ตอนที่ 233 บลีดดิ้งก็อด!
ตอนที่ 233 บลีดดิ้งก็อด!
“ไอ้หนูเจ้าเกรงกลัวความตายหรือไม่? เจ้าอำมหิตมากพอหรือไม่? เจ้าหยิ่งผยองมากพอหรือเปล่า?” เงาอำมหิตจ้องมองไปทางเซี่ยเฟยพร้อมกับถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“เอ่อ…” หลังจากพูดจบเงาอำมหิตก็เอามือมาแตะคางพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมาใหม่ว่า
“เอาใหม่ ๆ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครข้าก็ไม่มีทางรับรู้ได้อยู่ดี กว่าที่เจ้าจะได้เห็นวิดีโอนี้ตัวข้าคงตายไปนานแล้ว แต่การที่เจ้ากล้าทำลายรูปปั้นของข้าก็แสดงว่าเจ้าเป็นคนที่บ้าบิ่นมากพอสมควร ยังไงซะตัวข้าก็ตายไปแล้วและไม่สามารถจะนำอะไรติดตัวลงนรกไปพร้อมกับข้าได้ ดังนั้นข้าขอฝากสิ่งของพวกนี้เอาไว้กับเจ้าด้วย”
เซี่ยเฟยกับอันธถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะตรรกะความคิดของเงาอำมหิตแตกต่างจากคนปกติโดยสิ้นเชิง
พวกเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าคนแบบนี้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักเงาสังหารได้ยังไง ถึงแม้ว่าชายชราจะบอกว่าเขาทำการสังหารอาจารย์ของตัวเองไปก็ตาม เพราะการทำแบบนั้นคือการทำผิดกฎของสำนักอย่างร้ายแรงและชายชราก็ควรจะต้องถูกลงโทษจากคนอื่น ๆ ในสำนัก
ถึงยังไงเหตุการณ์พวกนี้ก็เป็นเรื่องภายในอดีต ซึ่งเซี่ยเฟยกับอันธไม่สามารถที่จะหาคำตอบได้ แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาสามารถเห็นกับตาได้อย่างชัดเจนคือเงาอำมหิตเป็นนักฆ่าที่บ้าคลั่งอย่างแท้จริง
อันธขยับริมฝีปากขมุบขมิบพึมพำกับตัวเอง เพราะถ้าหากว่าเซี่ยเฟยไม่ถีบรูปปั้นของเงาอำมหิต ความลับนี้ก็อาจจะถูกฝังอยู่ใต้ดินไปตลอดกาล
เงาอำมหิตไม่คิดบ้างเหรอว่ามันจะไม่มีคนเข้ามาสืบทอดมรดกที่เขาทิ้งเอาไว้ เพราะถ้าหากศิษย์ธรรมดาได้มาเห็นรูปปั้นอดีตเจ้าสำนัก ถึงแม้ว่าข้อความที่อดีตเจ้าสำนักจะน่าหมั่นไส้มากเพียงใดแต่พวกเขาก็คงจะไม่เลือกลงมือเหมือนเซี่ยเฟย ท้ายที่สุดศิษย์ทุกคนก็ได้รับการสั่งสอนว่าให้เคารพครูบาอาจารย์ และมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงการพยายามทำลายสัญลักษณ์อย่างเช่นรูปปั้นของอดีตเจ้าสำนักเลย
แต่เซี่ยเฟยเป็นตัวตนที่แตกต่างออกไป เพราะความบ้าของชายคนนี้ก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นชายหนุ่มยังไม่ได้รับการสั่งสอนมาเหมือนกับศิษย์ภายในสำนัก ดังนั้นเขาจึงพร้อมจะถีบรูปปั้นของอดีตเจ้าสำนักได้ทุกเวลาถ้าหากว่าเขารู้สึกไม่พอใจ
เพราะเหตุนี้เซี่ยเฟยจึงได้รับมรดกที่เงาอำมหิตได้ทิ้งเอาไว้ และถึงแม้ว่ามันจะดูเป็นเรื่องบังเอิญแต่มุมหนึ่งมันก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องของโชคชะตา
“ของพวกนี้เป็นสิ่งสวยงามแต่น่าเสียดายที่มีเพียงแต่คนบ้าที่จะเห็นคุณค่าที่แท้จริงของพวกมัน ช้าหวังว่าเจ้าจะชอบสิ่งที่ข้าทิ้งไว้ให้ ฝากเจ้านำสิ่งของพวกนั้นไปละเลงเลือดต่อจากข้าด้วย!”
