บทที่ 12...1/3
มีนาขมวดคิ้วว่าวันนั้นของเขมินท์คือวันไหน แต่มันก็นึกไม่ยากหรอกเพราะเธอไม่ได้กินข้าวซอยจากเขมินท์บ่อยๆ เสียหน่อย เพียงแต่เธอไม่นึกว่าเขาจะถามขึ้นมา ทั้งที่มันไม่ได้น่าสนใจสักเท่าไหร่เลย
“ทำไมพี่เขมรู้ล่ะคะ”
“ความสุขการของกินมันดูไม่ยากหรอกนะมีน” เขมินท์ชี้มาที่รอยยิ้มของมีนา “พี่ดูออก พี่ถึงได้รู้ว่ามีนไม่ชอบข้าวซอย แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมมีนเลือกจะกินมัน”
มีนายิ้มกว้างที่แท้เธอดูออกง่ายแบบนี้นี่เอง
“เพราะว่าพี่เขมไม่ชอบกินหอมแดง”
หัวใจของเขาเต้นแผ่วราวกับมีบางอย่างมาหน่วงไว้ ทั้งที่เขาเขี่ยหอมแดงออกก็ได้ แต่เธอยังเลือกแบบนั้น เขาน่าจะรู้ว่าเธอไม่เคยเปลี่ยนไปเลย คิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ
“มีนเลยยอมกินของที่ตัวเองไม่ชอบแทนพี่น่ะหรือ” เขมินท์ไม่ได้คิดว่าจะได้คำตอบแบบนี้ เขาคิดว่ามีนาคงเกรงใจเขาหรือไม่ชอบอีกอย่างมากกว่าจึงเลือกข้าวซอยที่อาจจะไม่ชอบน้อยกว่า “ขอบใจนะ แต่ต่อไปมีนบอกพี่ตรงๆ ก็ได้ พี่จะได้รู้ว่ามีนชอบหรือไม่ชอบอะไร”
มีนายิ้มกว้างนึกว่าจะถูกเขมินท์ดุเสียแล้วเพราะเห็นเขาทำหน้าเรียบๆ เธอเลยเดาไม่ถูกว่าเขาคิดอะไร
“มันสำคัญด้วยหรือคะ”
เขมินท์ขมวดคิ้วไม่คิดว่ามีนาจะถามเขาแบบนี้
“สำคัญสิ อย่างน้อยพี่ก็ชอบเห็นมีนมีความสุขในการกิน”
คำพูดแสนธรรมดา แต่ว่าพอมันออกมาจากปากของเขมินท์ก็ทำให้มีนาหลุบตาพลางตักข้าวใส่ปาก พร้อมกับบอกตัวเองว่าอย่าคิดมากน่า เขมินท์แค่ชอบที่เธอมีความสุขในการกิน เขาไม่ได้บอกว่าชอบเธอสักหน่อย
“มีนเผ็ดหรือเปล่า พี่เห็นกินพริกไปแล้ว แต่ก็ห้ามไม่ทัน” เขมินท์ถามพร้อมกับรินน้ำเติมลงไปในแก้วของมีนา
มีนาชะงักราวกับคอมพิวเตอร์แรมต่ำที่ต้องใช้เวลาในประมวณคำถามของเขมินท์ และความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ เธอกำลังเผ็ดจนน้ำตาเอ่อ นี่เธอไม่รู้ตัวว่ากินพริกเข้าไปได้ยังไง
“ปากมีนคงพังวันนี้แหละพี่เขม เผ็ดจนอยากร้องขอชีวิต”
แม้จะกินน้ำไปหลายอึก แต่มีนาก็ยังไม่หายเผ็ด เขมินท์ช่วยรินน้ำให้แต่ริมฝีปากกลับยิ้มกว้างพอๆ กับคนที่ร้องเผ็ดๆ จนปากแดง แก้มแดงไปหมด
“สั่งขนมมาเลยดีไหม แก้เผ็ด”
มีนาพยักหน้าเห็นด้วยกำลังอ่านเมนู เขมินท์ก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน
“ร้านนี้มีขนมปลากริมไข่เต่าด้วย”
มีนายิ้มกว้างยกมือเรียกพนักงานมา “พี่เขมล่ะคะ กินขนมอะไรดี”
“เหมือนมีนแล้วกัน”
มีนายังไม่ทันคิดอะไรจนกระทั่งเห็นขนมปลากริมไข่เต่ามาวางตรงหน้า เขมินท์จะรู้ว่าเธอชอบทอฟฟี่เค้กกับขนมปลากริมไข่เต่าได้ยังไง มันคงบังเอิญเกินไปที่เธอได้กินขนมที่ชอบเพราะเขมินท์ เขารู้งั้นเหรอ แต่ทำไมสีหน้าของเขาราบเรียบปกติ เห็นแบบนี้เธอคงไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองแน่ๆ
“พี่เขมชอบขนมปลากริมไข่เต่าหรือคะ”
“ใช่ มีนสงสัยอะไรหรือ” เขมินท์ถาม
มีนาเห็นสีหน้าของเขมินท์แล้วยิ่งมั่นใจว่าอย่าคิดเข้าข้างตัวเองเด็ดขาด หน้านิ่งแบบนั้นใครจะไปกล้าคิด แถมเขายังเคยบอกว่าเธอเหมือนน้องสาว หญิงสาวส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วกินขนมจนหมดถ้วย
เขมินท์ทำตามสัญญายอมให้มีนาจ่ายเงินค่าจิ้มจุ่ม ส่วนเขาจ่ายค่าขนม รอยยิ้มดีใจของเธอทำให้เขามั่นใจว่าคิดไม่ผิดที่ยอมทำตามใจไปแบบนั้น มีนาเดินนำไปที่รถแล้วช่วยเปิดประตูให้เขมินท์ ชายหนุ่มยิ้มเมื่อมันดูผิดที่ผิดทาง เขาไม่ใช่หรือที่ควรทำแบบนี้ให้เธอ หญิงสาวรอจนเขารัดเข็มขัดเรียบร้อยแล้วจึงขับรถออกมจากร้าน แล้วมุ่งหน้าไปยังคอนโดซึ่งใกล้นิดเดียว
สายตาวับวาวมองมือเล็กๆ ที่จับพวงมาลัย ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มคล้ายมีความสุขตลอดเวลา ใครบ้างจะอดใจไม่ยิ้มตามได้ เสี้ยววินาทีนั้นนานราวกับเวลาหยุดลง มีนาได้ยินเสียงถอนใจเบาๆ จึงหันมามองเขมินท์ ทว่าก็ไม่ทันเห็นรอยยิ้มนั้นแล้ว
2 ทุ่มแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววของมีนา ทั้งที่เบญญาอุตส่าห์ขอยืมคีย์การ์ดของเพื่อนเพื่อเข้ามาในคอนได้ เธอมารอเกือบชั่วโมงแล้วแต่ยังคงรอต่อไป นั่นเพราะหลายวันมานี้เธออยู่ด้วยความระแวงกลัวว่าตำรวจจะมาหาหรือจะมีใครรู้ว่าเธอได้ทำอะไรลงไปเพราะคลิปหลุดในโซเชียล พอไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ทำให้เธอเบาใจมากขึ้น แม้จะยังไม่สบายใจ ทว่าเธอคิดทางออกได้อย่างหนึ่งว่าถ้ามาขอร้องมีนาดีๆ อย่าเอาเรื่องเธอเลย แล้วขอคลิปทั้งหมดคืนมาน่าจะพอเป็นไปได้
นั่นคือเหตุผลทั้งหมดที่เบญญามารอมีนาที่คอนโดแห่งนี้ หลายครั้งที่ภาคินพูดถึงแต่เธอไม่เคยคิดจะมา แต่คราวนี้ที่เธอต้องมาก็เพื่อตัวเองทั้งนั้น ขอแค่กล่อมให้มีนาใจอ่อน
