บทที่ 43: ถึงเขาจะมองไม่เห็น แต่แสงไม่เคยหายไป
ในส่วนลึกของถ้ำอันมืดมิด รูม่านตาสีทองคู่หนึ่งเปิดออกอย่างช้า ๆ และมีร่องรอยของความสงสัยในสายตานั้น
คิดถึงเขา?
ผู้หญิงคนนี้กำลังทำบ้าอะไรอยู่?
ในตอนแรก นางหาทางสารพัดเพื่อขับไล่เขาออกจากเผ่าเพราะนางอยากจะมีลูกกับอิงหยวน แล้วยังข่มขู่ไม่ให้เขากลับเข้าไปในชีวิตของนางอีก
เมื่อนึกถึงท่าทางอันแสนรังเกียจ ใจร้าย และก้าวร้าวของจิ้งจอกสาว ดวงตาสีทองก็หลุบลงต่ำ
ทางด้านโหวเสี่ยวเตียวที่อยู่นอกถ้ำรู้สึกกังวลเมื่อเห็นว่าหลงโม่เงียบไปนาน
ชายผู้นี้คงไม่เชื่อที่เขาพูดใช่ไหม?
เพราะท้ายที่สุดแล้ว หูเจียวเจียวเองเป็นคนขับไล่เขาออกจากเผ่า ทำให้เขาได้ใช้ชีวิตอยู่ในป่าเขาอันโหดร้ายเหมือนภูตเร่ร่อนเท่านั้น
ขณะที่ลิงหนุ่มกำลังระดมสมองหาคำพูดดี ๆ มาพูดแทนจิ้งจอกสาว และกำลังจะอธิบายให้หลงโม่ฟัง ทว่าเสียงเย็นชานั้นก็กระซิบออกมาแผ่วเบา
“เข้าใจแล้ว ครั้งหน้าข้าจะนำเหยื่อกลับไปเอง”
เขาเห็นด้วย!
สีหน้าของโหวเสี่ยวเตียวสดใสขึ้น จากนั้นเขารีบพูดว่า “ตกลง งั้นข้ากลับก่อนนะ”
พอเขาพูดจบแล้วก็รีบเข้าไปในป่าโดยไม่หันกลับมามองข้างหลังอีก
อันที่จริงเขาไม่อยากมาเยือนสถานที่น่าขนลุกนี้อีกเลย
ภายในถ้ำ รูม่านตาสีทองขนาดใหญ่เหมือนดวงอาทิตย์ 2 ดวงกำลังจ้องมองที่ทางเข้าถ้ำเป็นเวลานาน จากนั้นแสงเย็นยะเยือกก็แล่นผ่านดวงตาก่อนจะหายวับไป
ลืมมันไปเถอะ แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่ชอบเขา แต่นางก็ยังเป็นคู่ครองของเขาที่ต้องเลี้ยงลูก 5 คน ดังนั้นการที่นางร้องขอแบบนี้ก็ไม่ได้มีอะไรผิดแปลก
เขาจะทำเช่นเดียวกัน ถ้าหญิงสาวทรมานเด็ก ๆ อีกหรือทำให้ลูกของเขาเจ็บตัว เขาจะฆ่านางด้วยมือของเขาเองอย่างแน่นอน!
...
