บทที่ 6 การต่อสู้ของยอดฝีมือ 2
การต่อสู้ของศิลากับเด็กสาวผมน้ำตาลเป็นไปอย่างดุเดือดเลือดพล่านเพียงไม่นานก่อนเวลาจะหมดอาสึนะก็สามารถทำให้ศิลาก้าวเท้าออกจากจุดที่เขายืนอยู่ได้
หลังจากนั้นก็เป็นการต่อสู้ของจอนประมาณ 3 นาทีชายหนุ่มก็สามารถทำให้อาจารย์ของตนเคลื่อนร่างออกจากจุดที่เคยยืนอยู่ได้ และตามมาติดๆก็เป็นการต่อสู้ของชายหนุ่มผมฟ้าหรือรูรุ เขาใช้เวลา 4 นาที 59 วินาทีสามารถทำให้เสียเวลาออกจากที่ยืนอยู่ได้
แต่คนที่ไม่น่าทำได้ก็ปรากฏตัวขึ้นนั่นก็คือเนกิ เพียงแค่ 59 วินาทีเด็กหนุ่มก็สามารถทำให้ศิลาก้าวเท้าออกจากจุดที่เขายืนอยู่ได้ หลังจากนั้นก็เป็นนากิ ประมาณ 5 นาทีเด็กสาวก็สามารถทำให้ศิลาก้าวขาออกจากที่เธอเคยยืนอยู่ได้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เพื่อนๆในห้องเรียนมีขวัญกำลังใจในการทำให้ศิลาก้าวขาออกจากจุดที่ตนเองยืนอยู่ แต่นอกจากชายหนุ่มผมขาวที่สามารถทำให้ศิลาขยับร่างกายได้นอกนั้นก็ไม่มีใครสามารถทำได้แม้แต่คนเดียว
หลังจากการต่อสู้สำเร็จลุล่วงไป พวกเขาก็มาเรียนวิชาที่ 3 ซึ่งเป็นวิชาที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เวทมนตร์ อาจารย์ที่สอนเป็นคนที่ใจดีอธิบายเรื่องประวัติศาสตร์ได้อย่างกระชับและให้พวกนักเรียนวิพากษ์วิจารณ์ประวัติศาสตร์
ถึงแม้ว่าอาณาจักรจะอยากให้อาจารย์แต่ละโรงเรียนสอนประวัติศาสตร์ในรูปแบบของชาตินิยมมากกว่า แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะอาจารย์ท่านนี้สอนประวัติศาสตร์เวทมนตร์ในรูปแบบเสรี ผู้คนสามารถมาวิพากษ์วิจารณ์ประวัติศาสตร์โดยการนำข้อมูลที่หลากหลายหยิบยกขึ้นมา สำหรับอาจารย์ท่านนี้สิ่งที่สำคัญในการเรียนประวัติศาสตร์ก็คือการที่เด็กๆสามารถแยกข้อมูลว่าข้อมูลไหนเป็นข้อมูลที่ถูกเขียนขึ้นจากฝ่ายไหน
อย่างที่รู้กันดีว่าประวัติศาสตร์เป็นเรื่องของอาณาจักรเป็นเรื่องของประเทศเป็นเรื่องของหมู่บ้าน ผู้คนที่เขียนก็ย่อมเข้าข้างตัวเองเป็นเรื่องธรรมดาดังนั้นอาจารย์ท่านนี้จึงให้พวกเขาฝึกแยกข้อมูลให้เป็นข้อมูลที่ถูกเขียนขึ้นแต่ละฝ่าย
หลังจากเรียนชั่วโมงที่ 3 เสร็จพวกเขาก็ไปกินข้าวหลังจากนั้นผู้ที่สามารถชนะได้จึงไปหาศิลา ณห้องพักครูเด็กทั้งหมดกำลังมองหน้าของอาจารย์ของตน ที่มีท่าทางไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก บนโต๊ะของศิลามีกาแฟดำถ้วยหนึ่งวางไว้อยู่ ดูจากถ้วยของกาแฟก็รู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มยังไม่คิดจะยกมันขึ้นมาจิบแม้เพียงครึ่งคำ
