บทที่ 12 ออกเดินทาง
บทที่ 12 ออกเดินทาง
ไอเห็นท่าทางไม่พอใจของชายหนุ่ม ก่อนที่ชายหนุ่มจะกล่าว “งานแค่นี้ทำไมต้องให้นักเรียนโรงเรียนเวทมนต์ไปด้วย ไม่สิถ้าเธอจะไปคนเดียวมันไม่เร็วกว่าหรือไง”
“ถ้าจะให้พูดตามความเป็นจริง ต่อให้ฉันจะรีบไปสักแค่ไหน ก็คงไม่ทัน อย่างเร็วที่สุด หลักฐานต่างๆก็คงถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นแทนที่จะให้ไปอย่างเสียเปล่า สู้ให้ฉันพานักเรียนที่มีความอัจฉริยะในตัวไปด้วยไม่ดีกว่าเหรอคะ เด็กทั้ง 3 คนที่ฉันได้เลือกสรรมาความรู้พวกเขาล้วนมีอย่างเต็มเปี่ยม แต่สิ่งที่พวกเขาไม่มีนั่นก็คือประสบการณ์”
หญิงผมแดงพูดเสริม “ จริง ๆ ฉันก็เห็นด้วยที่จะให้นักเรียนในโรงเรียนเวทมนต์ไป แต่ว่านักเรียนคนที่ 4 นี่ฉันไม่เคยได้ยินชื่อ ไม่สิเขายังไม่ได้เป็นนักเรียนโรงเรียนเวทมนตร์ใช่ไหม”
ไอพยักหน้า “ท่านพูดถูกต้องแล้วค่ะ ท่านเฟย่า คนที่ 4 ไม่ใช่นักเรียนของโรงเรียนเวทย์มนต์แต่ที่ฉันขอพวกท่านทั้งสองก็เพราะว่าหากฉันเอานักเรียนคนที่ 4 ไปเลย มันคงเป็นการไม่เหมาะไม่ควร แล้วอีกอย่างงานที่เป็นความลับ นอกจากนักเรียนคนอื่นฉันก็ไม่อยากให้ไปรับรู้”
ชายหนุ่มคนเดียวในที่นี้พูดขัดขึ้น “ทั้งทั้งที่รู้ว่างานนี้เป็นความลับ ก็ไม่ควรให้นักเรียนไปยุ่งเกี่ยวนี่ถึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง นอกจากพวกระดับสูงเราก็ไม่สามารถไว้ใจใครได้”
ไอตรึกตรอง อยู่เพียงไม่นานก่อนที่เธอจะกล่าว “นี่เป็นข้อเสนอของฉัน ถ้าท่านศิลาไม่เห็นด้วยฉันก็คงต้องขอความคิดเห็นจากท่านเฟย่า ถ้าพวกเรา 2 ใน 3 เห็นตรงกัน ฉันก็คิดว่าท่านศิลาคงไม่มีอะไรที่จะคัดค้าน”
ไอหยุดมองหน้าเฟย่ากับศิลา ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ถ้าเรื่องที่ฉันเสนอพวกท่านทั้งสองคนไม่ให้ผ่าน ฉันก็ขอปฏิเสธงานนี้เช่นเดียวกัน”
คำพูดที่หลุดออกมาจากปากทำให้ศิลาทุบโต๊ะ เขาตะโกนขึ้นสุดเสียง “ไอยรา ถึงเธอจะมีพลังเวทย์มหาศาลมากแค่ไหน ถึงเธอจะได้รับฉายาว่าเป็นอัจฉริยะของโลกเวทมนต์ แต่ว่า เธอกำลังเข้าใจอะไรพวกฉันผิดหรือเปล่า นี่มันไม่ใช่คำขอร้อง นี่มันเป็นคำสั่งที่ฉันไม่สิ ที่พวกเราสั่ง ส่วนเธอมีหน้าที่ไปทำตามเพียงเท่านั้น”
