บทที่ 8 อัคคีวาโย1/2
บทที่ 8 อัคคีวาโย1/2
ทางฝั่งของไอยรา
ไอยราการเวกอนาเขตอย่างรวดเร็วก่อนที่ร่างกายของเธอและน้องสาวจะหล่นกระทบพื้น เธอนำมือไปกอดน้องสาวก่อนที่จะนำมืออีกข้างไปปิดตาน้องสาวของเธอไว้
ในขณะเดียวกันเนกิก็ผนึกพลังเวทย์ใส่ฝีเท้าแล้วดีดตัวไปรับร่างกายของน้องสาวของเขา
เพียงไม่นานพวกเขาทั้งสองก็ร่วงลงพื้น เครื่องสีขาวที่ใช้ส่งตัวแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่ตรงหน้าของพวกเขาทั้งสอง
“ชิบหายแล้ว แบบนี้จะกลับได้ยังไงกันละเนี่ย” เนกิสบถอย่างหัวเสีย แล้วหันไปหาอาจารย์ของตนเองที่ยืนท่าทางเคร่งเครียด
“อาจารย์ไอยรา รู้สึกว่าพวกเราจะถูกส่งมาที่แปลกๆซะแล้ว ถ้าแบบนี้ พวกเราคงจะหาทางกลับได้แน่นอน”
เด็กหนุ่มมองซ้ายมองขวาสำรวจรอบๆบริเวณ เมื่อเห็นทัศนียภาพเขาก็ยิ้มออกมา
“นี่มันไม่ใช่คุกนรกนี่นา ดูเหมือนว่าพวกเราจะอยู่ในอาณาจักรบาบิโลเนียะจารย์”
ไอพยักหน้า “ใช่แล้วดูเหมือนว่าจะอยู่ในอาณาจักรบาบิโลเนียนั่นแหละ แต่ว่าบ้าที่สุดเลยใครมันมาโจมตีในขณะที่กำลังจะวาร์ปกันนะ”
“ผมก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ว่าอาจารย์มันไม่น่าจะเป็นการโจมตี ดูแล้วมันน่าจะเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากธรรมชาติอาจจะเป็นพลังเวทย์รั่วไหลหรือเปล่า”
เนกิวางร่างของนากิลง ก่อนที่จะบ่นพึมพำ “ตัวหนักเป็นบ้าเลยนะเนี่ย”
“พูดอย่างนี้ได้ยังไง เห็นอย่างนี้หนูก็เป็นสตรีนะ พูดอย่างนี้กับเลดี้ไม่สุภาพเอาซะเลย ว่าแต่น้องของอาจารย์ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่าจะหมดสติไปเพราะพลังเวทย์ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ที่หมดสติไปน่าจะเป็นเพราะว่าพลังเวทย์รอบ ๆ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ว่าแต่ที่นี่มันที่ไหนของอาณาจักร”
“แล้วอีกอย่าหนึ่งพวกอาสึนะอยู่ไหนอย่าบอกนะว่าถูกส่งไปที่อื่น”
สิ้นคำกล่าวของนากิ ไอยราก็พยักหน้ารับ “คิดว่าถูกส่งไปที่อื่น แต่ว่าปัญหาก็คือถูกส่งไปที่ไหน ยังอยู่ในมิตินี้หรือว่า”
“ถ้าไปมิติอื่นล่ะก็รับรองได้ว่ายุ่งยากแน่นอนว่าแต่มีวิธีตรวจสอบหรือเปล่า” เนกิถาม
“วิธีตรวจสอบนะมีแน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่าคงต้องไปขอความช่วยเหลือจากท่านผู้นั้นแหละนะ ถ้าเป็นไปได้ฉันก็ไม่อยากจะไปยุ่งเลยฉันเกลียดขี้หน้าท่านผู้นั้นมากที่สุดในกลุ่มของ 3 อำนาจหลัก ท่านศิลาผู้ที่มีความคิดความอ่านและพลังเวทเกี่ยวกับมิติและกาลเวลา เเวทมิติเป็นเวทที่ถูกห้ามใช้ซะด้วยสิ”
“จริงด้วยเวทมิติเป็นเวทที่หาคนใช้ได้น้อยแถมยังเป็นเวทที่ถูกสั่งห้ามใช้อีก คนที่ชื่อศิลา พวกหนูยังไม่เคยเจอกันหรอกแต่ว่าได้ยินว่าเป็น 3 อำนาจที่ปกครองโรงเรียนเวทย์มนต์ แต่พี่เคยเจอแล้วใช่ไหม” นากิหันไปถามพี่ของตน
