เริ่มต้นเป็นเรื่อง ลงท้ายเป็นรัก 3: ปัญหาเบื้องหลัง (Rewrite)
ตรืด..ตรืด..
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้น ขณะปวีรากำลังขับรถกลับโรงแรม เธอเห็นว่ารถกำลังแล่นอยู่บนถนน มันอันตรายถ้าจะหันความสนใจไปทางอื่น จึงไม่รีบรับสาย รอหาที่จอดรถได้ค่อยค้นโทรศัพท์ในกระเป๋ามากดดูเบอร์ พอทราบว่าเป็นใครก็ติดต่อกลับ ผู้กองเพชรกานต์นั่นเอง เขาโทรมาชวนไปกินข้าวด้วยกันตอนเย็น เพื่อคุยเรื่องคดีเด็กหายเมื่อสามวันก่อน จริงๆ หลังจากวันนั้นทั้งคู่ก็ติดต่อกันเป็นระยะๆ ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มที่มักจะทักไลน์มาก่อน และมีไม่น้อยเหมือนกันที่เธอจะทักไปถามข้อมูลสถานที่ต่างๆ ในเมืองกับเขา กระทั่งวันนี้เขาเพิ่งขอนัดกินข้าวกับเธออีกครั้ง
ผู้กองหนุ่มขับรถมารับปวีราที่โรงแรม จากนั้นจึงพามายังร้านอาหารในสวนแห่งหนึ่งอยู่ห่างจากที่หญิงสาวพักไม่มาก ร้านนี้เป็นสวนติดหาด บรรยากาศดีไม่แพ้ร้านแรกที่เขาเคยพาเธอไป ภายในร้านจัดโซนให้ลูกค้าค่อนข้างเป็นส่วนตัว เหมาะกับคนไม่ชอบความวุ่นวายอย่างมาก เพชรกานต์เลือกโต๊ะที่สามารถมองเห็นวิวชายหาดชัดเจนให้ ซึ่งเป็นมุมที่ดวงอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าสวยงามทีเดียว คนชอปถ่ายรูปอย่างเธอจึงมิวายออกไปเดินเก็บภาพเป็นที่ระลึกอยู่หลายฉ็อตก่อนจะกลับมานั่งคุยกันจริงๆ จังๆ
“สมกับเป็นเจ้าของช่อง....จริงๆ นะครับ” เพชรกานต์อดเย้าออกมาไม่ได้ หลังจากไปช่วยยูธูปเบอร์สาวถ่ายภาพอยู่ครึ่งชั่วโมง
“ฝีมือถ่ายภาพของผู้กองแจ๋วมากเลยค่ะ แป๋วชอบทุกรูปเลย” ปวีราดูภาพในสมาร์ทโฟนไปก็ชมไป มัวแต่จดจ่อกับรูปจนแทบไม่ได้ฟังเพชรกานต์เท่าไรนัก แต่เขาก็ไม่ได้ถือสาอะไร กลับรู้สึกเอ็นดูท่าทางเหมือนเด็กน้อยเจอของที่ชอบใจแบบนั้นเสียมากกว่า
“ส่วนหนึ่งก็จำเทคนิคมาจากที่คุณแป๋วแหววสอนในช่อง
นั่นแหละครับ เมื่อก่อนถ่ายไม่ได้ขนาดนี้หรอก” เขาเล่าให้ฟังยิ้มๆ
“ผู้กองเป็นคนถ่ายภาพขึ้นมากนะคะ บางภาพที่แป๋วถ่ายให้
ผู้กองไม่ได้ใช้เทคนิคอะไรมากเลยค่ะ” เธอเหลือบตาขึ้นมายิ้มรับคำพูดของเขา ก่อนจะชมไปเรื่องอื่นอีก
“แสดงว่าหน้าตาผมใช้ได้อยู่สินะครับ” เขาแกล้งแหย่เธอเล่น
อีกครั้ง
“ผู้กองเป็นคนหล่อค่ะ ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ” เธอหันมองหน้าเขาตรงๆ พลางชมออกมาด้วยความจริงใจ ก่อนท้ายประโยคจะหยอกเขากลับบ้าง ชายหนุ่มได้ฟังอย่างนั้นก็หัวเราะน้อยๆ ออกมา
ทั้งคู่คุยสัพเพเหระกันต่ออีกนิดหน่อย พนักงานร้านที่เห็นว่าสองหนุ่มสาวกลับเข้ามานั่งโต๊ะแล้วจึงเดินมารับเมนู พอสั่งอาหารเสร็จ ปวีราก็เป็นฝ่ายเริ่มถามเข้าประเด็นคดีเด็กหายก่อน เพชรกานต์จึงเล่าการสืบสวนคดีให้ฟังเท่าที่สามารถบอกเธอได้
