ตอนที่ 277 คะแนนดับเบิ้ลเพอร์เฟค
ตอนที่ 277 คะแนนดับเบิ้ลเพอร์เฟค
การออกแบบของเซี่ยเฟยเข้าใจได้ง่ายมาก เพราะเขาทำให้โดรนเป็นเหมือนทหารที่ยอมตายในสงคราม ซึ่งทหารเหล่านี้จะไม่หลบหนีออกไปจากสนามรบและยินดีจะแลกชีวิตเพื่อทำให้ศัตรูได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
การทำแบบนี้ก็อาจจะทำให้พวกเขาโชคดีได้รับชัยชนะ แต่ถ้าหากว่าพวกเขาได้รับความพ่ายแพ้ อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องเสียใจ เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว
คอนสแตนตินออกแบบพลาดไปเพียงเพราะเขาคิดว่าโดรนลำนี้คือโดรนธรรมดา เขาจึงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าแผ่นเกราะบาง ๆ ที่เขาติดตั้งเอาไว้ไม่สามารถที่จะป้องกันอะไรในสนามรบที่แท้จริงได้
เหนียนฟู่กวงพยักหน้าอย่างยอมรับ ขณะที่ลู่ซวนซินผู้ซึ่งถนัดระบบป้องกันก็ไม่พูดอะไรขัดขึ้นมา เพราะท้ายที่สุดถึงแม้ระบบป้องกันจะเป็นสิ่งที่ดี แต่ภายใต้สถานการณ์ในปัจจุบันทางเลือกของเซี่ยเฟยเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่าอย่างชัดเจน
“พวกเราทุกคนต่างก็ตั้งกรอบขึ้นมาภายในใจ ดังนั้นโดรนที่ดีที่สุดในความคิดของพวกเราจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นจะต้องมีความสมดุลย์ แต่พวกเราลืมคิดไปสนิทเลยว่าในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแบบนั้น การออกแบบโดรนให้สมดุลย์ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด”
“การออกแบบของคุณในครั้งนี้เปลี่ยนความคิดของพวกเราไปมาก ตอนนี้พวกเราไขข้อข้องใจทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เชิญพวกคุณทั้งสองคนออกไปรอฟังคะแนนยังด้านนอกได้เลย” เหนียนฟู่กวงกล่าว
หลังจากนั้นคอนสแตนตินกับเซี่ยเฟยก็เดินออกจากห้องไป เหนียนฟู่กวงจึงได้หันไปพูดกับเหล่าบรรดาชายชรา
“เอาล่ะพวกเรามาให้คะแนนกันเถอะ”
สิ้นคำสั่งชายชราทุกคนก็กดให้คะแนนในคอมพิวเตอร์ของตัวเอง ซึ่งคะแนนที่พวกเขาทั้งเก้าสามารถจะออกเสียงได้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นคะแนนที่เท่ากันทุกคน
—
การแข่งขันในวันนี้จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เหล่าบรรดาผู้ชมก็ยังคงอยู่บริเวณสนามแข่งไม่ยอมจากไปไหน เพราะพวกเขาต้องการทราบคะแนน 2 คนสุดท้ายที่ได้สร้างโดรนรูปร่างประหลาดขึ้นมาในระหว่างการแข่งขัน
“ดูนั่น! คะแนนออกมาแล้ว”
หลังจากที่มีใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา ทุกคนก็เงยหน้าขึ้นไปดูคะแนนของคอนสแตนตินบนหน้าจอขนาดใหญ่
“คะแนนเต็ม 120 คะแนน”
“คะแนนพิเศษจากคณะกรรมการ 10 คะแนน”
“รวมเป็น 130 คะแนน”
“อะไรนะ?! โดรนกล่องแบบนั้นได้ 130 คะแนนงั้นเหรอ!?”
“มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง? ผู้เข้าแข่งขันที่ซ่อมโดรนได้อย่างโดดเด่นในหลายคนยังได้ 0 คะแนนเลย แล้วทำไมคอนสแตนตินถึงได้ 130 คะแนน?”