หลังจากพูดจบภาพของเงาอำมหิตก็หายไปทำให้ทั่วทั้งห้องโถงกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง หลังจากนั้นมันก็มีไฟสีเหลืองส่องสว่างขึ้นมาย้อมให้ห้องที่มืดมิดกลับมามีแสงสว่างอีกครั้ง
เซี่ยเฟยเดินไปรอบ ๆ ห้องโถงซึ่งนอกเหนือจากรูปปั้นทั้งสี่ของเงาอำมหิตแล้วมันก็ไม่มีอะไรที่ดูเป็นเหมือนมรดกที่เขาได้ทิ้งเอาไว้เลย
แน่นอนว่าชายหนุ่มย่อมไม่ต้องการพลาดโอกาสที่ดีเช่นนี้ไป เขาจึงทำการตรวจสอบทุกอย่างภายในห้องโถงอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการใช้นิ้วสัมผัส, การใช้จมูกดมกลิ่นหรือการใช้หูในการฟังเสียง แต่เขาก็ยังไม่พบกับอะไรที่ผิดปกติ
“ไอ้แก่นี่มันโกหกฉันงั้นเหรอ? มันไม่เห็นจะมีมรดกที่พูดถึงเลย” เซี่ยเฟยตะโกนขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด
ตูม!
ชายหนุ่มถีบรูปปั้นของชายชราอีกครั้งและเมื่อฝุ่นควันได้จางลง เซี่ยเฟยก็ต้องรู้สึกตกตะลึงเพราะมันมีของบางสิ่งซุกซ่อนอยู่ในรูปปั้น!!
ด้านในของรูปปั้นคือชุดต่อสู้ที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้อย่างดี นอกจากนี้มันยังมีกรอบแก้วใสปกป้องชุดต่อสู้ด้านนอกเอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวชุดได้ผุพังไปตามกาลเวลา
เซี่ยเฟยรีบโยนกรอบแก้วที่ปกป้องชุดต่อสู้ทิ้งออกไปก่อนที่จะหยิบชุดต่อสู้สีดำตรงหน้าขึ้นมาดู
ชุดต่อสู้ชุดนี้มีสีเทาดำคล้ายกับว่าสีของชุดจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งชายหนุ่มก็คิดว่าสีของชุดต่อสู้นี้น่าจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อม
สิ่งที่แปลกประหลาดไปกว่านั้นคือการออกแบบของตัวชุด เพราะโดยปกติชุดต่อสู้จะถูกออกแบบให้แนบชิดกับลำตัวและไม่มีการออกแบบที่ยื่นออกมาจากตัวชุดมากจนเกินไป แม้แต่หน้ากากหรือแว่นตาก็เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่เก็บซ่อนเอาไว้ภายในชุดให้สามารถเรียกใช้ได้ตลอดเวลา
แต่ชุดต่อสู้ชุดนี้ให้ความรู้สึกที่ดุร้ายและดุดัน เพราะไม่ว่าจะเป็นปลอกแขน, ถุงมือหรือรองเท้าต่างก็ถูกออกแบบให้มีส่วนที่แหลมคมยื่นออกมา ซึ่งเพียงแค่การสวมใส่ชุดต่อสู้ธรรมดาก็มากพอที่จะทำให้ผู้สวมใส่ฉีกกระชากร่างของศัตรูแยกออกจากกันได้อย่างง่ายดาย
เซี่ยเฟยอดที่จะรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้ เพราะชุดต่อสู้ชุดนี้ดูไม่เหมือนชุดต่อสู้ชุดอื่นที่เขาเคยได้เห็นผ่านตามาเลย โดยเฉพาะส่วนแหลมคมทุกส่วนที่ยื่นออกมาจากตัวชุดคล้ายกับถูกออกแบบมาเพื่อปลิดชีวิตคู่ต่อสู้โดยเฉพาะ
“นั่นมัน…” อันธอุทานออกมาด้วยเสียงสั่นพร้อมกับใช้นิ้วชี้ไปที่ชุดต่อสู้
เซี่ยเฟยมองไปทางทิศที่อันธชี้ก่อนที่เขาจะได้พบกับแผ่นโลหะชิ้นบาง ๆ ในกระเป๋าของชุดต่อสู้ ซึ่งบนแผ่นโลหะชิ้นนี้ได้มีข้อความที่เงาอำมหิตได้เขียนทิ้งเอาไว้
ชุดต่อสู้นี้มีชื่อว่าชุดบลีดดิ้งก็อดเป็นชุดระดับลีเจนด์ขั้นกลาง หน้าที่หลักของมันคือการสังหารและฉีกกระชากร่างศัตรูโดยไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพาอาวุธ — เงาอำมหิต
