ภูพิง-อิงธารา บทที่ 11
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วภูพิงจึงเดินตรงไปยังห้องเล็กซึ่งเป็นห้องทำงานของเขา ชายหนุ่มจัดการเปิดคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป ได้แต่หวังว่าอิงธาราจะไม่ถอดนาฬิกาที่เขาแอบใส่เครื่องติดตามตัวทิ้งไปเสียก่อนนะ ไม่นานหลังเรียกโปรแกรมเฉพาะขึ้นมา ชายหนุ่มก็ต้องพลูลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อจุดสีแดงกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว และตำแหน่งที่เธอกำลังตรงไปคือน้ำตกท้ายสวนหลังบ้านของเขาซึ่งเป็นจุดแบ่งเขตแดนระหว่างที่ของเขากับป่ากลางเกาะ ภูพิงดึงโทรศัพท์เคลื่อนที่จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเลื่อนหารายชื่อที่ต้องการแล้วกดโทรออกหาเจ้าของหมายเลขทันที รอสายไม่นานปลายสายก็ขานรับชายเจ้าของบ้านจึงกรอกเสียงทักทาย
"ไอ้คี ตอนนี้คนของฉันออกไปเที่ยวป่าแล้วยังกลับไม่ถึงบ้าน แกให้ผู้กองก้องหล้าว่าที่น้องเขยของแกสั่งให้ลูกน้องที่ลาดตระเวณแนวป่ากลางเกาะช่วยพาคนของฉันมาส่งหน่อย" เสียงโวยวายของปลายสายดังลอดออกมาจนชายหนุ่มต้องดึงโทรศัพท์ออกจากหู และนั่นทำให้เสียงอู้อี้ดังออกนอกลำโพง
"คนของเฮียไม่ใช่คนของผม อีกอย่างเธอก็แค่ออกไปสำรวจหาทางหนีเอง ไม่เห็นต้องเดือดร้อนคนอื่นเลย แค่รับมือกับคุณปกรณ์เลขาจอมเฮี้ยบของเฮียผมก็แทบจะอ้วกอยู่แล้ว นี่ยังไม่รวมงานโกหกลุงให้เฮียอีกนะ เมื่อไหร่จะจัดการให้มันเสร็จๆ สักทีฮะ อ้อ!...แล้วอย่าไปเรียกอย่างนี้ต่อหน้ายายแคทนะ ไม่งั้นมันผสมยาฆ่าแมลงให้เฮียกินแน่ๆ" เสียงบ่นของคีรีลูกบุญธรรมของลุงบังเกิดเกล้าไม่ได้ทำให้ภูพิงสงสารหรือเห็นใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
"อย่าบ่นมาก ให้ทำอะไรก็ทำๆ ไป ฉันไม่ได้ให้แกทำฟรีๆ สักหน่อย เอ๊ะ! หรือว่าแกจะไม่ทำก็ได้นะ...ข้อตกลงของเราก็เป็นอันยกเลิกไป เพราะยังไงถ้าไม่มีแกฉันก็หาคนช่วยได้อยู่แล้ว"
"อย่าคิดจะใช้ยายแคทนะเฮีย" ฝ่ายนั้นโหงกเหวก
"มันก็ขึ้นอยู่กับความพอใจ แกก็รู้ว่าน้องแคทไม่เคยปฏิเสธฉันเลย แล้วถ้าน้องแคทมาทำแกอาจจะ...จุ๊ๆ ฉันไม่อยากจะคิดว่าแกจะโดนลุงอรรถกักบริเวณไปกี่เดือน"
"ทำไมผมต้องโดนลุงอรรถกักบริเวณด้วยล่ะเฮีย ผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิด" ฝ่ายนั้นถามเสียงซื่อ