ศิลาปล่อยจิตสังหารออกมาเพื่อกดดันเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า แต่เขาหารู้ไม่ว่าเพียงแค่นี้มันไม่ได้สร้างความหวาดเกรงให้กับไอยราแม้เพียงนิด คนที่ได้ชื่อที่ 2 มาประดับ ไม่ได้มีแค่พลังเวทย์ที่สูงส่งอย่างเดียว แต่สิ่งที่มีนอกจากนั้นก็คือ อำนาจในโลกเบื้องหลัง
เฟย่าชำเลืองสายตาไปมองศิลาเป็นเชิงห้ามปราม ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนสายตามองยังไอ สำหรับหญิงสาวทั้งศิลาและทั้งไอยรา หากทั้งสองคนปะทะพลังกันตอนนี้มันคงเป็นการเสียเวลา ถึงแม้ว่าไอยราจะพูดตรง และศิลาที่เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของเธอจะเป็นคนที่ไม่อ้อมค้อม แต่ว่าสองคนนี้ก็หวังดีกับโลกใบนี้
“ในเมื่อพวกเราลงมติ 2 ใน 3 เห็นชอบข้อเสนอของไอจัง ฉันก็คิดว่าเรื่องนี้พวกเราไม่ควรที่จะถกเถียงกันให้เสียเวลา ยิ่งเวลาล่าช้าการสืบหาข้อมูลจะยิ่งเสียเปรียบ พวกเราต้องไม่ลืมว่าไม่ใช่พวกเราที่กำลังมุ่งหน้าไปยังที่แห่งนั้น อีก 2 อาณาจักรก็ได้ส่งคนไปที่นั่นเช่นกัน”
เฟย่าเปลี่ยนสายตามองยังไอยรา “เธอมั่นใจใช่ไหม เมื่อก่อนที่เอานักเรียนของโรงเรียนเวทย์มนต์ไป จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาและนักเรียนจะไม่เป็นอุปสรรคในการเดินทาง ส่วนอีก 1 คนที่เป็นน้องชายของเธอ เธอจะเอาไปหรือไม่ ฉันไม่มีข้อเสนอ เด็กคนนั้นไม่ได้อยู่ในการรับผิดชอบของพวกเรา ต่อให้เด็กคนนั้นจะเป็นตายร้ายดียังไงมันก็ยังไม่เกี่ยวกับพวกเราอยู่ดี”
“ฉันเข้าใจ แต่สิ่งที่ฉันอยากจะเสนอมันก็คือการเลื่อนสอบให้เด็กคนนี้”
เฟย่าส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่มีทาง เด็กทุกคนต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน จะไม่มีใครได้สอบก่อนหรือสอบทีหลังอย่างเด็ดขาด ถึงมันจะเป็นน้องของเธอก็ตาม นโยบายของโรงเรียนเรายังต้องเป็นแบบนี้ ต่อให้ฉันไม่เรียก 3 ผู้บริหารมาคุยเรื่องนี้เธอก็รู้ดีแล้วใช่ไหม มันมีทางเดียวที่จะให้น้องเธอสามารถสอบเข้าโรงเรียนนี้ได้ นั่นก็คือการสอบแบบพิเศษ”
ไบรท์รู้สึกตัวอีกทีเขาก็พบว่าตอนนี้ ดวงอาทิตย์ได้เลยหัวไปเรียบร้อยแล้ว เขาไม่คิดที่จะหานาฬิกามาดูเวลาให้หัวเสีย ถึงแม้ว่าจะพูดว่าทุกสิ่งทุกอย่างเขาเข้าใจมันหมดแล้ว แต่อันที่จริงพอไม่ได้ทดลองเขาก็นึกภาพไม่ค่อยออก ไบรท์บิดขี้เกียจก่อนที่จะค่อยๆก้มหน้าลงไปอย่างโต๊ะไม้ หนังตาที่เริ่มหนักขึ้นเนื่องจากไม่ได้หลับไม่ได้นอน ท้องก็เริ่มหิวแต่ด้วยความขี้เกียจทำให้เขาไม่คิดจะไปหาของกินข้างล่าง
