บทที่ 17 วาโยที่คุ้มคลั่งตอนที่ 4
บทที่ 17 วาโยที่คุ้มคลั่งตอนที่ 4
อาเล็กซ์ยิ้ม เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าหญิงสาวตรงหน้าต้องพูดแบบนี้ เขาไม่รู้หรอกว่าการถ่วงเวลาแค่นี้มันจะเพียงพอหรือไม่ ถ้าเขาเลือกได้เขาก็ไม่ต้องการปะทะกับอัจฉริยะ แต่ว่าเห็นทีว่าความคิดนั้นคงจะไม่มีทางเป็นไปได้เมื่อยิงตรงหน้าพร้อมที่จะปะทะร่างกาย
ไอเรียกดาบสีดำขาวขึ้นมาถือในมือ เมื่อเขาเห็นดังนั้นเขาจึงเลิกคิ้วก่อนที่จะถามไอ
“ไม่น่าเชื่อเลย ผมนึกว่าคุณเป็นผู้ใช้เวทอย่างเดียวไม่คิดว่าจะเป็นผู้ใช้ศาสตราด้วย”
ไอยิ้ม ก่อนที่จะตวัดดาบเข้าใส่ชายตรงหน้า “แน่นอนอยู่แล้ว ฉันไม่ได้ใช้แค่เวทย์มนต์ได้อย่างเดียวศาสตราวุธที่ฉันใช้ได้ก็มีบ้าง มึงก็คือปืน 2 ก็คือดาบ”
อาเล็กซ์เคลื่อนรร่างหลบ “อาวุธที่คุณใช้ถอะเล็กซานเดอที่สุดคืออะไรล่ะครับ เป็นดาบหรือเป็นปืน แต่ถ้าผมเดาคุณคงใช้ได้ทั้ง 2 แบบละมั้งครับ”
ไอส่ายหัว ในขณะที่เธอกำลังฟาดกราบเธอก็ใช้เท้าของเธอวาดวงเวทย์ขนาดเล็ก ทันใดนั้นเองน้ำแข็งก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของชายหนุ่ม
“ผิดแล้ว ถ้าจะพูดให้ถูกฉันใช้เวทมนตร์ถนัดกว่าอาวุธนะ ต่อให้จะใช้อาวุธพวกนี้ได้แต่ก็ได้แค่ถามพื้นฐานทั่วไป”
อาเล็กซ์เคลื่อนร่างหลบ ก่อนที่ใบดาบจะถึงตัว แต่ว่าก่อนที่เขาจะทันหยุดหายใจ เขาก็ต้องดีดตัวเพื่อหลบคลื่นลมที่พัดมา คลื่นลมที่คมเหมือนกับดาบ ถ้าเขาโดนมันก็คงสร้างความบาดเจ็บ ให้กับร่างกายของเขาเป็นแน่
อาเล็กซ์รีบใช้เวทบาเรียเพื่อป้องกันร่างกาย บาเรียสีขาวกระจ่างเมื่อโดนเวทมนตร์ของไอยรา มันก็แตกสลายลงไปกับตา
“เปล่าประโยชน์ นายอยู่เฉยๆให้ฉันอัดตายดีกว่า ถ้าฉันอัตราได้สักแผง 2 แผงฉันก็จะเลิกแล้วรีบกลับไปหาน้องของฉันในทันที”
“คงไม่ได้หรอกนะครับ ถ้าคุณโจมตีโดนผมมันคงไม่จบแค่แผลสองแผลแน่ ว่าแต่คุณคิดดีแล้วเหรอครับที่มาเสียเวลากับผมอยู่นี่”
ไอชงัก ก่อนที่จะกล่าว “แกหมายความว่ายังไง หรือแกจะบอกว่าลูกน้องของแกจะสามารถเอาชนะลูกศิษย์โปรดของฉันได้อย่างนั้นหรือ”
“ก็ใช่น่ะสิครับ คนที่ผมส่งไปโจมตีน้องสาวของคุณอาจจะชนะคนที่คุณให้คุ้มกันอยู่ก็ได้ เพราะว่าคนที่ผมส่งให้ไปคือชายคนที่เคยเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันกับพ่อของคุณ”
‘หรือว่าเป็นหมอนั่น บ้าที่สุด’
