ปาฏิหาริย์ซาตาน 6 : คนจากข้างนอก (Rewrite)

ปาฏิหาริย์ซาตาน
คุณกำลังอ่าน: ปาฏิหาริย์ซาตาน

-A A +A

ปาฏิหาริย์ซาตาน 6 : คนจากข้างนอก (Rewrite)

  “ถึงแล้วงั้นหรือ?” สามสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกันพลางมองไปยังภาพเบื้องหน้า ภาพที่เป็นเหมือนชุมหรือค่ายอะไรสักอย่าง ภายในมีชายฉกรรจ์เดินพลุกพล่านเป็นส่วนใหญ่

  “ที่นี่คือที่ไหนหรือท่าน?” ดิโมล่าถามชายหนุ่มผู้นำขบวน

  “ที่พักของข้ากับสหายอีกสี่คน" ชายหนุ่มตอบเรียบๆ ก่อนขี่อูฐนำสามสาวเข้าไปในค่ายนั้น

  “เอ่อ ท่าน ข้าว่าท่านควรแก้เชือกที่มัดมือเพื่อนพวกข้าออกได้แล้วมั้งคะ” ฟาร์เน่ท้วงขึ้นเมื่อหันไปมองสภาพเพื่อนตนเองดูน่ารันทดเกินไป

            หลังจากเข้ามาภายในก็พบกับกระโจมหลังใหญ่ตั้งเป็นหลังๆเรียงรายกันไปอย่างเป็นระเบียบ ตลอดทางที่พวกเธอผ่านจะมีสายตาหลายคู่หันมามองพวกเธอ คนแปลกหน้าของที่นี่เป็นตาเดียว เจ้านายของแวมไพร์พาพวกเธอไปหยุดหน้ากระโจมหลังหนึ่ง แล้วเขาก็หันไปเรียกหญิงฉกรรจ์คนหนึ่งเข้ามาหา

  “จัดที่พักให้พวกนางด้วย และดูแลให้ดี" ชายหนุ่มสั่งหญิงคนนั้น "แล้วไอ้พวกนั้นตอนนี้อยู่ที่ไหน?" เขาถามต่อ

            สามสาวคาดว่า ไอ้พวกนั้น ที่เจ้านายของแวมไพร์ถามถึง คงเป็นเพื่อนทั้งสี่ที่เขาเคยพูดถึงเป็นแน่

  “ท่านทั้งสี่ออกไปปล้นเสบียงที่ชายเมืองอาณาจักร...เจ้าค่ะ” สาวหุ่นล่ำผิวคล้ำรายงาน

            ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรกลับ เพียงทำหน้ารับรู้ แล้วกล่าว

  "ข้าไปล่ะ” พูดแค่นั้นชายหนุ่มก็เดินจากไป

            หญิงฉกรรจ์ที่เจ้านายของแวมไพร์มอบหมายให้หาที่พักและคอยดูแลพวกเธอพาสามสาวมายังกระโจมหลังหนึ่ง เมื่อได้ที่พักแล้ว พวกเธอก็พากันเข้ามาเก็บของในกระโจม ก่อนจะมานั่งคุยกันถึงเรื่องต่างๆที่แต่ละคนประสบขณะอยู่ในโลกนี้ให้กันและกันฟัง

            เวลาผ่านไป เรื่องมากมายก็ถูกเล่าจนหมด ก่อนจะวกกลับมาที่เรื่องของชายหนุ่ม เจ้านายของแวมไพร์ตอนนี้และอีกสี่คนที่เขาพูดถึง

  “อืม มีเรื่องหนึ่งที่ฉันคาใจ” ฟาร์เน่เริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน

  “เรื่องอะไร?” ดิโมล่าถาม

  “พวกแกได้ยินใช่ไหม ที่อีตาเจ้านายของไอ้ไพร์คุยกับผู้หญิงหน้าโหดคนนั้นน่ะ” ถึงตอนนี้ฟาร์เน่ก็ลดระดับความดังของเสียงตนลง

  “ที่ว่าออกไปปล้นน่ะหรือ อือ น่าสงสัยเหมือนกัน” แวมไพร์กอดอกพลางทำหน้าคิด

 

            จอมโจรทั้งสี่นำสมุนกลุ่มใหญ่กว่าร้อยชีวิตกลับมายังค่ายที่พักด้วยการนำชัยชนะกลับมา เสียงเฮฮาด้วยความยินดีดังคึกคักตลอดทางเข้าค่าย