ไบรท์ไม่รู้ว่าตอนนี้อาสึนะได้ไปซื้อเสื้อผ้าให้น้องสาวของตนเองหรือยัง แต่เขาก็คิดว่าตอนนี้มายคงได้ไปเที่ยวข้างนอกแล้วแน่ ๆ นั่นก็เพราะว่าหากน้องสาวของเขาไม่ได้ไปเที่ยวข้างนอก ตอนนี้เธอคงมามองอยู่ที่ห้องของเขา
เสียงเข็มนาฬิกาที่ดังอยู่ข้าง ๆ นาฬิกาตัวเก่าเข็มนาฬิกาที่เดินไม่ตรงเวลา ต่อให้จะดูมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยังเก็บนาฬิกาเรือนนี้เอาไว้ ไบรท์เปลี่ยนสายตาไปมองหนังสือที่กองพะเนินเทินทึกอยู่ไม่ห่าง เวลาแค่ 3 วันต่อให้เขาจะพยายามอ่านมันจนหมด แต่ก็คงไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาของหนังสือพวกนี้ได้อย่างถ่องแท้ แต่ว่าต่อให้เขาจะคิดสักแค่ไหนเขาก็รู้แก่ใจดี ว่าเวลาที่เขาเหลืออยู่มันช่างน้อย แสนจะน้อย
ความม่วงเริ่มประเดประดังเข้าสู่ร่าง ไบรท์ก้มหน้าลงไปที่โต๊ะไม้ ความขี้เกียจทำให้ไม่อยากลุกออกจากเก้าอี้ ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าหากลุกไปนอนยังที่นอนของตนเองมันคงจะดีเสียกว่า ก้อนขี้ไบรท์จะได้เข้าสู่ห้วงนิทรา เสียงประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออกอย่างแรง ก่อนที่เสียงของอาสึนะจะตะโกนเข้ามา
“นี่ไบรท์ เก็บกระเป๋าเร็วเข้าพี่ไอยราส่งข้อความมาบอกฉันว่าพวกเราต้องเดินทางด่วน พี่เขาจะพาพวกเราไปทำภารกิจ ตรวจสอบพื้นที่คุกนรกพวกเราต้องเก็บกระเป๋าแล้วอีก 30 นาทีจะต้องไปเจอกับพี่ไอ”
ไบรท์ค่อย ๆ ลืมตา เขาไม่คิดที่จะถามอะไรให้มากความแต่สิ่งที่เขากังวลก็คือหากพวกเขาทั้งสองคนต้องออกเดินทางด่วน แล้วน้องสาวของเขาจะไปอยู่กับใคร แต่เหมือนว่าอาสึนะจะรู้ความคิดของเขา เธอรีบกล่าวขึ้น “ไม่ต้องห่วงเรื่องของมายจัง มายจังจะไปกับพวกเราด้วย”
สิ้นคำกล่าว เขาก็ค่อยยังตัวขึ้นจากเก้าอี้ ถึงตอนนี้เด็กหนุ่มจะยังตื่นไม่เต็มตา แต่พ่อเขาได้ไปอาบน้ำในห้องน้ำน้ำร้อนจากฝักบัวทำให้เขาเริ่มตื่นอย่างเต็มตาอีกครั้ง
หลังจากอาบน้ำเสร็จไบรท์จึงรีดกลับมายังห้องของตนเอง เขาใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว เสื้อสีดำกางเกงสีดำตัวโปรดถูกหยิบมาใส่ หลังจากนั้นเขาก็เดินตรงไปหาอาสึนะ แต่ก่อนที่เขาจะเดินไปยังห้องของอาสึนะ หญิงสาวก็เดินลงมาเสียก่อน
