STARCIN ภาคที่ 5 Elforia ตอนที่ 8 พึงประสงค์
"พร้อมแล้วนะทุกคน"
"เออ !" เสียงตอบรับอย่างพร้อมเพรียงก่อนที่ซึฮากิจะจุดไฟที่แท่งไม้และโยนลงไปเพื่อดูระดับความลึก
"ให้ตายสิ นี่มันมากกว่าร้อยเมตรอีกนะ" ซึฮากิมองใบหน้าที่กำลังลุ้นจนตัวเกร็งไม่กล้าเดินมาอยู่ขอบหลุมของพวกเซน
"เดี๋ยวฉันจะเป็นคนนำเองจับมือกันไว้ห้ามแยกออกจากกัน"
"โอ้มายก๊อด ! ไม่ชอบอะไรที่มันมืดเลยจริง ๆ" เซนอุทานออกมาเสียงดังก่อนจะเริ่มจับมือต่อกันแน่น
"ไป !" สัญญาณจากซึฮากิลั่นขึ้นพวกเขาก็กระโดดทิ้งตัวลงไปแต่ด้วยความช่วยเหลือจากซึฮากิที่ส่งแรงดันลมช่วยพยุงตัวพวกเขาทำให้ลงได้อย่างปลอดภัย
"โอ๊ย ๆ ทำไมมีฉันคนเดียวที่หน้าคะมำล่ะ" เซนร่วงลงมาเกลือกกลิ้งกับพื้นก่อนจะตั้งหลักขึ้นมาใหม่
"ไม่รู้สิ แต่ก่อนอื่นพวกนายจุดไฟโดยด่วน" ท่ามกลางความมืดมิดซึฮากิจ้องมองไปยังเบื้องหน้าท่าทางเคร่งเครียด
"ก็ได้ ๆ" เซนใช้มีดสั้นสร้างเปลวเพลิงส่องสว่างและแสงของมันก็ได้ไปกระทบกับเมือกใส ๆ ที่พื้นมันดูเหนอะหนะแค่เห็นก็ไม่อยากจะสัมผัสแล้ว
"เมื่อกี้เหมือนเห็นอะไรไว ๆ" คานะขว้างมานาบอลออกไปในทิศทางนั้นเพื่อดูสถานการณ์แต่ก็ไร้วี่แววสิ่งมีชีวิต
"นายเห็นมันแล้วใช่ไหมกิ" สเตล่าเอ่ยถามเหมือนรู้คำตอบอยู่แล้วเธอมองไปยังเบื้องหน้าที่อยู่ห่างออกไปย้ำคิดกับตัวเองว่าควรก้าวต่อไปหรือไม่
"เหมือนกับมนุษย์ครึ่งปลามันคลานโดยใช้มือทั้งสองช่วยพยุงเคลื่อนที่เลเวลของตัวเมื่อกี้คือสี่และดูจากท่าทางของมันจะกลัวแสงหรือไม่ก็ไฟ" พรรคพวกของเขาได้แต่ยืนมองดูซึฮากิอธิบายเสียยาวเหยียดเพียงแค่ได้มองก็สามารถวิเคราะห์และคิดความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น
"ช่วงวิชาการจบแล้วไปล่าพวกมันกันดีกว่า"
"ไปสิวะ" ทั้งเซนและคานะวิ่งออกไปก่อนใครเพื่อนจนลืมไปว่ามีเพียงแค่เซนเท่านั้นที่ใช้เวทไฟเพื่อสร้างแสงสว่างเป็นของที่จำเป็นในการลงดันเจี้ยนต่อไป
"รีบวิ่งเถอะเดี๋ยวจะพลัดหลงกันอีก" พวกซึฮากิรีบเร่งฝีเท้าตามหลังแสงไฟของเซนไปทันใดนั้นก็มีเสียงดังระเบิดลั่นและยังมีเปลวเพลิงพวยพุ่ง
"มาถึงก็เล่นใหญ่เลยนะเซน"
"เสร็จฉันแล้วหนึ่ง" มอนสเตอร์ที่มีรูปลักษณ์เป็นไปดั่งคำที่ซึฮากิบอกถูกไฟเผาดำปี๋แต่ไม่ทันไรเซนก็หยุดชะงักและล้มลงไปนอนกับพื้น
"เอ? ฉันขยับไม่ได้"
ซึฮากิถึงกับถอนหายใจสั้น ๆ จับขาเซนและลากไปด้วยแทน
"เมือกของพวกมันน่าจะมีพิษถ้าได้ลองใช้ตรวจสอบใกล้ ๆ ก็คงจะมั่นใจกว่านี้ อะ-" เขาหยุดชะงักอยู่ทางแยกที่มีมากถึงห้าทาง
"แล้วก็คราวหลังอย่าใช้เวทระเบิดในที่แคบ ๆ ถ้าตรงนั้นไม่ใช่คานะแต่เป็นคนอื่นคงเจ็บตัวไปแล้ว"