"ก็ถ้าลุงรู้ว่าแผนของฉันเป็นการกระทำของแกทั้งหมด..ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวง ลักพาตัวยายคุณหนูเจ้าปัญหามาที่เกาะ แล้วอะไรต่ออะไรที่ฉันจะยกมาพูดรับรองว่าแกโดนโทษหนักแน่ๆ อย่าลืมนะว่าปีเตอร์น่ะมันคนของฉัน ส่วนน้องแคทน่ะเหรอก็เชื่อทุกอย่างที่ฉันเล่าหมดแหละ"
"มันไม่สมเหตุสมผลสักหน่อย ไม่มีใครเชื่อเฮียหรอก"
"คนอย่างภูพิงถ้าได้ลงมือทำอะไรแล้วไม่เคยพลาด แกไม่ใช่ไม่รู้นะคีรี ฉันทำได้ทุกอย่างแหละ ปั้นน้ำเป็นตัว โกหกหน้านิ่ง หรือสร้างหลักฐานเท็จ ถ้าคิดไม่ออกลองดูไหมล่ะ"
"เฮ้ย! นี่เฮียขู่ผมเหรอ..." คีรีอุทานอย่างตกใจ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำไม่ได้ แต่ไม่คิดว่าคนโชคร้ายจะเป็นเขา
"ไม่ได้ขู่ แต่ทำจริง"
"เฮียนี่มัน...หน้าไม่อาย..ร้ายกาจ...โอ๊ย! ไม่น่าร่วมหัวจมท้ายกับเฮียเลยให้ตายสิ" ปลายสายโอดครวญ
"เอาล่ะสรุปแกจะให้ลูกน้องของผู้กองพาคนของฉันมาส่งหรือจะให้ฉันโทรหาน้องแคทตอนนี้"
ชายหนุ่มอมยิ้มเอน หลังพิงพนักเก้าอี้ ดวงตาจับจ้องจุดสีแดงที่เคลื่อนที่สลับช้าเร็วเข้าใกล้น้ำตกไปทุกขณะ อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องคาดเดาเพราะคีรีไม่เคยขัดความต้องการของเขาได้เลยสักครั้ง แต่รายนั้นแค่อยากจะโอดครวญหรือกวนประสาทเพื่อทำให้เขาโมโหก็เท่านั้นเอง
"เออๆ! เดี๋ยวให้ไอ้ก้องจัดการให้ ว่าแต่คนของเฮียเธอยังอยู่บนเกาะแน่นะ ไม่ใช่หนีลงเรือไปแล้วหรอกนะ ไม่งั้นคงตามยาก"
"อยู่ในป่าหลังบ้าน ฉันคิดว่าเธอน่าจะกำลังวิ่งเล่นกับลูกน้องผู้กองอยู่ เพราะผู้กองชอบส่งลูกน้องมาลาดตระเวรแถวนั้นบ่อยๆ เอาล่ะแกอย่ามาลีลาท่ามาก รีบไปบอกผู้กองเร็วๆ ก่อนที่ลูกน้องผู้กองจะคิดว่าคนของฉันเป็นแรงงานต่างด้าว ไม่งั้นยุ่งแน่"
"เฮ้ย! รู้พิกัดขนาดนี้ ทำไมไม่จัดการเองวะเฮีย ใช้ผมทำไมเนี่ย" ฝ่ายนั้นยังโวยวายไม่เลิก
"สรุปจะทำไหม...ความอดทนฉันยิ่งต่ำๆ อยู่ แกก็รู้หนิ่"
"ขู่จังโว้ย ทำครับทำ ว่าแต่คนของเฮียวิ่งเล่นอยู่หลังบ้านจริงนะ เฮียไม่ได้มั่วนะ"
"ไม่มั่ว ตอนนี้ใกล้จะถึงน้ำตกแล้ว แกบอกผู้กองให้ลูกน้องหาวิธีให้เธอวิ่งมาที่บ้านเอง อ้อ! อย่าแสดงตัวว่ารู้จักฉัน และก็ขู่ให้เธอกลัวด้วยได้ยิ่งดี ไว้ว่างๆ จะไปเลี้ยงข้าวตอบแทนแล้วกัน"
"สั่งจังโว้ย! ได้ครับเจ้านาย" ปลายสายประชด แต่ภูพิงหาได้ใส่ใจกับถ้อยคำแดกดันไม่ ชายหนุ่มยังคงจับจ้องจุดสีแดงไม่วางตา
"อ้อ! อีกเรื่อง แกกุเรื่องอะไรขึ้นมาก็ได้ แต่อย่าให้ผู้กองรู้ว่าอิงธาราคือคุณหนูจากวจีลิขิต เอาล่ะไปทำงานของแกได้แล้ว อีกยี่สิบนาทีฉันจะไปรอรับอิงธาราที่โรงเรือนเก็บอุปกรณ์" พูดจบก็กดตัดสายทันทีโดยไม่ฟังเสียงโอดครวญจากปลายสายอีก