เขาละสายตาออกจากหนังสือที่กำลังอ่านอยู่ ก่อนที่จะหันมามองยังเด็กทั้ง 6 ที่ยืนอยู่ ชายหนุ่มไม่คิดจะสนใจคนที่ไม่มาตามนัดเขารู้ได้ทันทีว่าใครหายไปแต่ไม่คิดที่จะกล่าวอะไร สำหรับเขาการที่นักเรียนจะมาเข้าร่วมภารกิจนี้มันเป็นสิทธิ์ของนักเรียนเองหากมาก็จะมอบภารกิจให้หากไม่มาก็จะไม่มอบให้
เขาละสายตาออกจากเด็กๆก่อนที่จะเริ่มกล่าว “ภารกิจนี้จะได้คอยทั้งหมด 1,000 คอย เป็นภารกิจที่มีความยากระดับ f ถ้ามีใครที่ไม่อยากทำภารกิจนี้ก็ขอถอนตัวได้ทันที เหมือนเพื่อนของเธอคนหนึ่งที่ไม่ยินดีที่จะมาทำภารกิจอาจารย์จะให้ถอนตัวไปแล้ว ไม่ต้องห่วงว่าอาจารย์จะไม่ชอบใจเรื่องนี้จะไม่มีผลกับการเรียนการสอนของพวกเธอ”
“บอกรายละเอียดของภารกิจก่อนได้ไหมคะ”
สิ้นคำของเด็กสาวผมน้ำตาลชายหนุ่มก็ยิ้มออกมา สำหรับเขาเขาคิดไว้แล้วว่าคำถามนี้จะต้องมาจากอาสึนะ เด็กสาวที่เป็นผู้ที่สามารถฝากความหวังไว้ได้ คนที่มีภาวะผู้นำลองจากเด็กหนุ่มผมแดงก็คือเธอนั่นเอง
“ภารกิจนี้ ถ้าไม่ตกลงที่จะทำก่อนก็ไม่สามารถให้รู้ได้ อาจารย์มีเวลาให้พวกเธอคิดแค่ 1 วันเท่านั้น หลังจากที่ได้แล้วมาหาอาจารย์ในวันพรุ่งนี้ ภารกิจนี้ต้องเซ็นใบรับรอง ทุกคนแยกย้ายได้”
ชายหนุ่มทั้งสามเคลื่อนกายเข้าปะทะกันอย่างรวดเร็ว พลังอันมหาสารพลันปกคลุมไปรอบ ๆ ชายหนุ่มผมทองเรียกดาบสีดำขาวขึ้นมาไว้บนมือก่อนที่จะใช้มันฟาดฟันเข้าหาบุรุษหนุ่มที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับอดีตสหายของตน
ส่วนทางฝั่งของโยดา ชายชราพลันใช้เวทมนตร์ของตนคืนร่างที่มีความเยาว์วัย ก่อนที่จะจะทะยานร่างเข้าจู่โจม โยดาเสกลูกไฟสีดำขึ้นมาในมือ ก่อนที่จะคำราม “ตายสะ ลูกไฟทมิฬ”
เปลวไฟสีดำพุ่งใส่ร่างกายของบุรุษหนุ่มที่มีร่างกายของเมฆา ชายหนุ่มเอี้ยวร่างหลบหลีกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะใช้ลูกไฟทมิฬจู่โจมกลับไป
โยดาเห็นดังนั้นเขาจึงเรียกลูกไฟขึ้นมา ก่อนที่จะปาใส่กำแพงบาเรียน้ำแข็งของแอนนาพลันปรากฏเพื่อขวางหน้าของโยดา เมื่อน้ำแข็งปะทะกับเปลวไฟทมิฬ มันพลันสลายหายไปอย่างรวดเร็ว โยดาพลันปาเปลวไฟใส่ร่างกายของคนที่เคยอ้างตัวว่าเป็นลูกศิษย์ของตน
ชายหนุ่มเทะยานร่างหลบหลีก หลบทันใดนั้นเองเขาพันรู้สึกถึงจิตสังหารที่โผล่ขึ้นมาทางด้านหลัง เบื้องหลังผู้ชายหนุ่มมีหนุ่มผมทองกำลังฟาดฟันดาบดาบใส่ร่างกายที่ปราศจากการป้องกัน