สายลมที่พัดพากลิ่นหอมของใบไม้ ทำให้บุรุษหนุ่มนัยน์ตาว่างเปล่ายิ้มอย่างพึงพอใจ ข้างหลังของเขามีบ้านที่ตั้งอยู่ไม่ห่างไปนัก ห้องใต้ดินในบ้านหลังนี้ได้บรรจุร่างที่ไร้วิญญาณของอิสตรีนางหนึ่ง บุรุษหนุ่มสูดหายใจลึก ก่อนที่จะจมดิ่งสู่ห้วงภวังค์
ก่อนที่เขาจะคิดฟุ้งซ่าน เขาก็สัมผัสถึงชายอีกผู้หนึ่งที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้อย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มบิดขี้เกียจก่อนที่จะเตรียมตัวรับแขก ที่เขาไม่คาดฝันว่าจะมา
เขาสะบัดมือทันใดนั้นก็เกิดอนาเขตบางอย่าง ก่อนที่ทั้งสองจะได้เผชิญหน้ากัน บุรุษหนุ่มก็ตัดสินใจเดินเข้าบ้านของตนเองเพื่อไปนำของว่างมารับแขก
ทางฝั่งของเด็กหญิงผมสีน้ำตาลหรืออาสึนะ
หลังจากที่เด็กสาวนั้นได้โจมตีชายตรงหน้าไม่หยุด หล่อนก็เริ่มหอบเหนื่อย เธอลดหนี้ที่ถือลง ก่อนที่จะกวาดสายตามองสภาพร่างกายของชายตรงหน้า เลือดที่ไหลออกมาจากร่างทำให้เธอคิดอย่างเบาใจว่าการโจมตีครั้งนี้คงประสบผลสำเร็จ
ถึงแม้อาสึนะจะไม่ได้โจมตีเข้าสู่จุดตาย แต่ว่าการโจมตีที่เธอใช้มันก็ทำให้ร่างกายของชายตรงหน้าสาหัสเอาการ การโจมตีที่พุ่งตรงไปยังเส้นเลือดใหญ่ที่ข้อมือ ทำให้เลือดในกายของชายตรงหน้าหลายอย่างไม่หยุด บาดแผลดังกล่าวย่อมสร้างความเจ็บปวดทรมาน ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้สาหัสสากรรจ์นัก แต่มันก็เพียงพอที่จะสามารถหยุดการโจมตีด้วยอาวุธของชายตรงหน้าได้
เด็กสาวสูดหายใจเข้าปอด กลิ่นคาวเลือดเตะจมูก เธอเปลี่ยนอาวุธในมือกลับกลายเป็นคทาเวทมนต์อีกครั้ง ก่อนที่จะมองไปยังน้องสาวของเธอ มายด์ไม่ได้ลืมตามาดูสภาพเหตุการณ์ตรงหน้า เมื่อเธอเห็นดังนั้นเธอจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
อาสึนะเปลี่ยนสายตามาจ้องมองยังชายแปลกหน้า ก่อนที่จะก้มลงเพื่อมองให้ชัดๆ ใช่ตรงหน้าเจ้าหัวเราะก่อนที่จะค่อยๆสะบัดข้อมือ การกระทำดังกล่าวทำให้เลือดที่ไหลอยู่แล้วยิ่งไหลหนักกว่าเดิม
“หยุดทำอย่างนั้น ถ้าคุณเสียเลือดมากกว่านี้คุณอาจจะตายได้นะ จึงอยู่ที่ดินฉันทำร้ายคุณ แต่ฉันก็ไม่อยากจะฆ่าคนที่ไม่มีทางสู้“
“ความมั่นใจที่เหมือนกับบิดาของเธอ แต่ว่าท่าทางที่ดูเมตตากับความใจดีให้ช่างคล้ายกับมารดาของเธอ ถ้าไม่อยากฆ่าก็อย่าหยิบอาวุฒิขึ้นมาต่อสู้ เพราะถ้าหากหยิบอาวุธขึ้นมาต่อสู้ด้วยเหตุผลครึ่งครึ่งกลางกลาง คนที่จะถูกฆ่าก็คือตัวของเธอเอง”