“หลังจากได้เบาะแสจากคุณแป๋วแหวววันนั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็พยายามตามรอยคนร้ายจากกล้องวงจรปิดครับ และสืบพยานแวดล้อมที่คาดว่าอาจจะเห็นพวกคนร้ายด้วย แต่จะทำงานช้าหน่อยเพราะช่วงนี้มีหลายคดีเข้ามา ประกอบกับบางจุดที่คนร้ายผ่านไม่มีกล้องบ้าง กล้องเสียบ้าง แต่บ่ายวันนี้ในที่สุดพวกเราก็ตามหาพวกนั้นเจอ และรีบประสานตำรวจพื้นที่ลงไปช่วยเด็กครับ”
“แล้วตอนนี้เด็กปลอดภัยแล้วใช่ไหมคะ?” ปวีราถามด้วยความเป็นห่วงเหยื่อตัวน้อย
“ครับ เราพบเด็กหลายคนโดนจับอยู่ด้วย ตอนนี้บางส่วนติดต่อครอบครัวเด็กแล้ว แต่บางส่วนก็กำลังติดตามหาครอบครัวครับ คาดว่าโดนลักพาตัวมาจากที่อื่นด้วย”
“แล้วน้องที่แป๋วเจอวันนั้นล่ะคะ?”
“ติดต่อญาติเด็กแล้วเหมือนกันครับ แต่น้องคนนั้นและเด็กหลายคนมีบาดแผลตามร่างกาย เลยต้องส่งไปให้แพทย์ตรวจก่อน”
“แย่จริง..แต่ก็ยังดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเด็กออกมาได้ค่ะ แป๋วต้องขอบคุณผู้กองและเจ้าหน้าที่ทุกคนมากๆ เลยนะคะ” เธอบอกจากใจจริง ค่อยโล่งอกขึ้นมากเมื่อรู้ว่าเด็กที่เจอวันก่อน และอีกที่เหลือปลอดภัยแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้วครับ”
“พี่พริ้ง! ตายแล้ว เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย!?” หญิงสาวผู้มาใหม่หันมาเห็นสภาพภิรมย์พรที่นั่งอยู่บนเตียงคนไข้ก็อุทานแทบลั่นห้อง
ก่อนรีบก้าวเร็วๆ เข้าไปหา
“โรส..!” ชายหนุ่มที่มาก่อนหน้าไม่นานเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความคาดไม่ถึง ไม่คิดว่าหญิงสาวจะตามมาที่นี่ได้
“เกิดอะไรขึ้นกับพี่พริ้งคะพี่เขต ทำไมพี่พริ้งอยู่ในสภาพแบบนี้ได้คะ!?” หญิงสาวเจ้าของชื่อ โรส หันมาถามเขาที่ยืนอยู่ก่อน
“เอ่อ..” เขานึกคำตอบไม่ทัน กำลังตกใจที่อีกฝ่ายปรากฏตัว
“อย่าบอกนะคะ ว่าพี่พริ้งเสียใจเรื่องที่พี่เขตจะแต่งงานกับหนูจนคิดสั้น โถ..พี่พริ้ง ไม่น่าเลย”
ภิรมย์พรเจ็บแปลบกลางอกทันทีที่ได้ยินแขกไม่ได้รับเชิญพูดออกมาแบบนั้น ก่อนอีกฝ่ายจะเข้าไปกอดแขนชายหนุ่มอีกคนอย่างสนิทสนม ไม่สนสายตาคนมองอย่างเธอเลยสักนิดว่าทรมานกับภาพนั้นเพียงใด
“สงสารพี่พริ้งจังค่ะพี่เขต หนูตัดสินใจแล้วค่ะ หลังจากเราจดทะเบียนกันเรียบร้อย หนูจะยินยอมให้พี่เขตรับพี่พริ้งเป็นเมียอีกคนนะคะ พี่พริ้งจะได้มีความสุข ต่อให้หนูจะรับสภาพสามคนผัวเมียไม่ได้
