บทที่ 446: ตัดสินใจสร้างโรงเรียน
“การเรียนเอาไว้ให้สมองของเจ้ากิน แล้วมันจะได้โตขึ้น” หูเจียวเจียวจิ้มหน้าผากของลูกชายคนเล็กพร้อมอธิบายความหมาย
ทันทีที่หลงเหยาได้ยินคำว่า ‘กิน’ อยู่ในประโยค เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
“เสี่ยวเหยาก็อยากเรียนด้วยเหมือนกัน! เสี่ยวเหยาต้องกินให้ดี!”
ทางด้านหลงจงยิ้มเยาะกับท่าทางกระตือรือร้นของเจ้าตัวแสบ “เสี่ยวเหยา เจ้าพูดเองนะ”
วันต่อมา
หูเจียวเจียวมุ่งหน้าไปปรึกษาเรื่องนี้กับหัวหน้าเผ่า
“ท่านผู้เฒ่า ข้าอยากจะสร้างโรงเรียนในเผ่า มันเป็นสถานที่ที่เด็ก ๆ มารวมตัวกัน และใช้เวลาทุกวันเพื่อให้พวกเขาเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รวมไปถึงตัวอักษรที่สอนโดยเทพอสูร”
จิ้งจอกสาวใช้นามของเทพอสูรมาเป็นข้ออ้างอีกครั้ง
เมื่อชายชราได้ยินคำพูดของหญิงสาว เขาก็ตีความคำพูดของอีกฝ่ายว่า ‘หลังจากที่เด็กในเผ่ามาร่ำเรียน ในอนาคตเด็กทุกคนจะทรงพลังเหมือนเจียวเจียว!’
ยามนี้ผู้อาวุโสชะงักไป 2-3 วินาที จากนั้นเขาก็มองไปที่หูเจียวเจียวตาโต
“ท่านผู้เฒ่า ทำไม่ได้หรือ ไม่อย่างนั้นเราจะไม่สร้างโรงเรียนก็ได้ เราเรียนในที่โล่งได้สบาย ๆ...” ทางด้านจิ้งจอกสาวคิดว่าหัวหน้าเผ่าไม่เห็นด้วยกับความคิดของเธอ ดังนั้นเธอจึงเสนอสิ่งที่ดีที่สุดต่อไป
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าก่อนที่หญิงสาวจะพูดจบ เธอก็ถูกเสียงตะโกนดังก้องของท่านผู้เฒ่าขัดจังหวะ
“ตกลง ความคิดนี้ดีมาก!” หัวหน้าเผ่าตื่นเต้นมากจนดวงตาเบิกกว้าง
“ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ สร้างสิ! โรงเรียนนี้ต้องสร้าง! ความรู้ที่เทพอสูรมอบให้นั้นสำคัญมาก มันเป็นสิ่งที่ดีมากหากเจ้าเต็มใจที่จะสอนเด็กในเผ่า!”
ที่ผ่านมาชายสูงวัยไม่กล้าคิดเรื่องแบบนี้ด้วยซ้ำ
เพราะท้ายที่สุด การมีหูเจียวเจียวอยู่ในเผ่าเขาก็มีความสุขมากพอแล้ว
ถ้าชาวเผ่าได้รับการถ่ายทอดความรู้จากจิ้งจอกสาวจนมีคนแบบนางเพิ่มขึ้นมาอีกแล้วล่ะก็... เผ่าของพวกเขาจะไม่กลายเป็นเผ่าที่ทรงพลังที่สุดในแผ่นดินหรือไง!