“สมแล้วที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายธรรมะ เมื่อพบคนที่ไม่สามารถต่อสู้ได้ก็กลับต่อสู้เพื่อจะหวังสังหารผ่านชีวิต แต่ตัวของข้าที่มาณที่แห่งนี้เป็นเพียงผู้เดียวที่ถูกเรียกว่าอธรรม ค่าเพียงหนึ่งเดียวกับต้องต่อสู้กับผู้ที่เรียกตนเองว่าฝ่ายที่รักษาความถูกต้องซึ่ง 3 4 คน หากผู้ใดรู้ก็คงเป็นที่ขบขัน”
“ต่อให้ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นหมาหมู่ แต่พวกเราก็ไม่มีทางเลือก วิธีที่จะจัดการแกได้นอกจากวิธีนี้พวกเราก็ไม่มีทางเลือก แกมันตัวอันตรายเกินไป” เมฆาว่า ก่อนที่จะเสกลูกไฟแล้วปาใส่ร่างฝาแฝดของเขา
“เมฆาพูดถูก ถ้าพวกเราไม่กำจัดแกในวันนี้ แกจะต้องเป็นภัยต่อพวกเราแน่ ยังไงพวกเราก็จะไม่มีทางให้เทพและมารคืนชีพมายังโลกนี้”
“ทำไมพวกเจ้าถึงกลัวการเปลี่ยนแปลง ทำไมพวกเจ้าถึงไม่กล้าต่อสู้กับชนชั้นที่สูงกว่า ทำไมพวกเจ้าถึงไม่กล้าทำอะไรใหม่ๆ สิ่งที่พวกเราจะได้มามันคุ้มค่า พลังเวทย์ของพวกเจ้าจะถูกยกระดับพัฒนาการให้สูงยิ่งขึ้น นี่มึงควรที่จะเป็นสิ่งที่นักเวทย์ทุกคนถวิลหา”
ชายหนุ่มเอี้ยวร่างหลบหลีกการโจมตีของวิน ก่อนที่จะปัดการโจมตีของเมฆา วินทะยานร่างเข้าหา ก่อนทีจะใช้ดาบฟันไปยังแขน แต่ดาบของเขากลับไม่สามารถทะลุผ่านผิวหนังของชายหนุ่มเบื้องหน้าได้
“พวกเราไม่ได้กลัวการเปลี่ยนแปลง แต่พวกเราไม่อยากให้การสูญเสียอันไม่จำเป็นเกิดขึ้นอีกครั้ง สงครามจะนำมาซึ่งการสูญเสียไม่สิ้นสุด ทุกคนต้องล้มตายสูญเสียชีวิตครอบครัวต้องพลัดพราก พวกสัตว์เองก็ต้องไร้ถิ่นที่อยู่ทรัพยากรส่วนมากถูกใช้ไปกับสงคราม จากประสบการณ์ของฉันไม่สิถ้าจะพูดให้ถูกจากประสบการณ์ของโลกนี้มันถึงเวลาที่จะหยุดสงครามได้แล้ว ยุคนี้เป็นยุคแห่งเสรียุคที่มีเสรีภาพทางความคิด ยุคที่ผู้คนไม่จับอาวุธแต่จับพู่กันเพื่อห้ามหั่นกัน แลกเปลี่ยนวิทยาการพลังเวทย์วิทยาศาสตร์ ไม่มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไม่มีการฆ่าล้างสัตว์อสูรไม่มีการต่อสู้ของเทพและมาร ฉันตั้งหากที่ต้องถามแกว่าทำไมถึงบ้าคลั่งสงครามมากขนาดนั้น”
“มันไม่ใช่สงครามเพียงอย่างเดียวที่ตัวของพวกข้าถวิลหา แต่มันยังมีสิ่งอื่นที่จะเกิดขึ้น”
“นี่หรือว่าเจ้าต้องการให้สิ่งนั้นปรากฏตัวขึ้นมาบนโลกนี้”
สิ้นคำของโยดา ท้องฟ้าที่เคยสว่างสดใสกลับมืดลงอย่างกะทันหัน สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้การโจมตีของ 3 ผู้อาวุโสกับเด็กหนุ่มหหยุดชะงัก
“ในที่สุดก็ทำสำเร็จนักปราชญ์ของพวกเรามิคาเอล’
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 140
แสดงความคิดเห็น