แยกบ้านสำเร็จ
“หือ เจียเหริน เจ้าแน่ใจแล้วรึ” ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเดิมที่บุตรชายคนที่สามตระกูลสวีคนนี้เป็นคนกตัญญูยิ่งนักขยันขันแข็งทำงาน ถึงแม้จะถูกตระกูลสวีเอาเปรียบมาเนินนานก็ไม่เคยปริปากบ่นแม้แต่น้อย ไม่คิดว่าวันนี้จะทนไม่ไหวแล้ว คงเป็นเมื่อหลายวันก่อนที่เจียเหรินล้มป่วยคนบ้านสวีไม่แม้จะเรียกหมอมาดูอาการนั่นแหละกระมัง ผู้เฒ่าตระกูลสวีสองคนนี่ก็เหลือเกินจริงๆเลือกที่รักมักที่ชังจนไม่ลืมหูลืมตา
"นั้นสิเจียเหริน เจ้ามีความคับข้องอันใด จึงตัดสินใจเช่นนี้ ลองคิดดูอีกทีดีหรือไม่" แม่เฒ่าเหล่ยเพื่อนบ้านข้างเคียงกล่าวขึ้น แม้ในความเป็นจริงนางจะได้ยินเรื่องราวตั้งแต่ต้นก็ตาม อีกทั้งสภาพของเมียเจียเหรินจะชี้ให้เห็นอยู่ตำตา ถึงอย่างไรแม้เฒ่าสองคนของบ้านสวีจะค่อนข้างลำเอียงอยู่มาก หากแต่คำว่า ไม่กตัญญู เป็นคำที่หนักหนายิ่งนัก ยากจะแบกรับยิ่งนัก เด็กสองคนนี้จะอยู่ได้อย่างไรขี้ปากของคนนั้นอาบพิษชั้นดีไว้ นางห่วงพวกเขายิ่งนัก
“แน่ใจขอรับ ข้าตัดสินใจแล้วจะไม่เปลี่ยนใจ”
“ถ้าเจ้าตัดสินใจแล้ว และพวกเจ้าสมัครใจทั้งสองฝ่ายข้าก็จะเขียนสัญญาแยกบ้านให้” เมื่อได้ยินเจียเหรินตอบด้วยความมั่นใจเช่นนี้ผู้ใหญ่บ้านเช่นเขาเป็นคนนอกได้แค่ทำตามหน้าที่จัดการให้เรียบร้อยเท่านั้น ชาวบ้านคนอื่นก็ไม่ได้ช่วยพูดทัดทานอีกหากแต่มีการกระซิบพูดคุยกันเองเบาๆ
“หึตาเฒ่าบอกว่าแยกบ้านได้ข้าก็จะยอมให้เเยก หากแต่พวกเจ้าห้ามเอาของ ของคนตระกูลสวีไปแม้แต่ชิ้นเดียว เงินทองข้าก็ไม่มีให้ข้าใช้จ่ายในครอบครัวไปหมดแล้ว” ขณะผู้ใหญ่บ้านกำลังเขียนสัญญาแยกบ้านอยู่นั้น แม่เฒ่าเจียงก็โพล่งขึ้นมาด้วยความไม่ยินยอม นางยอมเพียงให้เจียเหรินแยกบ้านแม้เสียดายแรงงานชั้นดีที่หาเงินให้นางได้ แต่พ่อเฒ่าได้ตัดสินใจไปแล้วนางไม่สามารถขัดอะไรได้ แต่นางจะไม่ให้เงินทองที่นางหวงแหนไว้ให้ลูกรักของนางหรือสิ่งของใดๆไปทั้งสิ้น