  “เอาล่ะ แยกย้ายกันพักผ่อนได้!” เสียงประกาศดังขึ้นจากหนึ่งในหัวหน้าจอมโจรทะเลทราย จากนั้นเหล่าสมุนโจรทะเลทรายทั้งหลายก็เริ่มพากันแยกย้ายกลับที่พักของตน

  “ส่วนผู้หญิงสองคนนี้ให้เอาไปขังไว้ที่กระโจมฝ่ายของสตรี สั่งให้คนไปเฝ้าไว้ด้วย” หัวหน้าจอมโจรอีกคนสั่ง ก่อนสองสาวที่ถูกจับตัวมาจะถูกพาแยกออกไปอีกทาง

  “ท่านอาสต้าร์ขอรับ ตอนนี้ท่านฮันเตอร์กลับมาถึงแล้วขอรับ” สมุนเฝ้าค่ายคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน

  "แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน”

  “ท่านฮันเตอร์พักผ่อนอยู่ในกระโจมส่วนตัวขอรับ”

  “นอนอีกแล้วล่ะสิไอ้นั่นน่ะ” เดโวโล่พูดยิ้มๆมาจากด้านหลัง

  “ก็นั่นแหละนะถึงจะสมกับคนอย่างไอ้บ้านั่นล่ะ” พิราเต้เสริม

  “งั้นก็ไปหามันกันเถอะ” โลกูลิสออกความเห็นปิดท้าย

 

  “ดูพวกผู้ชายที่อยู่ที่นี่แต่ละคนสิ หน้าคล้ายๆแกกันทั้งนั้นเลยนะยัยไพร์” ดิโมล่ามองผู้คนรอบๆบริเวณที่กำลังเดินอยู่ก่อนจะเอ่ยขึ้น ตอนนี้พวกเธอพากันออกมาเดินเล่นด้านนอกกระโจม หลังจากพักผ่อนเอาแรงกันเต็มอิ่มแล้ว

  “คล้ายไงวะ ฉันออกจะดูดีกว่าตั้งเยอะ” แวมไพร์สวนกลับ

  “ก็คล้ายตรงหน้าเถื่อนๆไง ฮ่าๆๆๆ” ฟาร์เซ่ตอบก่อนหัวเราะลั่น

  “ฮึๆๆ" ดิโมล่าอดหัวเราะบ้างไม่ได้อีกคน "แต่นี่ยัยฟาร์ หัวเราะดังไปนะยะ คนหันมองกันหมดแล้ว"

  “อ้าวหรือ แหะๆ พอดีจัดเต็มไปหน่อย นึกว่าบ้านน่ะ ฮ่าๆ”

            ขณะเดินดูรอบๆบริเวณ สามสาวก็ต่างคุยเล่นกัน แกล้งกัน แซวกันอย่างสนุกสนาน จนบางครั้งปล่อยก๊ากออกมาเสียงดัง ทว่าสิ่งที่พวกเธอพากันออกมาเดินเตร่ไปทั่วค่ายอย่างนี้ไม่ใช่เพราะแค่จะมาเดินเล่นเท่านั้น จุดประสงค์หลักคือแอบมาสอดแนมหาคำตอบในความสงสัยบางประการด้วย

            จนกระทั่งเดินไปถึงโซนหนึ่ง หน้ากระโจมหลังหนึ่งมีพวกชายฉกรรจ์หน้าโหดยืนเฝ้าอยู่กันถึงสี่คน พวกเธอเห็นสะดุดตาก็พากันหยุดมองด้วยความสงสัย

  “ยัยฟาร์ ไพร์ ดูทางนั้นสิ” ดิโมล่าหยุดเดินก่อนจะหันมากระซิบกับเพื่อนสาวสองคนข้างๆ

  “โซนนี้ เท่าที่ดู คือฝั่งกระโจมที่พักของพวกผู้หญิง แต่มีผู้ชายมาเฝ้าอยู่หน้ากระจมอย่างนี้ ต้องมีอะไรแน่” แวมไพร์สงสัย

  “หรือว่าจะมีคนถูกจับตัวอยู่ในนั้นนะ?” ฟาร์เน่สันนิษฐาน

  “ชัวร์” แวมไพร์บอก

  “ฉันว่ารีบทำอะไรสักอย่างก่อนเถอะนะ ยืนทำท่าแบบนี้ พวกนั้นต้องหาว่าเราเป็นพวกคิดการร้ายแน่อะ” ฟาร์เน่ท้วงขึ้น