"เอาน่า ๆ เจ้าเซนมันก็ได้บทเรียนไปแล้ว" คานะแย่งเซนเอาไปแบกขึ้นหลังอาจจะเพราะสงสารที่เห็นถูกลากกับพื้นอย่างกับสิ่งของ
"คิดว่าพวกเราต้องไปทางไหนล่ะ?...เจี๊ยก"
"ฉันสัมผัสบางอย่างได้ บางอย่างที่แปลกไปจากพวกมอนสเตอร์" ปกติมอนสเตอร์ที่สัมผัสได้จากสกิลตรวจจับจะมีแกนมานาอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่งแต่ถ้าเป็นพวกเราหรืออมนุษย์อย่างมังกี้จะมีออร่ามานาไหลเวียนไปตามร่างกายเป็นเพราะเกิดจากการฝึกฝนควบคุมมัน
"ตรงไปเลย" ซึฮากิเดินนำหน้าพวกเขาเข้าไปไฟที่เซนจุดจู่ ๆ ก็ดับทั้ง ๆ ที่ไม่มีลมเลยสักนิด
จากความเงียบสงบที่ไร้ซึ่งการมองเห็นแม้เซนจะพยายามจุดไฟในสภาพที่นอนตัวแข็งแต่มันก็ไม่ทำงานสักทีจนที่แห่งนั้นเกิดแรงสั่นดั่งแผ่นดินไหวสร้างความหวาดกลัวให้กับพวกเขาไม่น้อยมีเพียงแค่ซึฮากิที่ยังมองไปรอบ ๆ และด้วยความสามารถที่ช่วยให้มองเห็นในที่มืดทำให้เขาเป็นคนเดียวที่เห็นสถานการณ์ตอนนี้
หนึ่งสองสาม ให้ตายเถอะมีพวกมันเป็นร้อยเลยนี่ พวกเขายืนอยู่ท่ามกลางมอนสเตอร์หลายร้อยตัวยากที่จะนับไหวอีกทั้งพื้นที่ยังแคบทำให้เคลื่อนไหวและใช้เวทมนตร์ได้ยาก
"ทุกคน ! หมอบลงไป" พวกเขาทำตามคำสั่งทันทีไม่คิดอะไรขณะที่ซึฮากิกำลังรวบรวมมานาจำนวนมากและใช้มันยิงกระสุนวายุออกไปนับร้อยในช่วงเวลาแค่ไม่กี่นาที
"ฝ-ฝากที่เหลือด้วย" เขาหมดเรี่ยวแรงจะยืนไหวลำพังแค่คงสติให้อยู่ไว้ก็ยากเต็มกลืนแล้ว
"กิ ! เป็นอะไรมากไหม?"
"ก็แค่ใช้เวทมนตร์มากไปจนมานาเกือบหมด...ฉันเคลียร์ทางให้หมดแล้ว" หลังจากนั้นไม่นานเมื่อมอนสเตอร์มากมายตายลงความมืดมิดก็ได้สลายหายไปราวกับมีดวงไฟส่องสว่าง
"ตรงไปทางนั้นและเลี้ยวขวา..." เราสัมผัสออร่าสิ่งมีชีวิตได้และมันมีมานาเพียงน้อยนิดคงไม่เป็นปัญหากับพวกเขา
"เดี๋ยวฉันแบกไปเองพวกเราคงต้องพึ่งกันเองแล้วล่ะ" สเตล่าแบกร่างของซึฮากิขึ้นหลังทั้ง ๆ ที่ตัวเล็กกว่าแต่ก็ไม่มีปัญหา
พวกเขาค่อย ๆ กำจัดมอนสเตอร์ที่อยู่ระหว่างทางไปเรื่อย ๆ ขณะที่ซึฮากิกับเซนกำลังฟื้นตัวดูไม่น่ามีปัญหาอะไร
"ยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งเจอมอนสเตอร์เยอะขึ้น หรือเราควรหยุดรอเซนกับกิดีล่ะ" ลูกศรสีขาวพุ่งทะลวงลำตัวของมอนสเตอร์ปลาครึ่งจิ้งเหลนที่กำลังคลานเข้ามาอีกทั้งยังมีมอนสเตอร์สี่ขาคล้ายกับม้าแอบมองอยู่ไกล ๆ ยากที่จะยิงโดน
"มาไม่หยุดเลย" คานะยังคงรุดหน้าเดินต่อไปยิงลูกศรเวทมนตร์ระเบิดน้ำ เธอยิงมันไปตกกระทบกับพื้นสร้างแรงระเบิดจนเกือบจะโดนลูกหลงด้วยหากไม่ได้สร้างโล่มานาไว้
"เธอก็ใช่ย่อยเลยนะ ให้ฉันช่วยด้วยก็ได้ไม่ใช่เหรอ?"