“พวกกรรมการบ้าไปแล้วหรือเปล่า? ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าพวกเขาใช้เกณฑ์อะไรในการตัดสินให้คะแนน”
…
คะแนนของคอนสแตนตินทำให้ผู้ชมส่งเสียงวิจารณ์กันขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง เพราะท้ายที่สุดผลงานของคอนสแตนตินก็ออกมาในระดับที่ธรรมดามาก แต่ว่าเขากลับได้รับคะแนนพิเศษจากกรรมการ
ขณะเดียวกันมันก็มีคอมเมนต์ในอินเตอร์เน็ตถาโถมเข้ามาครั้งใหญ่ คล้ายกับมีทัวร์มาลงการถ่ายทอดสดของการแข่งขันโกลเดนฟิงเกอร์
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้สีหน้าของหลี่โม่เปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด เพราะการแข่งขันในรอบนี้เพียงแค่รอบเดียวทำให้เขามีคะแนนตามหลังคอนสแตนตินถึง 107 คะแนน
อย่างไรก็ตามความวุ่นวายก็ยังไม่จบลงเท่านั้น เพราะเซี่ยเฟยได้รับคะแนนสูงมากถึง 170 คะแนน ซึ่งแบ่งออกเป็นคะแนนเต็ม 120 คะแนนและคะแนนพิเศษจากคณะกรรมการอีก 50 คะแนน!!
“คะแนนดับเบิ้ลเพอร์เฟคงั้นเหรอ?! ดูนั่นสิเซี่ยเฟยได้คะแนนดับเบิ้ลเพอร์เฟค!!!”
“นี่มันคะแนนดับเบิ้ลเพอร์เฟคครั้งแรกของการแข่งขันปีนี้เลยนะ ฉันไม่คิดเลยว่าโดรนน่าเกลียดลำนั้นจะทำให้เซี่ยเฟยได้รับคะแนนดับเบิ้ลเพอร์เฟคแบบนี้”
“คณะกรรมการช่วยออกมาอธิบายด้วยว่าทำไมเซี่ยเฟยถึงได้ดับเบิ้ลเพอร์เฟค”
“ใช่แล้ว สมาคมช่างกลเป็นสมาคมชั้นแนวหน้าของพันธมิตรไม่ใช่เหรอ? พวกคุณจะตัดสินแบบเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้”
“ในความเห็นของฉันไม่เพียงแต่เซี่ยเฟยจะไม่ควรได้คะแนนเต็ม แต่เขาสมควรจะได้คะแนนติดลบด้วยซ้ำ เพราะโดรนที่เขาออกแบบขึ้นมามันทุเรศจนทำให้ฉันอยากจะควักลูกกะตาทิ้ง”
เหล่าบรรดาผู้ชมต่างก็ส่งเสียงร้องตะโกนให้คณะกรรมการออกมาอธิบายเกณฑ์การให้คะแนนของตัวเอง ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นหลี่โม่ก็กำลังรู้สึกโกรธจนตัวสั่น เพราะคะแนนของเซี่ยเฟยทิ้งห่างออกไปจนทำให้เขาแทบที่จะไม่สามารถตามช่องว่างขนาดใหญ่เช่นนี้ได้เลย
หลี่โม่หันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าที่เย็นชา จากนั้นเขาก็กดระบบสื่อสารเพื่อติดต่อไปยังใครบางคน
“ฮัลโหลครับพ่อ ผมกำลังสงสัยว่าสมาคมช่างกลกำลังเล่นตลกกับพวกเราอยู่ ผมสามารถทำคะแนนในการแข่งขันรอบนี้ได้แค่ 23 คะแนน แต่มันมีผู้ชายคนหนึ่งได้คะแนนดับเบิ้ลเพอร์เฟค พ่อมีคนรู้จักเป็นผู้อาวุโสในสมาคมช่างกลใช่ไหมครับ พ่อพอจะถามเขาให้ผมได้หรือเปล่าว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หลี่โม่กล่าวถามบิดาโดยพยายามซ่อนความเกลียดชังเอาไว้ในใจ
“ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่านายไม่จำเป็นจะต้องเข้าร่วมการแข่งขันที่ไร้ความหมายนี่ แต่นายก็ไม่ฟัง ในฐานะทายาทของตระกูลหลี่นายจะไปสนใจถ้วยง่อย ๆ นั่นไปทำไม” หลี่กวนผู้ซึ่งเป็นพ่อของหลี่โม่กล่าวขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
“ผมสัญญาว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายครับ หลังจบการแข่งขันผมจะยอมเข้าไปทำงานในบริษัทตามที่พ่อบอก” หลี่โม่กัดฟันพูดขึ้นมา
เหตุการณ์นี้ทำให้หลี่กวนรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย เพราะลูกชายสุดที่รักของเขาชอบประกอบของเล่นตั้งแต่เด็ก แต่ครั้งนี้ลูกชายของเขายอมให้สัญญาว่าจะเข้าไปทำงานในบริษัทของตระกูลสักที มันจึงทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก
“เอาล่ะฉันจะยอมแบกหน้าไปคุยกับเหนียนฟู่กวงสักหน่อย รอฟังข่าวจากพ่อก็แล้วกัน”
พัวะ!
หลังจากวางสายหลี่โม่ก็มองไปยังคะแนนบนหน้าจอด้วยแววตาอันเย็นชา ก่อนที่เขาจะเตะดอกไม้ริมข้างทางเพื่อระบายอารมณ์
—
“ยินดีด้วย! รอบนี้ฉันขอยอมรับความพ่ายแพ้ แต่รอบหน้าฉันจะไม่แพ้อย่างแน่นอน” คอนสแตนตินกล่าวกับเซี่ยเฟยภายในลิฟต์
“จริง ๆ แล้วพวกเราก็ต่างกันแค่แนวคิดที่ไม่เหมือนกัน คะแนนรอบนี้ไม่ได้วัดเทคนิคของแต่ละคนสักหน่อย ว่าแต่นายได้เรียนรู้วิชาช่างกลมาจากใครงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าว
“แล้วนายล่ะเรียนรู้วิชาช่างกลมาจากใคร?” คอนสแตนตินถามกลับ
“ฉันไม่อยากตอบ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฉันก็ไม่อยากตอบเหมือนกัน” คอนสแตนตินกล่าวด้วยรอยยิ้มกลับไป
เมื่อประตูลิฟต์ได้เปิดออกผู้ชมเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนก็เดินเข้ามาล้อมเซี่ยเฟยกับคอนสแตนตินเอาไว้ หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มยิงคำถามว่าทำไมทั้งสองคนนี้ถึงได้คะแนนเต็ม ทั้ง ๆ ที่คนส่วนใหญ่ได้ 0 คะแนน
“รักษาตัวด้วย ฉันไปก่อนล่ะ” เซี่ยเฟยหันไปพูดกับคอนสแตนตินก่อนที่ร่างของเขาจะหายวับไป
แม้จะถูกล้อมรอบด้วยฝูงชนที่แน่นขนัด แต่เซี่ยเฟยก็ยังสามารถพุ่งผ่านช่องว่างแคบ ๆ ได้ราวกับสายฟ้า มันจึงทำให้เหลือคอนสแตนตินที่ต้องคอยตอบคำถามฝูงชนเพียงลำพัง
“น่าสนใจจริง ๆ” คอนสแตนตินพึมพำกับตัวเองพร้อมกับดันแว่นเป็นนิสัย ขณะมองไปยังแผ่นหลังไกล ๆ ของเซี่ยเฟยที่กำลังหลบหนีออกจากฝูงชน
—
เหล่าบรรดาผู้ชมต่างก็กำลังร้องโวยวาย ทางสมาคมช่างกลจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากให้เหนียนฟู่กวงผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะกรรมการออกมาอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทุกคนได้ฟัง