ขณะนี้ผู้นำสูงสุดของเผ่าตื่นเต้นมากจนแทบจะติดปีกบินขึ้นฟ้า
คราวนี้เป็นตาของหูเจียวเจียวที่ต้องตกตะลึง
เมื่อเธอเห็นการสนับสนุนของอีกฝ่าย เธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดต่อว่า “ท่านผู้เฒ่า ท่านเลือกสถานที่สำหรับสร้างโรงเรียนได้เลยนะ ข้าจะไปคุยกับพี่สามเพื่อขอให้เขาจัดสรรอิฐมาให้ และเราจะได้เริ่มสร้างโรงเรียนกัน”
หลังจากเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ หัวหน้าเผ่าได้ส่งคนไปช่วยหูชิงหลู่เผาอิฐมากขึ้น ปัจจุบันนอกเหนือจากการสร้างบ้านแล้ว ก้อนอิฐก็ยังมีมากพอที่จะเอาไปทำอย่างอื่นได้อีก
ก่อนที่หูเจียวเจียวจะมาถึงที่บ้านพักของผู้อาวุโส เธอได้ไปหาพี่สามเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการสร้างโรงเรียนไว้แล้ว
“ตกลง ทำตามที่เจ้าพูดเลย เจ้าต้องการใช้ภูตกี่คนก็เรียกใช้พวกเขาได้ทันที ไม่ต้องมาถามข้า”
หัวหน้าเผ่าพยักหน้าซ้ำ ๆ ตอนนี้เขาใจร้อนยิ่งกว่าหญิงสาวเสียอีก
“ถ้างั้น… แล้วถ้าเราสร้างโรงเรียนใต้ต้นไทรในเผ่าล่ะ?” หูเจียวเจียวถามแบบไม่มั่นใจ
ที่นี่มีต้นไทรอายุร้อยปีอยู่ใจกลางเผ่า อีกทั้งตรงนั้นมีพื้นที่โล่งซึ่งบังเอิญสะดวกให้เด็ก ๆ สัญจรไปมา และเธอก็เห็นคุณค่าของที่ดินผืนนั้นมานานแล้ว
“ตกลง!” ชายชราพยักหน้าตอบด้วยเสียงหนักแน่น
ตราบใดที่มันดีต่อเผ่า เขาจะสนับสนุนจนถึงที่สุด
นั่นทำให้หูเจียวเจียวยิ้มอย่างยินดี “งั้นข้าจะไปคุยกับพี่สามทันที แล้วไปหาภูตมาช่วยสร้างโรงเรียน”
แม้ว่าหลิงเอ๋อจะหมดสติและหลงโม่ไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ แต่เธอก็ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อเด็กคนอื่น ๆ เพื่อพ่อแม่พี่น้องของเธอ และเพื่อเผ่า
มันทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองยังคงเดินอยู่เคียงข้างลูกสาวและสามีเหมือนเดิม ไม่ใช่นั่งอยู่เฉย ๆ โดยปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปแบบไร้ประโยชน์
ขณะที่จิ้งจอกสาวกำลังจะออกไปดำเนินการขั้นตอนต่อไป แต่ท่านผู้เฒ่าก็เรียกเธอไว้เสียก่อน “เจียวเจียว รอสักครู่”
ต่อมา เขาหยิบถุงหนังสัตว์ใบใหญ่ออกมาจากบ้าน ก่อนที่ถุงหนังสัตว์หนัก ๆ จะถูกวางลงบนพื้นดังโครม
“เจียวเจียว นี่คือสิ่งที่ข้าเก็บไว้เมื่อไม่นานมานี้ การกินอวัยวะภายในของสัตว์ป่าสามารถเสริมสร้างร่างกายของเจ้าได้ เจ้านำกลับไปแบ่งกินกับลูก ๆ เถอะ”
ชายสูงวัยกล่าวพลางมอบถุงหนังสัตว์ให้อีกฝ่าย
พอหูเจียวเจียวเปิดถุงก็เห็นว่ามันเต็มไปด้วยเครื่องในสัตว์ตากแห้ง
เครื่องในนั้นอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ การรับประทานเครื่องในสัตว์มีประโยชน์มากมายสำหรับร่างกายมนุษย์ นอกจากนี้ภูตยังมีคำกล่าวที่ว่า การกินเครื่องในสามารถเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกาย แถมเครื่องในยังมีค่ามากกว่าเนื้อสัตว์เสียอีก
“ท่านผู้เฒ่า” จิ้งจอกสาวมองชายตรงหน้าแบบซาบซึ้ง
แม้ว่าจะมีเสบียงมากมายในเผ่า แต่หัวหน้าเผ่าก็ไม่เคยเอาเปรียบคนอื่น เขายังคงออกล่าเอง ยิ่งไม่ต้องคิดเลยว่าเขาสะสมเครื่องในสัตว์กี่วันกว่าจะได้มากขนาดนี้
ทางด้านชายชรารู้สึกละอายใจเล็กน้อย ในขณะที่รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าของเขาเด่นชัดขึ้น “เจียวเจียว ข้าไม่สามารถช่วยเจ้าเกี่ยวกับเรื่องของหลิงเอ๋อได้ และร่างกายแก่ ๆ ของข้าค่อนข้างไร้ประโยชน์ แต่ตราบใดที่เจ้าต้องการอะไร ข้าพร้อมที่จะสนับสนุนเจ้าเสมอ”
แม้ว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับครอบครัวของหูเจียวเจียว แต่นางยังคงทำงานหนักเพื่อเผ่าตลอดทั้งวัน
ในฐานะผู้นำสูงสุดของเผ่า เขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้แล้วรู้สึกทุกข์ใจมาก
เขารู้ว่าจิ้งจอกสาวต้องการหาอะไรทำเพื่อลืมปัญหาของตัวเองชั่วคราว
เมื่อหัวหน้าเผ่าพูดถึงหลิงเอ๋อ หูเจียวเจียวก็ตระหนักว่าอีกฝ่ายกังวลเกี่ยวกับลูกสาวของเธอเหมือนกัน
มันทำให้หญิงสาวหัวเราะทั้งน้ำตา
“ท่านผู้เฒ่า ข้าสบายดี และหลิงเอ๋อก็จะสบายดีเช่นกัน”
“นี่คือวิบากกรรมที่หลิงเอ๋อต้องเผชิญ ข้าเชื่อว่านางจะผ่านมันไปได้ เมื่อโรงเรียนสร้างเสร็จ ข้าจะให้หลิงเอ๋อมาเรียนที่โรงเรียนด้วย!”