นางแบบสาวรออยู่นานจนกระทั่งเห็นมีนาเดินผ่านประตูเลื่อนด้านหลังซึ่งเชื่อมต่อกับที่จอดรถเข้ามาด้านในคอนโด ทว่ามีนาไม่ได้มาคนเดียว แต่ยังมีเขมินท์มาด้วย จากที่เบญญากำลังจะเดินไปหามีนา จึงกลายเป็นนั่งลงแล้วแนบหน้ากับโซฟาแทน
“สองคนนี้เป็นแฟนกันจริงๆ ไม่ได้หลอกงั้นเหรอ”
คำตอบชัดเจนขนาดนั้น เบญญาคงคิดเป็นอื่นไปไม่ได้ เมื่อเห็นมีนากดลิฟต์ให้เขมินท์ก่อนที่จะเดินตามเข้าไป ดูยังไงก็แฟนกันไม่ได้โกหกใครแน่ๆ เบญญารีบออกไปจากคอนโด ตอนนี้เธอคงเข้าทางมีนาไม่ได้เสียแล้ว ฉะนั้นจึงเหลือทางเดียว ภาคินน่าจะยังมีเยื่อใยหลงเหลือให้เธอบ้างหรอกน่า
เขมินท์มองนิ้วเล็กๆ ที่กำลังกดรหัสเพื่อเปิดประตู ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายที่เปิดบานประตูแล้วรอให้มีนาเข้าไป แล้วเขาเดินตามเข้ามา เธอวางขนมที่ซื้อมาตอนกลางวันไว้ที่เคาน์เตอร์ในครัว ในขณะที่เขมินท์นั่งลงที่โซฟา เธอเลยรินน้ำมาให้เขาแล้วช่วยเปิดทีวี ตอนนี้เขาควรพักข้อมือข้างที่ยังเจ็บ
แม้มีนาจะไม่ได้อึดอัดเวลาที่มีเขมินท์อยู่ในห้องนี้ด้วยกัน เธอแค่ยังไม่ชิน แต่เขาดูสบายๆ เพราะทำอะไรเป็นปกติ แน่ล่ะสิ เขาอยู่ใกล้ๆ เธอคงไม่ต่างจากอยู่กับภาคินสักเท่าไหร่ ในสายตาของเขาคงเห็นเธอเป็นเหมือนน้องคนหนึ่งนั่นแหละ
“พี่เขมจะไปอาบน้ำก่อนไหมคะ” มีนาถามเพราะห้องน้ำมีห้องเดียว
“มีนไปอาบน้ำก่อนเถอะ พี่จะเช็คเมลก่อน”
มีนาพยักหน้าเป็นอันเข้าใจ แล้วจะเดินไปที่ห้องของตัวเองก็ยังไม่วายเอาเข่าไปกระแทกโซฟา ดีที่หัวไม่ทิ่ม แต่เขมินท์คงชินตากระมังเพราะเคยเห็นเธอสะดุดล้ม ตกบันได ยันมีดบาดมานับครั้งไม่ถ้วน เพราะฉะนั้นแค่เธอเดินชนโซฟาคงไม่มีอะไรให้เขาตกใจได้อีกแล้ว
ทว่าแขนของมีนากลับถูกคว้าไว้ด้วยมือที่มั่นคง พอเธอหันหน้าไปก็แทบสะดุดลมหายใจตัวเอง เพราะใบหน้าของเขมินท์ใกล้จนเห็นไรหนวดจางๆ เขาทำให้เธอเหมือนถูกน็อก ทำไมคราวนี้เขาถึงไม่มองมาเฉยๆ ทำไมเขาถึงมาคว้าแขนเธอไว้
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” บางทีเขาคงอยากให้เธอช่วยทำอะไรสักอย่าง มีนาคิด
“ต่อไปมีนทำอะไรก็ต้องมีสตินะ ไม่อย่างนั้นก็จะเจ็บตัวเรื่อยๆ” เขมินท์ตอบพลางปล่อยข้อมือของมีนา แล้วเดินไปที่ประตูห้องของตัวเอง