  “งั้นเข้าไปในกระโจมนั้นก่อน ทำเหมือนว่าเราเป็นผู้หญิงธรรมดาๆแถวนี้” ดิโมล่าออกความเห็น แล้วพวกเธอสามคนก็ดำเนินตามความคิดนั้นทันที

  “พวกเจ้าเป็นใครกัน?” เสียงเข้มของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นทันทีหลังจากสามสาวเลือกที่จะเดินแอบเข้ากระโจมหนึ่งมา

            ดิโมล่า แวมไพร์ และฟาร์เน่ได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนแวมไพร์จะเป็นฝ่ายแก้สถานการณ์

  “โทษที สงสัยพวกเราเข้ากระโจมผิด..พวกเราออกไปกันเถอะ" ประโยคหลังเธอหันมาพูดกับสองเพื่อนสาว

  “บ๊าย โทษที่มารบกวนน้า” ฟาร์เน่มิวายหันไปเล่นกับฝ่ายนั้น ก่อนพากันเดินออกมา โดยมีดิโมล่าดุนหลังเพื่อนๆออก

            แต่พอย่างกายพ้นปากกระโจมไม่เท่าไหร่ พวกเธอก็พบกับสถานการณ์ชวนให้ต้องเข้าไปแจมด้วยทันที

  “พวกเจ้าไปไหนไม่ได้” ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่เสียงโหดบอกกับสองสาวที่เดินออกมาจากกระโจมหลังที่แวมไพร์ว่ามีความผิดปกติ

  “เมื่อไม่ใช่เจ้าชีวิต ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องเชื่อฟัง" เสียงโต้ตอบดังมาจากหนึ่งในสองสาวที่พยายามจะออกมาจากตรงนั้น

  “นั่นมันพวกไอ้แชนกับเอลนี่!” แวมไพร์เอ่ยด้วยความตกใจเมื่อเห็นหน้าอีกสองเพื่อนสนิทที่พลัดพรากกันไปก่อนหน้า จบประโยคของเธอ สถานการณ์วุ่นวายก็เริ่มต้นขึ้น กังฟูระดับกลางและยูโดสายดำถูกนำมาสู้กับชายฉกรรจ์อาวุธครบมือสี่คนทันที

  “ไปเถอะไอ้ดิม ไอ้ไพร์” ฟาร์เน่ร้อนรน

  “อื้อ” อีกสองสาวพยักหน้ารับ ก่อนจะพากันวิ่งตรงเข้าไปช่วยเพื่อน

            และไม่นานนัก พวกเธอก็สามารถพาอินแชนดี้และเอลลิก้าแหกด่านพวกชายฉกรรจ์เหล่านั้นหนีออกมาได้ แล้วพากันวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อให้พ้นจากรัศมีอันตราย

  “ไพร์!” อินแชนดี้ตกใจทันทีเมื่อหันมาเห็นโฉมหน้าคนที่เข้ามาช่วย

  “ดิม!” เอลลิก้าก็เช่นกัน

  “แหม ยังมีฟาร์คนนี้อยู่อีกคนนะ”

  “นี่พวกแก...” อินแชนดี้ทำท่าอยากจะถามอะไร แต่ดิโมล่าห้ามไว้ก่อน

  “อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย รีบหนีกันก่อนเถอะ” ดิโมล่าเตือนสติ

  “พวกเราพากันหนีออกจากที่นี่กันเลยมะ?” ฟาร์เน่ขอความเห็นจากเพื่อนๆ

  “ดี ฉันจะได้พ้นจากการเป็นทาสของไอ้บ้านั่นสักที"

            ตุ้บ! แวมไพร์พูดจบประโยค ร่างของเธอก็ไปชนกับอะไรบางอย่างเข้าอย่างจัง จนกระเด็นล้มลงกับพื้น ตามด้วยสาวๆที่เหลือ พวกเธอกระเด็นออกมาก่อนจะกระแทกกับพื้นตามๆกัน