หลังจากที่เหนียนฟู่กวงได้อธิบายเกณฑ์ให้คะแนนของคณะกรรมการแล้วกระแสในอินเตอร์เน็ตก็เปลี่ยนไปจากเดิมในทันที จากตอนแรกที่พวกเขาสาปแช่งเซี่ยเฟยกับคอนสแตนติน เปลี่ยนเป็นคำยกย่องที่พวกเขาสามารถประยุกต์แก้ปัญหาในสถานการณ์ที่คับขัน โดยไม่สนใจการกระทำของผู้เข้าร่วมการแข่งขันคนอื่น ๆ
แน่นอนว่าสมาคมช่างกลก็ถูกตำหนิในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ที่พวกเขาได้ซ่อนการประเมินที่แท้จริงเอาไว้ภายใต้การประกาศที่เป็นเพียงแค่คำลวง
อย่างไรก็ตามสมาคมช่างกลก็ไม่ได้สนใจเสียงนกเสียงกาพวกนี้เลย เพราะในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุดในอุตสาหกรรมเครื่องจักร พวกเขาจึงมีอำนาจที่จะทำการทดสอบผู้เข้าแข่งขันโดยไม่ต้องทำการแจ้งล่วงหน้าได้ และท้ายที่สุดผู้ที่ได้ครอบครองแชมป์ของรายการนี้ไปก็จะต้องเป็นผู้ที่สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้อย่างดีที่สุด
“เมื่อกี้ฉันกลัวมากเลย ฉันคิดว่านายจะติดอยู่กลางคนพวกนั้นแล้ว” แอวริลพูดขึ้นมาอย่างประหม่า
“ไม่ต้องห่วง คนพวกนั้นหยุดฉันเอาไว้ไม่ได้หรอก” เซี่ยเฟยกล่าว
“ครั้งนี้นายเท่มากเลย! ไม่น่าเชื่อว่านายจะได้คะแนนดับเบิ้ลเพอร์เฟคครั้งแรกของการแข่งขันในปีนี้” แอวริลกล่าวขึ้นมาด้วยความประหลาดใจและถึงแม้ว่ามันจะยังมีคนตั้งข้อสงสัยในตัวของเซี่ยเฟยอย่างมากมาย แต่เธอก็ยังรู้สึกดีใจที่เขาสามารถทำผลงานออกมาได้เป็นอย่างดี
เซี่ยเฟยเลือกที่จะไม่พูดคุยหัวข้อนี้ต่อ เพราะเขาก็แค่พยายามอย่างเต็มที่โดยไม่ได้สนใจว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบไหน ท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถที่จะควบคุมผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นได้ ซึ่งอันที่จริงเขาก็ค่อนข้างสนุกกับการแข่งขันอันแปลกใหม่นี้พอสมควร
“ฉันรู้จักร้านปลาย่างอร่อย ๆ อยู่เจ้าหนึ่ง พวกเราลองไปกินร้านนั้นดูไหม? ร้านอยู่ใกล้ ๆ แค่นี้เอง” เซี่ยเฟยกล่าว
“ฉันขอโทษด้วย แต่งานวันเกิดของคุณปู่ใกล้จะมาถึงแล้ว ฉันต้องกลับไปฝึกอบรมเรื่องมารยาท ฉันได้ข่าวมาว่าคราวนี้มีราชวงศ์ถูกเชิญมางานเลี้ยงจากหลายอาณาจักร ถ้าฉันไม่ยอมกลับไปฝึกเรื่องมารยาท คุณปู่อาจจะไม่ยอมปล่อยให้ฉันออกมาเจอนายอีก” แอวริลจับมือเซี่ยเฟยด้วยความรู้สึกผิด
เซี่ยเฟยพยักหน้าอย่างเข้าใจและบอกให้เธอกลับไปโดยไม่ต้องกังวล
—
