ตอนที่ 243 พลังความมืด
ตอนที่ 243 พลังความมืด
เด็กสาวผู้อ่อนแอคนนี้มีชื่อว่า ‘เงานิลกาฬ’ เซี่ยเฟยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงได้รับการตั้งชื่อเช่นนั้น เพราะถึงแม้ว่าเธอจะขึ้นไปบนสนามประลองแล้วแต่เธอก็ยังคงก้มหน้าไม่ยอมเผชิญหน้ากับศัตรูเหมือนเดิม
ผู้ชายเกือบทุกคนจะมีสัญชาตญาณในการปกป้องเพศหญิง และพวกเขาจะไม่ทำร้ายผู้หญิงถ้าหากว่าไม่จำเป็น ยิ่งไปกว่านั้นเด็กสาวคนนี้ยังมีท่าทางที่ไร้เดียงสาและมันก็ดูราวกับว่าเธอไม่ได้ฝึกฝนการต่อสู้มาเลยแม้แต่น้อย
“สำนักเงาสังหารไม่มีใครกล้าออกมาสู้แล้วหรือยังไง? ถึงได้ส่งเด็กผู้หญิงออกมาต่อสู้แบบนี้ พวกคุณรู้สึกละอายใจในตัวเองบ้างไหม?” ฟางหยวนเท้าสะเอวพูดออกไปเสียงดัง
คำพูดของชายอ้วนเสียดแทงเข้าไปภายในใจของผู้ชม และมันก็ทำให้ศิษย์ในสำนักเงาสังหารนับพันก้มหน้าลงโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ถึงฉันจะเป็นผู้หญิง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต่อสู้ไม่ได้” เงานิลกาฬพูดขึ้นมาราวกับเสียงกระซิบ
“เธอกำลังพูดอะไรนะ? ฉันไม่ได้ยิน” ฟางหยวนเอามือป้องหูพร้อมกับถามขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ขี้เล่น
เงานิลกาฬกุมมือทั้งสองข้างเอาไว้ตรงบริเวณหน้าอก ก่อนที่เธอจะรวบรวมความกล้าส่งเสียงตะโกนออกไปเสียงดัง
“ฉันพูดว่าฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ให้คุณเอง!”
ไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อนว่าเด็กสาวที่มีท่าทางอ่อนแอคนนี้จะสามารถส่งเสียงร้องตะโกนออกมาได้ราวกับเสียงสายฟ้าฟาด
“ใช้ได้นี่! แต่จำเอาไว้ว่าถึงแม้เธอจะเป็นผู้หญิงแต่ฉันก็ไม่มีทางออมมือเด็ดขาด เธอเตรียมตัวตายเอาไว้ได้เลย” ฟางหยวนกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
คำพูดของฟางหยวนทำให้เงานิลกาฬรู้สึกโกรธจนตัวสั่น เซี่ยเฟยจึงทำได้เพียงแต่ส่ายหัวไปมาพร้อมกับคิดภายในใจว่าเล่ห์เหลี่ยมของเด็กสาวคนนี้ไม่มีอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
“เธอเสียสมาธิไปแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะมีทักษะการต่อสู้ที่สูงมากแต่เธอก็ตกอยู่ภายใต้กลอุบายของศัตรู ไม่ว่ามองยังไงเธอก็ไม่มีทางเอาชนะการต่อสู้ในครั้งนี้ไปได้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างเฉยเมย
“ทุกคนต่างก็มีข้อบกพร่องเป็นของตัวเอง แต่โดยปกติสำนักจะคอยสั่งสอนกลอุบายพวกนี้ให้กับศิษย์อยู่แล้วนะ ทำไมเธอถึงหลงกลอุบายของศัตรูง่ายดายขนาดนี้?” อันธกล่าวพร้อมกับเม้มริมฝีปาก
“บางทีคำสอนพวกนั้นอาจจะไม่ได้เข้าหัวศิษย์ในสำนักก็ได้ อย่าลืมสิว่าถึงแม้ว่านายจะมาจากสำนักเงาสังหารแต่นายก็ชื่นชอบบทกวีมากกว่าการฆ่า ฉันว่าเรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับความสนใจเพราะถ้าหากว่าใครไม่ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ พวกเขาก็อาจจะลืมความรู้พวกนั้นไปได้ง่าย ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
คำอธิบายของเซี่ยเฟยทำให้อันธเงียบเสียงไป เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นนักฆ่าที่ไม่มีคุณสมบัติเหมาะจะเป็นนักฆ่าที่เพียบพร้อมจริง ๆ
เสียงระฆังดังขึ้นเป็นสัญญาณเพื่อเริ่มต้นการแข่งขันในรอบที่ 2 อย่างเป็นทางการ