อาสึนะเดินตามลงมาโดยที่มีมายเดินตามไม่ห่าง ทั้งสองคนใส่ชุดสีขาวบนหัวของเด็กสาวผมสีทองปักกิ๊บผมที่ดูสวยงาม
เขาไม่ต้องขบคิดให้มากความก็รู้ได้ไม่ยากว่าคนที่ทำแบบนี้คือพี่สาวจำเป็นที่ยืนอยู่ข้างๆ ไบรท์ตัดสินใจละสายตาออกจาก 2 สาว เขาเดินไปหากาแฟก่อนที่จะค่อยๆหยิบแก้วกาแฟและค่อยๆกวาดตามองหากาแฟดำเจ้าโปรด โชคดีที่เขานำกาแฟดำมาจากบ้านด้วยกาแฟดำเป็นสิ่งที่ทำให้เขาตื่นได้อย่างรวดเร็ว
เขาค่อยๆคุณกาแฟช้าๆ ก่อนที่จะค่อยๆจิบมันอย่างละเมียดละไม ถึงแม้ว่ากาแฟดำสำหรับคนอื่นจะเป็นสิ่งที่ขม แต่สำหรับเด็กหนุ่มเขาคิดว่าการจิบกาแฟดำนั้นมันช่างดูมีเสน่ห์เสียนี่กระไร
“พี่หนูขอลองกินด้วยได้ไหม”
เสียงของน้องสาวทำให้เขาชงัก ไบรท์หันไปมองยังมาย ก่อนที่จะชำเลืองสายตาเป็นเชิงถามกับอาสึนะ เขาไม่รู้ว่าเด็กสามารถกินกาแฟได้หรือไม่ เพราะตอนที่เขาอยู่ที่บ้านเขาก็ไม่เคยกินกาแฟให้น้องสาวของตนเองเห็น เพราะเวลาตื่นของเขากับเวลาตื่นนอนของไอมันคนละเวลากัน
ส่วนใหญ่เขาจะนอนช้าและตื่นเช้า แต่น้องสาวของเขาจะนอนปกติแล้วตื่นสาย การกินกาแฟดำนั้นเขาได้มาจากปู่ของตนเอง จริงอยู่ที่เด็กๆนั้นไม่ควรดื่มกาแฟ แต่ว่าสำหรับเขากาแฟนี้เป็นเครื่องช่วยที่ดีที่สุด เมื่อก่อนปู่เขาก็ดื่มมันบ่อย ๆ สำหรับเขาที่เป็นผู้ชายเพียงสองคนในบ้าน การเรียนแบบท่าทางและพฤติกรรมของปู่ของตนเองนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
หากจะกล่าวให้ถูกทั้งเรื่องเวทย์มนต์ การใช้ชีวิต และอาหารการกินรวมไปถึงเครื่องดื่มเขานั้นล้วนเลียนแบบมาจากปู่ของตนเองทั้งสิ้น ตั้งแต่เด็กจนโตมันจึงกลายเป็นเหมือนกับตัวของเขาเป็นภาพสะท้อนของปู่ของตนเอง
ไบรท์ชงักอยู่คู่หนึ่ง เมื่อเขาไม่เห็นว่าอาสึนะจะห้าม เขาจึงเตรียมตัวจะให้แก้วกาแฟกับน้องสาว แต่ก่อนที่เขาจะยื่นแก้วกาแฟให้ อาสึนะก็มองมายังเขาด้วยสายตาเขียวปัด หากเขาไม่ตาวัยก็คงไม่สังเกตสายตาของหญิงสาว
อาสึนะถอนหายใจกับความบ้าของไบรท์ เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าตลอดมาไบรท์เป็นพี่ชายของ มายด์ได้อย่างไร เรื่องพื้นฐานแค่นี้เขาก็ไม่เข้าใจ“ นายจะบ้าหรือเปล่า ใครที่ไหนเขาจะให้เอากาแฟไปให้เด็กขนาดนี้กิน”