เขาหยุด ก่อนที่จะใช้เวทมนตร์เรียกเข็มฉีดยา ใช่หนุ่มไม่คิดที่จะลังเล เขานำเข็มฉีดยาขี้ข้างในมียาบางชนิด ฉีดเข้าไปยังร่างกาย ทันใดนั้นเองเลือดที่เคยไหลก็หยุดไหลบาดแผลก็ค่อยๆฟื้นตัวอย่างช้าๆ เขาเปลี่ยนสายตามามองเด็กสาวก่อนที่จะค่อยๆยันตัวลุกขึ้นจากพื้นดิน
“นี่เป็นสิ่งที่ฉันอยากจะบอกกับพ่อและแม่ของเธอตั้งแต่มันยังมีชีวิตอยู่ แต่ว่า แต่ฉันก็ไม่คิดหรอกนะว่าคำนี้ฉันจะได้มาพูดกับลูกสาวของพวกมัน เธอชื่ออะไรหรอสาวน้อย”
“ฉันชื่ออาสึนะค่ะ คุณปู่ของฉันเป็นคนตั้งชื่อนี้ให้ แล้วคุณล่ะชื่ออะไร แล้วทำไมต้องมาโจมตีพวกเราด้วย”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เขามองสำรวจเด็กสาวตรงหน้าจากหัวจรดเท้า ก่อนที่จะตัดสินใจถามด้วยความสงสัยเต็มประดา
“คุณปู่เป็นคนตั้งให้อย่างนั้นหรือ เจ้าพวกนั้นไม่ได้ตั้งชื่อนี้ให้เธอเองหรอกหรือไงสาวน้อย ถ้าคิดไม่ผิดคนอย่างเจ้าพวกนั้นน่าจะตั้งชื่อให้เธอเองไม่ใช่หรือไง”
อาสึนะลดคทาเวทมนต์ในมือลง ก่อนที่จะเริ่มชี้แจงแถลงไขให้ชายตรงหน้าได้รับรู้
"ถึงแม้ว่าพวกท่านต้องการที่จะตั้งชื่อให้ฉัน ก็คงไม่สามารถทำได้หรอกนะคะ นั่นก็เป็นเพราะว่าตั้งแต่ที่ฉันจำความได้คุณปู่ก็บอกว่า พ่อแม่ของฉันตายด้วยอุบัติเหตุ ดังนั้นคุณปู่จึงเป็นคนตั้งชื่อให้ฉันเอง”
“อย่างนั้นหรอ คุณปู่ของเธอบอกว่าพ่อแม่ของเธอตายด้วยอุบัติเหตุสินะ ฉันจะบอกอะไรดีๆให้เอาหรือเปล่า ความจริงแล้วคุณพ่อกับคุณแม่ของเธอไม่ได้ตายด้วยอุบัติเหตุ หรือไม่ได้ตายด้วยสาเหตุอื่น แต่ความจริงแล้วก็คือคนที่ฆ่าพ่อกับแม่ของเธอก็คือปู่ของเธอเองต่างหาก”
อาสึนะมีท่าทางประหลาดใจ “คุณเอาอะไรมาพูด ทำไมปู่ของฉันต้องฆ่าลูกและสามีของลูกตัวเองด้วย คำพูดของคุณมันเหลวไหลสิ้นดี แล้วถ้าหากคุณปู่ของฉันเป็นคนฆ่าพ่อกับแม่ทำไมคุณปู่ฉันต้องเลี้ยงดูฉันด้วย”
สิ้นคำกล่าวอาสึนะก็เห็นว่าชายตรงหน้าหัวเราะห์ ก่อนที่จะมองตรงมายังเธออย่างสังเวชใจ เขายิ้มก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องราวในอดีต
“เด็กน้อย เธอนี่มันช่างโง่เง่าจริงๆนะ เธอคงไม่รู้หรอกว่าความจริงแล้วพ่อกับแม่ของเธอนั้นเป็นเพื่อนของฉัน ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้สนิทกันมากแต่พวกเราก็รู้จักกันในระดับหนึ่ง ในโรงเรียนเวทมนต์ฉันอะเล็กซานเดอด ไม่มีใครที่จะไม่รู้จัก พ่อของเธอที่เป็นนักเวทย์อัจฉริยะก็เช่นเดียวกัน ไม่สิถ้าจะเที่ยบฝีมือก็คงไม่อัจฉริยะเท่ากับเมฆา พวกเราเคยอยู่กลุ่มเดียวกันมาก่อน”