เงาประกายเงินกำลังนั่งเกร็งอย่างหนัก ท้ายที่สุดเงานิลกาฬก็เป็นศิษย์สายตรงของเขามันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันในครั้งนี้ เพราะผลลัพธ์ของการแข่งขันไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเขาเท่านั้น แต่มันยังมีผลกระทบกับชื่อเสียงของสำนักอีกด้วย
ฟางหยวนมองไปที่เด็กสาวอย่างดูถูกและยังไม่ได้มีความคิดริเริ่มที่จะทำการโจมตีเข้าใส่เธอเลย ราวกับว่าเขาไม่เห็นเธอคนนี้อยู่ในสายตา
หลังจากรอไปสักพักและฟางหยวนไม่ได้เริ่มทำการโจมตี เงานิลกาฬก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นกว่าเดิมเพราะเธอกำลังคิดว่าชายอ้วนคนนี้กำลังดูถูกเธอมากเกินไป ทันใดนั้นแววตาของเธอก็เปลี่ยนไปกลายเป็นแววตาแห่งความโกรธ
แม้ว่าความโกรธจะเป็นเรื่องที่ไม่สมควรสำหรับนักสู้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่านักสู้จะไม่สามารถแสดงพลังออกมาในระหว่างที่พวกเขาโกรธได้ ในความเป็นจริงบางคนสามารถแสดงพลังในระหว่างที่พวกเขาโกรธได้มากกว่าปกติด้วยซ้ำ แต่บางคนก็สูญเสียสติสมาธิของพวกเขาไปเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้นักสู้โดยทั่วไปจึงจำเป็นจะต้องควบคุมสติของตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้การเคลื่อนไหวของพวกเขาเป็นไปตามเกมของศัตรู และมันก็มีเพียงแต่นักสู้ที่มีปฏิกิริยาตอบโต้และการวิเคราะห์แบบว่องไวอย่างเซี่ยเฟยเท่านั้น ถึงจะสามารถแสดงพลังในระหว่างที่พวกเขาโกรธออกมาได้อย่างเต็มที่
ท้ายที่สุดถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะโกรธจนตาแดงก่ำแต่เขาก็ยังไม่สูญเสียสติสัมปชัญญะของเขาไป นอกจากนี้เขายังทำการวิเคราะห์ทุกความเคลื่อนไหวของศัตรูอยู่ตลอดเวลา แต่สำหรับเงานิลกาฬที่ไม่มีประสบการณ์แล้วความโกรธแทบจะไม่ช่วยให้เธอสามารถแสดงพลังออกมาได้มากกว่าปกติเลย
ในที่สุดเงานิลกาฬก็เริ่มเคลื่อนไหวโดยการสะบัดมือออกไปทั้งสองข้าง
วืด!
ทันใดนั้นมันก็มีพื้นที่สีดำปรากฏขึ้นล้อมรอบฟางหยวนและเงานิลกาฬเอาไว้
“นั่นมันพลังความมืด! บางทีเธออาจจะสามารถชนะฟางหยวนก็ได้” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยตกใจด้วยเช่นกัน เพราะเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเด็กสาวที่มีท่าทางอ่อนแอจะเป็นผู้มีพลังพิเศษในการควบคุมความมืด!
ความสามารถชนิดนี้ทำให้เด็กสาวสามารถควบคุมความมืดได้ตามอำเภอใจ เธอจึงสามารถดับแสงสว่างในบริเวณนั้นให้หายวับไปกับตา ซึ่งแม้แต่อุปกรณ์ที่ให้กำเนิดแสงสว่างก็ไม่สามารถที่จะต้านทานพลังความมืดของเธอไปได้
ในความมืดที่ไร้ขอบเขตเช่นนี้นักสู้ทุกคนทำได้เพียงแต่พึ่งพาสัญชาตญาณของตัวเองเท่านั้น ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเธอ
ขณะเดียวกันหากความมืดมีอำนาจในการปิดกั้นประสาทสัมผัสทางด้านการมองเห็นเพียงอย่างเดียว พลังควบคุมความมืดก็คงจะไม่มีคุณสมบัติเป็นหนึ่งในพลังพิเศษระดับตำนาน เพราะสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากกว่านั้นคือผู้ใช้พลังสามารถกลมกลืนไปกับความมืดเพื่อทำการลอบจู่โจมเข้าใส่ศัตรูได้
หากจะพูดให้ฟังง่าย ๆ นั่นก็คือเงานิลกาฬสามารถเคลื่อนที่ภายใต้ความมืดได้อย่างอิสระและการโจมตีด้วยความมืดยังทำให้บาดแผลเกิดสภาวะกัดเซาะตลอดเวลา
ตราบใดก็ตามที่คู่ต่อสู้ตกอยู่ภายใต้ความมืดที่เธอสร้างขึ้นมา ผิวหนังของพวกเขาก็จะถูกกัดเซาะราวกับพวกเขากำลังแช่ตัวอยู่ในบ่อน้ำกรดนั่นเอง!