  “โอ๊ย!” แล้วตามด้วยเสียงโอดครวญที่ดังตามมาอีกต่างๆนานา

  “นี่พวกเจ้าคิดจะพาเชลยของพวกข้าไปไหน!” หนุ่มร่างสูงหนวดเครายาวนัยน์ตาสีน้ำผึ้ง หนึ่งในห้าชายหนุ่มที่มายืนขวางการหลบหนีของห้าสาว เอ่ยขึ้นพลางจ้องมาทางพวกเธออย่างเอาเรื่อง

  “คิดจะพาทาสข้าหนีด้วยหรือไง” เสียงเรียบนิ่งหลุดจากปากหนุ่มหล่อคมที่ฟาร์เน่ แวมไพร์ และดิโมล่าคุ้นหน้ากันดี

  “อื้ม?" หนุ่มไว้เครายาวตาสีฟ้าอีกคนจ้องพินิจมายังฟาร์เน่ที่ขณะนี้กำลังดันตัวลุกขึ้นยืน

 

  “ขอบใจ" อาสตาร์ หนุ่มตาสีมรกตกล่าวกับลูกสมุนที่พาตัวห้าสาวมาส่ง พอทำหน้าที่เสร็จ ชายฉกรรจ์ทั้งห้าก็ผละออกจากกระโจมไป

  “เอาล่ะ ได้เวลาสอบสวนแล้ว” เดโวโล่ หนุ่มตาสีฟ้ากล่าวด้วยรอยยิ้มทีเล่นทีจริง

  “เข้าเรื่องสิ” อินแชนดี้เปิดประเด็นอย่างใจร้อน

  “สามคนนี้เป็นใคร?” อาสต้าร์หันไปถามเจ้านายของแวมไพร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ

  “ผู้หญิงคนนั้นเป็นทาสฉันเอง” ฮันเตอร์หันไปทางแวมไพร์ “และอีกสองคนเป็นเพื่อนของยัยนี่ที่ขอตามมาด้วย” ประโยคหลังนี้หมายถึงฟาร์เน่และดิโมล่า “สามคนนี้ไม่ใช่คนของหนังสือ” เขาพูดต่ออีก ทำเอาสี่หนุ่มที่เหลือซึ่งฟังอยู่ถึงกับอึ้ง

  “เป็นไปได้ยังไง! พวกเราอยู่ที่นี่มาเกือบสองเดือน ยังไม่เคยพบคนจากข้างนอกเลย” พิราเต้ เจ้าของดวงตาสีน้ำผึ้งถามอย่างไม่อยากเชื่อหู

  “ไม่รู้” ฮันเตอร์ตอบสั้นๆ สี่หนุ่มหันมาจ้องสามสาวอย่างพินิจ ก่อนจะเริ่มคุยต่อ

  “แล้วพวกเธอกับสองคนนั้นเกี่ยวอะไรกัน?” คราวนี้โลกูลิสถามขึ้นบ้าง

  “พวกเราเป็นเพื่อนกันน่ะสิ” ดิโมล่าช่วยแถลงไขให้

  “งั้นพวกเธอก็ไม่ใช่คนของหนังสือเหมือนกัน"โลกูลิสสรุป

  “เมื่อคนที่จะเข้ามาที่นี่ได้ต้องเข้าผ่านหนังสือเท่านั้น ถ้าห้าสาวนี้เข้ามาได้ก็ต้องมีสาเหตุมาจากหนังสือบ้านั่น” เดโวโล่หันไปพูดกับเพื่อนๆ

  “พวกเธอเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?” พิราเต้หันมาถามห้าสาว

  "หนังสือที่พวกนายพูดถึง ใช่หนังสือประหลาด ที่คนในโซเชียลเรียกกันว่า ความหวังของมนุษยชาติ หรือเปล่า?” อินแชนดี้รู้สึกสะกิดใจอะไรบางอย่างจึงถามกลับไปก่อน

  “หนังสือปกแข็งสีทองฝังอัญมณีตรงกลางที่พวกโซเชียลแชร์ต่อกันมาน่ะหรือ?” พิราเต้บรรยายลักษณะหนังสือที่เขาเคยเห็นให้ฟัง

