาของตัวเองอย่างแรง

“พวกนายลืมไปได้ยังไงว่าเราสัญญาอะไรกับเซี่ยเฟยเอาไว้ก่อนที่เขาจะออกเดินทาง ตอนนี้เขาทำภารกิจของตัวเองสำเร็จแล้ว และเขาก็กำลังจะเดินทางไปรับรางวัลที่พวกเราได้สัญญากับเขาเอาไว้ไง”

“อ๋อ เรื่องภูมิภาคดาวเหวทมิฬใช่ไหม? ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณมีแผนอะไรกับภูมิภาคดาวที่ห่างไกลนั่น แต่ทันทีที่คุณกลับมาคุณจะกลายเป็นผู้ครองภูมิภาคดาวเหวทมิฬทันที” ไทสันกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

“ขอบคุณครับ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็คงจะหมดธุระกันแล้ว หวังว่าพวกเราจะได้พบกันใหม่ในโอกาสหน้านะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็ตัดการเชื่อมต่อกับสามจอมพลไป

“นี่นายไม่สนใจแม้กระทั่งโอกาสได้พบปะกับประธานาธิบดีของพันธมิตรเลยงั้นเหรอ?” อันธกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“อย่าลืมว่าฉันจะต้องเดินทางไปที่ดินแดนผู้ใช้กฎในอีก 2 ปี 8 เดือน ฉันไม่มีเวลาว่างมานั่งพูดคุยกับพวกนักการเมืองหรอก เหรียญรางวัลกล้าหาญพวกนั้นมันจะมีประโยชน์อะไรกับฉัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

อันธพยักหน้ารับ เพราะว่าเซี่ยเฟยเหลือเวลาจัดการเรื่องราวต่าง ๆ อีกไม่มากจริง ๆ ดังนั้นในช่วง 2 ปีกว่า ๆ นี้ชายหนุ่มก็คงจะไม่มีเวลาไปทำเรื่องไร้ประโยชน์เลยแม้แต่วินาทีเดียว

สถานการณ์ในเผ่าพันธุ์เซิร์กค่อนข้างที่จะเป็นไปตามที่เซี่ยเฟยได้คาดการณ์เอาไว้ โดยบิทินี่ได้ถูกผลักดันจากสมาพันธ์นักปราชญ์จนขึ้นมาครองบัลลังก์ได้ในที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าการครองบัลลังก์นี้เป็นเพียงการครองบัลลังก์เพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะเมื่อเวลาผ่านไปราชาผู้ครองบัลลังก์ก็จะกลายเป็นลูกของบิทินี่ที่จะถือกำเนิดขึ้นมาในภายหลัง

หลังจากจัดการเรื่องต่าง ๆ อีกไม่นาน เซี่ยเฟยก็ทำการติดต่อไปหาแอวริล

“ฉันกำลังจะกลับไปแล้วนะ” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาเบา ๆ

“พวกเราก็กำลังจะเดินทางกลับไปที่นครหลวงเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่คฤหาสน์ซันเซ็ทวิลล่าถูกทำลายไปจนหมดแล้ว แต่ตระกูลของฉันก็ยังเหลือคฤหาสน์อีก 2-3 หลังที่ยังไม่ถูกทำลายลงไปด้วยเหมือนกัน พวกเราน่าจะไปตั้งหลักกันอยู่แถว ๆ นั้นก่อน” แอวริลกล่าวพร้อมกับพยักหน้าด้วยความสุข

“ฉันกำลังจะบินตรงผ่านเขตดาววิลเดอร์เนสเข้าไปทางดินแดนของนาวี จากนั้นค่อยเข้าพันธมิตรจากทางทิศตะวันตกแล้วจะเลยไปเขตทุ่งดาวแห่งความตายเลย เธอช่วยรอฉันอยู่แถว ๆ แนวรับทางทิศตะวันตกได้ไหม? ไม่อย่างนั้นเราก็คงจะไม่ได้เจอกันอีกนาน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“นายจะไม่กลับไปที่นครหลวงหรือโลกก่อนเหรอ?” แอวริลถาม