“ให้แตะสักนิดหน่อยก็ไม่เป็นไรนี่ ยังไงมายก็อยากลองดู ใช่เปล่า”
อาสึนะกอดอก ก่อนที่เธอจะดุไบรท์ “ฉันไม่อนุญาต ในฐานะพี่สาวของมายด์จัง”
ท่าทางของอาสึนะทำให้ไบรท์อดคิดไม่ได้ ‘แต่ฉันก็เป็นพี่ชายนะ แถมเป็นพี่ชายแท้ๆอีกต่างหาก’
อาสึนะเปลี่ยนสายตามายังเด็กสาว ก่อนที่จะตัดสินใจชักชวน มายด์จังไปกินขนมเค้กในตู้เย็น
เมื่อเด็กน้อยพยักหน้ารับ พี่สาวจำเป็นจึงเดินพาน้องสาวไปยังตู้เย็น โดยที่ทิ้งให้เด็กหนุ่มยืนจิบกาแฟอยู่เพียงลำพัง
หลังจากพวกเขารับประทานอาหาร หากจะบอกให้ถูกมันก็คือของว่าง เสร็จสิ้นพวกเขาก็เริ่มเดินทางในทันที ไอให้ทั้ง 3 คน ไปเจอยังหน้าต้นไม้ที่อยู่ใจกลางเมือง เพียงไม่นานพวกเขาก็มาถึง
หลังจากพวกเขามาถึงเพียงไม่ถึง 2 นาทีไอก็เดินมา เธอมีสีหน้าท่าทางที่อิดโรยก่อนที่จะเปลี่ยนสีหน้า “ในที่สุดก็มาแล้วสินะ ขอโทษที่มาสายแต่ว่าฉันมีอะไรจะบอกนายไบรท์”
ไบรท์เห็นดังนั้นเขาจึงนำมือมาเท้าคราง “เรื่องสอบเข้าโรงเรียนเวทย์มนต์ใช่หรือเปล่า ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องบอกอะไรมากต่อให้ไม่มีสิทธิ์สอบผมก็ไม่สนใจ โอกาสที่จะได้เดินทางไปกับพี่มันไม่ค่อยจะมี แล้วอีกอย่างเดินทางครั้งนี้ผมก็คงได้อะไรเยอะแยะ”
ไอยิ้มออกมา “สมแล้วที่เป็นน้องชายของฉัน เรื่องที่ฉันจะบอกก็คือเรื่องนี้นี่แหละ แต่ไม่ใช่ว่าแกจะไม่มีสิทธิ์สอบเข้าโรงเรียนเวทมนต์บาบิโลเนีย แต่ว่าถ้าแกต้องการสอบเข้าแกต้องสอบเข้าแบบพิเศษ การสอบเข้าแบบพิเศษนั้นจะสอบเข้าได้ยากกว่าแบบปกติหลายสิบเท่า ข้อสอบนั้นฉันไม่รู้ แกมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง”
"ทางที่ 1 แกหันหลังกลับไปซะ ไปอ่านหนังสือสอบและเตรียมตัวสอบเข้าโรงเรียนเวทย์มนต์
ทางที่ 2 จะเดินทางไปกับฉันและใช้เวลาที่มีฝึกฝนตัวเองให้ได้มากที่สุด หลังจากกลับมาแล้วแกจะต้องมาสอบเข้าโรงเรียนเวทมนต์ด้วยวิธีแบบพิเศษ”
ไอหยุด ก่อนที่จะตัดสินใจแนะนำน้องชายของตนเอง “แต่ถ้าจะให้ฉันแนะนำ แกเลือกทางเลือกที่ 1 จะดีกว่าหากต้องการสอบเข้าโรงเรียนเวทย์มนต์ในปีนี้ ส่วนการเดินทางครั้งนี้ฉันจะไปกับอาสึนะแค่สองคน ส่วนแกก็กลับบ้านกลับไปซะ แล้วก็เอามายด์กลับไปเลี้ยงด้วย”
ไบรท์พยักหน้า ก่อนที่เขาจะพูดอย่างทีเล่นทีจริง“เป็นครั้งแรกเลยนะที่พี่ให้ผมเลือกตัวเลือก แต่ว่าผมก็จะเลือกทางที่ 2”