เด็กหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่เคยเจอเคยเจอแต่อาจารย์ของอาจารย์ไอยราน่ะ ที่เป็นผู้หญิงท่าทางดุๆหน่อยท่าทางน่ากลัวน่ากลัว ที่ใช้เวทย์มนต์อะไรสักอย่างนี่แหละ แต่ถ้าเกิดเทียบกับคนที่ชื่อว่าศิลาได้ข่าวมาว่าคนที่ชื่อว่าศิราจะใจดีกว่าหรือเปล่า”
ไอสั่นศีรษะ “ไม่หรอกถ้าเทียบกันแล้วท่านเฟรย่าใจดีกว่านะ แต่ว่าถ้าเป็นศิลาคนคนนั้นไม่ใจดีเท่าไหร่หรอกมั้ง แต่ว่าอาจจะเป็นเฉพาะฉันคนเดียวก็ได้ที่ศิลาไม่ค่อยชอบเลยไม่ค่อยอยากจะฟังคำขอร้องของฉัน”
“3 อำนาจหลักที่ปกครองโรงเรียนเวทย์มนต์ ถึงจะเป็น 3 อำนาจหลักก็เถอะแต่ก็ยังต้องฟังเบื้องบนอยู่ดี แต่ว่าพวกเราก็มีสิทธิ์เสนอความเห็นในเรื่องต่าง ๆ แต่ว่าก็ใช่ว่าบ่นจะฟังคำสั่งและคำขอร้องจากพวกเรา มีครั้งนึงที่ฉันเคยไปขอร้องแต่ว่าเบื้องบนก็ไม่ฟังอยู่ดี” ไออธิบาย
หญิงสาวเสกเตียงน้ำขึ้นมาเพื่อให้น้องของตนเองได้นอนพัก ก่อนที่จะหันไปกล่าวอย่างจริงจังกับลูกศิษย์ทั้งสอง
“ตอนนี้เรายังทำอะไรไม่ได้หรอกเอาเป็นว่าคืนนี้เรานอนพักผ่อนก่อน ไว้พรุ่งนี้เราค่อยหาวิธีกันต่อก็แล้วกัน”
เนกิกับนากิพยักหน้าเห็นพ้อง
หลังจากรูรุได้แยกตัวออกไปแล้ว ไบรท์ลู่วิ่งอย่างไม่หยุดยั้ง โดยที่มีสัตว์อสูรขนาดใหญ่ยักษ์ตามมาไม่ห่าง มอนสเตอร์ตัวร้ายไม่คิดจะย่อท้อ มันเคลื่อนร่างมาอย่างเชื่องช้า แต่สำหรับเด็กหนุ่มผมดำนัยน์ตาดุจโลหิต ความรวดเร็วของสัตว์อสูรร้ายมันรวดเร็วเสียนี่กระไร นั่นก็เป็นเพราะว่าสภาพร่างกายที่แตกต่าง ทำให้การเคลื่อนไหวแต่ละทีของมันเป็นการเคลื่อนไหวหลายการก้าวเท้านี้ของเด็กหนุ่ม
เขาไม่เข้าใจหรือต่อให้พยายามคุ้นคิดก็ไม่สามารถทราบได้ เสียงกึกก้องกัมปนาทของฝีเท้าขนาดยักษ์ที่ดังไล่หลังมานั้นทำให้เด็กหนุ่มตระหนักรู้ได้โดยสัญชาตญาณ ว่าถ้าหากเขาหยุดฝีเท้าลงตัวของเขาเองก็จะถูกเหยียบแบรนด์ ร่างคงแหลกเหลวไร้ที่กลบฝัง
เมื่อรู้เช่นนี้เขาจึงไม่คิดจะหยุดฝีเท้า ทว่าเวลาที่ผันผ่านไปนานเท่าไรก็ไม่มีใครสามารถทราบได้ ทำให้สภาพร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้วยิ่งอ่อนแอลงเข้าไปอีก
ถึงแม้สายลมที่พัดพาความหอมของพื้นแผ่นดินและดอกไม้ใบหญ้าจะทำให้เด็กหนุ่มพอมีกำลังขึ้นสู้อยู่บ้าง แต่ไบรท์ก็รู้ดีว่าฝืนปล่อยให้เป็นเช่นนี้เขาคงไม่มีกำลังพอที่จะต่อสู้
เวทมนตร์ที่ใช้ได้ก็เป็นแค่ระดับ 4 ถึงระดับ 5 ระดับนักเวทฝึกหัด เปลวไฟที่ใช้ก็คงไม่สามารถเอาชนะสัตว์อสูรตัวร้าย
เขานำมือมาปาดเหงื่อของตนเองพลางกัดฟันสายตาจับจ้องไปยังทัศนียภาพเบื้องหน้า ต้นไม้ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กมากนัก ทำให้การเดินทางไม่ได้ยากลำบาก ถ้าไม่มีปีศาจที่เตรียมตัวจะขยี้