“ตอนนี้ชาวโลกส่วนใหญ่อยู่กับกองยานของบริษัทควอนตัมและอยู่ใกล้ ๆ กับแนวรับทางทิศตะวันตกเช่นกัน ฉันจะไปพบกับพวกเขาที่นั่นระหว่างการเดินทาง เธอรู้ไหมว่าตอนนี้พันธมิตรได้มอบภูมิภาคดาวเหวทมิฬให้ฉันจัดการแล้วนะ” 

“ฉันต้องการจะเข้าไปดูดินแดนใหม่ของฉันให้เร็วที่สุด เพราะไม่ว่ายังไงคนบนโลกก็คงจะไม่สามารถอาศัยอยู่บนดาวเคราะห์ดวงเล็ก ๆ ได้ตลอดไป ฉันเลยต้องการจะเตรียมสร้างพื้นที่แห่งใหม่เพื่อรองรับประชาคมโลกในอนาคต” เซี่ยเฟยกล่าว

“ไม่ว่านายจะให้ฉันไปที่ไหนฉันก็จะไปที่นั่นตามคำแนะนำของนาย ถ้านายต้องการให้ฉันรออยู่ที่แนวรับทางทิศตะวันตกฉันก็จะรอนายอยู่ตรงนั้นจนกว่านายจะมา” แอวริลพูดขึ้นมาเบา ๆ ด้วยท่าทางที่เขินอาย

“เอ่อ…” เซี่ยเฟยพยายามจะบอกเรื่องที่เขาต้องเดินทางไปยังดินแดนของผู้ใช้กฎในอีก 2 ปี 8 เดือนข้างหน้า แต่เมื่อเขาได้เห็นท่าทางของแอวริลแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าเขาควรจะบอกเธอยังไงดี

ความหมายของแอวริลชัดเจนมากว่าหลังจากนี้เธอต้องการจะอยู่เป็นคู่ชีวิตกับเขา และถึงแม้ว่าเขาจะต้องเดินทางไปอยู่ในภูมิภาคดาวเหวทมิฬอันห่างไกล แต่เธอก็จะขอติดตามเขาไปอยู่ในถิ่นทุรกันดารแห่งนั้นด้วย

อย่างไรก็ตามถ้าหากว่าสถานที่ปลายทางเป็นเพียงแค่ถิ่นทุรกันดารอย่างภูมิภาคดาวเหวทมิฬเขาก็คงจะไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรมากนัก แต่สถานที่ปลายทางที่เขาจะต้องเดินทางไปในครั้งนี้คือดินแดนของผู้ใช้กฎ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาก็ไม่รู้ว่ามันจะมีอันตรายอะไรรอคอยเขาอยู่อีกบ้าง

หลังจากหน้าจอสื่อสารดับลงไป อันธที่อยู่ข้าง ๆ ก็ถอนหายใจและกล่าวขึ้นมาว่า

“นายจะบอกแอวริลเมื่อไหร่? นายคงไม่คิดจะให้เธอติดตามนายไปที่ดินแดนของผู้ใช้กฎใช่ไหม?”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันจะบอกเธอยังไงดี”

“ฉันว่านายควรจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด แอวริลจะได้มีเวลาเตรียมใจตั้งแต่เนิ่น ๆ”

เซี่ยเฟยขับแวมไพร์ตรงไปยังเบโอเนทที่เขาได้ซ่อนเอาไว้ ก่อนที่จะมุ่งหน้าตรงไปยังเขตดาววิลเดอร์เนสยังสถานที่ที่เขาเคยทำเครื่องหมายว่ามียานบัญชาการจอดทิ้งเอาไว้อยู่

“พวกเรามาถึงแล้ว ครั้งก่อนนายเกือบจะถูกค้างคาวเงาดาราที่อยู่ที่นี่ฆ่า แต่ตอนนี้นายต้องจัดการกับมันก่อนเพื่อให้ได้ยานลำนั้นมา” อันธกล่าวพร้อมกับมองไปยังสัญญาณไฟสีแดงกระพริบที่อยู่นอกหน้าต่าง