“แต่ว่าพ่อของเธอก็มีความเห็นที่ไม่ลงรอยกับพวกเรา ทำให้พวกเราไม่ได้สนิทกันเท่าที่ควร พวกเราเรียนอยู่ด้วยกันสักพักพ่อของเธอก็อยากให้มาเรียนที่โรงเรียนบาบิโลเนีย พ่อของเธอมาอยู่ที่เมืองแห่งการศึกษา เลยได้เจอกับแม่ของเธอนี่เป็นข้อมูลที่ฉันรู้ ส่วนฉันก็ไปเรียนที่โรงเรียนเวทมนต์อีกโรงเรียนหนึ่งที่อยู่ในอาณาจักรอื่น”
อะเล็กซานเดอดหยุด ก่อนที่จะค่อยๆว่าต่ออีกครั้ง “เมื่อก่อนโรงเรียนเวทมนตร์บาบิโลเนีย ไม่ได้มีวิทยาการล้ำหน้าเหมือนสมัยนี้ โรงเรียนวิทาเรียมีวิทยาการล้ำหน้ามากกว่า ฉันกับเพื่อนของฉันจึงสนใจเข้าโรงเรียนอื่น ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ห่างไกลจากบ้าน หลังจากที่ฉันได้เข้าเรียนฉันก็ห่างหายจากพ่อของเธอไป จุดเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ก่อนที่จะเกิดสงครามนักเวทย์ พวกเราก็ได้เจอกันอีกครั้ง ครั้งนั้นแหละที่พ่อของเธอมาเล่าว่าได้คบกับแม่ของเธอ ชายคนนั้นน่ะแข็งแกร่ง”
อะเล็กซานเดอหยุดกล่าว เขามองหน้าของเด็กสาวตรงหน้า เมื่อเขาเห็นท่าทางอยากรู้เขาจึงตัดสินใจกล่าวต่อ
”เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ฉันได้ข้อมูลมาจากเพื่อนของฉันอีกทีนึง ในวันที่แม่ของเธอคลอดเธอเสร็จ ภารกิจที่ปู่ของเธอได้รับก็คือการตามล่าองค์กรของพวกฉัน ดังนั้นปู่ของเธอจึงส่งพ่อแม่เธอไปจัดการพวกฉัน”
เด็กสาวฟังคำกล่าวคงชายตรงหน้าด้วยความตั้งใจที่สุดในชีวิต หากถามว่าทำไมนั่นก็เป็นเพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่เธออยากรู้ ตอนที่เธอยังเป็นเด็กพ่อเธอถามเรื่องนี้ ปู่ของเธอก็จะบ่ายเบี่ยงไม่ตอบคำถาม ดังนั้นเธอจึงมีความสงสัยอยู่ในใจ
ระหว่างที่เธอกำลังใจจดใจจ่อ เด็กสาวก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างทะลุร่างของเธอ เธอเหลือบสายตาไปมองจึงพบกับมีดขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กมากนักแทงเข้าที่ทรวงอก เธอไม่รู้หรอกว่ามันโดนหัวใจของเธอหรือไม่แต่แค่การโจมตีนี้ก็โจมตีนี้เพียงอย่างเดียวก็ทำให้พลังเวทย์ที่เก็บสะสมอยู่ในร่างกายเหื่อดแห้งไปจนสิ้น เด็กสาวอ้าปากพะงาบๆแต่เพียงไม่นานเธอก็รู้สึกหนัก
เธอค่อยๆหมดแรงและค่อยๆล้มลงไปอย่างช้าๆ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ยินยอมพร้อมใจแต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงกับชะตากรรมนี้ได้
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 240
แสดงความคิดเห็น