  “แสดงว่าพวกนายเคยเห็นมันจริงๆ!” ฟาร์เน่อุทานด้วยความตกใจ

  “แล้วพวกเธอเองก็เข้ามาที่นี่ผ่านการขอพรจากหนังสือเล่มนั้นล่ะสิ” โลกูลิสถามบ้าง

  “พวกนายห้าคนก็เหมือนกันสินะ” แวมไพร์ย้อนถาม

  “ใช่” สองหนุ่มพิราเต้และเดโวโล่ตอบพร้อมกัน ก่อนหนุ่มตาสีฟ้าจะเป็นคนกล่าวต่อ

  “พวกเรานึกสนุกนิดหน่อย เลยลองเขียนขอพรมั่วๆกับหนังสือนั่น ไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้จริงๆหรอก จนกระทั่งเขียนเสร็จไม่ทันข้ามวัน สิ่งที่พวกเราขอก็เป็นจริงขึ้นมา”

  “พวกชอบลองดีล่ะสิ” ดิโมล่าอดแขวะตามประสาไม่ได้

  “จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิดนะครับ” เดโวโล่ยืดอกยอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน “ว่าแต่พวกเธอล่ะ เป็นไงมาไงถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

  “พวกเรามาช่วยคุณปู่ของพวกเราที่ติดอยู่ที่นี่หลายวันแล้ว” อินแชนดี้เป็นคนตอบแทนเพื่อนทุกคน

  “คุณปู่ของพวกเธอขอพรกับหนังสือนี้?” โลกูลิสถาม

  “ใช่ เกือบครบเจ็ดวันแล้ว พวกเราร้อนใจ กลัวท่านจะทำภารกิจไม่สำเร็จ หรือเป็นอะไรไปหรือเปล่า ก็เลยพากันขอพรขอเข้ามาช่วยคุณปู่ออกไป แล้วหนังสือก็ส่งพวกเรามาที่นี่แหละ” ฟาร์เน่อธิบายเสริม

  “ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาระยะหนึ่ง พวกเราไม่เคยพบใครที่บอกว่าตัวเองมาจากข้างนอกเลย” พิราเต้เล่าให้ฟัง

  “พวกนายอยู่ที่นี่มานานเท่าไหร่แล้ว?” แวมไพร์อยากรู้

  “ก็เกือบสองเดือน แต่เห็นว่าเวลาในหนังสือจะช้ากว่าโลกจริงนี่ อีกอย่าง พวกเราคำนวณเวลาไว้แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก” พิราเต้ตอบด้วยสีหน้าไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร

  “แล้วพวกนายเริ่มภารกิจหรือยัง?” ดิโมล่าถามต่อ

  “เข้าหนังสือมาก็มาโผล่ที่นี่เป็นราชาโจรทะเลทรายแถบใต้ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรบอกชัดเจนว่าภารกิจที่ต้องทำจริงๆคืออะไร ก็เลยเดากันว่า เมื่อหนังสือให้พวกเรากลายมาเป็นราชาโจรทะเลทราย อาจหมายถึงให้ทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดหรือเปล่า แต่ยังไงก็ไม่รู้ว่าปลายทางที่จะต้องเดินไปให้ถึงคืออะไรอยู่ดี แล้วพวกเธอล่ะ รู้หรือเปล่าว่าต้องมาทำภารกิจอะไร?”

            ถึงตรงนี้ห้าสาวก็หันมองหน้ากันไปมาเพื่อขอคำตอบจากอีกฝ่าย แต่เหมือนคำตอบที่สายตาทุกคู่สื่อถึงกันจะมีเพียงอย่างเดียว...

  “ไม่รู้...”

            จากนั้นทั้งกระโจมก็ตกอยู่ในความเงียบเกือบห้านาที

  "จริงสิ พวกเรายังไม่รู้จักชื่อกันเลย" เดโวโล่พูดอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ "ตอนที่ยังคิดอะไรไม่ออก เรามาทำความรู้จักกันหน่อยดีไหมครับ?” เขาหันไปยิ้มหว่านเสน่ห์ให้สาวๆ

  “ก็ไม่เลวนะ” ดิโมล่าตอบรับ

  “อ่า ผมชื่อ เดโวโล่ หรือจะเรียกสั้นๆว่า เดว ก็ได้ครับ" เขาแนะนำตัวขึ้นก่อน "และนี่พิราเต้ หรือ ไอ้คุณเต้ ส่วนไอ้สามคนนั้น นั่น ไอ้ฮัน หรือ ฮันเตอร์ นี่ อาสตาร์ หรือจะเรียก ตาร์ เฉยๆก็ได้ ส่วนนี่ ไอ้ลิส หรือชื่อเต็มๆก็คือ โลกูลิสครับ" แนะนำเพื่อนที่เหลือที่ไม่ค่อยชอบพูดมากให้สาวๆรู้จักเสร็จ ก็ส่งหน้าที่มาให้พวกผู้หญิงบ้าง "ตาพวกเธอแล้วล่ะ"