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะโยนแผ่นโลหะที่เขียนคำอธิบายทิ้งไป มันคงจะมีเพียงแต่นักฆ่าบ้า ๆ อย่างเงาอำมหิตเท่านั้นที่จะทำการออกแบบชุดต่อสู้มาเพื่อทำการสังหาร
“มันเป็นชุดต่อสู้ที่โหดร้ายจริง ๆ แต่มันก็เหมาะกับรสนิยมของฉัน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยแววตาที่เป็นประกาย
ชุดต่อสู้ที่เขาสวมใส่อยู่ในปัจจุบันคือชุดต่อสู้ที่ทูรามให้เขามา และถึงแม้ว่าคุณภาพของชุดต่อสู้ชุดนี้จะค่อนข้างดีแต่มันก็ไม่ใช่ชุดที่มีลักษณะพิเศษอะไร
เซี่ยเฟยเชื่อมาตลอดว่าทุกสิ่งควรจะต้องมีลักษณะพิเศษเฉพาะของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นยานรบหรือชุดต่อสู้ก็ควรจะต้องมีลักษณะเด่นของมัน
บลีดดิ้งก็อดที่อยู่ตรงหน้าเป็นชุดต่อสู้ที่มีลักษณะเด่นอย่างไม่ต้องสงสัยและลักษณะเด่นของมันคือความโหดร้ายและดุดัน
เซี่ยเฟยไม่ได้เป็นสมาชิกขององค์กรคุ้มครองสัตว์ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา มันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องใช้วิธีการอันโหดร้ายในการสังหารศัตรูและบลีดดิ้งก็อดชุดนี้ก็เป็นชุดที่เหมาะสมกับรสนิยมของชายหนุ่มจริง ๆ
ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็สวมใส่บลีดดิ้งก็อดแทนชุดต่อสู้ชุดเก่าในทันที
มันเคยมีสุภาษิตโบราณกล่าวเอาไว้ว่าไก่งามเพราะคน คนงามเพราะแต่ง เมื่อเซี่ยเฟยได้สวมใส่ชุดต่อสู้ที่ดุดันบรรยากาศที่ชายหนุ่มแสดงออกมาก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
อันธทำได้เพียงแต่ส่ายหัวไปมาอย่างอ่อนใจ เพราะมันมีนักฆ่าบ้า ๆ ที่ไหนที่เปิดเผยจิตสังหารออกมาแบบนี้บ้าง
“ชุดนี้เป็นยังไงบ้าง?” เซี่ยเฟยถามด้วยรอยยิ้ม
“ชุดมันก็ดีแต่มันเป็นชุดที่เปิดเผยจิตสังหารออกมามากเกินไป ทันทีที่นายสวมใส่ชุดออร่าที่นายปล่อยออกมาก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง หากนายสวมใส่ชุดต่อสู้ชุดนี้ฉันก็คิดว่านายคงไม่สามารถซ่อนจิตสังหารของตัวเองได้” อันธกล่าว
“มันก็หมายความว่าชุดนี้เป็นชุดที่ดีสินะ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ถ้านายใส่ชุดบลีดดิ้งก็อดมันก็จะทำให้การลอบสังหารกลายเป็นเรื่องยาก เพราะออร่าที่นายปล่อยออกมาจะทำให้ศัตรูสัมผัสถึงตัวตนของนายได้ง่ายดายมากขึ้นกว่าเดิม” อันธกล่าว
“มันก็อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ แต่ชุดนี้เป็นชุดที่ดีที่จะใช้ในสนามรบและมันก็เป็นชุดต่อสู้ระดับสูงที่ค่อนข้างหาได้ยาก” เซี่ยเฟยกล่าว
ชายหนุ่มรู้มาตั้งนานแล้วว่าการมีอาวุธ, ชุดต่อสู้หรือยานรบเพียงแค่ชุดเดียวไม่เพียงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนในจักรวาลได้ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องมีอุปกรณ์สำหรับการต่อสู้ที่แตกต่างกัน เพื่อให้เขาสามารถเลือกใช้อุปกรณ์พวกนั้นให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งแน่นอนว่าการที่เขาได้รับบลีดดิ้งก็อดมามันก็ทำให้เขามีทางเลือกใหม่ในการเผชิญหน้ากับศัตรู
เซี่ยเฟยเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ารูปปั้นอันที่ 2 ก่อนที่เขาจะใช้มือขวากำหมัดแน่นและต่อยเข้าไปที่รูปปั้น
ตูม!