"ยังไหวน่า ฉันใช้เวทมนตร์ทีละหนึ่งอย่างเพื่อให้มานาฟื้นได้ทันใช้รอบถัดไป ขอแค่อย่าไปเจอพวกตัวเป้ง ๆ ก็พอ" พูดไม่ทันขาดคำเจ้ามอนสเตอร์ม้าสี่ขาก็มายืนตรงหน้าถึงได้รู้ว่ามันตัวใหญ่แค่ไหน
"ตัวเป้ง ๆ มาจริงด้วย" ขณะที่กำลังจ้องมองอยู่จู่ ๆ มันก็ยิงลำแสงมานาออกมาจากตาเฉี่ยวเส้นผมของคานะไปเล่นเอาผมแหว่งไปเลย
"เดี๋ยวนะหน้าตามันเหมือนอัลปากาเลยนี่หว่า...น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย" คานะพุ่งเข้าประชิดตัวที่สูงใหญ่ก้มหมอบหลบลำแสงมานาและกระโดดขึ้นคร่อมตัวมัน
"นี่แหละ" เธอจับหัวของมันลูบขนที่เตียนแต่ยังคงนุ่มนิ่มน่ากอดแม้จะถูกสะบัดดิ้นไปทั่วก็ยังไม่ปล่อย
"ฮ่า ๆ ๆ เหมือนได้ขี่ม้าเลยแถมตัวใหญ่อย่างงี้ยิ่งสนุก" มันพยายามสลักคานะให้หลุดด้วยท่าทางเหมือนม้าพยศกระโดดไปทั่ว
"ย-แย่แล้ว" เธอถูกสะบัดหลุดออกมาและโดนถีบขาคู่จนคานะกระเด็นหายไปเลย
"เมื่อไหร่พวกเขาจะเลิกทำตัวเป็นเด็กสักที...ฝากด้วยนะมังกี้" สเตล่าวิ่งเข้าใส่ด้วยความรวดเร็วใช้จังหวะที่มันกำลังสับสนฟาดฟันมีดวายุเล็งไปยังคอของมัน
"ตื่นไปสินะ [ล่วงรู้]" คอมีชั้นหนังกำพร้าหนาเป็นพิเศษและยังมีออร่ามานาคอยปกคลุมไม่ใช่จุดอ่อนแต่กลับเป็นหลังที่บอบบางไม่เคยรับบาดเจ็บมาก่อน...ลำแสงมานาสามนาฬิกา
สเตล่าม้วนตัวหลบเวทมนตร์ของมันได้อย่างง่ายดายใช้จุดบอดให้เป็นประโยชน์และกระโดดขึ้นสูงพร้อมกับร่ายมานาจำนวนหนึ่งแทงลงกลางหลังของมัน
"ง่ายชะมัดถ้าคานะไม่ติดเล่นก็คงจะใช้เวลาไม่นาน" ด้านหลังของมันมีเส้นเลือดใหญ่ ปอดและยังมีหัวใจอีก ทำไมตำแหน่งอวัยวะถึงดูแปลก ๆ นะ
"...นี่มันป่าเหรอ?" พวกเธอเดินต่อไปทางเดียวกับที่คานะลอยมาพยายามจะมองหาแต่เธอก็วิ่งกลับมาเองท่าทางร้อนรนเหงื่อแตกพลั่ก
"โทษทีที่ประมาทคราวหลังจะตั้งใจกว่านี้ โอ ! นั่นตัวอะไรน่ะ" พูดไม่ทันขาดคำเธอก็พุ่งเข้าใส่มอนสเตอร์แปลกตาที่มีความน่ารักน่ากอดเป็นอาวุธเสียมากกว่าเขี้ยวเล็บ
"เฮ้อ...เราพักกันก่อนดีกว่า"
"ฉันมาแล้ว !" เซนลุกพรวดพราดขึ้นทำเอาสเตล่าร้องเสียงหลง
"พิษของเจ้านั่นหมดแล้วเหรอ? ค่อยยังชั่วถ้าเจอที่มืด ๆ อีกจะได้มีไฟส่องนำทาง"
"นี่เห็นฉันเป็นแค่ไฟฉายหรือยังไง" สเตล่าหัวเราะอยู่ในลำคอก่อนเห็นคานะกำลังวิ่งเล่นกับมอนสเตอร์ที่เหมือนกระต่าย
"กำลังสนุกเลยฉันไปด้วยสิ" เซนวิ่งออกไปทันทีที่เห็นคานะพวกเขาสนุกไปกับการลงดันเจี้ยนเสียมากกว่ามานั่งเครียดแม้จะถูกเวทมนตร์จากเจ้ากระต่ายพวกนั้นโจมตีแต่ก็ไม่หยุดเล่นสักที