แต่หนูเข้าใจหัวอกลูกผู้หญิงด้วยกันค่ะ เรื่องขี้ปากชาวบ้าน หนูจะแก้ต่างให้พี่พริ้งเอง” คนพูดพูดด้วยน้ำเสียงใสซื่อ ทว่าใครก็ดูออกว่าความนัยของประโยคทั้งหมดไม่ได้ออกมาด้วยเจตนาดีสักนิด และมันเสียดแทงใจคนบนเตียงคนไข้ที่ได้ฟังเต็มสองหูที่สุด
“โรส..!” ใช่ ชายหนุ่มผู้มาใหม่เป็นอดีตแฟนหนุ่มของภิรมย์พร ฝ่ายนั้นได้ยินที่ว่าที่เจ้าสาวของเขาพูดก็รีบท้วง แต่ไม่ทัน
“เรื่องนี้ผมว่าคุยกันวันหลังดีกว่าครับ คุณพริ้งยังต้องการ
การพักผ่อนมากอยู่พอสมควร” กันตพัชรที่คอยสังเกตการณ์เงียบๆ
อยู่สักพัก เริ่มเห็นท่าสถานการณ์ไม่ดีจึงตัดสินใจขัดทุกคนขึ้นโดยไม่ใส่ใจว่าจะเสียมารยาทหรือไม่ ทำให้สองหนุ่มสาวแขกไม่ได้รับเชิญ
หันหน้าไปมองทันที
“พี่เป็นใคร เป็นอะไรกับพี่พริ้งหรือคะ หรือพี่เป็นแฟนพี่พริ้งคะ ทำไมหนูกับพี่เขตไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย” คนพูดเจตนาโยนน้ำมันเข้ากองไฟ ในขณะคนเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของเธอจ้องกันตพัชร์ด้วยความ
ไม่ค่อยชอบใจอยู่ก่อนแล้ว ยิ่งได้ฟังแบบนี้ก็ยิ่งเดือดพล่าน
“ผมเป็นเพื่อนคุณพริ้งเท่านั้นครับ” เขาอธิบายน้ำเสียง
หนักแน่น
“เพื่อนหรือคะ?” โรสถามด้วยความเคลือบแคลง
“ทำไมฉันไม่เคยรู้ว่าพริ้งมีแก..คุณเป็นเพื่อนมาก่อน!” อดีตแฟนหนุ่มของภิรมย์พรถามด้วยสีหน้าขุ่นเคือง แต่ก็ต้องพยายามข่มอารมณ์ไว้ เพราะเห็นว่าระเบิดตอนนี้ ตรงนี้ คงไม่เหมาะแน่
“เรื่องมันยาวครับ แต่ตอนนี้ผมรบกวนพวกคุณกลับไปก่อนดีกว่าครับ อย่างน้อยให้เห็นแก่คุณพริ้งหรือมนุษยธรรมก็ยังดีครับ”
แม้ถ้อยคำจะยังคงความสุภาพ แต่สีหน้าและน้ำเสียงของกันตพัชร์
ก็เต็มไปด้วยความหนักแน่นจริงจังว่าอยากให้แขกทั้งคู่กลับไปเสีย
ยังดีว่าชายหนุ่มอีกคนก็เห็นด้วย จึงพาว่าที่เจ้าสาวตนเองกลับไปก่อน
คล้อยหลังสองคนนั้นเพียงไม่นาน เขื่อนอารมณ์ของภิรมย์พร
ก็พังครืน น้ำใสๆ จำนวนมากไหลออกจากดวงตาสวยเป็นสาย มันแรงขึ้น แรงขึ้น จนกระทั่งเธอสะอึกสะอื้นออกมา กันตพัชร์หันมาเห็นอย่างนั้นก็เดินเข้ามาหา หยิบเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ
“ผมอยู่ตรงนี้นะครับ” เขาเอื้อมมือไปแตะไหล่คนไข้เบาๆ เป็นเชิงปลอบโยน อีกฝ่ายเพียงรับรู้แต่ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น เขาไม่ห้าม เพราะเข้าใจความรู้สึกเธอดี
ระหว่างรอภิรมย์พรระบายทุกอย่างออกมาให้ถึงที่สุด
กันตพัชร์ก็ส่งข้อความบอกแม่ว่าอาจกลับค่ำหน่อย และเอาไอแพดมานั่งทำงานข้างเตียงเงียบๆ ไม่ให้รบกวนหญิงสาว เงยหน้าขึ้นมาอีกทีตอนที่ได้ยินเตียงขยับ เห็นเธอกำลังจะเอนตัวนอน เขาจึงลุกมาช่วยประคองให้ได้นอนสะดวกขึ้น