ไอมีท่าทางประหลาดใจ ก่อนที่หล่อนจะปรับสีหน้าของตนเองให้เป็นปกติ “อย่างนั้นหรอ ถ้าเป็นทางเลือกแต่ฉันก็ไม่มีอะไรจะคัดค้าน เอาละถ้าแกเลือกได้อย่างนั้นพวกเราก็ออกเดินทางกันเลยดีกว่า เราต้องเดินทางอย่างเร็วที่สุด ดังนั้นเราจะใช้เวลาเดินทางแค่ 2 วันเพื่อจะไปคุกนรก”
อาสึนะได้ยินดังนั้น หญิงสาวจึนเลิกคิ้วด้วยความสนใจ คุกนรกเป็นคุกที่ตั้งอยู่ห่างไกลออกจากอาณาจักร เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่าง 3 อาณาจักรใหญ่ อาณาจักรด้านซ้ายคืออาณาจักรวิทาเรีย อาณาจักรที่เยื้องไปด้านขวาคืออาณาจักรบาบิโลเนีย ส่วนอาณาจักรที่ตั้งอยู่ตรงกลางก็คืออาณาจักรแพนเจีย หากจะเดินทางจริงๆแล้วการไปยังเกาะแห่งนี้นั่นใช้เวลามากกว่า 10 วัน
แต่ว่าในปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีที่เรียกว่าการข้ามมิติ การข้ามมมิตินั้นจะต้องมีเครื่องที่ใช้ข้ามมิติตั้งอยู่ที่เป้าหมายที่จะไป ดังนั้นหากเราไปหาเครื่องข้ามมิติและใช้เครื่องนี้ก็จะสามารถข้ามมิติไปยังจุดหมายได้
แต่ว่าถ้าเป็นสถานการณ์ปกติเครื่องนี้ก็จะไม่ถูกใช้งาน เพราะว่าการใช้เครื่องนี้แต่ละครั้งจะกินพลังเวทย์มหาศาล ถ้าไม่ใช่สถานการณ์ฉุกเฉินเบื้องบนก็คงไม่ให้ใช้
“แสดงว่าเราต้องรีบเดินทางไปยังชายแดนใช่ไหมคะ”
ไอพยักหน้า “ใช่แล้ว แล้วคนที่จะทำให้เราเดินทางไปชายแดนได้รวดเร็วที่สุดนั่นก็คือ รูรุแล้วคนที่มีพลังเวทย์บริสุทธิ์สูงเทียบเท่ากับฉันก็คือเธอและก็เนกิ ถ้ามีพลังเวทย์ของพวกเราทั้ง3 คนการเดินทางข้ามไปยังเกาะที่เป็นที่ตั้งของคุกนรกก็คงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนัก”
อาสึนะมีท่าทางครุ่นคิด “แต่ว่าการเดินทางไปเราน่าจะมีพลังงานสำรองอยู่ ดังนั้นปัญหาก็คือการเดินทางกลับ่สิฝนะคะ ถ้าหนูคิดไม่ผิดที่พี่ให้พวกหนูทั้ง 3 คนมารวมตัวกัน ก็เพราะว่าการเดินทางกลับจำเป็นต้องใช้พลังเวทย์มหาศาล”
“ใช่แล้วล่ะ เผื่อเหลือเผื่อขาดถ้าพี่ใช้พลังเวทย์จนหมดพวกเธอทั้งสามคนก็จะช่วยพี่ได้”
“แล้วถ้าอย่างนั้น เนกิกับรูรุทำไมถึงยังไม่มาล่ะคะ” อาสึนะมองซ้ายมองขวา เมื่อเธอไม่พบเพื่อนทั้ง2 เธอจึงหันมามองยังไอด้วยท่าทางสงสัย
“เรื่องนั้นน่ะหรอ พี่ก็ไม่รู้!!!”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 257
แสดงความคิดเห็น