"ไอ้พวกสมองกล้ามเอ๊ย" สเตล่านั่งพักอยู่ห่างออกไปปล่อยให้พวกเขาสนุกกันเต็มที่และได้รอซึฮากิฟื้นตัวเสร็จด้วย
"ทำไมเจ้าถึงต้องเคร่งอยู่ตลอดเลยล่ะ...เจี๊ยก"
"ฉันไม่ได้เคร่งสักหน่อย ก็แค่ไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น..."
"แต่ที่ข้าเห็นเจ้าเอาแต่หมกมุ่นกับการฝึกไม่หยุดแถมตอนนี้เจ้าก็ยังเหงื่อออกใจเต้นมือสั่น...เจ้าไม่มั่นใจในตัวเองสินะ"
"เหอะ ไม่รู้สิ" เธอลุกขึ้นและโดดขึ้นไปบนต้นไม้สูงมองหาลู่ทางที่จะเดินไปต่อ
ที่นี่มันก็เหมือน ๆ ป่าทั่วไปมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่บ้างแต่ก็ไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายเหมือนกับเจ้ากระต่ายที่พวกคานะเล่นกันอยู่
เธอมองไปยังแสงสีขาวที่วางตั้งเป็นดั่งเสาเหล็กที่มองเห็นได้แต่ไกล
"เซน ! คานะ ! ไปกันได้แล้ว"
"เออ !" พวกเขาคว้าเจ้ากระต่ายผู้น่าสงสารมาด้วยทำอย่างกับเป็นตุ๊กตาไร้ชีวิต
พวกเขาสุ่มดูสถานการณ์ตรงหน้าที่มีกลุ่มมอนสเตอร์จำนวนมากมารวมตัวกัน
"พวกมันกำลังทำอะไร?" เซนเอ่ยถาม
"ดูเหมือนจะปกป้องอะไรสักอย่างอยู่"สเตล่าขว้างมอนสเตอร์กระต่ายที่เซนเอามาด้วยออกไปไกลเพื่อดึงความสนใจและมันก็ได้ผลเพราะกองทัพมอนสเตอร์พากันวิ่งกรูกันออกไป
"โห ! เจ้านี่มันเหมือนห้องกระจกเลยเนอะ" คานะเอาหน้าไปแนบเพื่อมองดูของข้างในเสาสีขาวนั่น
"ไหน ๆ ขอดูมั่ง" เซนทำตามคานะทันที
"มาดูนี่สิพวกเธอ" เซนตะโกนเรียกดูท่าทางตกใจเป็นพิเศษ
ภายในนั้นมีคนคนหนึ่งยืนนิ่งเหมือนถูกสตัฟฟ์ไว้ใบหน้าที่ซีดเชียวเหมือนไม่ได้กินอะไรมานานแถมยังไม่มีสติหรืออาจไม่มีชีวิตด้วยซ้ำแต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ตั้งหลักพวกมอนสเตอร์ก็แห่กันกลับมาแล้ว
"วิ่งเหอะมันเยอะขนาดนี้จะสู้ยังไงไหว...เจี๊ยก" มังกี้กลัวจนตัวสั่นเสียงเท้าย้ำดังสะเทือนพื้นดินของฝูงมอนสเตอร์ตรงหน้ากำลังเคลื่อนเข้ามาแต่พอได้มองดูพรรคพวกของเธอกลับไม่มีแม้แต่ความกลัวแถมยังยิ้มฉีกกว้างจ้องตาเขม็ง
"ต้องแบบนี้วะ [เสริมกำลังระดับห้า]" คานะ เซนและสเตล่าพุ่งเข้าใส่ไม่คิดชีวิตสาดเวทมนตร์เป็นบ้าเป็นหลังไม่มีการออมแรงไว้ทั้งสิ้นแถมยังยิ้มหัวเราะสะใจเหมือนได้ปลดปล่อยความอึดอัดกับพวกมันแทน
"อยากจะลองเวทมนตร์ที่ปรับมาใหม่อยู่พอดีเลย...เอาเป็นชื่อศรฟ้าลงทัณฑ์ก็เท่ดี" คานะยิงลูกศรที่สร้างจากมานาจับกลุ่มเป็นประจุไฟฟ้าจำนวนมากที่กำลังจะระเบิดออกเธอเล็งไปยังมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์ใหญ่โตยิ่งกว่าช้างและเมื่อศรไฟฟ้าได้สัมผัสปักลงกลางอกมันก็ส่งแรงไฟฟ้าช็อตไปทั่วร่างจนยืนนิ่งไปเลย