“พูดจาเหลวไหล นางเฒ่าเจ้าสามเป็นลูกของข้ากับเจ้า จะไม่ให้อะไรไปเลยได้เช่นไร เจ้า” พ่อเฒ่าสวีรู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก เขาโกรธจนพูดแทบไม่ออก นางเฒ่านี่จะทำให้เขาขายหน้าไปถึงใหน ลูกสามแยกบ้านออกไปอย่างไรก็ต้องให้จะให้นิดให้น้อยเท่าไหร่ก็ต้องให้ นางพูดเช่นจะเขาเขาเอาหน้าไว้ที่ไหน ช่างโง่งมจริงๆ แม่เฒาเจียงโดนเฒ่าสวีชี้หน้าก็หดหัวลงด้วยความกลัว ครั้งนี้นางคงโดนเฒ่าสวีโกรธจริงๆแล้ว จนพวกลูกที่อยู่ข้าง ๆ เเม่เฒ่าไม่กล้าปริปากอะไรเช่นกันเพราะกลัวโดนหางเลขไปด้วย เมื่อครู่พวกเขากำลังยิ้มได้เพราะเจียเหรินจะไม่ได้อะไรไปอยู่เลยเชียว
“ได้ข้าจะไม่เอาอะไรไป ให้ถือว่าเงินทองที่ข้าหามาได้หลายปีนี้ใช้ทดเเทนบุญคุณพวกท่านไป ผู้ใหญ่บ้านข้ารบกวนให้ท่านเขียนทุกอย่างลงไปด้วยนะขอรับ ว่าข้าออกจากตระกูลไปตัวเปล่า เเยกกันแล้ว ต่อไปข้าจะเป็นต้นตระกูลของข้าเองไม่ข้องเกี่ยวกับตระกูลสวี่นี้อีก ต่างคนต่างอยู่จะยากดีมีจนก็ไม่เกี่ยวข้องกันอีกหากใครผิดข้อสัญญานี้ปรับเงินเขากองทุนหมู่บ้าน1000ตำลึงทอง” เจียเหรินกลอกตาขึ้น แทบทนสองผัวเมียการละครนี่ไม่ไหว ดีเหมือนกันเขาจะไม่เอาทรัพย์สมบัติอะไรไปถือว่าเป็นการแสดงความกตัญญูของเจ้าของร่างเดิมไปแล้วกันจะได้ไม่มีพันธะใดๆต่อกันอีก
“เจ้าจะบ้าไปแล้วรึแยกบ้านกันแล้วไม่พอ เจ้าถึงกับตัดสัมพันธ์กันขนาดนี้ ความกตัญญูเจ้าไม่เหลือแล้ว”
“ท่านจะหวังให้ข้ากตัญญูอะไรจากข้าอีกขอรับ ข้าทำงานตั้งแต่อายุสิบขวบปีจนตอนนี้ข้ายี่สิบสอง เงินที่ข้าหามาได้ข้ามอบท่านทั้งหมดข้าไม่กตัญญูรึ พี่ๆน้องๆของข้าก็มีตั้งหลายคนไยจะช่วยกันกตัญญูต่อท่านไม่ไหว ขาดข้าไปสักคนคงไม่เป็นไรกระมัง” เสียงแม่เฒ่าสวีโหยหวนท่ามกลางความตกใจของทุกคน เป็นที่รู้กันแล้วว่าเจียเหรินไม่เพียงต้องการแค่แยกบ้านหากแต่ต้องการตัดสัมพันธ์อย่างเด็ดขาดกับคนตระกูลสวีต่อหน้าทุกคนโดยไม่สนชื่อเสียงของตนแล้ว ชาวบ้านได้แต่คิดกันไปต่างๆนาๆเเน่นอนบ้างก็ว่าเจียเหรินไม่กตัญญู บ้างก็ว่าสมควรแล้วที่คนตระกูลสวีต้องเจอแบบนี้มีอย่างที่ไหนบุตรชายแยกบ้านแล้วไม่ให้ทรัพย์สมบัติไปตั้งตัวสักชินคนใจดำต้องเจอคนใจดำยิ่งกว่าเช่นเจียเหรินนี่แหละ