ในเผ่า ณ บริเวณนอกบ้านไม้
หูเจียวเจียวต้องการชดเชยให้กับหลงจง ดังนั้นเธอจึงทำอาหารอร่อย ๆ เอาไว้เยอะกว่าปกติ
วันนี้เธอมีเวลาเหลือมากพอที่จะทำอาหารหม้อใหญ่ มื้อนี้เธอทำผัดผัก, เนื้อกวางตุ๋น, เนื้อกวางผัด, เนื้อวัวราดซอสและปรุงน้ำแกงกระดูกกวาง 1 หม้อเพื่อเสริมสารอาหารให้กับเด็กทั้ง 5
นอกจากนี้เธอยังตัดเนื้อส่วนคอของวัวมาทำลูกชิ้นเพื่อใส่เข้าไปในน้ำแกงกระดูกกวาง
เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน อาหารเย็นก็พร้อมเสิร์ฟ
แม่จิ้งจอกหรี่ไฟลงโดยต้มน้ำแกงในหม้อด้วยไฟอ่อน ๆ แล้วเธอเพิ่งคิดได้ว่าตัวเองลืมเอามันเทศที่ย่างไว้เมื่อเช้าออก แต่โชคดีที่มันไม่ไหม้ไปเสียก่อน ดังนั้นเธอจึงเอามันเทศใส่เข้าไปในเตาเพื่ออุ่นมันให้ร้อนด้วยไฟอ่อน
แม้ว่ารสชาติจะไม่ดีเท่ากับตอนอบใหม่ แต่มันก็ยังกินได้
ขณะเดียวกัน หลงเซียวนั่งอยู่ในบ้านไม้พลางฟังการเคลื่อนไหวในลานบ้านอย่างเงียบ ๆ และได้ยินว่าเธอยุ่งตลอดเวลาจนแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย
ในใจของเด็กหนุ่มอยากจะเข้าไปช่วยผู้เป็นแม่ แต่พอคิดว่าตัวเองตาบอดคงช่วยอะไรไม่ได้จึงทำได้เพียงนั่งเงียบอยู่ที่เดิม
ขณะนั้นความเศร้าปกคลุมใบหน้าซีดของเขา
“เซียวเซียว” ทันใดนั้นเสียงของหูเจียวเจียวดังมาจากลานบ้าน ทำให้หัวใจของหลงเซียวกระตุก
หญิงสาวพูดต่อเสียงเบาว่า “แม่จะออกไปตามคนอื่น ๆ มากินข้าวเย็น ลูกอยู่ที่บ้านช่วยแม่เฝ้าบ้านหน่อยนะ”
ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าเบา ๆ เดินออกไปจากลานบ้าน
ภายในบ้านไม้ หลงเซียวกำแท่งไม้ยาวแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ช่วยนางเฝ้าบ้านงั้นหรือ?
นางไม่คิดว่าเขาไร้ประโยชน์ เขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากการนั่งอยู่ที่เดิมทุกวัน แต่ดูเหมือนว่านางไม่ได้คิดว่าเขาไร้ค่า...
ริมฝีปากสีซีดของเด็กหนุ่มผู้มองไม่เห็นเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ยืนขึ้นพร้อมกับใช้ไม้ยาวในมือคลำทางเดินไปในลานบ้าน
ในตอนนี้แสงสุดท้ายของวันตกกระทบลงใบหน้าของหลงเซียว
แก้มที่เคยเป็นสีซีดจนเห็นเส้นเลือดกำลังถูกย้อมไปด้วยสีแดงเรื่อ ซึ่งเขาเองก็รู้สึกถึงความอบอุ่นจาง ๆ แผ่กระจายออกมา
แต่จังหวะนั้นหนุ่มน้อยที่ไม่คุ้นเคยกับสัมผัสนี้รู้สึกงุนงง พร้อมกับยกนิ้วขึ้นแตะแก้มอุ่น ๆ ก่อนจะตระหนักได้ว่า แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็น แต่แสงนั้นยังคงส่องมาที่ตัวเขาเสมอไม่เคยหายไปไหน...
…
ข้อมูลในหนังสือเขียนไว้ไม่มีผิด
หูเจียวเจียวพบเด็ก ๆ เล่นอยู่ที่ริมแม่น้ำทันที
ส่วนหลงจงหลังจากที่อยู่คนเดียวสักพัก อารมณ์ของเขาก็กลับมาคงที่ พอเด็กหนุ่มได้ยินเสียงเรียกของแม่ใจมาร เขาก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วเดินกลับมาพร้อมกับหลงอวี้และหลงหลิงเอ๋อ
ในขณะที่หลงเหยาทำตัวเป็นปลิงเกาะติดผู้เป็นแม่ไม่ยอมปล่อย
มังกรตัวเล็กตัวนี้มีน้ำหนักแค่ 2-3 กิโลกรัมเท่านั้น ตัวของเขาทั้งนุ่มและเบามาก หญิงสาวจึงไม่ได้ไล่เขาออกไปแล้วให้เขาทำตามใจได้เต็มที่
ทางด้านหลงหลิงเอ๋อมองภาพนั้นด้วยสายตาอิจฉาริษยา นางเองก็อยากจะกลายร่างเป็นสัตว์ตัวเล็ก ๆ แล้วไปพันอยู่รอบคอของแม่บ้าง...