"น่าเสียดายดอกเดียวคงจะฆ่าเจ้าตัวใหญ่นั่นไม่ได้" เซนกระโดดข้ามหัวพวกมอนสเตอร์ตัวกระจ้อยร่อยวาดดาบสีชาดผ่าลำตัวของเจ้าตัวยักษ์นั่นตายทันทีอีกทั้งยังส่งคลื่นดาบเพลิงทะลวงไปยังพวกที่อยู่ด้านหลัง
"เล่นใหญ่กันจริง ๆ เลยพวกเธอ"
"ไม่ต้องมาพูดเลยสเตล่าดูที่เธอยืนอยู่สิ" กองศพมอนสเตอร์มากมายที่ถูกของมีคมฟาดฟันสเตล่ายืนอยู่บนนั้นไม่รู้สึกรู้สาอะไร
"ฉันก็แค่ลองเวทมนตร์ที่ฝึกเฉย ๆ" เสียงกระแอมในลำคอแก้เขินขณะนั้นก็มีหมาป่ากระโดดเข้ามาด้านหลังกำลังจะกัดคอ แต่เธอเหมือนกับรู้อยู่แล้วเพียงแค่สะบัดมีดสั้นก็ฆ่ามันได้ในพริบตา
"พวกนี้มันอ่อนเกินไปหรือเปล่า ถ้าไม่นับเจ้าตัวใหญ่พวกนั้นก็มีเลเวลเฉลี่ยแค่สามเอง" สเตล่าร่ายเวทมนตร์สร้างใบมีดวายุหมุนบินรอบ ๆ ตัวและยังควบคุมได้ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายก่อนจะสั่งให้มันพุ่งแทงพวกมอนสเตอร์
"จะไปรู้เหรอ ! ฉันจะไปทางโน้นฝากตรงนี้ด้วย" เซนวิ่งอ้อมไปอีกทางเพื่อปิดล้อมพวกมอนสเตอร์ที่มารวมตัวกัน
"กิยังไม่ฟื้นอีกเหรอ? งั้นเราก็จัดการพวกมันฆ่าเวลารอได้เลย" ลูกศรสายฟ้ายิงออกมาอย่างต่อเนื่องอีกทั้งยังแม่นยำเหมือนจับวางไม่ว่าจะหัว คอหรือช่วงหน้าอกที่มีหัวใจอยู่ ความรวดเร็วในการสร้างมานาและเปลี่ยนรูปมันรวดเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการได้ชัดเจน
ช่วงเวลาแห่งการกวาดล้างผ่านไปกว่าสิบนาทีจนเหลือเพียงแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้น
"หมดแล้วเหรอ? อยากได้แบบเดือด ๆ กว่านี้อะมีไหม !" พูดไม่ทันขาดคำเสาสีขาวอันใหญ่โตกำลังสั่นสะเทือนเหมือนกับตอนลงดันเจี้ยนที่มีลิงเมฆาอยู่
"จัดมาเลยหวังว่ามันจะมีอะไรมากกว่ามอนสเตอร์กาก ๆ พวกนี้นะ" เซนผสานมือเข้าหากันเป็นการเตรียมพร้อมรบ
เสาสีขาวนั่นได้แผ่ขยายเป็นดั่งประตูบานยักษ์สูงห้าสิบเมตรกลืนกินพื้นที่ไปจำนวนมากเล่นเอาถอยแทบไม่ทัน
"มันอะไรกันเนี่ย?" คานะพามังกี้และซึฮากิไปหลบไกล ๆ เกรงว่าจะมีเหตุอันใดเกิดขึ้นได้
"ชักจะตื่นเต้นแล้วสิว่าจะมีมอนสเตอร์แบบไหนโผล่ออกมา" เซนกระโดดโลดเต้นอบอุ่นร่างกายจ้องมองไปยังประตูสีขาวตรงหน้า
วินาทีที่บางสิ่งก้าวออกมาจากที่แห่งนั้นทำเอาทุกคนขนลุกไปทั้งตัวโดนแรงกดดันอันหนักหน่วงราวกับถูกก้อนเหล็กหนักเป็นตันกดทับ ปีกสีแดงดั่งเลือดสด ๆ กำลังกางออกแผ่สยายแสดงอำนาจให้ได้เห็น
"ม-มังกร !"