            ด้วยความที่ฟาร์เน่นั่งอยู่หน้าเขาพอดีจึงต้องเป็นคนแนะนำตัวขึ้นก่อนใคร จากนั้นก็ตามด้วย เอลลิก้า แวมไพร์ ดิโมล่า และอินแชนดี้ ต่อเมื่อทำความรู้จักกันเรียบร้อย ทั้งห้าสาวก็ถือโอกาสปรึกษาพวกหนุ่มๆเกี่ยวกับภารกิจของหนังสือครู่ใหญ่ ก่อนจะขอตัวกลับเมื่อหมดเรื่องที่อยากรู้แล้ว

 

  "เอายังไงต่อทีนี้?" ดิโมล่าถามขึ้น หลังจากที่พวกเธอทั้งห้าพากันกลับมาที่กระโจมพักแล้ว

  “อย่าเพิ่งคิดจะทำอะไรเลย ฉันว่าพวกเราพักอยู่ที่นี่ก่อนเถอะ อาหารก็พร้อม ที่พักก็ดี ทุกอย่างครบครันขนาดนี้ พักเสวยสุขสักหน่อยแล้วค่อยออกตามหาคุณปู่ก็ได้” แวมไพร์ออกความเห็นด้วยน้ำเสียงงัวเงียตาแทบปิด เพราะจากที่ผ่านมา ดูเหมือนเธอจะได้รับบทหนักกว่าใคร

  “นั่นสิ ฉันเองก็เหนื่อยมากเหมือนกัน" ฟาร์เน่เห็นด้วยกับแวมไพร์

  “ที่ผ่านมาพวกแกไปทำอะไรกันมา?” อินแชนดี้เห็นสภาพแวมไพร์และฟาร์เน่จึงนึกอยากรู้เรื่องของเพื่อนขึ้นมา

  “ก็พวกฉันน่ะสิเดินทางข้ามทะเลทรายมาเป็นวันๆเลยนะ เหนื่อยก็เหนื่อย เพลียก็เพลีย ร้อนก็ร้อน” ฟาร์เน่บอกพรางทำท่าจะเอนตัวนอนอีกคน

  “แล้วนี่พวกแกไปอยู่ที่ไหนกันมา?” ดิโมล่าถามสองสาวอินแชนดี้และเอลลิก้าบ้าง

  “ฉันอยู่ในวัง” อินแชนดี้บอก

  “เอลเป็นเพชฌฆาตอยู่ในอาณาจักรเดียวกันกับแชน” เอลลิก้าเสริม

  “แกเนี่ยนะเพชฌฆาต?” ดิโมล่าไม่อยากเชื่อหู เพราะทั้งแก๊งรู้ดีว่าคนอย่างเอลลิก้าอ่อนหวานและอ่อนโยนแค่ไหน

  “อื้ม...เอลว่าระบบหนังสือมันต้องรวนตอนเข้ามาแน่เลยนะ” เอลลิก้าสันนิษฐานยิ้มๆ

  “กากแรงๆด้วย” แวมไพร์เสริม

  “มีปัญหาขั้นเลวร้าย” อินแชนดี้ว่า

  “รันทดเบาๆ” ดิโมล่าวิจารณ์

  “อืมมมม..เห็นด้วย แหะๆ” ฟาร์เน่ตบท้าย

#ผู้แต่ง ครองใจ เมตต์พิรุณ & Vampire

#ขอบคุณหัวใจ ของเธอ

#เขียนด้วยหัวใจ เขียนด้วยความสุข เพื่อส่งสุขต่อๆไป

***************

            ตบท้ายด้วยการฝากกลุ่มสักหน่อยนะคะ อ้อ ใครที่อยากทักทายพูดคุยกับWriteก็เชิญได้ที่กลุ่ม หรือจะแสดงความเห็นใต้ตอนนิยายก็ได้ค่ะ ช่วงนี้กำลังใจหดหาย ถ้าได้รับข้อความจากนักอ่านบ้าง หัวใจคงจะกระชุ่มกระชวยขึ้นน้า

ลิงค์กลุ่ม: https://m.facebook.com/groups/282184383282811/?refid=46&__xts__%5B0%5D=1...

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.