“พักผ่อนเถอะครับ ผมจะอยู่กับคุณจนกว่าคุณจะหลับ”
กันตพัชร์รู้ สถานการณ์แบบนี้เธอควรมีเพื่อนอยู่ด้วย ทว่าเขาก็อยู่ได้แค่สักพัก เพราะไม่ได้เตรียมของอะไรมาค้างเลย ภิรมย์พรพยักหน้ารับรู้คำพูดของเขานิดหนึ่ง ก่อนปิดเปลือกตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน ชายหนุ่มเห็นสภาพหญิงสาวแล้วอดนึกถึงตนเองเมื่อสองสามเดือนก่อนไม่ได้ คงไม่ต่างกันเท่าไรนัก
คุยเรื่องคดีจบได้ไม่นาน พนักงานร้านก็นำอาหารที่สั่งไปทยอยมาเสิร์ฟ เพชรกาญจน์และปวีรานั่งกินข้าวด้วยกันด้วยความเบิกบานใจ ส่วนหนึ่งเพราะอาหารอร่อย บรรยากาศดี เพลงเพราะ แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือคนที่ร่วมโต๊ะด้วยน่ารัก คุยสนุก อีกคนเองก็เอาใจใส่ตักนั่นนี่ให้ และรับมุกคู่สนทนาได้แทบทุกครั้ง
“จริงสิ” ขณะกำลังกินอยู่ดีๆ เพชรกาญจน์ก็เอ่ยขึ้นอย่างเพิ่งนึกอะไรได้ ก่อนกดปุ่มเรียกพนักงานร้านให้มาหา
“อะไรหรือคะ?” ปวีราถามด้วยความสงสัยกับการกระทำ
ของเขา
“มาทะเลทั้งที ผมเลยอยากชงเครื่องดื่มสักอย่างให้คุณแป๋ว
ลองชิมดูครับ”
“เครื่องดื่มอะไรหรือคะ?”
“คุณแป๋วกินแอลกอฮอล์ได้ใช่ไหมครับ” เขาถามทั้งที่พอทราบว่ายูธูปเบอร์สาวดื่มได้หลากหลาย แต่ก็อยากถามเป็นมารยาท
สักหน่อย
“ไม่มีปัญหาค่ะ แต่คงไม่มอมแป๋วจนสลบไปใช่ไหมคะ”
เธอแกล้งถามหยอกเขาเล่น
“อยู่ที่ว่าคุณแป๋วจะดื่มเพลินจนเมาสลบไปเองหรือเปล่ามากกว่าครับ” เขาหยอกเธอกลับบ้าง
“แหม..ถึงแป๋วจะดื่มได้แทบทุกอย่าง แต่ก็ไม่ใช่คนช่างดื่มมากขนาดนั้นสักหน่อยค่ะ”
“ผมไม่ได้กลัวเรื่องนั้นหรอกครับ แค่เกรงว่าถ้าผมชงให้แล้วมันจะอร่อยจนคุณดื่มเพลิน ลืมตัวยกไปหลายแก้วเท่านั้นเอง” ผู้กองหนุ่มพูดทีเล่นทีจริง
“พูดขนาดนี้ แป๋วต้องพิสูจน์ให้ได้แล้วสิคะว่าผู้กองโม้หรือ
พูดจริงกันแน่นะ”
ตำรวจหนุ่มบอกพนักงานร้านนำอุปกรณ์และเครื่องดื่มจำนวนหนึ่งมาให้ที่โต๊ะ ก่อนจะลงมือจับสิ่งต่างๆ มาชงรวมกันในแก้วเดียวอย่างชำนาญ ยูธูปเบอร์สาวได้แต่มองเขาด้วยความสนใจ ท่าทางอีกฝ่ายคล่องแคล่วไม่ติดขัดสักนิดราวกับทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ดูไปเรื่อยๆ ก็เพลิดเพลิน รู้ตัวอีกทีก็ตอนฝ่ายนั้นทำเสร็จ และส่งแก้วเครื่องดื่มมาให้
“สวิท พอยซัน ถ้าดื่มตอนมานั่งริมทะเล เข้ากับบรรยากาศมากเลยครับ แต่พิเศษหน่อยที่ครั้งนี้ผมผสมสูตรตนเองลงไปด้วย”
เพชรกาญจน์แนะนำเครื่องดื่มที่ตนชงให้หญิงสาวตรงข้ามโต๊ะทราบ
“เอ..เคยกินมาบ้างเหมือนกันค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าสู้สูตรคุณฟลินท์ได้ไหมนะ เป็นเครื่องดื้มที่มีชื่อที่ขัดแย้งแต่มีเสน่ห์มากเลยค่ะ”