"มังกรจริง ๆ ด้วย !" พวกเขาต่างก็แตกตื่นหนีไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่แอบมองอยู่ไกล ๆ ความกล้าก่อนหน้านี้หายไปหมดในพริบตา
"ใครกันที่บังอาจมาปลุกข้า" เสียงดังก้องไปทั่วทั้งผืนป่ามาจากมังกรตัวนั้น
"พูดได้ด้วย ! สเตล่ามันเลเวลเท่าไหร่?"
"ขอเวลาสักหน่อย มันอยู่ไกลมากน่าจะใช้เวลากว่าจะมองเห็นสเตตัส" แม้จะเพ่งสายตาไปมากเพียงใดแต่ก็ไม่อาจเข้าถึงข้อมูลได้เลยสักนิด
"ไม่เห็นสเตตัสเลยสักอย่าง...ถ้าเป็นอีกอย่างล่ะ [ล่วงรู้]"
"เป็นยังไงบ้าง ๆ" เซนยังคงคะยั้นคะยอรอคำตอบ
"ถึงจะไม่รู้เลเวลก็เถอะ...แต่จุดอ่อนแปลก ๆ แบบนี้มันมีด้วยเหรอ?"
"บอกมาเถอะน่า-" ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันเพลินจนลืมไปว่ามีมังกรตัวใหญ่อยู่ตรงหน้ามันอ้าปากที่เต็มไปด้วยมานาพ่นไฟสีแดงชาดออกมาอย่างรวดเร็วแต่พวกเซนก็ไหวตัวหลบหนีไปได้
"จุดอ-" มันยังคงพ่นไฟตามหลังมาถ้าไม่หักหลบไปอีกทางคงถูกย่างเกรียมไปแล้ว
"จุดอ่อนของมันคือหนอน"
"หะ?" คำตอบที่ได้ทำเอาพวกเซนหน้าคะมำลงพื้นตกใจจนขาไม่ขยับแม้แต่ซึฮากิที่นอนอยู่ก็เผลออุทานออกมา
"หนอน ! หนอนเนี่ยนะ" เจ้ามังกรยังคงไล่ตามไม่หยุดย่นอย่างกับเล่นวิ่งไล่จับ
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันจะลองดูไหมล่ะ?"