“ได้ข้าเขียนเสร็จ ให้พวกเจ้าอ่าน ถ้าไม่มีปัญหาอะไรพวกเจ้าก็ลงลายมือได้” ผู้ใหญ่บ้านเขียนตามคำขอของเจียเหรินเพิ่มเติมลงไปอีก เด็กหนุ่มผู้นี้เด็ดขาดยิ่งนัก คิดยืมมือชาวบ้านเป็นไม้กันหมาให้กับตนเองได้ชาญฉลาดนัก หากต่อไปคนตระกูลสวีคิดจะไปหาเรื่องพวกเขาคงต้องคิดหนักหลายเท่านัก เพราะเงินหนึ่งพันตำลึงทองนี้ถ้าเข้ากองทุนของหมู่บ้านแล้วมันจะเป็นผลประโยชน์มหาศาลแก่เช้าบ้านมาก ใครๆ ก็อยากรักษาผลประโยชน์ให้ตัวเองใช่หรือไม่ มีรึว่าคนตระกูลสวีจะไม่กลัว เงินทองมากมายเช่นนี้ต่อให้คนตระกูลสวีทุกคนทำงานช่วยกันสิบปียังหามาจ่ายไม่ได้เลย อ่าน่าเสียดายตระกูลสวีต้องเสียบุคคลที่แสนฉลาดเหลือร้านเช่นนี้ไป ช่างน่าเสียดายจริงๆ
"เอาหละในเมื่อลงลายมือกันแล้วต่อไปพวกเจ้าก็ไม่ใช่คนตระกูลเดียวกันอีกแล้ว ข้าขอให้พวกเจ้าทำตามที่เขียนในสัญญาอย่างเคร่งครัด หากทำผิดสัญญาละก็ผลที่ตามมาคงไม่สวยงามนัก" เฒ่าสวีลงลายมืออย่างสั่นเทาแม้ไม่อยากแยกบ้าน แต่มาถึงขนาดนี้เขาเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว ส่วนเจียเหรินลงชื่ออย่างรวดเร็วไม่ลังเลแม้แต่น้อย พร้อมผู้ใหญ่บ้านลงลายมือเป็นพยานทุกอย่างก็เสร็จสิ้นทั้งสองฝ่ายถือสัญญากันคนละฉบับ ก่อนผู้ใหญ่บ้านจะพูดสัมทับตอนสุดท้าย
“ เหอะ ข้าหิวแล้ว เข้าเรือนกัน” เฒ่าสวีมีสีหน้ากนุ่นโกรธไม่น้อยแทนที่เขาจะรู้สึกถึงชัยชนะชนะ กลับเป็นเจียเหรินเหมือนพาคนมากดข่มเขาเสียมากกว่า เขาเสียหน้ากว่านี้ไม่ได้แล้วเลยสั่งเสียงเข้มก่อนคนตระกูลสวีจะพากันเดินเข้าเรือนไป
“เจียเหรินระหว่างพวกเจ้ายังไม่มีที่อยู่ ก็ไปอยู่บ้านตีนเขาเถอะที่นั้นไม่มีคนอยู่มานานแล้ว แต่ปัดกวาดเช็ดถูเล็กน้อยก็อยู่ได้แล้ว” แม้เจียเหรินในตอนนี้จะหัวแข็งและเจ้าเล่ห์ไปสักหน่อย หากแต่ผู้ใหญ่บ้านก็เห็นเขามาตั้งแต่ยังเเบเบาะ อดรู้สึกเวทนาสองผัวเมียคู่นี้ไม่ได้ จึงเสนอให้ไปพักอาศัยชั่วคราวที่ตีนเขาไปก่อน เขาเชื่อว่าไม่นานเจียเหรินคงหาเงินได้พอได้ขยับขยายกันไป
“ขอบคุณขอรับผู้ใหญ่บ้านและพ่อเฒ่าแม่เฒ่าและพี่น้องทุกๆคนขอรับ” เจียเหรินและหลานหงก้มคารวะให้แก่ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านที่มาให้วันนี้ทุกคนถ้าหากทุกคนไม่มาในวันนี้ทุกอย่างคงไม่ง่ายดายเช่นนี้ ก่อนทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้านของตนเองไป
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 227
แสดงความคิดเห็น