นี่คือพลังพิเศษที่สามารถปิดกั้นประสาทสัมผัสของศัตรูและสามารถทรมานศัตรูได้ในเวลาเดียวกัน!!
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมแม้แต่ศิษย์ในสำนักเงาสังหารก็ยังไม่รู้ว่าพลังพิเศษของเธอคืออะไร ที่แท้เธอเป็นผู้ใช้พลังความมืดในตำนานนี่เอง” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
พลังพิเศษในการควบคุมความมืดของเงานิลกาฬหาได้ยากมากพอ ๆ กันกับพลังพิเศษสายปีศาจของฟางหยวน ซึ่งในความเป็นจริงพลังพิเศษในการควบคุมความมืดอาจจะเป็นพลังพิเศษที่หาได้ยากมากยิ่งกว่าด้วยซ้ำ
นี่คือเหตุผลที่สำนักเงาสังหารได้เก็บตัวตนของเธอเอาไว้เป็นความลับ เพราะถ้าหากว่าเธอฝึกฝนพลังของตัวเองได้สูงมากพอ วันหนึ่งเธอก็จะกลายเป็นกำลังหลักของสำนักนั่นเอง
สำนักเงาสังหารเป็นสำนักนักฆ่าที่จะรวบรวมเด็กกำพร้าเข้ามาภายในสำนักเพื่อทำการฝึกฝน ขณะเดียวกันไม่ว่าจะเป็นพลังพิเศษของเงาควันหรือพลังพิเศษของเงานิลกาฬต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นพลังพิเศษที่เหมาะสมสำหรับการลอบสังหาร โดยเฉพาะพลังความมืดที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าพลังการเรียกควันหลายเท่า
ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็อดจะคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเซียวรั่วหยูขึ้นมาไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดเธอก็เป็นเด็กสาวที่มีพลังพิเศษที่หาได้ยากเช่นเดียวกัน หรือว่าเธอจะถูกองค์กรบางอย่างลักพาตัวเข้าไปเป็นกองกำลังของพวกเขาหรือเปล่า ซึ่งองค์กรแบบนั้นก็อาจจะเป็นองค์กรในความมืดเช่นเดียวกับสำนักเงาสังหาร
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเซียวรั่วหยูเป็นบาดแผลที่ฝังอยู่ในใจของเซี่ยเฟยมาโดยตลอด และเมื่อไหร่ที่เขาได้นึกถึงเรื่องนี้มันก็ทำให้เขารู้สึกเศร้าขึ้นมาเล็กน้อย
เงาประกายเงินเผยรอยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ท้ายที่สุดคนที่มีพลังพิเศษควบคุมความมืดก็เป็นตัวตนที่หาได้ยากเป็นอย่างมาก และตัวตนของเธอคนนี้ก็จะเป็นคนที่คอยหนุนนำอำนาจของเขาภายในสำนัก
‘ตอนนี้สำนักกำลังมีปัญหา หากพวกเขาต้องการใครสักคนที่จะเข้ามากอบกู้วิกฤตในครั้งนี้ก็จะต้องเป็นคนของฉัน!’ เงาประกายเงินคิดกับตัวเองภายในใจขณะที่สายตาของเขาได้จ้องมองไปยังเงารัตติกาลและเงาจันทร์
เงารัตติกาลเป็นพวกเคร่งครัดภายในกฎและยังเป็นผู้นำกองกำลังนักฆ่าเดนตาย เงาประกายเงินจึงคิดเสมอว่าเงารัตติกาลคือคู่แข่งคนสำคัญของเขา แต่โชคดีที่เงารัตติกาลไม่ได้มีความทะเยอทะยานที่จะต้องการขึ้นมาเป็นเจ้าสำนักคนต่อไป เขาจึงใส่ต้นกล้าที่ดีลงไปในหน่วยนักฆ่าเดนตายอยู่เป็นประจำ ไม่เหมือนกับเงาประกายเงินที่มักจะเก็บต้นกล้าที่ดีเอาไว้ในการหนุนนำอำนาจของตัวเอง