มีนากะพริบตาราวกับว่าทำแบบนี้แล้วจะทำให้เข้าใจคำพูดของเขมินท์ได้เร็วขึ้น คำพูดของเขาฟังไม่ยากหรอก แต่ความหมายของคำพูดนั้นต่างหากที่เธอไม่แน่ใจ
เขมินท์กำลังจะจับลูกบิดประตู แต่เห็นหนังสือการ์ตูนอยู่ในถุงใบใสซึ่งแขวนอยู่ที่ลูกบิด เขาหยิบขึ้นมาดูเพื่อที่จะรู้ว่ามีใครบางคนซื้อสิ่งนี้มาให้หลายวันแล้วแน่ๆ ชายหนุ่มหันมาแล้วยิ้มให้หญิงสาวที่มองมาเหมือนลุ้นอะไรสักอย่าง
“ขอบใจนะ”
มีนายิ้มแล้วเม้มปากไม่รู้ว่าจะเขินทำไม แค่เธอซื้อการ์ตูนมาเผื่อเขาเท่านั้นเอง “โล่งอก มีนนึกว่าพี่เขมอาจจะซื้อไปแล้วนะคะเนี่ย”
เขมินท์ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ชายหนุ่มเดินเข้าห้องแล้วเปิดประตูค้างไว้ ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับเปิดกระเป๋าสตางค์ มีนาเห็นแล้วรีบยกมือห้าม
“พี่เขมไม่ต้องจ่ายตังมีนนะคะ คิดเสียว่าตอบแทนบะหมี่คราวก่อนค่ะ”
เขมินท์พยักหน้าเป็นฝ่ายรอให้มีนาเดินเข้าไปในห้อง แต่เธอกลับยืนค้างอยู่ตรงประตูแล้วมองเขาอย่างใช้ความคิด มีบางอย่างแน่ๆ แต่มันคืออะไร
“คืนก่อนที่พี่เขมมาค้าง ถ้ามีนทำให้พี่เขมไม่สะดวกใจ มีนจะอยู่แต่ในห้องก็ได้นะคะ พี่เขมจะได้เดินออกมาจากห้องได้สะดวก” มีนาไม่อยากมีเรื่องคาใจ แต่สีหน้าเขมินท์กลับเหมือนคิดหนัก นี่เธอพูดอะไรผิดไปหรือเปล่านะ
“ส่วนตัวแล้วพี่ไม่ได้อึดอัดที่มีมีนอยู่ในห้องด้วยกัน แต่พี่ห่วงว่ามีนจะไม่สะดวกใจที่พี่ออกมานอกห้องต่างหาก”
“ไม่เลยค่ะ พี่เขมทำเหมือนเดิม ไม่ต้องห่วงมีนหรอกค่ะ คิดเสียว่ามีนเป็นแจกัน หรืออะไรก็ได้ค่ะ มีนไม่อยากให้พี่เขมต้องเปลี่ยนอะไรเพราะมีนเลย”
“พี่คิดว่าพี่เปลี่ยนไปเพราะมีนนะ” เขมินท์เอ่ยเรียวปากหนากดยิ้มเมื่อเห็นมีนาทำหน้าเหมือนกำลังฟังภาษายากๆ ที่ต้องใช้เวลาแปล “มีนไปอาบน้ำได้แล้ว”
มีนาพยักหน้าแล้วเข้าห้องไปแบบงงตัวเองว่าลืมสมองไว้ที่ร้านจิ้มจุ่มหรือไง ถึงฟังเขมินท์แล้วไม่ค่อยเข้าใจ เขมินท์จะเปลี่ยนไปเพราะเธอด้วยเรื่องอะไร เธอไม่เห็นว่าเขาจะเปลี่ยนไปตรงไหน หรือว่าเปลี่ยนจริงๆ แต่ตรงไหนล่ะ แถมเพราะเธอเนี่ยนะ ไม่น่าใช่มั้ง
ตอนนี้ เพราะคุณคือรักแรก วางจำหน่ายใน MEB แล้วนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ลงให้อ่าน 60% ของเนื้อหาทั้งหมดนะคะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 276
แสดงความคิดเห็น