...
อีกด้านหนึ่ง ปัจจุบันยิ่งโหวเซียงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น
นอกจากนี้นางยังได้ยินกลุ่มผู้หญิงที่อยู่นอกประตูเติมเชื้อไฟให้นางหึงหวงมากยิ่งขึ้น โดยกล่าวว่า โหวเสี่ยวเตียวเอาหนังสัตว์ 3 ผืนไปให้หูเจียวเจียว แล้วนางก็ต้องรู้สึกโกรธมากไปอีกเมื่อกลับบ้านมาค้นพบว่าหนังสัตว์ในบ้านหายไป 3 ผืนจริง ๆ
ดังนั้นภูตลิงสาวจึงมาดหมายในใจว่า ก่อนที่ผู้เป็นสามีจะกลับมา นางจะต้องไปชำระบัญชีกับหูเจียวเจียวถึงที่บ้านก่อน
พอมาถึงที่หมาย โหวเซียงก็รีบวิ่งปรี่เข้าไปในลานบ้านของคู่กรณี แต่นางพบเพียงเด็กชายตาบอดอยู่ข้างใน แล้วไม่เห็นใครอีกจึงคิดว่าแม่จิ้งจอกซ่อนตัวอยู่ในบ้าน นางจึงตะโกนเรียกด้วยความคับแค้นใจ
“หูเจียวเจียว ออกมานะ!”
“นังผู้หญิงไร้ยางอาย เจ้ามันช่างไร้ศีลธรรมเสียจริง บังอาจมาคิดเกินเลยกับโหวเสี่ยวเตียว วันนี้ข้าจะฉีกหนังหน้าเจ้าซะ!”
ในเวลาเดียวกัน หูเจียวเจียวกำลังเดินกลับมาพร้อมกับลูก ๆ ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยตะโกนสาปแช่งดังมาจากทางบ้านของเธอ
เมื่อคิดถึงครั้งสุดท้ายที่สงฮวามาสร้างปัญหา ลูกของเธอทุกคนถูกทำร้าย และตอนนี้มีเพียงคนเดียวที่อยู่ในบ้านก็คือหลงเซียว
พอคิดได้เช่นนั้น สีหน้าของแม่จิ้งจอกเปลี่ยนไปทันที และเธอก็รีบวิ่งกลับบ้านไปด้วยความเป็นห่วงจับใจ
ที่ด้านหลัง เด็ก 3 คนหันไปมองหน้ากันแล้วรีบจ้ำเท้าตามแม่ไปติด ๆ
ทันทีที่หญิงสาววิ่งเข้าไปบริเวณบ้าน เธอก็เห็นผู้หญิงร่างอวบอ้วนคนหนึ่งยืนเท้าสะโพกอยู่ตรงลานบ้าน นางกำลังตะโกนเรียกหูเจียวเจียวด้วยใบหน้าที่น่ากลัว
วินาทีนั้นหัวใจของคนเป็นแม่ตกลงไปอยู่ตาตุ่ม เธอรีบผลักอีกฝ่ายออกไปให้พ้นทาง ก่อนจะพบว่าหลงเซียวยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีส่วนไหนบุบสลาย เธอจึงวิ่งเข้าไปกอดเขาอย่างโล่งใจ
“เซียวเซียว ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่ต้องกลัว แม่อยู่นี่แล้ว”
เด็กหนุ่มผู้มองไม่เห็นขมวดคิ้วมุ่น เขากำลังจะเอ่ยปากโต้เถียงกับผู้หญิงแปลกหน้า แต่พอเขาเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของแม่ ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปทันที
หากเป็นผู้หญิงที่ชั่วร้ายคนเดิม นางจะต้องตำหนิเขา แล้วยังโทษพวกพี่น้องคนอื่นว่าทำให้นางต้องลำบากเพราะโดนคนอื่นรังแก
ถัดมา หลงเซียวหันหน้าหนีและกำลังจะตอบว่า ‘ข้าไม่เป็นไร’ แต่ประโยคที่พูดออกไปจากปากกลับเป็น “นางบอกว่านางจะฉีกหน้าท่าน”
น้ำเสียงนั้นเย็นชาและเฉยเมย แฝงไปด้วยความหม่นหมอง ซึ่งไม่ต่างจากหุ่นยนต์ที่กำลังรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเลยสักนิด
เมื่อหูเจียวเจียวมองดูใบหน้าซีดเผือดและเสียงอู้อี้ของลูกชายคนรอง เธอก็คิดว่าเขากำลังหวาดกลัว เธอจึงตบหลังเขาเบา ๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อย่ากลัวไปเลย แม่จะปกป้องเจ้าเอง”
หลังจากที่จิ้งจอกสาวปลอบใจเด็กหนุ่มแล้ว เธอก็ยืนขึ้นเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่อยู่นอกลานบ้าน “ข้าก็อยากจะรู้ว่าเจ้าจะฉีกหน้าข้าเป็นชิ้น ๆ ได้ยังไง”
ผู้หญิงคนนี้มาที่นี่เพื่อหาเรื่องเธอโดยไม่มีเหตุผล นอกจากนี้เธอไม่ใช่คนอ่อนแอที่ยอมปล่อยให้คนอื่นมารังแกได้ง่าย ๆ
เมื่อโหวเซียงเห็นหูเจียวเจียวกล้าเผชิญหน้ากับตัวเอง นางก็ยิ่งโกรธมากขึ้น ก่อนที่นางจะชี้หน้าของอีกฝ่ายแล้วดุว่า “หูเจียวเจียว เจ้ามันหน้าไม่อาย ในขณะที่เจ้ากำลังยั่วยวนอิงหยวน เจ้ายังกล้ามาล่อลวงโหวเสี่ยวเตียวของข้าอีก”
“ต่อให้เจ้ามอบเนื้อให้เขามากกว่านี้ เขาก็ไม่หลงกลเจ้าหรอก! ใครจะไปสนใจเนื้อเน่า ๆ ของเจ้ากัน!”
พอจิ้งจอกสาวได้ยินคำพูดของคนตรงหน้า ในที่สุดเธอก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด
ปรากฎว่าผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาของโหวเสี่ยวเตียวซึ่งในอดีตเคยโด่งดัง เมื่อโหวเซียงเห็นเนื้อสัตว์ที่ผู้เป็นสามีนำกลับบ้าน นางอาจเข้าใจผิดว่าเธอต้องการล่อลวงเขา
จากนั้นเธอก็อธิบายอย่างใจเย็นว่า “โหวเซียง ข้าอาจจะเคยยั่วยวนอิงหยวนมาอย่างที่เจ้าบอกเพราะว่าเขายังไม่ได้ตกลงปลงใจกับใคร แต่ตอนนี้เขากับลู่เมี่ยนเอ๋ออยู่ด้วยกันแล้ว ข้าจึงไม่ยุ่งกับอิงหยวนอีก และมันก็เป็นไปไม่ได้ด้วยที่ข้าจะไปยุ่งกับโหวเสี่ยวเตียว เจ้ากำลังเข้าใจผิด”
หญิงสาวใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยรวม พร้อมกับอธิบายเหตุผลว่าทำไมเธอถึงหยุดเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับอิงหยวนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
หลังจากที่โหวเซียงได้ยินสิ่งนี้ ความโกรธที่แสดงออกบนใบหน้าของนางก็ลดลงเล็กน้อย
สิ่งที่หูเจียวเจียวพูดนั้นถูกต้อง ปกติผู้หญิงจะเข้าหาผู้ชายที่ไม่มีคู่ ซึ่งการจะได้ครองคู่กับอีกฝ่ายขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเอง และไม่มีกฎว่าผู้หญิงคนอื่นจะไม่สามารถเข้ามาพัวพันได้
แล้วก็เป็นความจริงที่นางเคยได้ยินมาว่าในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา จิ้งจอกสาวไม่ได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับอิงหยวนอีก
เป็นไปได้ไหมว่านางกำลังเข้าใจผิด?
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ตัวร้ายเปิดตัวได้สมกับเป็นตัวร้ายมาก ส่วนแม่จิ้งจอกมีเรื่องมาให้ปวดหัวแทบไม่เว้นวัน เป็นหูเจียวเจียวนี่มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 234
แสดงความคิดเห็น