“ผู้เข้าแข่งขันที่ชื่อเซี่ยเฟยไม่ได้โกงการแข่งขัน ดังนั้นลูกไม่จำเป็นจะต้องคิดมาก แต่พ่อก็คิดว่าลูกไม่น่าจะมีโอกาสชนะการแข่งขันในครั้งนี้แล้ว ลูกควรหันมาให้ความสนใจบริษัทดีกว่าจะมัวไปยุ่งกับพวกเครื่องจักรที่สกปรก”
“นอกจากนี้งานวันเกิดของผู้อาวุโสตระกูลเจี่ยนก็ใกล้เข้ามาแล้ว ลูกควรเตรียมของขวัญให้กับเขาอย่างระมัดระวัง และถึงแม้ว่าบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดของตระกูลเจี่ยนจะเล็กกว่าบริษัทไฟร์สตาร์ไฟแนนซ์ของเรามาก แต่ระบบสตาร์เน็ตเวิร์กก็เชื่อมต่อเข้ากับทุกสิ่งทุกอย่างภายในพันธมิตร”
“ดังนั้นถ้าหากว่าพวกเราสามารถเข้าควบคุมบริษัทนี้ได้พวกเราก็จะมีความได้เปรียบคู่แข่งในเรื่องของข้อมูล นอกจากนี้บริษัทสตาร์ยูไนเต็ดยังมีแนวโน้มเติบโตที่ค่อนข้างดี พวกเราจึงไม่สามารถปล่อยให้บริษัทนี้หลุดออกไปจากมือของพวกเราได้อย่างเด็ดขาด” หลี่กวนกล่าว
“พ่อไม่ต้องห่วงผมชอบแอวริลมาก ปล่อยให้ผมเป็นคนจัดการเรื่องนี้เองครับ” หลี่โม่กล่าวอย่างหนักแน่น
“เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับชอบหรือไม่ชอบ? ถ้าลูกแค่ชอบพอเธอ ลูกก็แค่แอบเลี้ยงดูเธอเอาไว้อย่างลับ ๆ ก็ได้ไม่จำเป็นจะต้องแต่งเธอเข้ามาในตระกูลของเรา เหตุผลที่พ่อให้ลูกเข้าใกล้ตระกูลเจี่ยนนั่นก็เพราะบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดของพวกเขา”
“จำเอาไว้ว่าความรู้สึกรักใคร่มันเป็นเพียงแค่ของปลอม อย่าปล่อยให้ความรู้สึกพวกนั้นเข้ามาบดบังจิตใจของพวกเราอย่างเด็ดขาด ตราบใดก็ตามที่ลูกมีเงินและอำนาจลูกก็จะได้ในทุกสิ่งที่ลูกต้องการ โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องพยายามอะไรเลย” หลี่กวนกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์
“ผมรู้ครับว่าเงินคือเพื่อนแท้สำหรับเรา แต่ครั้งนี้ผมไม่อยากแพ้คนที่ชื่อเซี่ยเฟย เพราะเขาคอยไปไหนมาไหนกับแอวริลตลอดทั้งวัน แล้วมันก็อาจจะส่งผลกระทบกับแผนการณ์ของเรา” หลี่โม่กล่าว
หลี่โม่พยายามใช้ความสุขจากพ่อของเขาในการกำจัดเซี่ยเฟยออกไป และเขาก็ได้ใช้คำพูดอันชาญฉลาดในการบอกว่าเซี่ยเฟยคือคนที่อาจจะเข้ามาขัดขวางแผนการที่พ่อเขาได้วางเอาไว้
“สาเหตุที่เซี่ยเฟยอยู่กับแอวริลก็แค่เพราะว่าเขาต้องการเงินจากตระกูลของเธอ ลูกแค่ให้ในสิ่งที่เขาต้องการแค่นั้นลูกก็จะสามารถกำจัดเขาออกไปได้เอง” หลี่กวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ผมลองแล้วแต่เขาไม่ยอมรับเงิน พ่อคิดว่า…” หลี่โม่กล่าวค้างขึ้นมาพร้อมกับความคิดที่จะฆ่าปิดปากเซี่ยเฟย
“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา” หลี่กวนกล่าวหยุดความคิดลูกชายของเขาเอาไว้ก่อน