เซี่ยเฟยพยักหน้ารับพร้อมกับกระชับชุดต่อสู้ฮัสซิ่งสตาร์บนร่างกาย และมองไปที่หงส์ครามบนมือขวาของเขา แต่ในปัจจุบันมันยังคงเป็นใบหญ้าสีฟ้าเหมือนกับตอนที่มันเติบโตในซอกหิน ไม่มีวี่แววว่ามันจะกลายมาเป็นอาวุธของเขาได้เลยแม้แต่น้อย

“ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่าหญ้าต้นนี้มันเข้าไปอยู่ในแขนของนายได้ยังไง? นายไม่รู้สึกจั๊กจี้ตรงรากของมันที่งอกออกมาในแขนของนายเหรอ?” อันธถามด้วยความสงสัย

เซี่ยเฟยถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะล้อมรอบตัวเขาต่างก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยสิ่งแปลก ๆ ตอนแรกก็เป็นวิญญาณนักฆ่าที่ถูกขังเอาไว้ภายในสร้อย จากนั้นเขาก็ได้รับสัตว์เลี้ยงสุดแปลกประหลาดตัวหนึ่งมา 

ต่อมาเขาก็ได้รับหุ่นยนต์ตัวน้อยผู้ซึ่งเคยถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรที่สังหารมนุษย์โบราณ และในตอนนี้เขาก็ยังได้หญ้าแปลก ๆ มาอยู่ในมือ คล้ายกับว่ารอบ ๆ ตัวเขาแทบที่จะไม่มีสิ่งปกติใด ๆ รายล้อมรอบตัวเขาเลย

หลังจากจัดการชุดต่อสู้และนำขนอุยขึ้นมาวางไว้บนไหล่ ชายหนุ่มก็กดปุ่มให้เบโอเนทเคลื่อนที่ออกไปจากรูหนอนเพื่อมุ่งหน้าไปยังปลายทาง

บริเวณนี้คือเศษซากที่เกิดจากสงครามตั้งแต่สมัยโบราณ มันยังมีเศษซากยานรบล่องลอยอยู่ทุกหนทุกแห่ง และมันก็ทำให้ระบบล่องหนไม่สามารถใช้งานได้ แต่เซี่ยเฟยก็ไม่ได้วางแผนที่จะใช้ระบบล่องหนเพื่อหลีกเลี่ยงพวกค้างคาวเงาดาราอยู่แล้ว เพราะระบบล่องหนนั้นไม่สามารถที่จะใช้การกับพวกค้างคาวเหล่านี้ได้

เมื่อมองไปในระยะไกลยานบัญชาการจูเนี่ยนขนาดใหญ่ยังคงจอดอยู่ที่เดิม และถึงแม้ว่ามันจะล่องลอยเคว้งคว้างอยู่ในอวกาศมานานหลายปี แต่ยานลำนี้ก็ยังคงดูเหมือนใหม่อยู่เหมือนเดิม

“วันนี้ฉันจะต้องเอามันกลับไปพร้อมกับฉันให้ได้” เซี่ยเฟยอุทานด้วยแววตาที่เป็นประกาย

ขนอุยที่นอนอยู่บนไหล่ของเซี่ยเฟยเงยหน้าของมันขึ้นทันที เมื่อมันสัมผัสได้ถึงค้างคาวเงาดาราที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

เบโอเนทค่อย ๆ แล่นเข้าไปตรงท่าเทียบยานของยานจูเนี่ยน ซึ่งชายหนุ่มจำได้ดีว่าค้างคาวตัวนั้นอาศัยอยู่ในห้องปฏิกรณ์พลังงาน แต่เขาไม่รู้ว่าหลังจากที่ไม่ได้เจอกับมันมานานหลายปี มันจะแข็งแกร่งขึ้นเหมือนกับเขาหรือเปล่า

