ตอนที่ 181: เขตแรงโน้มถ่วงสูง
ตอนที่ 181: เขตแรงโน้มถ่วงสูง
คำตอบนี้ทำให้เซี่ยเฟยเงียบเสียงไปครู่หนึ่ง
พอตเตอร์น่าจะต้องไปทำอะไรบางอย่างที่อันตรายมากและไม่แน่ใจว่าตัวเองจะรอดชีวิตหรือไม่ เขาจึงขอให้วินด์ไชม์แจ้งข่าวมาว่าอย่าตามมา แต่วินด์ไชม์น่าจะกังวลเรื่องความปลอดภัยของพอตเตอร์ เธอจึงแจ้งข่าวมาหาเซี่ยเฟยด้วยข้อความที่แตกต่างออกไป
“คุณรู้ไหมครับว่าลุงพอตเตอร์หายไปไหน?” เซี่ยเฟยถาม
“ถ้าฉันรู้ว่าพอตเตอร์หายไปไหนฉันจะรีบติดต่อไปหานายไหม พอตเตอร์ทิ้งช่องทางการสื่อสารกับนายเอาไว้ ฉันก็คิดว่านายจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนเก่าของเขา แต่ความจริงกลับกลายเป็นว่านายยังเด็กมาก รู้อย่างนี้ฉันน่าจะฟังพอตเตอร์แล้วบอกให้นายไม่ต้องตามมา” วินด์ไชม์กล่าวอย่างไม่ไว้ใจ
ในมุมมองของวินด์ไชม์แล้วเซี่ยเฟยยังเด็กมากเกินไปที่จะช่วยเหลือพอตเตอร์ได้ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รู้สึกไว้วางใจในตัวของชายหนุ่มเลย
“ถึงยังไงผมก็อยู่ที่นี่แล้ว คุณช่วยบอกจุดหมายปลายทางของลุงพอตเตอร์ให้ผมได้ไหมครับ บางทีผมอาจจะช่วยอะไรได้บ้างก็ได้” เซี่ยเฟยตอบพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ตอนที่ฉันช่วยเขาทำความสะอาดยาน ฉันเคยแอบดูแท็บเล็ตส่วนตัวของเขาครั้งหนึ่ง ในนั้นมีแผนที่ดาวที่มีจุดสีแดงกับจุดสีเขียวอยู่ ฉันได้คัดลอกข้อมูลพวกนั้นเข้ามาในแท็บเล็ตของฉันด้วย”
หลังจากพูดจบวินด์ไชม์ก็หยิบแท็บเล็ตออกมาจากแหวนมิติ ซึ่งเซี่ยเฟยจำได้ว่าแท็บเล็ตรุ่นนี้ก็เป็นแท็บเล็ตที่ลุงพอตเตอร์ชอบใช้เหมือนกัน
หลังจากวินด์ไชม์ใช้นิ้วจิ้มแท็บเล็ตไม่กี่ครั้ง เธอก็ทำการเปิดแผนที่ดาวมอบให้กับเขา
แผนที่นี้คือแผนที่ของเขตทุ่งดาวแห่งความตาย ซึ่งตำแหน่งปลายทางของพอตเตอร์เป็นบริเวณรอบนอกของทุ่งดาวนี้และอยู่ใกล้กันกับเขตแดนที่มนุษย์ไม่รู้จัก
เห็นได้ชัดเลยว่าสถานที่แห่งนี้จะต้องเป็นจุดหมายปลายทางของพอตเตอร์อย่างแน่นอน แต่สภาพแวดล้อมบริเวณนั้นก็แปลกมากเพราะมันอยู่ในเขตพื้นที่แรงโน้มถ่วงสูง
พื้นที่บางส่วนในจักรวาลถูกปกคลุมด้วยเศษดาวแรงโน้มถ่วง ซึ่งวัตถุชนิดนี้มีความคล้ายคลึงกับฝุ่นที่อยู่ในอวกาศ และยานรบลำใดที่ถูกเศษดาวแรงโน้มถ่วงเกาะเข้าไปจะทำให้ตัวยานเหมือนกับตกอยู่ในบึงโคลน ตัวยานจึงเคลื่อนที่ในสภาวะนี้ได้อย่างเชื่องช้า
ขณะเดียวกันเศษดาวแรงโน้มถ่วงก็ทำการปล่อยแรงโน้มถ่วงออกมาอย่างรุนแรงทำให้คนธรรมดาถูกบดขยี้ภายใต้แรงโน้มถ่วงนี้ได้อย่างง่ายดาย