หลังจากตัดการเชื่อมต่อหลี่โม่ก็ทุบพื้นอย่างรุนแรง เพราะท้ายที่สุดเพียงแค่เรื่องคะแนนในการแข่งขันก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมากพอแล้ว ที่สำคัญกว่านั้นคือแอวริลตัวติดกับเซี่ยเฟยตลอดเวลา ซึ่งแม้แต่คนโง่ก็สามารถบอกได้ว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันแล้ว
“ไอ้พวกบ้านนอกนี่มันกล้าดียังไงถึงมาท้าทายฉัน!!” หลี่โม่ร้องคำรามขึ้นมาด้วยความโกรธ
ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยเฟยกับแอวริลต่อให้เขาได้หญิงสาวคนนี้มาครอบครองจริง ๆ แต่เขาก็ไม่มีทางได้หัวใจของเธอ ท้ายที่สุดเขาก็คือคุณชายที่เกิดขึ้นมาในตระกูลที่ร่ำรวย และเขาก็จะไม่ยอมมอบสิ่งที่เขาต้องการให้ไปตกอยู่ในมือของคนอื่นอย่างเด็ดขาด
หลี่โม่นั่งมองเครื่องสื่อสารอยู่นานและถอนมือขวาออกจากหน้าจอครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะเขากลัวว่าการตัดสินใจของเขาจะทำให้บิดาออกมาตำหนิ
ไม่ว่าจะเป็นหลี่โม่หรือหลี่กวนต่างก็เหมือนกับทายาทที่เติบโตขึ้นมาในตระกูลที่ร่ำรวยคนอื่น ๆ คือพวกเขาได้ถูกเลี้ยงดูขึ้นมาตามคำสั่ง และเมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้นำตระกูลสั่งห้าม พวกเขาก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำตามความต้องการที่นอกเหนือคำสั่งได้
หลังจากที่หลี่โม่ลังเลอยู่นานในที่สุดความชั่วร้ายในจิตใจของเขาก็เป็นฝ่ายชนะ เขาจึงใช้นิ้วจิ้มไปยังตัวเลขทั้งเก้าตัวเป็นรหัสสัญญาณ ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ในเวลาเพียงแค่ไม่นานชายฉกรรจ์ผู้มีหนวดเคราเต็มใบหน้าก็เดินเข้ามาในห้องของหลี่โม่
“ผมมาแล้วครับนายน้อย” ชายฉกรรจ์กล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“ฉันมีคนที่ไม่อยากจะเห็นขี้หน้ามันอีก” หลี่โม่กล่าวพร้อมกับยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบเบา ๆ
“นายน้อยหมายถึงเซี่ยเฟยใช่ไหมครับ?” ชายฉกรรจ์กล่าวหลังจากที่เขาชะงักไปเล็กน้อย
“ใช่”
“แต่นายท่าน…”
“นายจะฟังแต่คำสั่งของพ่อแต่ไม่ฟังคำสั่งฉันงั้นเหรอ?” หลี่โม่กล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา
“ผมจะทำตามคำสั่งของนายน้อยครับ” ชายฉกรรจ์กล่าวพร้อมกับโค้งคำนับอย่างสุภาพ
“จัดการเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก” หลี่โม่ตะคอกอย่างเย็นชา
“ได้ครับ” ชายฉกรรจ์ตกปากรับคำแต่ภายในใจของเขาก็บ่นออกมาไม่หยุด
‘พวกลูกหลานเศรษฐีนี่เอาใจยากจริง ๆ คราวนี้ฉันจะต้องไปขอให้ใครเป็นคนลงมืออีกแล้วเนี่ย!’