ตอนที่เด็กหญิงหมดสติไปครั้งแรก เธอยอมรับว่าตัวเองตื่นตระหนกมากจริง ๆ
แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ทำใจได้แล้ว
ครั้งนี้หูเจียวเจียวไม่ได้ฝันอะไรซึ่งพิสูจน์ได้ว่าหลิงเอ๋อกับหลงโม่จะสามารถเปลี่ยนโชคร้ายให้กลายเป็นดีและทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างราบรื่น ปัจจุบันเธอเพียงต้องการมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเผ่าขณะรอให้หลงโม่กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง
เมื่อผู้อาวุโสเห็นว่าจิ้งจอกสาวกลับมาเข้มแข็งแล้ว ในที่สุดเขาก็รู้สึกโล่งใจ
“เอาล่ะ ถ้าเจ้ามีปัญหาอะไร มาหาข้าได้ทุกเมื่อเลยนะ” ชายสูงวัยตบหน้าอกที่ยังแน่นปั้กของเขา
หูเจียวเจียวยิ้มให้เขาอย่างซาบซึ้ง
เวลาต่อมา เธอออกจากบ้านของหัวหน้าเผ่าแล้วมุ่งหน้าไปหาหูชิงหลู่อีกครั้งเพื่อบอกเขาและโหวเสี่ยวเตียวเกี่ยวกับการสร้างโรงเรียน
“น้องเล็ก เจ้าต้องการก้อนอิฐกี่ก้อน บอกพี่สามมาได้เลย พี่สามสัญญาว่าจะส่งมันให้เจ้าก่อน” จิ้งจอกหนุ่มดึงแขนคนเป็นน้องสาวไปกระซิบพูดเสียงเบา
เนื่องจากเขากลัวว่าพวกภูตคนอื่นจะไม่พอใจเมื่อได้ยินมัน
หูเจียวเจียวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ความลำเอียงของพี่สามของเธอนั้นน่ารักมาก
“พี่สาม ท่านไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นหรอก แค่ส่งอิฐไปให้ทั้ง 2 ทางพร้อม ๆ กันก็พอ และถ้ามีมากหน่อยค่อยแบ่งมาให้ข้าบ้าง”
แต่หูชิงหลู่ขมวดคิ้วและกำลังจะพูดว่า ‘น้องเล็กของข้าจะรอของเหลือจากคนอื่นได้ยังไง’ แต่เขาก็ถูกโหวเสี่ยวเตียวที่อยู่ข้าง ๆ ขัดจังหวะไปเสียก่อน
“เจียวเจียว เจ้าอยากจะสร้างโรงเรียนหรือ ให้ข้าช่วยเจ้าด้วยคนสิ!”
“เจ้าไม่ได้ยุ่งกับการเผาอิฐอยู่หรือ?” จิ้งจอกสาวรู้สึกประหลาดใจ
เมื่อลิงหนุ่มได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกขัดเขิน
“ข้าจะยุ่งอะไรล่ะ หูชิงหลู่ทำงานนี้ไปทั้งหมดแล้ว ข้าช่วยอะไรไม่ได้เลย พอข้ามานั่งคิดดูดี ๆ แล้ว สมองของข้าทำงานพวกงานฝีมือไม่ค่อยรุ่งสักเท่าไหร่ ถ้าเป็นงานออกแรงแบบการสร้างบ้านมันเหมาะกับข้ามากกว่า”
หลังจากหูเจียวเจียวพิจารณาเรื่องนี้ โหวเสี่ยวเตียวเป็นคนกลุ่มแรกที่เริ่มสร้างบ้านหิน และรู้เรื่องนี้มากกว่าภูตคนอื่น
ด้วยความช่วยเหลือของเขา โรงเรียนน่าจะสร้างได้เร็วกว่าที่คาดไว้
ถัดมา จิ้งจอกสาวหันไปมองพี่ชายเพื่อขอความเห็นจากเขา “พี่สาม...”
“แล้วแต่เขาเลย พี่ไม่ต้องมีเขาก็ได้” หูชิงหลู่รู้ว่าน้องสาวคิดอะไรอยู่ เขาจึงโบกมือตอบแบบสบาย ๆ
“เอาล่ะ งั้นข้าจะไปบอกท่านผู้เฒ่าว่าจะให้เจ้าไปช่วยสร้างโรงเรียนให้ข้า” หูเจียวเจียวตัดสินใจและหันมาบอกโหวเสี่ยวเตียว
“ตกลง!” ลิงหนุ่มพยักหน้ารับอย่างตื่นเต้น
หญิงสาวรู้สึกว่าเขาร่าเริงขึ้นมากกว่าช่วงเวลาที่เผาอิฐเสียอีก
จากนั้นจิ้งจอกสาวก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “โหวเสี่ยวเตียว ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเป็นวิศวกรระดับปรมาจารย์นะเนี่ย”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 263
แสดงความคิดเห็น