"เดี๋ยวฉันทำเอง" ซึฮากิลุกยืนไม่นานนักก็หายตัวไปปล่อยให้พวกเซนล่อมังกรไว้
เขากลับมาอีกครั้งกับมอนสเตอร์ที่มีรูปลักษณ์เหมือนหนอนขนาดใหญ่พอเหมาะกับการกอดอีกทั้งมันยังไม่ทำอันตรายซึฮากิเลยด้วย เขากระโดดปีนไปบนตัวของมังกรจากด้านหลัง
มานายังฟื้นได้แค่ครึ่งหนึ่งแต่ถ้ามันได้ผลก็โชคดีไปไม่ต้องออกแรงอะไรมาก ว่าแต่หนอนเป็นจุดอ่อนแล้วจะเอาไปใช้ยังไง...ที่คิดได้ก็คงให้มันสัมผัสไม่ก็ทำให้มันกินเข้าไป
"เร็ว ๆ หน่อยสิกิ ! พวกเราเกือบจะโดนไฟคลอกกันหมดแล้วนะ" เซนได้แต่บ่นตลอดทางที่เต็มไปด้วยฝุ่นควัน
หลังจากลำบากยากเย็นมานานสุดท้ายเจ้ามังกรก็หยุดไล่ตามขณะที่ทุกคนกำลังได้พักหายใจมันก็ร้องคำรามดังสนั่น
"มันโมโหอะไรขนาดนั้นวะ" มันกางปีกบินไปมาราวกับกำลังแสดงอำนาจของพลังให้ได้เห็นแต่หารู้ไม่ว่าซึฮากิยังเกาะอยู่ข้างบนตัวมัน
"อย่าเอามาใกล้ข้านะ !" เจ้ามังกรตัวใหญ่เทียบเท่าตึกเพียงแค่ก้าวเดินก็ทำลายพื้นที่โดยรอบทั้งหมดแต่กลับร้องเสียงหลงยิ่งพวกเซนเสียอีก
เหอะ แค่เอาหนอนวางบนหัวก็ร้องลั่นดิ้นไปทั่ว ซึฮากิยิ้มเยาะเมื่อได้เห็นท่าทางอันสั่นกลัวของเจ้ามังกรแม้จะลำบากในการเกาะตัวมันแต่ปล่อยมือตอนนี้มีหวังเจ็บเจียนตายแน่
"เอามันออกไป !" เจ้ามังกรไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหนอนมันกระเด็นหล่นไปนานแล้ว
"ถ้าอยากให้เอาออกก็อยู่นิ่ง ๆ ซะ หรือจะให้ยัดเข้าไปในปาก" เสียงตวาดลั่นราวกับเป็นผู้ชนะไม่มีความเกรงกลัวมังกรสัตว์ร้ายในตำนาน
"ข้ายอมแล้ว ๆ !" ร่างกายอันใหญ่โตพุ่งกระแทกพื้นดินดังสนั่นหวั่นไหวกำลังเคลื่อนกายหมอบราบกับพื้น
"ดี !" ซึฮากิกระโดดลงจากตัวของมันเผชิญหน้าตาต่อตาไม่มีหวั่นเกรง
"ทีนี้บอกได้หรือยังว่าทำไมแกถึงอาละวาด"
"เอ่อ...ข้าโมโหที่มีคนมาปลุกตอนนอน...แค่นั้น" ด้วยใบหน้าที่เฉยชาของซึฮากิทำเหมือนกับไม่พอใจในคำตอบของเจ้ามังกรผู้นอบน้อมตนนี้แทนที่เหล่ามนุษย์จะเกรงกลัวแต่มันกลับตัวสั่นระริกเสียอย่างงั้น
"แค่นั้น? ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ขอโทษด้วยแล้วกัน...แกคงไม่ใช่ราชาดันเจี้ยนหรอกนะ"
"ไม่ใช่ ๆ แต่เขาคนนั้นเป็นสหายของข้าเอง"
"หะ? ช่วยอธิบายเพิ่มสักหน่อยสิ" ซึฮากิชักสีหน้าสงสัยจ้องมองไปยังดวงตาที่กลอกไปมาไม่อยู่นิ่งของมัน
"ก็เราอยู่ในดันเจี้ยนมาด้วยกันนาน มันก็จะเหงา ๆ หน่อยแทนที่จะมัวสู้กันเองก็เลยได้มาพูดคุยกัน แต่มาช่วงหนึ่งที่จู่ ๆ ก็มีแสงประหลาดกักขังพวกเราไว้จนสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการนอนไปเรื่อย ๆ"
"แกคงจะไม่ทำร้ายพวกเราแล้วใช่ไหม? ถ้ายังจะทำอยู่ฉันก็เตรียมหนอนตัวเป้ง ๆ ไว้เต็มเลย"
"ไม่ ๆ ข้าไม่ทำแล้ว" ท่าทางอันสั่นกลัวของมันไม่เหลือความเป็นมังกรอีกแล้ว
"เป็นงั้นได้ก็ดี"
"กิ !" ขณะที่กำลังเจรจาสงบศึกพวกเซนก็กลับมาถึงพอดี
"พวกนายวิ่งได้ดีเลยล่ะ" ซึฮากิยกนิ้วโป้งให้ไปหนึ่งครั้งดูก็รู้ว่ากำลังยิ้มเยาะอยู่ในใจ
"ฉันล่ะเกลียดใบหน้าแบบนั้นของนายจริง ๆ กิ" คานะกำหมัดแน่นแทบจะเผลอปล่อยออกมา
"ฉันวิ่งเร็วสุดนะจะบอกให้" เซนพูดแทรกขึ้นมากลางคันเรียกความสนใจไป
"จะบ้าเหรอ ! ฉันต่างหากที่เร็วกว่า" คานะเถียงกลับไม่หยุดปาก
"เหอะ...ใครเห็นก็ต้องบอกว่าฉันต่างหาก" สเตล่าเองก็ไม่ยอมเช่นกัน
"เอ่อ..." เสียงทุ้มใหญ่ดังตรงกลางระหว่างพวกเซน
"มีอะไรเจ้ามังกร !" เซนหันขวับตวาดทันที
"ปล่อยข้าไปได้หรือยัง?"