ชายหนุ่มเอนหลังสายตายังคงจับจ้องจุดสีแดงที่เคลื่อนเข้าใกล้ส่วนที่กั้นเขตแดน นึกขอบคุณความรอบคอบของตัวเองที่ติดเครื่องติดตามตัวไว้ในนาฬิกา ไม่งั้นเขาคงหาตัวเธอได้ไม่ง่ายขนาดนี้ ไม่รู้ว่าแม่บ้านกันตาพูดท่าไหนถึงทำให้เธอไม่สงสัยเกี่ยวกับนาฬิกา และไม่ถอดมันทิ้งไปเสียก่อน
เมื่อได้ยินว่าอิงธาราหนีออกไปในสภาพอากาศที่ย่ำแย่ขนาดนี้ แว็บแรกก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ แต่พอรู้ว่าเจ้าหล่อนใส่นาฬิกาที่เขาให้แม่บ้านเอาไปให้ติดตัวไปด้วยก็คลายกังวลลงไปเปราะหนึ่ง ยิ่งเมื่อได้เห็นพิกัดบอกตำแหน่งของเจ้าหล่อนก็ทำให้เขารู้สึกโล่งใจ
'เป็นห่วง' นี่เขามีความรู้สึกดีแบบนี้ให้กับยายตัวปัญหาได้ยังไง...ไม่หรอก...เขาไม่ได้เป็นห่วงหรืออะไรลึกซึ้งชวนปวดหัว แต่น่าจะเกิดจากความตกใจที่เผลอให้เจ้าหล่อนหนีรอดไปได้มากกว่า คนอย่างเขาจะมาหวั่นไหวอะไรให้กับผู้หญิงจืดชืดอย่างยายคุณหนูอิงธารากันเล่า รสนิยมการแต่งตัวยังสู้แม่บ้านกันตาไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่มีเสน่ห์ปลุกเร้าเพศตรงข้ามได้...แต่ก็อาจจะมีนิดหน่อย...จากโพลงปากหวานและจูบไม่ประสาของหล่อนและผิวสัมผัสละมุนมือก็ถือว่าถูกใจเขาพอสมควร แต่ก็แค่นั้นจริงๆ มันไม่ได้ปลุกเร้าความเป็นชายให้ตื่นตัว...
คิดมาถึงตรงนี้ภูพิงก็ลุกยืนเต็มความสูง กระดกน้ำแก้วโตที่วางบนโต๊ะดับความรุ่มร้อนในจิตใจ สลัดภาพเรือนร่างเปียกปอนใต้เสื้อยืดตัวบางในวันที่เจ้าหล่อนทดลองวิธีซักผ้าแบบโบราณกับเสื้อผ้าของเขาทิ้งไป ปรายตาไปยังหน้าจอเมื่อเห็นว่าจุดสีแดงเคลื่อนห่างจากน้ำตก และกำลังบ่ายหน้ามายังคฤหาสน์ ร่างสูงจึงเดินดุ่มๆ ออกไปจากตัวบ้านตรงไปยังโรงเรือนซึ่งเอาไว้เก็บอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดโดยไม่ลืมหยิบร่มคันโตติดมือไปด้วย นายไผ่ยามร่างยักษ์ที่เฝ้าสังเกตเจ้านายหนุ่ม เมื่อเห็นว่าเขากำลังบ่ายหน้าไปยังโรงเรือนเก็บอุปกรณ์จึงวิ่งไล่ตามหลังเผื่อเจ้านายจะเรียกใช้
ตัดเถาวัลย์ตรงนี้ออกให้หมด" เจ้านายหนุ่มออกคำสั่งกับยามร่างยักษ์พลางชี้ไปยังจุดหนึ่งซึ่งมีพุ่มไม้ขึ้นหนากว่าบริเวณอื่น นายไผ่รับคำเพียงไม่นานก็กลับมาพร้อมกับมีดด้ามยาว แล้วลงมือถางป่าในบริเวณที่อยู่ไม่ห่างจากโรงเรือนทันที