หากใครต้องการเข้าไปในพื้นที่เขตแรงโน้มถ่วงสูง ก่อนอื่นคนคนนั้นจะต้องมีร่างกายที่แข็งแรงที่สามารถต่อต้านแรงโน้มถ่วงที่สูงเกินกว่าปกติได้ ประการที่ 2 คือคนคนนั้นจะต้องเตรียมยานรบที่แข็งแกร่งและมีพลังมากพอจะเคลื่อนที่ภายใต้แรงโน้มถ่วงอันรุนแรง
‘ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมลุงพอตเตอร์ถึงใช้ยานรบที่ติดตั้งระบบเครื่องยนต์คู่ ที่แท้ลุงพอตเตอร์ก็เตรียมการทุกอย่างเอาไว้แล้วนี่เอง’ เซี่ยเฟยพูดกับตัวเองภายในใจ
การใช้เครื่องยนต์คู่ในสภาวะปกติถือว่าเป็นการกระทำที่สิ้นเปลือง แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการติดตั้งเครื่องยนต์แบบนี้ทำให้ยานรบมีแรงขับที่สูงมาก
ยกตัวอย่างเช่น รถสปอร์ตบนดาวโลกสามารถวิ่งบนถนนได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าหากว่าภายในรถต้องบรรทุกเหล็กที่มีน้ำหนักมากกว่า 5 ตัน มันก็จะทำให้รถคันนั้นมีความเร็วลดลงจนไม่ต่างไปจากรถบรรทุก เพราะท้ายที่สุดแรงขับของเครื่องก็มีไม่มากพอและถ้าหากว่าคนขับฝืนขับไปนาน ๆ มันก็อาจจะทำให้เครื่องยนต์ไหม้ขึ้นมาได้เลย
ดังนั้นพอตเตอร์จึงได้ทำการติดตั้งเครื่องยนต์คู่เอาไว้ภายในยานรบของตนเพื่อที่จะใช้เครื่องยนต์ทั้งสองควบคู่กัน ไม่เพียงแต่การใช้เครื่องยนต์แบบนี้จะช่วยให้ยานอวกาศเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่มันยังรับประกันว่าเครื่องยนต์จะไม่ได้รับความเสียหายจากความร้อนที่เกิดขึ้นมามากจนเกินไปอีกด้วย
โบเดนเล่าให้ฟังว่าพอตเตอร์เริ่มทำการปรับแต่งยานทริสตันนับตั้งแต่ที่เซี่ยเฟยจากไป แล้วมันก็มีการปรับแต่งยานเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อรองรับการขับเคลื่อนในสภาพแวดล้อมที่มีแรงโน้มถ่วงสูง
ยานทริสตันมีชื่อเล่นว่าต้าวยานอ้วน เพราะรูปร่างภายนอกของยานลำนี้ค่อนข้างใหญ่และแข็งแรง หากมันได้มีการติดตั้งระบบเครื่องยนต์คู่ให้กับตัวยาน มันก็น่าจะทำให้ยานรุ่นนี้สามารถขับเคลื่อนในพื้นที่แรงโน้มถ่วงสูงได้
แต่ถึงแม้ว่าพอตเตอร์จะดัดแปลงยานรบของเขาอย่างระมัดระวังมากเพียงใด การนำยานรบเข้าไปภายในพื้นที่เขตแรงโน้มถ่วงสูงเพียงลำเดียวก็ยังเป็นเรื่องที่อันตรายมากอยู่ดี เพราะเศษดาวแรงโน้มถ่วงไม่เพียงแต่จะทำให้เครื่องยนต์เหมือนกับวิ่งอยู่ในบึงโคลนเท่านั้น แต่มันยังเข้าไปขัดขวางระบบสื่อสาร, ระบบเรดาร์และระบบนำทางอีกด้วย ด้วยเหตุนี้การเดินทางเข้าไปในพื้นที่เขตแรงโน้มถ่วงสูงจึงไม่ต่างไปจากการเดินลงไปในบึงโคลนโดยปิดหูปิดตาของผู้เดินทางเอาไว้