เธอวิจารณ์ด้วยรอยยิ้ม
“รสชาติหวานเปรี้ยวติดขมนิดๆ แต่ดื่มง่ายครับ ระวังนิดหนึ่งที่มันจะมีส่วนผสมของเหล้าแรงสามชนิด” เขาพูดจบ ปวีราก็ยกแก้วเครื่องดื่มจรดปากทันทีด้วยความอยากลองลิ้มรส เธอเริ่มต้นจากค่อยๆ จิบเล็กๆ แล้วเพิ่มปริมาณขึ้น
“อร่อยจังเลยค่ะ มีกลิ่นมะพร้าวด้วย” เธอชมออกมาด้วยรอยยิ้มสดใส ก่อนจะพูดต่อ
“ว่างๆ สอนแป๋วทำบ้างสิคะ หรือไม่จดสูตรให้ก็ได้ค่ะ” มือเรียวยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง รู้สึกประทับใจในเครื่องดื่มที่ชายหนุ่มชงให้กินอย่างมาก
“ยินดีครับ ถ้าคุณแป๋วยังอยู่ที่นี่อีกหลายวันก็น่าจะหาเวลาสอนได้” พูดถึงตรงนี้ เขาก็สังเกตว่าจู่ๆ อีกฝ่ายก็มีสีหน้าหงอยลงนิดหนึ่ง
“คงไม่นานมากค่ะ แป๋วหนีปัญหาที่บ้านมา ยังไงก็ต้องกลับไปเผชิญหน้า” อาจด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์กระมังทำให้เธอยอมปริปากออกมา
“ปัญหาทางบ้านหรือครับ?” เขาอดถามไม่ได้ นึกภาพคนสดใสร่าเริงอย่างเธอมีปัญหาชีวิตที่ทำให้หนักใจจนต้องหนีมาไม่ออกเลย สิ่งที่เขาเห็นผ่านโซเชียล คือผู้หญิงคนหนึ่งที่โลกของเธอดูจะสวยงามไปหมด
“ครอบครัวแป๋วอยากให้แป๋วแต่งงานค่ะ แต่แป๋วยังไม่พร้อม ยิ่งคนที่พ่อแม่อยากให้แต่งด้วยไม่ใช่คนที่แป๋วเลือกเองยิ่งแล้วใหญ่”
“พวกท่านไม่ชอบแฟนคุณแป๋วหรือครับ?” จริงๆ เขาพอทราบว่าเธอไม่มีแฟน แต่ก็อยากถามดูให้แน่ใจ เพราะข่าวที่ได้ก็มาจากการติดตามช่องทางออนไลน์ต่างๆ ของเธอเท่านั้น ยิ่งรู้ว่าครอบครัวเธออยากให้รีบแต่งงานก็ยิ่งอดถามไม่ได้
“แหม เป็นเอฟซีแป๋วยังไงไม่รู้ว่าแป๋วโสดสนิทค่ะเนี่ย” แม้จะเศร้า แต่ก็ยังเย้าอีกฝ่ายเล่นตามประสา
ผมแค่อยากถามให้แน่ใจน่ะครับ หลายคนมีแฟนแต่ก็ไม่ได้ประกาศอะไร แถมคุณแป๋วก็ไม่เคยพูดออกสื่อตรงๆ ว่าโสด”
“เข้าใจค่ะ จริงๆ แป๋วก็จงใจไม่ให้ใครรู้ชัดเจนด้วยค่ะ ไม่ค่อยชอบคนมาวุ่นวายด้วย” ยูธูปเบอร์สาวสารภาพตามตรง
“แล้วคนที่พ่อแม่คุณแนะนำ เคยเจอกันแล้วหรือครับ ถึงบอกว่าไม่ชอบ” ผู้กองหนุ่มลองถามหยั่งเชิง
“ก็เคยเจอบางคนค่ะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรพิเศษ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่แล้ว แป๋วเบื่อค่ะ คนพวกนั้นดูเหมือนสนใจแป๋วแค่ที่เป็นลูกคุณพ่อคุณแม่ เศรษฐีพันล้านเท่านั้น”
“ผมเข้าใจครับ” พอได้ฟังคำตอบของหญิงสาวที่แอบปลื้มอย่างนั้นเขาค่อยใจชื้นขึ้น ก่อนคิดอะไรออก และตัดสินใจทันที
“คุณแป๋วครับ ถ้าวันมะรืนยังไม่รีบกลับ ไปเที่ยวด้วยกันไหมครับ?”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 225
แสดงความคิดเห็น