เพียงอึดใจพุ่มไม้หนาที่พลางตานั้นก็ถูกกำจัดจนหมด เผยให้เห็นประตูบานเล็กที่มีแม่กุญแจสนิมเขรอะคล้องไว้อย่างแน่นหนา สาเหตุที่ทำให้อิงธารามองข้ามจุดนี้ไปนั้น ก็เพราะหญิงสาวคิดว่าตรงนี้เป็นรั้วเถาวัลย์อย่างจุดอื่นๆ แต่จะรกกว่าเพราะไม่มีใครคอยดูแล แต่หารู้ไม่ว่าใต้ม่านเถาวัลย์กลับซ่อนประตูไว้อย่างมิดชิด
"ตัดแม่กุญแจออก แล้วอย่าลืมเอามาเปลี่ยนใหม่"
"ครับนาย" นายไผ่รับคำแล้วปฏิบัติตามคำสั่ง จากนั้นก็ผละไปประจำตำแหน่งเมื่อเพื่อนทั้งสองขับรถกระบะฝ่าสายฝนกลับไป ปล่อยให้เจ้านายหนุ่มยืนใต้ร่มคันใหญ่ท่ามกลางฝนโปรยปรายยังประตูเล็กที่เปิดอ้ารอการกลับมาของหญิงสาวที่เป็นปัญหาอยู่ตอนนี้
นายไผ่ได้แต่สงสัยว่าเจ้านายตนรู้ได้อย่างไรว่าคุณน้ำอิงจะกลับมา เขาแหงนเงยมองท้องฟ้าที่เมฆดำค่อยเคลื่อนหายจากไป ก็ได้แต่ภาวณาขอให้หญิงสาวกลับมาอย่างปลอดภัย โชคดีที่นายภูพิงไม่ไล่เขาให้ไปที่อื่น ไม่เช่นนั้นนายใหญ่คงเล่นงานเขาแน่ๆ ยามร่างยักษ์พลูลมออกมาอย่างโล่งอก แต่ในขณะเดียวกันหญิงสาวที่เขาภาวณาให้ปลอดภัยกลับกำลังเผชิญปัญหาใหญ่อยู่ในตอนนี้
ฝนขาดเม็ดไปนานแล้ว แต่สภาพอากาศในตอนนี้ไม่ได้เอื้อต่อการหลบหนีให้กับอิงธาราแม้แต่น้อย หญิงสาวยืนเกาะไม้ต้นหนึ่งเพื่อพยุงตัว สองเท้าเปล่าปวดจนรู้สึกชา เธอไม่อยากก้มมองสภาพเท้าเพราะมันคงยับเยินไม่มีชิ้นดี เสียงสวบสาบและเสียงตะโกนของคนกลุ่มนั้นยังคงดังมาเป็นระยะ สุดชายป่าอยู่อีกไม่ไกล แต่หญิงสาวรู้สึกอ่อนแรงเต็มที เธออยากจะทิ้งตัวแล้วก็หลับลงไปไม่ต้องตื่นขึ้นมารับรู้อะไรอีก แต่เสียงที่ไล่หลังมากลับเป็นแรงขับให้เธอกัดฟันแล้วกระย่องกระแย่งไปยังจุดหมาย
"อยู่ตรงนั้นครับนาย" ใครคนหนึ่งคงเห็นเธอแล้ว
อิงธาราปล่อยมือจากต้นไม้ รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายพาร่างตัวเองตรงไปยังชายป่า เธอทุ่มแรงทั้งหมดเพื่อออกวิ่งอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เธอคิดว่าตัวเองวิ่งสุดแรงแล้ว แต่สภาพแวดล้อมรอบตัวกลับค่อยๆ เคลื่อนไปทีละนิด เสียงฝีเท้าของกลุ่มคนข้างหลังดังกระชั้นใกล้เข้ามา
ความสิ้นหวังจู่โจมหัวใจจนไม่อยากไปต่อ น้ำตาอุ่นไหลอาบสองแก้ม สองขาหนักอึ้ง เธอเริ่มหายใจติดขัดจนต้องอ้าปากหอบหายใจ หญิงสาวโซซัดโซเซจนออกจากป่าทึบ ร่างบางยืนโงนเงนก่อนจะล้มลงอย่างสิ้นเรี่ยวแรง ภาพสุดท้ายก่อนที่อิงธาราจะสิ้นสติสมประดี คือคฤหาสน์แสนคุ้นตา และชายหนุ่มใจร้ายผู้จับเธอมาจองจำยืนยิ้มเหี้ยมอยู่ไม่ไกล
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 345
แสดงความคิดเห็น