หากไม่มีเรื่องสำคัญที่จำเป็นจริง ๆ พอตเตอร์ไม่มีทางเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงในพื้นที่เขตแรงโน้มถ่วงสูงอย่างแน่นอน และมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงว่าพื้นที่ที่พอตเตอร์จะต้องเข้าไปสำรวจอยู่ในเขตทุ่งดาวแห่งความตายและเขตดาวไร้การสำรวจที่เต็มไปด้วยอันตรายอย่างไม่รู้จบ
‘อะไรที่มันดึงดูดให้ลุงพอตเตอร์ต้องออกไปสำรวจอย่างสิ้นหวังขนาดนี้?’ เซี่ยเฟยพยายามคิดในใจพร้อมกับขยายแผนที่ดาวและสังเกตอย่างระมัดระวัง
จุดที่พอตเตอร์ทำเครื่องหมายไว้เป็นจุดที่แรงโน้มถ่วงไม่ได้สูงมากนัก แต่ถึงกระนั้นยานรบโดยทั่วไปก็ไม่สามารถที่จะเคลื่อนที่ผ่านพื้นที่บริเวณนั้นได้อยู่ดี
เซี่ยเฟยเดาว่าจุดสีเขียวเหล่านี้น่าจะเป็นพื้นที่ที่ลุงพอตเตอร์เคยสำรวจมาแล้ว และจุดหมายที่แท้จริงของเขาควรจะเป็นจุดสีแดงที่เหลือ
ส่วนใหญ่พื้นที่สีแดงจะอยู่ในบริเวณใกล้แกนกลางของเขตแรงโน้มถ่วงสูงหรือใกล้กับพื้นที่เขตที่ไม่รู้จัก ซึ่งพอตเตอร์ก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าพื้นที่พวกนี้เต็มไปด้วยอันตราย เขาจึงได้ฝากข้อความไว้กับวินด์ไชม์
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีพื้นที่สีม่วงอยู่ 3 จุด โดย 2 ใน 3 จุดนี้อยู่ใจกลางพื้นที่เขตแรงโน้มถ่วงสูงพอดี ส่วนอีกจุดหนึ่งอยู่ในเขตที่ไม่รู้จัก
ถ้าเดาจากสีแล้วจุดพิเศษทั้งสามจุดนี้น่าจะเป็นจุดที่ลุงพอตเตอร์คาดว่าจะเป็นจุดหมายปลายทางมากที่สุด แต่มันก็เป็นพื้นที่ 3 จุดที่มีอันตรายมากที่สุดด้วยเช่นกัน
เซี่ยเฟยจุดบุหรี่พร้อมกับใช้เวลานั่งคิดอย่างเงียบ ๆ ไปกว่าครึ่งชั่วโมง โดยในช่วงเวลานี้วินด์ไชม์กำลังมองไปที่ชายหนุ่มด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความร้อนใจ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ของตัวเองออกมา
แม้ว่าเซี่ยเฟยกับพอตเตอร์จะไม่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ลูกศิษย์กัน แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไปไกลเกินกว่าความสัมพันธ์แบบศิษย์อาจารย์อย่างแท้จริง เพราะแม้แต่ชิพโอเวอร์โหลดที่มีค่าก็ไม่ได้ถูกมอบให้กับลูกศิษย์ที่จงรักภักดีมากที่สุดอย่างโบเดน แต่พอตเตอร์กลับมอบของสำคัญแบบนี้มาให้กับเขา
เซี่ยเฟยยังไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถหลบหนีพื้นที่เขตแรงโน้มถ่วงสูงได้ยังไง และในช่วงเวลานี้ทั้งเหตุผลและสัญชาตญาณก็กำลังเผชิญหน้ากันในความคิดของชายหนุ่มอย่างรุนแรง
พื้นที่ส่วนเหตุผลในสมองของเขากำลังบอกว่าอย่าเข้าไปในเขตแรงโน้มถ่วงสูงอย่างเด็ดขาด เพราะมันมีโอกาสสูงมากที่พอตเตอร์จะเสียชีวิตไปแล้ว