—
เพื่อความสะดวกในการเดินทางเซี่ยเฟยจึงอาศัยอยู่ในห้องพักที่ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดเอาไว้ให้ และถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่ได้สะดวกสบายเหมือนโรงแรม แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องเสียเงิน
ขณะเดียวกันแม้ว่าในตอนนี้เขาจะไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทอง แต่เขาก็ยังไม่ชอบใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะสามารถจ่ายเงินซื้อยานรบคุณภาพสูงในราคามหาศาลได้ แต่เขาก็พร้อมที่จะพักค้างคืนในโรงแรมราคาถูก ๆ เหมือนเดิม
แอวริลกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมงานวันเกิดของคุณปู่ เธอจึงรีบออกเดินทางไปตั้งแต่เช้าวันนี้ เซี่ยเฟยจึงมีเวลาว่างเข้ามาที่ห้องเพื่อทำการวิจัยและฝึกฝนต่อไป
ระบบเรดาร์แบล็คแบทยังคงอยู่ห่างไกลจากการผลิตในเชิงอุตสาหกรรม และถึงแม้ว่าพิมพ์เขียวในปัจจุบันที่เขาคิดค้นขึ้นมาจะมีประสิทธิภาพที่ค่อนข้างดี แต่มันก็ไม่สามารถเอาเข้าระบบการผลิตเป็นจำนวนมากได้
ท้ายที่สุดพิมพ์เขียวที่เขาออกแบบก็มีความซับซ้อนมากเกินไป เครื่องจักรในปัจจุบันจึงมีข้อผิดพลาดในกระบวนการผลิตให้เห็นอยู่เสมอ
เซี่ยเฟยต้องการลดต้นทุนในการผลิตแต่เขาไม่ต้องการที่จะลดประสิทธิภาพของสินค้าลง เพราะท้ายที่สุดบริษัทควอนตัมก็อยู่ในช่วงเริ่มต้นและผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกชิ้นต่างก็มีความสำคัญมาก เขาย่อมไม่เอาชื่อเสียงของบริษัทตัวเองมาทิ้งเพื่อแลกกับความง่ายในการผลิต
อย่างไรก็ตามต้นทุนกับประสิทธิภาพก็เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันอยู่เสมอ และถึงแม้ว่ามันจะมีตลาดระดับสูงที่คอยรองรับสินค้าที่มีความละเอียดซับซ้อนเช่นนี้ แต่ชายหนุ่มก็ต้องการตีตลาดระดับกลางของประชาชนทั่วไปด้วย
เซี่ยเฟยเคยบอกกับอันธเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งเขาจะทำให้ยานอวกาศทุกลำในพันธมิตรใช้ระบบเรดาร์ที่ผลิตขึ้นโดยบริษัทควอนตัม และเพื่อที่จะทำตามเป้าหมายที่เขาลั่นวาจาเอาไว้ให้สำเร็จ เขาจึงจำเป็นจะต้องทำงานทั้งวันทั้งคืนพร้อมกับติดต่อไปยังพอตเตอร์และแฮร์ริสที่อยู่บนโลกตลอดเวลา เพื่อช่วยกันพัฒนาระบบเรดาร์แบล็คแบทให้ผลิตในเชิงอุตสาหกรรมได้
ทันใดนั้นมันก็มีเสียงกระซิบ 2 เสียงดังขึ้นที่นอกประตู และเนื่องมาจากประสาทสัมผัสของเขาที่เฉียบคมมาก เขาจึงได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นนอกห้องได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้สนใจเสียงที่เกิดขึ้นมากมายนัก เพราะมันมีคนเดินผ่านห้องเขาเป็นจำนวนมากในทุก ๆ วัน แต่สิ่งที่ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสะกิดใจจริง ๆ นั่นก็เพราะบทสนทนาของพวกเขามีชื่อของแอวริล
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยท่าทางที่เหนื่อยล้า ก่อนที่เขาจะเอาหูไปวางแนบกับประตูเพื่อให้เขาแอบฟังบทสนทนาได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 152
แสดงความคิดเห็น