เมื่อประตูยานทั้งสองลำเชื่อมต่อกันสำเร็จ ชายหนุ่มก็เดินเข้าไปในยานบัญชาการและค่อย ๆ เดินไปตามทางเดินที่มุ่งหน้าตรงไปยังห้องเก็บเตาปฏิกรณ์

ทันใดนั้นมันก็ได้มีเสียงค้างคาวดังออกมาจากส่วนล่างของยานรบ แล้วมันก็เริ่มใช้พลังจิตของมันจู่โจมเข้าใส่ผู้มาใหม่ในทันที

อย่างไรก็ตามขนอุยที่อยู่บนไหล่ของเซี่ยเฟยก็ส่งเสียงร้องคำรามออกมาเบา ๆ และเมื่อเสียงของสัตว์อสูรทั้งสองได้ปะทะกันเสียงของค้างคาวก็หายไปอย่างฉับพลัน คล้ายกับว่ามันไม่กล้าที่จะต่อต้านสัตว์อสูรผู้ยิ่งใหญ่อย่างขนอุย

ฟุบ!

เซี่ยเฟยเร่งความเร็วมุ่งหน้าตรงไปยังห้องเก็บเตาปฏิกรณ์ที่อยู่ด้านล่าง

“เปลี่ยน!”

ชายหนุ่มเปลี่ยนดาบดราก้อนสเกลให้กลายเป็นดาบสองมือ พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นไปมากกว่าเดิม เพราะท้ายที่สุดเขาก็กังวลว่าการต่อสู้กับสัตว์อสูรตัวนี้อาจจะทำให้ยานรบได้รับความเสียหาย เขาจึงตัดสินใจที่จะจัดการค้างคาวเงาดาราให้ได้ภายในรอบเดียว

เมื่อเซี่ยเฟยเปิดประตูห้องเก็บเตาปฏิกรณ์เข้าไป เขาก็ได้เห็นค้างคาวสีดำตัวใหญ่กำลังนั่งขดตัวอยู่ที่มุมห้อง ขณะเดียวกันดวงตาของมันก็กำลังจ้องมองมาทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเจตนาร้าย

มนตราอสูร!

เมื่อดวงตาของทั้งสองประสานกันพลังจิตอันทรงพลังของทั้งคู่ก็เริ่มปะทะกันอย่างรวดเร็ว

“ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมาหลายปีแต่แกก็ไม่พัฒนาไปไหนเลยนะ แต่ฉันวันนี้ไม่ได้อ่อนแอเหมือนกับฉันในวันนั้นอีกต่อไปแล้ว” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาที่มุมปาก

พินิจใจ!

คลื่นพลังจิตอันรุนแรงของเซี่ยเฟยผลักดันคลื่นพลังจิตของค้างคาวเงาดาราออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะเริ่มส่งคลื่นพลังควบคุมตรงไปยังสมองของสัตว์อสูรตัวนี้

อย่างไรก็ตามค้างคาวเงาดาราก็ไม่ได้คิดที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ และมันก็ตัดสินใจที่จะอาละวาดขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้าย โดยไม่ยอมที่จะถูกควบคุมแม้ว่ามันจะต้องตายตรงนี้ก็ตาม

“ถ้าไม่ยอมแพ้งั้นก็ตายลงไปซะ!”

ฉัวะ!

ดาบดราก้อนสเกลลากผ่านลำคอของค้างคาวเงาดาราไปอย่างรวดเร็ว ทำให้การต่อสู้ที่ชายหนุ่มรอคอยมานานจบลงไปในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที

ปัจจุบันเซี่ยเฟยยืนอยู่ในห้องบัญชาการของยานจูเนี่ยน โดยเก็บเบโอเนทและแวมไพร์เอาไว้ภายในห้องเก็บสัมภาระของยาน

“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้ฉันจะได้มีโอกาสนั่งยานบัญชาการในตำนานแบบนี้ด้วย” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

“ใจเย็น ๆ หลังจากนี้นายจะได้เจอกับสิ่งที่นายไม่เคยเจออีกเยอะแยะเลย แต่ตอนนี้พวกเรารีบมุ่งหน้าไปหาพวกนาวีกันเถอะ”

***************

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.