แต่พื้นที่ส่วนสัญชาตญาณกำลังบอกเขาว่าเขาควรจะต้องออกเดินทางไป เนื่องจากพฤติกรรมแปลก ๆ ของพอตเตอร์จะต้องมีความลับอันยิ่งใหญ่ถูกซุกซ่อนไว้อย่างแน่นอน ถ้าหากเขาต้องการจะขึ้นไปยืนบนยอดพีระมิดที่คนทั่วไปไม่สามารถปีนป่ายขึ้นไปได้ เขาก็จำเป็นที่จะต้องแบกรับความเสี่ยงในระดับที่คนทั่วไปไม่กล้าที่จะแบกรับด้วยเช่นกัน
“ตอนที่ลุงพอตเตอร์ออกไปเขาได้ขนเสบียงไปด้วยประมาณกี่วัน? แล้วเขาได้ขนอุปกรณ์อะไรเตรียมไปด้วยไหมครับ?” เซี่ยเฟยถามด้วยแววตาอันมุ่งมั่นราวกับว่าเขาได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว
“ฉันเคยเข้าไปในยานของพอตเตอร์ประมาณ 2-3 ครั้ง อาหารสำรองที่เขาเตรียมเอาไว้น่าจะมากพอให้เขาใช้ชีวิตบนยานอวกาศได้นานหลายปี แล้วมันก็ยังมีอุปกรณ์อะไรต่าง ๆ ถูกเตรียมไว้อีกอย่างมากมาย แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่รู้จักอุปกรณ์พวกนั้นเลย” วินด์ไชม์ตอบ
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับซึ่งคำตอบนี้ก็ทำให้เขาได้รู้ว่าอย่างน้อยถ้าไม่ได้มีอุบัติเหตุร้ายแรงอะไร ลุงพอตเตอร์ก็น่าจะมีชีวิตอยู่รอดไปได้อีกนานนับปี
“ผมขอเอาแท็บเล็ตเครื่องนี้ไปด้วยนะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับลุกยืนขึ้น
“นายกำลังจะออกไปหาพอตเตอร์หรอ?!” วินด์ไชม์อุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เพราะทุกคนต่างก็รู้ว่าพอตเตอร์เดินทางไปยังสถานที่ที่อันตรายมากแค่ไหน การที่เซี่ยเฟยเตรียมพร้อมจะออกไปหาตัวพอตเตอร์ในทันทีจึงทำให้เธอรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย
วินด์ไชม์พอจะคาดเดาจุดหมายปลายทางของพอตเตอร์ได้ตั้งนานแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถรวบรวมความกล้าไปช่วยพอตเตอร์ได้เสียที แต่เซี่ยเฟยที่มีอายุน้อยกว่าเธอมากกลับตัดสินใจไปช่วยพอตเตอร์ทันทีที่รู้จุดหมาย มันจึงทำให้หญิงสาวรู้สึกละอายใจกับความขี้ขลาดของตัวเอง
“ฉันจะไปด้วย” วินด์ไชม์กล่าว
“มันไม่มีเหตุผลที่พวกเราจะต้องไปเสี่ยงด้วยกัน นอกจากนี้การเอาคุณไปด้วยก็ไม่ได้ช่วยให้ผมหาลุงพอตเตอร์ได้ง่ายขึ้น” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
เซี่ยเฟยปฏิเสธคำขอของวินด์ไชม์โดยไม่ลังเล ท้ายที่สุดจุดหมายปลายทางก็เป็นสถานที่ที่อันตรายจริง ๆ เขาจึงจำเป็นจะต้องหยุดความคิดของเธอเอาไว้
—
หลังจากนั้นไม่นานเซี่ยเฟยก็กลับมาที่โทมาฮอว์กทิ้งผ้าคลุมที่เปื้อนทรายสีเหลืองเอาไว้บนพื้นและเดินเข้าไปในห้องบัญชาการ
“การเข้าไปในเขตแรงโน้มถ่วงสูงไม่ใช่เรื่องตลกนะ! ถึงแม้ว่าโทมาฮอว์กจะเป็นยานแบทเทิลครุยเซอร์ แต่มันก็ยากที่จะรับประกันว่ามันจะสามารถเคลื่อนที่ในเขตแรงโน้มถ่วงสูงได้อย่างปลอดภัย” อันธกล่าวขึ้นมาด้วยความกังวล