หากเด็กคนไหนถูกฝึกฝนให้กลายเป็นนักฆ่าเดนตาย ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์มากแค่ไหนแต่พวกเขาก็จะกลายเป็นเพียงแค่เครื่องจักรสังหาร ท้ายที่สุดนักฆ่าเดนตายก็จะเคลื่อนไหวตามคำสั่ง และเมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าสำนักมีคำสั่งขึ้นมาแม้แต่เงารัตติกาลที่เป็นคนฝึกฝนพวกเขาก็ไม่อาจรอดพ้นจากการจู่โจมของนักฆ่าเดนตายได้
ขณะเดียวกันศิษย์ที่ถูกฝึกฝนภายใต้วิธีการปกติก็มักที่จะมีความคิดในการกตัญญูกับอาจารย์ของตัวเองอยู่เสมอ และถึงแม้ว่าอาจารย์จะทำอะไรผิดพลาดไป แต่ศิษย์เหล่านี้ก็พร้อมที่จะเข้ามารับผิดชอบแทนความผิดของอาจารย์
ส่วนทางด้านของเงาจันทร์ก็เป็นคนที่ชอบทำอะไรแปลก ๆ อยู่เสมอ เงาประกายเงินจึงไม่เคยมองศิษย์น้องคนนี้เป็นคู่แข่งของเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นเงาจันทร์ยังไม่ได้ศึกษาเรื่องการฆ่าเพียงอย่างเดียว เพราะเขาสนใจเรื่องต่าง ๆ อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรุงยา, เรื่องการทำอาหารไปจนถึงเรื่องบันเทิงรูปแบบต่าง ๆ อย่างเช่นบทกวี
การมีความรู้ความสามารถหลากหลายแขนงย่อมเป็นเรื่องที่ดี แต่เงาจันทร์ให้ความสนใจกับงานอดิเรกของตัวเองมากจนเกินไป ทำให้เขาแทบที่จะไม่มีฐานอำนาจอยู่ภายในสำนักเลย ส่วนศิษย์ของเงาจันทร์ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึง เพราะศิษย์สายตรงของเขาทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่มีนิสัยไม่ต่างไปจากอาจารย์
แม้แต่เงาอันธการผู้ซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่เงาจันทร์ภูมิใจมากที่สุดก็เสียชีวิตในระหว่างปฎิบัติภารกิจเช่นเดียวกัน ดังนั้นฐานอำนาจของเงาจันทร์จึงอ่อนแอที่สุดในบรรดาผู้อาวุโสทั้งสามคน
ในความเป็นจริงแม้แต่ตอนที่เงาอันธการยังมีชีวิตอยู่ เงาประกายเงินก็ไม่เคยมองเห็นเงาจันทร์อยู่ในสายตาเลย เพราะในมุมมองของชายชราความรู้ทุกอย่างที่ไม่เกี่ยวกับวิชาการต่อสู้ล้วนแล้วแต่เป็นความรู้ที่ไม่ควรอยู่ในสำนัก
ความคิดของเงาประกายเงินเหมือนกับคนที่เสียสติไปแล้ว เพราะลูกศิษย์ของเขากำลังต่อสู้เป็นตายอยู่ในสนามประลอง แต่เขากลับกำลังคิดถึงฐานอำนาจของตัวเอง
ขณะเดียวกันเงากระเรียนก็มองเห็นความทะเยอทะยานในตัวของเงาประกายเงินได้ตั้งแต่แรก เขาจึงมอบหน่วยนักฆ่าเดนตายให้กับเงารัตติกาลคอยดูแล เพราะชายคนนี้คือคนที่เคร่งครัดอยู่ในกฎอย่างสม่ำเสมอ ด้วยเหตุนี้การเพิ่มอำนาจให้กับเงารัตติกาลจึงเป็นการถ่วงดุลอำนาจภายในผู้อาวุโสทั้งสามคน
สำหรับเงาจันทร์ก็ไม่ได้เป็นตัวเลือกสำหรับเงากระเรียนเช่นเดียวกัน เพราะชายชราคนนั้นค่อนข้างจะทำตัวปลีกวิเวกมากจนเกินไป
ทันใดนั้นเองเสียงฟ้าร้องดังสนั่นก็ดังขึ้นมาจากความมืดกลางสังเวียน จนทำให้ผู้ชมทุกคนบนอัฒจันทร์ยกมือขึ้นมาปิดหูของพวกเขาด้วยความตื่นตระหนก
ในที่สุดการต่อสู้ท่ามกลางเวทีที่เต็มไปด้วยความมืดก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 173
แสดงความคิดเห็น