จู่ ๆ บรรยากาศก็เงียบขรึมไร้ซึ่งการตอบโต้และยังปล่อยให้เงียบต่อไปต่างคนต่างนั่งพักสบายใจ
"ปล่อยข้าไปได้หรือยัง-"
"ยัง !" ทันทีที่ซึฮากิตอบกลับก็ทำเอามังกรตัวน้อยกลับไปนั่งง่อยเหมือนเดิม
"ถ้าเป็นไปตามที่เจ้าตัวโตนั่นบอกแสดงว่าราชาดันเจี้ยนถูกผนึกอยู่ในเสาสีขาวสินะ แล้วเราจะทำยังไงต่อล่ะ?" สเตล่าเงยหน้ามองดูปากอันใหญ่โตที่กำลังพึมพำกับตัวเองอยู่
"ไหน ๆ ก็จัดการมอนสเตอร์แถวนี้หมดแล้วมาหาวิธีปลดผนึกกันดีกว่า"
พวกเขาตั้งแคมป์กันรอบ ๆ เสาสีขาวคอยเฝ้าระวังและผลัดเวรยามตลอดแต่แค่มีมังกรอยู่ข้าง ๆ ก็คงไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนกล้าเข้ามาแล้ว
"มาเริ่มด้วยการ...ใช้กำลังละกัน" พวกเขาทุบ ตี เตะและยังร่ายเวทมนตร์โจมตีใส่ไม่หยุดแต่ก็ไม่กระทบกระเทือนเสาสีขาวเลยสักนิด
"ไม่ได้ผล..." แม้แต่ซึฮากิก็ยังต้องคิดไม่ตกช่วยกันหาทางปลดผนึก
"ลองเผาไหมเผื่อมันจะละลายหรือไม่ก็อ่อนลง"
ใช้ไฟเผา ใช้น้ำราดใส่ ใช้ไฟฟ้าช็อตไม่ว่าจะวิธีไหนก็มิอาจปลดผนึกเสาสีขาวลงได้
"สวดภาวนาไหม?" คานะเอ่ยขึ้นแต่คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าตอบรับเออออตามกันไม่เว้นแม้แต่มังกี้ที่ดูจะงง ๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้น
"เอ่อ...ข้าขอช่วยได้ไหม?" เจ้ามังกรน้อยพูดเสียงเบาเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วง
"จะช่วยยังไงแค่เดินแต่ละทีก็เกือบทำพวกเราฉิบหายแล้ว แล้วแกมีเวทมนตร์แปลงกายอะไรพวกนั้นไหม?"
"ไม่มี..."
"งั้นฉันจะลองดูละกันไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า" ซึฮากิใช้เวทปลอมแปลงที่ใช้ประจำปล่อยออร่ามานาสีดำคลุมร่างกายอันใหญ่โตของมังกรไว้
"..."
ทุกคนได้แต่มองตาค้างเมื่อควันสีดำจางหายไปพร้อมมังกรร่างยักษ์
"เอ๊ !" พวกเขาต่างก็อุทานออกมาเสียงดังแม้แต่ซึฮากิที่มักจะหน้านิ่งก็ต้องตกใจไปด้วยเพราะมังกรตัวนั้นได้ตัวหดเล็กลงมิหนำซ้ำยังกลายเป็นมนุษย์ที่มีรูปลักษณ์แปลกตาด้วยเกล็ดที่อยู่ตามแขนขาและปีกของมังกรที่งอกออกมาจากหลัง
"ข้า...ไปช่วยได้หรือยัง?"
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 293
แสดงความคิดเห็น