“ฉันเข้าใจ อันที่จริงฉันก็ยังไม่ได้รีบที่จะออกเดินทาง นายลืมไปแล้วรึไงว่าคุณตาฉินหมางขอให้ฉันไปส่งจดหมายให้กับลูกศิษย์ของเขา”
“ฉันจะลองไปหาลูกศิษย์ของคุณตาดูก่อนแล้วจะลองขออุปกรณ์ที่จำเป็นกับเขาดู จากนั้นฉันค่อยคิดวางแผนอีกครั้งว่าจะเอายังไง ส่วนปัญหาของแฮร์ริสฉันก็ยังไม่ได้จัดการให้เรียบร้อยเลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับตั้งค่าระบบนำทางอัตโนมัติเพื่อกำหนดเส้นทางการบิน
ฟิ้ว!
โทมาฮอว์กบินขึ้นอย่างรวดเร็วและมุ่งหน้าตรงไปยังจุดหมายต่อไป
ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาแฮร์ริสขังตัวเองเอาไว้อยู่ในห้องพร้อมกับยุ่งอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์โดยไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังพยายามจะทำอะไร ซึ่งในระหว่างนี้เขามักจะตั้งคำถามแปลก ๆ กับเซี่ยเฟย เช่น อัตราการเต้นของหัวใจของเซี่ยเฟยอยู่ที่เท่าไหร่, ในระหว่างการต่อสู้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นเป็นเท่าไหร่, อัตราความเข้มข้นของเลือดเป็นยังไงและคำถามอื่น ๆ อีกมากมาย
ชายหนุ่มพยายามพูดคุยกับแฮร์ริสหลายครั้ง โดยชายชราคนนี้ได้บอกว่าเขากำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อทำการวิจัย ท้ายที่สุดคนบ้าก็ยังคงเป็นคนบ้าอยู่ดี เซี่ยเฟยจึงปล่อยให้แฮร์ริสได้ทำการวิจัยของตัวเอง
ชายหนุ่มได้ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะเก็บนักวิทยาศาสตร์บ้า ๆ คนนี้เอาไว้ใช้งาน ดังนั้นเขาจึงต้องยอมทนกับเรื่องที่ตัวเองไม่เข้าใจและกำลังพยายามคิดหาวิธีเอานักวิทยาศาสตร์คนนี้ไปทิ้งไว้กับบริษัทควอนตัม
ช่วงเย็นของวันหนึ่งในที่สุดโทมาฮอว์กก็เดินทางมาจนถึงภูเขา ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งฐานทัพกองทหารของพันธมิตร
หลังการติดต่อไปยังฐานทัพเซี่ยเฟยก็ต้องรู้สึกประหลาดใจหลังจากที่ได้รู้ว่าย่าเหวยผู้ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของฉินหมางเป็นถึงผู้บัญชาการฐานทัพแห่งนี้
นี่คือฐานทัพที่คอยดูแลทุ่งดาวแห่งความตาย ซึ่งหมายความว่ากองยานของฐานทัพนี้มีความยิ่งใหญ่เกินกว่ากองยานของสามภูมิภาคดาวรวมกัน
“แม้แต่ลูกศิษย์ของฉินหมางก็เป็นผู้บัญชาการฐานทัพอย่างนั้นหรอ? แบบนี้แสดงว่าฉินหมางก็จะต้องมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งมากกว่านี้” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความสงสัย
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 210
แสดงความคิดเห็น