ตอนที่ 242 สายฟ้า
ตอนที่ 242 สายฟ้า
“ฉันคิดว่าฉันรู้แล้วว่าฟางหยวนโจมตียังไง” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ยังไง?” อันธถามขึ้นมาอย่างเร่งรีบ
“มีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะมีพลังพิเศษที่เกี่ยวกับสายฟ้า เพราะถ้าหากเป็นเปลวเพลิงธรรมดามันก็ไม่สมควรที่จะมีพลังในการทะลุทะลวงระดับนี้เลย มันจึงมีเพียงแค่สายฟ้าเท่านั้นที่สามารถเจาะทะลุร่างของศัตรูได้ในพริบตา แล้วมันก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมอวัยวะภายในของเขาถึงถูกทำลายไปด้วย”
“แล้วนายจะอธิบายเรื่องเปลวไฟสีฟ้าบนร่างของเขาได้ยังไง?” อันธถามอย่างสงสัย
“นั่นเป็นเพราะว่าสายฟ้าของฟางหยวนมีแรงดันที่สูงมาก มันจึงก่อให้เกิดการเผาไหม้อย่างรุนแรง หากการโจมตีของเขาเกี่ยวข้องกับเปลวไฟจริง ๆ เปลวไฟที่เกิดขึ้นจากร่างกายควรจะเป็นเปลวไฟสีแดงเข้ม ฉันเดาว่ามันมีโอกาสมากกว่า 90% ที่พลังพิเศษของฟางหยวนจะเกี่ยวกับสายฟ้า”
คำอธิบายของเซี่ยเฟยทำให้อันธเงียบเสียงไปครู่หนึ่ง เพราะในบรรดาพลังพิเศษสายธรรมชาติทั้งหมด พลังสายฟ้าถือได้ว่าเป็นหนึ่งในพลังที่มีความรุนแรงในการจู่โจมมากที่สุด
นักรบที่มีพลังพิเศษชนิดนี้ไม่เพียงแต่จะสามารถสร้างบาดแผลอันร้ายแรงให้กับศัตรูในระยะประชิดได้เท่านั้น แต่ยังสามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าจู่โจมได้ในระยะไกลอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นฟางหยวนยังไม่เพียงแต่จะสามารถใช้สายฟ้าในการโจมตีได้เท่านั้น เพราะเขายังมีความเร็วไม่ต่างไปจากผู้ใช้พลังสายความเร็วเลย ซึ่งถ้าหากเซี่ยเฟยได้ใช้พลังจิตบังคับเซเลสเชียลมูนจู่โจมชายอ้วนจากระยะไกล ฟางหยวนก็คงจะสามารถหลบหลีกการโจมตีพวกนั้นไปได้อย่างง่ายดาย
“ถ้านายเดาถูกฟางหยวนก็เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวทั้งระยะไกลและระยะประชิด นายพอจะคิดหาวิธีจัดการกับเขาได้ไหม?” อันธถาม
เซี่ยเฟยมักจะคิดหาวิธีรับมือสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เสมอ และในคราวนี้มันยังเป็นการแข่งขันระหว่างสำนัก อันธจึงไม่ต้องการเห็นสำนักของตัวเองได้รับความพ่ายแพ้
“ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออก” เซี่ยเฟยส่ายหัวพร้อมกับเดินกลับไปยังทางเดิม
เมื่อเซี่ยเฟยเดินกลับมาพยูนก็รีบส่งดาบอีวีสเซอเรทให้กับชายหนุ่มราวกับว่าเขาพึ่งทำภารกิจอันยิ่งใหญ่ได้ประสบความสำเร็จ
“ศิษย์พี่เซี่ยเฟย สีหน้าคุณดูไม่ค่อยดีเลย คุณเป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ?” พยูนถาม
“ไม่มีอะไร ว่าแต่คู่ต่อไปเป็นใครเจอกับใครงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าว
ทันทีที่ชายหนุ่มพูดถึงการประลองพยูนก็กลับมาทำหน้าตื่นเต้นอีกครั้ง ท้ายที่สุดเขาก็เป็นคนที่ชื่นชอบการต่อสู้จากก้นบึ้งของหัวใจ เพียงแต่เขาไม่มีโอกาสได้ร่ำเรียนศิลปะการต่อสู้เท่านั้นเองเซี่ยเฟยเชื่อว่าหากเด็กหนุ่มคนนี้ได้รับการสั่งสอนอย่างเป็นทางการ เขาก็มีโอกาสจะเติบโตจนกลายเป็นนักสู้ที่โดดเด่นในอนาคตได้อย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดความสนใจก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถมาบังคับใครได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากเด็กคนหนึ่งชอบว่ายน้ำแต่ครอบครัวของพวกเขาบังคับให้เล่นเปียโน มันก็จะเป็นเรื่องยากที่เด็กคนนั้นจะประสบความสำเร็จในเรื่องที่เขาไม่ชอบ แต่ถ้าหากว่าครอบครัวได้สนับสนุนให้เขาว่ายน้ำตั้งแต่เด็ก สักวันหนึ่งเขาก็จะเติบโตจนกลายเป็นนักว่ายน้ำที่เก่งกาจ
“การประลองในรอบต่อไปเป็นคิวของศิษย์น้องหญิง ผมได้ยินมาว่าศิษย์น้องหญิงคนนี้มีพลังที่โดดเด่นมากผู้อาวุโสเงาประกายเงินจึงรับเธอไปฝึกฝนตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนเธอมีความสามารถเป็นอะไรหรือความสามารถของเธออยู่ในระดับไหนอันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะเธอมักจะฝึกฝนตามลำพังทำให้ข้อมูลของเธอค่อนข้างจะลึกลับ” พยูนกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น ซึ่งในคำพูดของเขาก็มีความอิจฉาเจือปนอยู่เล็กน้อย