ไบรท์เสกลูกไฟขึ้นมาอยู่บนฝ่ามือก่อนที่จะตัดสินใจปามันไปเบื้องหน้า ถึงแม้ว่าบอลไฟในมือจะมีขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กมากนัก แต่เมื่อมันโดนต้นไม้เปลวไฟที่ไม่ใหญ่ไม่เล็กก็กลับกลายเป็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่
เด็กหนุ่มเคลื่อนไหวลัดเลาะไปตามต้นไม้พลางเสกลูกบอลไฟแล้วป่าใส่ต้นไม้ ถึงแม้ว่าลูกบอลไฟจะเป็นลูกบอลไฟที่ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก แต่เมื่อมันโดนต้นไม้ เปลวไฟก็โหมกระพือลุกขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะไม่สามารถหยุดยั้งมอนสเตอร์ตัวใหญ่ได้ แต่มันก็สามารถทำให้สัตว์อสูรเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างยากลำบาก
ไบรท์ผนึกเวทลมลงฝ่าเท้า ก่อนที่จะดีดร่างเพื่อทิ้งระยะห่าง เขามองซ้ายมองขวาในขณะเดียวกันหัวสมองก็หาวิธีเอาตัวรอดอย่างรวดเร็ว
‘ถ้ารูรุไปเจอกับคาเสะก็คงดี แต่ว่าเราก็คงไม่สามารถหนีต่อไปได้แล้ว ถ้าเราไม่สู้เรานี่แหละจะตายเสีึยเอง ถ้าไม่ลองเสี่ยงก็คงไม่ชนะ แต่ถ้าเกิดสู้แล้วแพ้’
“ไม่มีทางเลือกแล้ว” เขาพึมพำก่อนที่จะหยุดเท้า เด็กหนุ่มหันกลับไปเผชิญหน้ากับสัตว์อสูร ก่อนที่จะผนึกเวทไฟไว้ที่ฝ่ามือซ้ายและรูปรวมพลังลมไว้ที่ฝ่ามือขวา
“เข้ามาได้เลย” ไบรท์ตะโกนก้อง ก่อนที่จะทะยานร่างเข้าไปหาสัตว์อสูรตัวใหญ่ยักษ์
ถึงแม้ว่าความเร็วของร่างกายของเด็กหนุ่มจะไม่มากไม่มาย แต่ว่าการเคลื่อนไหวของเข้ากับคล่องแคล่ว นั่นก็เพราะว่าตลอดมาเขาได้ฝึกฝนเป็นอย่างดี
เขาหงายมือออกก่อนที่จะนำเวทย์ไฟไปใส่ยังมือขวาทำให้เกิดลูกบอลไฟขนาดใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็ยังไม่คิดจะปาลูกไฟใส่สัตว์อสูร
“”รับไปซะการโจมตีประสารอัคคีวาโย”
บอลไฟพุ่งเข้าใส่ดวงตาของสัตว์อสูร การโจมตีเข้าใส่จุดบอดจุดสำคัญของร่างกายทำให้มันชงัก เมื่อไบรท์เห็นดังนั้น เด็กหนุ่มจึงโจมตีต่อไปในทันที
เด็กหนุ่มเสกลูกบอลไฟก่อนที่จะผนึกมันแล้วพรุ่งนำลูกบอลยัดเข้าใส่ดวงตาของสัตว์อสูร มันดิ้นทุรนทุรายน้ำตาไหลพรากจากดวงตาปากของมันกรีดร้องเสียงดังลั่น
เสียงของสัตว์อสูรดังลั่นทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกสงสาร ท่าทางทุรนทุรายทำให้เขารู้สึกผิด เมื่อเห็นดังนั้นไบรท์จึงตัดสินใจหยุดการโจมตี
เขามองท่าทางของสัตว์อสูรอย่างสงสาร ในขณะที่เด็กหนุ่มกำลังประมาทสัตว์อสูรก็พึ่งตัวอย่างรวดเร็วมันอ้าปากกว้าง
ก่อนที่จะนับร่างกายของไบรท์อย่างรวดเร็ว
เลือดสีแดงกระเซ็นไปรอบๆบริเวณ
“อ๊ากกกกก”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 287
แสดงความคิดเห็น