รูปปั้นแตกออกเป็นชิ้น ๆ ภายใต้การจู่โจมเพียงแค่หมัดเดียว ซึ่งการจู่โจมในครั้งนี้คล้ายกับทำให้ทั่วทั้งห้องเกิดอาการสั่นสะเทือนและมันก็มีแม้แต่เศษฝุ่นที่ตกลงมาจากเพดาน
ในความเป็นจริงเซี่ยเฟยยังไม่ได้ใช้พละกำลังทั้งหมดของเขาเลย แต่ชุดต่อสู้ทำให้การโจมตีแบบปกติกลายเป็นการจู่โจมที่เต็มไปด้วยพลัง และผลที่เกิดขึ้นจากการจู่โจมด้วยชุดบลีดดิ้งก็อดนั้นมันกลับกลายเป็นการโจมตีที่รุนแรง
ชายหนุ่มจ้องมองไปที่กำปั้นของตัวเองด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เนื่องจากเขาไม่เคยคิดว่าชุดบลีดดิ้งก็อดจะสามารถขยายพลังโจมตีได้มากขนาดนี้ เพราะทันทีที่เขาได้ปล่อยหมัดออกไปเขาก็สามารถสัมผัสได้เลยว่าพลังหมัดนี้เป็นพลังหมัดที่รุนแรงมากที่สุดเท่าที่เขาเคยปล่อยออกมา
“น่าเหลือเชื่อจริง ๆ” แม้แต่อันธก็ยังอดชื่นชมพลังทำลายล้างของเซี่ยเฟยขึ้นมาไม่ได้ และถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของชุดต่อสู้ชุดนี้จะดูน่ากลัว แต่มันก็ช่วยเพิ่มพลังโจมตีได้อย่างไร้ข้อกังขา
ในรูปปั้นมีครอบแก้วปกป้องของภายในเอาไว้เช่นเดียวกัน ซึ่งมรดกที่ซ่อนไว้ภายในรูปปั้นรูปนี้นั่นก็คือดาบยาวสีแดงเข้มเล่มหนึ่ง
เซี่ยเฟยเดินไปหยิบดาบยาวขึ้นมาถือในมือก่อนที่เขาจะได้พบว่าดาบเล่มนี้มีน้ำหนักที่สูงมากและให้ความรู้สึกเย็นราวกับว่าเขากำลังถือก้อนน้ำแข็ง
ขวับ! ขวับ!
หลังจากลองฟันดาบใส่อากาศ 2-3 ครั้งชายหนุ่มก็ประเมินว่าดาบเล่มนี้ควรจะมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 300 กิโลกรัม
ลักษณะโดยรวมของตัวดาบคล้ายกับดาบซามูไรที่ถูกขยายขนาดให้มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยด้ามจับมีขนาดมากพอให้นำมือทั้งสองไปจับพร้อมกันได้ และด้ามจับยังถูกห่อหุ้มด้วยหนังกลับขัดเงาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถยึดจับตัวดาบได้แนบแน่นมากยิ่งขึ้น
ที่สำคัญที่สุดคือแง่งและร่องระบายเลือดที่อยู่บนใบดาบ ซึ่งถ้าหากว่าศัตรูโดนดาบเล่มนี้กะซวกไส้เข้าไป มันก็จะลากอวัยวะภายในของศัตรูออกมาทั้งยวง
“มันช่างเป็นอาวุธที่โหดร้าย ที่เอาไว้ใช้ในการสังหารอย่างเหี้ยมโหดจริง ๆ”
เซี่ยเฟยมองดาบตรงหน้าอย่างมีความสุขอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหยิบแผ่นโลหะขึ้นมาเพื่ออ่านคำอธิบาย
ชื่อของดาบเล่มนี้คืออีวีสเซอเรท ทำขึ้นมาจากโลหะผสมที่มีน้ำหนักมากกว่า 600 กิโลกรัม หากคนที่ไม่รู้วิธีใช้จะทำให้ดาบเล่มนี้กลายเป็นภาระภายในมือ แต่สำหรับผู้ที่ใช้มันเป็นนี่คือหนึ่งในอาวุธชั้นยอด — เงาอำมหิต
หลังจากอ่านคำอธิบายเซี่ยเฟยก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเสียงดัง เขากำลังรู้สึกสนใจนักฆ่าคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะทุกสิ่งที่ชายชราได้ทิ้งเอาไว้เหมาะสมกับรสนิยมของเขามาก แม้แต่อาวุธที่เขาเลือกใช้ก็ยังเป็นอาวุธสำหรับการสังหารที่โหดเหี้ยม ซึ่งในแง่นี้เซี่ยเฟยมีความคล้ายคลึงกับเงาอำมหิตมาก
อันธแอบขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เพราะเพียงเซี่ยเฟยสวมใส่ชุดบลีดดิ้งก็อดมันก็ทำให้ออร่าของเขาถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรุนแรงแล้ว แต่เมื่อเขาได้ถือดาบเล่มนี้ออร่าของเขาก็ไม่สามารถจะระงับเอาไว้ภายในร่างได้อีกต่อไป
มรดกทั้งสองชิ้นต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ถูกใจเซี่ยเฟยเป็นอย่างมาก และเขาก็แทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะทุบรูปปั้นเพื่อรอดูมรดกชิ้นต่อไปแล้ว
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 177
แสดงความคิดเห็น