ถึงอย่างไรก็ตามศิษย์น้องคนนี้ก็มีอายุน้อยกว่าเขา แต่เธอกลับได้มีโอกาสฝึกฝนกับเงาประกายเงินเป็นการส่วนตัว ในขณะที่เขาไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ใด ๆ เลย แล้วทำได้เพียงทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ และถูกรังแกไปวัน ๆ
บางครั้งเรื่องราวในจักรวาลก็ไม่ยุติธรรม พยูนเป็นเด็กหนุ่มที่เกิดมาเพื่อการต่อสู้แต่เขากลับไม่มีโอกาสได้เรียนรู้วิชาการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย ใครจะไปรู้ว่าถ้าหากเขาได้รับโอกาสผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอาจจะเกินคาดของใครหลาย ๆ คนไปก็ได้
“แล้วใครเป็นคู่ต่อสู้ของเธอ?” เซี่ยเฟยถาม
“ก็คนที่ชื่อฟางหยวนนั่นไงครับ” พยูนกัดฟันพูดอย่างไม่เต็มใจ
“เขาต้องสู้ 2 รอบติดต่อกัน?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“3 รอบครับไม่ใช่ 2 ตราบใดก็ตามที่ 1 ใน 3 นักสู้ของเราเอาชนะเขาได้จะถือว่าพวกเราได้รับชัยชนะ” พยูนกล่าวพร้อมกับชู 3 นิ้ว
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการแข่งขันที่ไม่ยุติธรรม ซึ่งในอดีตสำนักเงาสังหารไม่มีทางยอมรับเงื่อนไขที่น่าอัปยศแบบนี้อย่างแน่นอน
ใบหน้าของอันธเปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด แม้แต่พยูนที่ไม่ค่อยฉลาดนักก็ยังกัดฟันทนรับความอัดอั้นภายในใจ
เงากระเรียนจะต้องพบเจอกับปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่มีทางยอมรับเงื่อนไขที่ทำให้สำนักขายขี้หน้าแบบนี้
แม้อันธจะพยายามปลอบใจตัวเองซ้ำ ๆ แต่เขาก็ยังรู้สึกทั้งเศร้าทั้งโกรธอยู่ภายในใจ แต่เมื่อเขาได้หันไปมองหน้าเซี่ยเฟย ชายหนุ่มคนนี้กลับทำหน้าสบาย ๆ ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
สำหรับเซี่ยเฟยแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับสำนักเงาสังหารไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเขาเลย สิ่งที่เขาให้ความสำคัญจริง ๆ คือการพยายามหาวิธีเอาชนะฟางหยวนภายในใจ
จักรวาลเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ บางทีในวันหนึ่งเขาอาจจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีพลังสายปีศาจก็ได้ ดังนั้นการพยายามหาทางรับมือกับพลังที่เขารู้จักไว้ล่วงหน้า มันอาจจะช่วยให้เขารอดพ้นจากวิกฤติที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ได้
ฟางหยวนที่ยืนอยู่บนสนามประลองเอามือปิดปากหาวออกมา คล้ายกับว่าการประลองในครั้งนี้ไม่ได้มีแรงกดดันสำหรับเขาเลย
ประมาณ 10 นาทีต่อมา เด็กสาวที่มีร่างกายบอบบางและมีท่าทางเขินอายก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปในลานประลอง
หน้าตาของเธอจัดว่าธรรมดา โดยบนใบหน้ามีจุดฝ้ากระให้เห็นอยู่บ้าง ซึ่งหากพิจารณาจากภายนอกเธอก็น่าจะมีอายุประมาณ 18 ปี แต่ท่าทางของเธอคนนี้กลับทำตัวราวกับเด็กอายุ 13 ปี
เมื่อยืนอยู่ท่ามกลางผู้ชมนับพันมันก็ทำให้เด็กสาวรู้สึกอึดอัดมาก เธอจึงก้มหน้าลงพร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับว่าเธอทำอะไรผิดพลาดไป
สนามประลองสูงเหนือพื้นขึ้นมา 2 เมตร แต่เธอคนนี้มีความสูงประมาณ 160 เซนติเมตรเท่านั้น เธอจึงไม่สามารถปีนขึ้นไปบนสนามประลองได้แม้ว่าเธอจะเหยียดมือออกไปจนสุดแล้วก็ตาม
ในที่สุดหลังจากพยายามปีนอย่างงุ่มง่ามอยู่หลายครั้ง เธอคนนี้ก็ยกเก้าอี้จากข้างสนามมาปีนขึ้นไปบนสนามประลองได้สำเร็จ
เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการขึ้นมาบนสนามประลอง ดังนั้นเมื่อเธอปีนขึ้นมาได้สำเร็จเธอจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ในเวลาเดียวกันมันก็มีเสียงถอนหายใจดังขึ้นมาเป็นชุด ๆ เห็นได้ชัดเลยว่าเธอไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกโล่งอก เพราะเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องของเธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจเช่นเดียวกัน
เซี่ยเฟยไม่ได้คิดที่จะดูถูกสาวน้อยที่งุ่มง่ามคนนี้เลย อันที่จริงเขาไม่เคยดูถูกใครเลยแม้แต่น้อยเพราะการที่เธอถูกส่งออกมาหลังจากเงาควัน มันก็หมายความว่าเธอคนนี้มีความสามารถอยู่ในระดับที่เหนือกว่าเงาควันนั่นเอง
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 139
แสดงความคิดเห็น